เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู หานซานเฉียนก็ยิ้มและพูดกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ “คำตอบมาแล้ว”ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ยังคงงุนงง นางเหลือบมองหานซานเฉียนด้วยความสับสนก่อนจะเปิดประตูเมื่อประตูเปิดออกและเห็นเฉินเถี่ยซิน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็ขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนี้ที่ไม่รู้จักว่าจะเป็นหรือตายกลับมารนหาที่ตายอีกอย่างนั้นหรือ หรือว่าหากไม่ได้เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา?ครั้งที่แล้วหานซานเฉียนบอกกับฮวงเซียวหย่งอย่างชัดเจนแล้วว่า หากฮวงเซียวหย่งไม่ปรากฏตัวทันเวลา ผู้ชายคนนี้คงตายไปแล้ว เขาจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลยหรือ?“ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบไสหัวกลับไปซะ อย่าทำร้ายตัวเอง” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดอย่างเย็นชา“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา แต่มาเพื่อขอโทษหานซานเฉียน” เฉินเถี่ยซินกล่าวเมื่อเปรียบเทียบกับความเย่อหยิ่งในครั้งที่แล้ว เฉินเถี่ยซินสงบลงมากในครั้งนี้ เพราะเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนแล้ว เขาจะกล้ายั่วยุหานซานเฉียนได้อย่างไร และเขาก็รู้ด้วยว่าถ้าฮวงเซียวหย่งไม่ปรากฏตัวในตอนนั้น เขาอาจจะตายไปแล้ว“ขอโทษ?”.ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น เขาไม่ได้ถือสาเจ้า”หลังจากพูดอย
ฮวงเซียวหย่งรู้ดีว่าเฉินเถี่ยซินมีนิสัยแบบไหน เพราะพวกเขาทั้งสองเติบโตขึ้นมาในเมืองหลงหยุน เฉินเถี่ยซินหยิ่งผยองมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาอาศัยชื่อของตระกูล เฉินผยองในเมืองหลงหยุน เขาเป็นคนที่โดนประจบมาโดยตลอด ไม่เคยต้องประจบประแจงคนอื่น และก็ไม่มีความจำเป็นด้วยแต่ตอนนี้เฉินเถี่ยซินไม่อาย และยอมรับอย่างเปิดเผยต่อการประจบของตัวเอง ราวกับว่าเขากลายเป็นคนละคนไปแล้วฮวงเซียวหย่งมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วหัวเราะ การประจบประแจงของเขาเป็นเรื่องปกติโดยไม่รู้สึกเขินอาย เพราะในอดีตจวนของเจ้าเมืองต้องทำให้สามตระกูลหลักพึงพอใจ และเขาก็เคยทำเรื่องเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน“นายน้อยแห่งตระกูลเฉิน เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะประจบประแจง เพราะในอดีตจวนของเจ้าเมืองถูกปราบปรามโดยสามตระกูลหลัก แต่เจ้าแตกต่างออกไป ในฐานะนายน้อยของตระกูลเฉิน” เจ้าเคยดูถูกดูแคลนทุกคนมาก่อน ฮวงเซียวหย่งกล่าวด้วยรอยยิ้มเฉินเถี่ยซินรู้ว่าฮวงเซียวหย่งจงใจล้อเขา เพราะในอดีตเขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนจริง ๆ แต่ตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายที่แข็งแกร่งอย่างหานซานเฉียน หากต้องการเป็นลูกศิษย์ของเขา ต้องประจบประแจงเขาจะเป็นอะไรไป?“ผู้คนเปลี่ยน
จวนของตระกูลหวังผู้นำตระกูลเซี่ยขอเข้าพบอย่างรีบร้อนหลังจากได้พบกับผู้นำตระกูลหวังแล้ว ผู้นำตระกูลเซี่ยก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะพูดว่า “เจ้าได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมาหรือไม่”“เจ้าหมายถึงเรื่องที่ลานอื่นหรือ?” ผู้นำตระกูลหวังถามผู้นำตระกูลเซี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ตระกูลเฉินมีพฤติกรรมแปลก ๆ และไปที่ลานที่ไม่เด่นสะดุดตานั้นสองครั้งติดต่อกัน ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งเฉินเยวียนไห่ไปที่นั่นด้วยตนเอง เขาจึงพบว่าเรื่องนี้นี้มีอะไรแปลก ๆใครบ้างที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมของเฉินเยวียนไห่?ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งพ่อลูกจากตระกูลเฉินดูสิ้นหวังมากเมื่อออกจากลานบ้านนั้น ดังนั้นสิ่งนี้จึงทำให้ผู้นำตระกูลเซี่ยสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในลานหลังนั้นเป็นพิเศษเขาแอบสืบเกี่ยวกับคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น แต่ผลการสืบสวนก็ยิ่งทำให้เขาสับสนมากขึ้นคนที่อาศัยที่นั่นคือหานซานเฉียน คนไร้ปรโยชน์ที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไป ในเมื่อเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แล้วเหตุใดเฉินเยวียนไห่จึงต้องไปหาเขาด้วยตัวเองเช่นนี้ด้วย?“เหตุใดตระกูลเฉินถึงไปพบหานซานเฉียนเช่นนี้?” ผู้นำตระกูลเซี่ยกล่าวผู้น
ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าหลังจากฟังคำพูดของหานซานเฉียน แม้ว่านางจะต้องการแก้แค้นราชสำนัก แต่นางก็รู้ดีว่า หากนางยังไม่มีความสามารถเพียงพอ นางจะแสดงความแค้นที่อยากจะแก้แค้นออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นด้วยความแข็งแกร่งของนางในปัจจุบัน นางจะเป็นเพียงตัวตลกของราชสำนักเท่านั้น“ไม่ต้องกังวล ข้าทราบความสามารถของตัวเองดี หากข้าไม่สามารถควบคุมแม้แต่อารมณ์ได้ ข้าจะพูดถึงการแก้แค้นได้อย่างไร” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดเสียงเรียบหานซานเฉียนไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์แปรปรวนใด ๆ ในตัวไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางปกปิดมันได้ดีมาก ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเลยตราบใดที่นางรู้ความสามารถของตัวเอง และรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการแก้แค้น นางก็สามารถควบคุมตัวเองได้ในเวลานี้ ด้านนอกลานบ้านบางทีอาจเป็นโชคชะตา ตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยต่างปะทะกันอยู่นอกลานหน้าบ้าน และต่างก็เตรียมของขวัญมากมายมาเช่นเดียวกัน จุดประสงค์ของพวกเขานั้นชัดเจนมาก“ผู้นำตระกูลหวังช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านโดยบังเอิญ ท่านบอกว่าไม่จำเป็นต้องเอาใจเขาไม่ใช่หรือ?” ผู้นำตระกูลเซี่ยพูดด้วยค
หานซานเฉียนไม่เคยกลัวราชสำนัก แม้ว่าจักรพรรดิจะมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา เขาแค่ไม่อยากสร้างปัญหามากเกินไป เพราะหากต้องแตกหักกับราชสำนัก หานซานเฉียนก็สามารถหันไปประเทศอื่นได้ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา การผ่านป่าทมิฬไม่ใช่เรื่องยากแน่นอนว่าหานซานเฉียนจะไม่ปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ พัฒนาไปถึงจุดนั้น เว้นแต่จำเป็น เพราะเขายังหาเจียงหยิงหยิงไม่พบเขาเป็นคนพาเธอมาที่โลกเชวียนหยวน ดังนั้นเขาจะต้องพาเธอกลับไปด้วย“ท่านอาจารย์ เรื่องนั้นจะไม่ถูกค้นพบจริง ๆ ใช่ไหมขอรับ?” ฮวงเซียวหย่งถามหานซานเฉียนด้วยความกลัว“เจ้ากลัวหรือ?” หานซานเฉียนยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “ถ้าเจ้ากลัว ก็เลือกตัดสัมพันธ์กับข้าตอนนี้ได้เลย แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผย มันก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า”ฮวงเซียวหย่งได้สติทันที ตัดความสัมพันธ์อย่างนั้นหรือ?เขาไม่เคยคิดถึงสิ่งนี้เลยฮวงเซียวหย่งรู้ดีว่าทุกสิ่งที่เขามีตอนนี้ได้รับจากหานซานเฉียน และหากเขาต้องการปรับปรุงระดับของตัวเอง จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหานซานเฉียนในอนาคต เขาจะขีดเส้นกั้นกับหานซานเฉียนได้อย่างไร“ท่านอาจารย์ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ข
เฉินเถี่ยซินโบกมือให้คนรับใช้ ส่งสัญญาณให้เขาออกไปคนรับใช้โค้งคำนับเล็กน้อยให้ทั้งสองคนแล้วจากไป“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ?” เฉินเถี่ยซินขมวดคิ้วและถามเฉินเยวียนไห่เฉินเยวียนไห่ก็สับสนเช่นกัน พูดตามหลักเหตุผลแล้ว ทั้งสามคนควรจะกลับไปที่ราชสำนัก หลังจากออกจากเมืองหลงหยุน เหตุใดราชสำนักจึงส่งคนมาที่เมืองหลงหยุนเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้งและเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าคนที่มาจากราชสำนักในครั้งนี้จะไม่ได้มาเพื่อรับหานซานเฉียนเท่านั้น“คำถามที่สำคัญที่สุด คือเหตุใดพวกเขาถึงต้องการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้” เฉินเยวียนไห่กล่าว“คนที่มาในครั้งที่แล้ว ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสามนั้นล้วนอยู่ในระดับโคมเจ็ด เมื่อพวกเขาทั้งสามรวมตัวกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาค่อนข้างน่ากลัว จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหลังจากออกจากเมืองหลงหยุนได้ด้วยหรือ?” เฉินเถี่ยซินกล่าวทันใดนั้นสีหน้าเฉินเยวียนไห่ก็จริงจังขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เกรงว่าอุบัติเหตุจะไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากออกจากเมืองหลงหยุนน่ะสิ”ดวงตาของเฉินเถี่ยซินหรี่ลง เขามองไปที่เฉินเยวียนไห่ด้วยความหวาดกลัวแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ท่
หลังจากที่ตระกูลเฉินได้รับข่าว จวนของเจ้าเมืองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เนื่องจากคนทั้งสามจากราชสำนักไม่ได้จงใจปกปิดเรื่องการสอบสวนเรื่องนี้ และดูเหมือนว่าพวกเขาจงใจเผยแพร่ข่าวซะมากกว่าหลังจากที่ฮวงเซียวหย่งรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ตกใจมากจนซ่อนตัวอยู่แต่ในห้องด้วยใบหน้าซีดเผือด และมีเหงื่อออกทั่วร่างกายเป็นความจริงที่ว่าหานซานเฉียนสังหารคนสามคนของราชสำนัก หากตรวจสอบความจริงขึ้นมาจริง ๆ ผลที่ตามมาก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยหากต่อต้านราชสำนักก็มีเพียงแต่ทางตันเท่านั้นตอนนี้ฮวงเซียวหย่งมีวิธีป้องกันตัวเอง ซึ่งก็คือการเปิดเผยการกระทำของหานซานเฉียน แต่เขาทำสิ่งนี้ไม่ได้ เพราะหานซานเฉียนเป็นอาจารย์ของเขา หากเขาต้องการแสวงหาความก้าวหน้า เขาก็ยังต้องพึ่งพาหานซานเฉียน ไม่อย่างนั้นเขาจะอยู่ในระดับโคมห้าไปตลอดชีวิตในเวลานี้ ฮวงเซียวหย่งเป็นเหมือนแมลงวันไร้หัว โดยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเขากลัวที่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง หากเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป เขาก็กลัวว่าจะสูญเสียอาจารย์“เซียวหย่ง เจ้าซ่อนตัวอยู่ในห้องทำไม รีบเปิดประตูเร็วเข้า ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย” ฮวงโหวอี้มาที่ประตูห้องแล้วพูดขึ้น“ข้ารู้สึ
ลานบ้านหานซานเฉียนเมื่อเฉินเหยียนหรันมาที่นี่ และเริ่มทำงานโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งหานซานเฉียนและไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็ตกตะลึง“นางกำลังทำอะไรน่ะเจ้าคะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองดูเฉินเหยียนหรันที่ทำงานอยู่ และถามหานซานเฉียนด้วยสีหน้าสับสนหานซานเฉียนก็อยากจะรู้เช่นกัน “เจ้าไปถามนางเองจะดีกว่าไหม”ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถือว่าเฉินเหยียนหรันเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นนางจึงเดินตรงไปข้างหน้าเฉินเหยียนหรันทันที“เฮ้ นี่เจ้าทำอะไรอยู่” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามก่อนที่เฉินเหยียนหรันจะตัดสินใจมาที่นี่ นางก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว ในเมื่อต้องแสดงพฤติกรรมไร้ยางอาย นางจึงต้องละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมด ดังนั้นในขณะนี้ นางจึงไม่เหลือความเป็นคุณหนูของตระกูลเฉินแล้ว และกล่าวตอบไปว่า “ข้าอยากอยู่ที่นี่”“อยู่ที่นี่!” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ไม่พอใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ภูเขาลูกหนึ่งไม่สามารถรองรับเสือสองตัวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นผู้หญิงถึงสองคน ตอนนี้นางยังจัดการกับหานซานเฉียน แล้วนางจะปล่อยให้เฉินเหยียนหรันเข้ามาสร้างปัญหาเพิ่มได้อย่างไร“ข้าทำได้ทุกอย่าง หากเจ้าต้องการไล่ข้าออกไปก็ฆ่าข้าซะ” เฉินเหยียนหรันกล่าวอย่างหนัก