ลานบ้านหานซานเฉียนเมื่อเฉินเหยียนหรันมาที่นี่ และเริ่มทำงานโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งหานซานเฉียนและไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็ตกตะลึง“นางกำลังทำอะไรน่ะเจ้าคะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองดูเฉินเหยียนหรันที่ทำงานอยู่ และถามหานซานเฉียนด้วยสีหน้าสับสนหานซานเฉียนก็อยากจะรู้เช่นกัน “เจ้าไปถามนางเองจะดีกว่าไหม”ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถือว่าเฉินเหยียนหรันเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นนางจึงเดินตรงไปข้างหน้าเฉินเหยียนหรันทันที“เฮ้ นี่เจ้าทำอะไรอยู่” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามก่อนที่เฉินเหยียนหรันจะตัดสินใจมาที่นี่ นางก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว ในเมื่อต้องแสดงพฤติกรรมไร้ยางอาย นางจึงต้องละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมด ดังนั้นในขณะนี้ นางจึงไม่เหลือความเป็นคุณหนูของตระกูลเฉินแล้ว และกล่าวตอบไปว่า “ข้าอยากอยู่ที่นี่”“อยู่ที่นี่!” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ไม่พอใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ภูเขาลูกหนึ่งไม่สามารถรองรับเสือสองตัวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นผู้หญิงถึงสองคน ตอนนี้นางยังจัดการกับหานซานเฉียน แล้วนางจะปล่อยให้เฉินเหยียนหรันเข้ามาสร้างปัญหาเพิ่มได้อย่างไร“ข้าทำได้ทุกอย่าง หากเจ้าต้องการไล่ข้าออกไปก็ฆ่าข้าซะ” เฉินเหยียนหรันกล่าวอย่างหนัก
เรือนรับรองแขกของเมืองหลงหยุนจวนของเจ้าเมืองใช้ที่นี่เป็นพิเศษเพื่อรับแขกผู้มีเกียรติทั้งสามคนจากราชสำนักพวกเขาทั้งสามไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ละคนน่าจะมีอายุประมาณห้าสิบหกปี นี่เป็นเรื่องปกติ เพราะระดับของพวกเขาก็ไม่ได้ต่ำ และต้องใช้เวลาในการฝึกฝนกว่าจะมาถึงขั้นนี้ มนุษย์แปลกประหลาดเช่นหานซานเฉียนหายากโลกเชวียนหยวน“เมื่อไหร่เราจะไปพบหานซานเฉียน?” ฝูซานถามอีกสองคน แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์โคมแปด แต่เขาก็ยังต้องฟังความคิดเห็นของผู้ที่อยู่ใกล้กับระดับโคมเก้าก่อน “เราต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสามคนก่อนที่จะสอบสวน การไปพบเขาในเวลานี้ เป็นเวลาที่เขามีแนวโน้มที่จะเปิดเผยข้อบกพร่องของเขามากที่สุด ไม่รู้ว่าท่านปี่ยางคิดเช่นไร?” โหยวไห่หันไปมองชายชราอีกคนปี่ยางเป็นคนที่เข้าใกล้ระดับโคมเก้ามากที่สุดในบรรดาทั้งสาม ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวไว้ว่าเขาจะเลื่อนระดับให้ได้ภายในห้าปี และด้วยเหตุนี้ สถานะของเขาในราชสำนักจึงสูงกว่าสองคนเล็กน้อย“ถ้าสามคนนั้นตายด้วยน้ำมือของเขาจริง พวกท่านคิดว่าเขาจะอยู่ในระดับใด” ปี่ยางกล่าว“การฆ่าคนสามคนในระดับโคมเจ็ดไม่ใช่เรื่องยาก ข้าก็ทำได้ เพราะความแข็งแกร่งของสา
“ท่านพี่ เหตุใดท่านถึงสงสัยมากมายนักล่ะเจ้าคะ” เฉินเหยียนหรันกล่าวอย่างสงสัยเฉินเถี่ยซินปกปิดความร้อนรนของตัวเองและพูดด้วยรอยยิ้ม "ข้าก็แค่อยากรู้ว่าเขาชอบดอกไม้และต้นไม้มากแค่ไหน เพราะไม่เคยเห็นผู้ชายที่โตแล้วชื่นชอบดอกไม้เลย"เฉินเหยียนหรันยิ้มโดยไม่สงสัย เพราะสำหรับนางแล้ว เฉินเถี่ยซินเป็นพี่ชายที่ดีที่สุด และนางก็ไว้วางใจเฉินเถี่ยซินเต็มร้อย“เขาจริงจังและโกรธมากเจ้าค่ะ เขาบอกข้าว่าอย่าแตะต้องมันอีก ไม่อย่างนั้นเขาจะไล่ข้าออกมา” เฉินเหยียนหรันกล่าวเฉินเถี่ยซินคิดว่าอาจมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้แค่เพียงดอกไม้และต้นไม้มันคุ้มค่ากับความโกรธของเขาด้วยหรือ?ในมุมมองของเฉินเถี่ยซิน สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนแล้วมีอะไรอยู่ในพื้นดินกันนะ?เหตุใดราชสำนักจึงส่งผู้คนมาเมืองหลงหยุนอีกครั้ง และสอบถามเกี่ยวกับสามคนที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนอาจประสบอุบัติเหตุ หรืออาจจะเสียชีวิตแล้วด้วยซ้ำ ในพื้นดิน!หรือว่าหานซานเฉียนจะสังหารทั้งสามคนจากราชสำนักแล้วฝังพวกเขาไว้ในสวนหากเป็นเช่นนี้ เฉินเถี่ยซินก็ได้พบโอกาสในการโค่นล้ม
หลังจากที่เฉินเถี่ยซินปรากฏตัว บรรยากาศในลานบ้านอื่นก็เปลี่ยนไปทันทีทั้งหานซานเฉียนและฮวงเซียวหย่งรู้ว่าผู้ชายคนนี้มาด้วยเจตนาไม่ดี แต่หานซานเฉียนและฮวงเซียวหย่งไม่สามารถเดาได้ว่าเขามาทำไมเฉินเหยียนหรันเดินไปหาเฉินเถี่ยซิน และถามขึ้นทันที “ท่านพี่ มาที่นี่ทำไมเจ้าคะ”เฉินเถี่ยซินมองไปที่หานซานเฉียนอย่างยาะเย้ยและพูดว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อเปิดเผยสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำ”หานซานเฉียนเฉยเมย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเฉินเถี่ยซินกำลังพูดถึงอะไร และแม้ว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับการเสียชีวิตของคนสามจากราชสำนักแล้ว หานซานเฉียนก็ไม่กลัวผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็แค่ไปราชสำนักไม่ใช่หรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนไม่สามารถทนได้แต่ฮวงเซียวหย่งเริ่มกลัวเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ และใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันทีเขาเกิดในราชสำนัก และเขาก็รู้ดีว่าราชสำนักทรงพลังเพียงใด เมื่อข่าวที่หานซานเฉียนสังหารคนของราชสำนักแพร่กระจายออกไป ราชสำนักจะไม่มีวันปล่อยหานซานเฉียนไปและปรมาจารย์ของราชสำนักทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ก็เพียงพอที่จะจัดการหานซานเฉียนได้“ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไร อย่าก่อเรื่องนะเจ้าคะ” เฉินเหยียนหรันพูดอ
คำเตือนของปี่ยางบังคับให้ฝูซานและโหยวไห่ต้องควบคุมอารมณ์ ท้ายที่สุด เพราะปี่ยางกล่าวว่าแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ไม่สนใจเรื่องนี้ แล้วพวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะโกรธ?แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีความกล้าที่จะเพิกเฉยต่อราชสำนัก แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถแทรกแซงได้“ท่านหาน สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ปี่ยางถามหานซานเฉียนหานซานเฉียนเผชิญกับทางเลือก หากเขาโกหกก็อาจอยู่รอดได้อย่างปลอดภัยในวันนี้ แต่ปี่ยางและอีกสองคนจะไม่มีวันยอมแพ้ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือยอมรับความจริง หากจำเป็นก็ฆ่าทั้งสามคนนี้พร้อมกันแล้วออกจากราชสำนัก“จริง”คำตอบเดียว ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน!ฮวงเซียวหย่งมองไปที่หานซานเฉียนด้วยความกลัว เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะยอมรับมันง่าย ๆ นี่มันคือการมองหาความตายไม่ใช่หรือ?เฉินเหยียนหรันเองก็ตกใจเช่นกัน!นางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะกล้าหาญและกล้าสังหารคนของราชสำนักเช่นนี้ เขาจะยังมีทางเอาชีวิตรอดในราชสำนักได้อีกหรือไม่?หลังจากที่เฉินเถี่ยซินตกตะลึงเล็กน้อย รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ในความเห็นของเขาการยอมรับของหานซานเฉียน ไม่ใช่การกระทำที่กล้าหาญ เพราะเมื่อปี่ยางตรวจสอบเรื่อ
“ท่านปี่ยาง เขาฆ่าคนของราชสำนัก แล้วเหตุใดท่านถึงบอกว่าพวกเขาสมควรถูกฆ่าล่ะขอรับ?” เฉินเถี่ยซินวิตกกังวลเพราะสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่เขาจินตนาการไว้ ดังนั้นเขาจึงรีบเตือนสติปี่ยางว่าหานซานเฉียนฆ่าคนของราชสำนักปี่ยางเหลือบมองเฉินเถี่ยซินอย่างเฉยเมย เขารู้ว่าเฉินเถี่ยซินต้องการทำอะไร แต่น่าเสียดายที่ความปรารถนาของผู้ชายคนนี้จะต้องพังทลายลง เขาไม่เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าราชสำนักจะมีทัศนคติอย่างไรต่อเรื่องนี้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าจักรพรรดิให้ความสำคัญกับหานซานเฉียนมากเพียงใดตราบใดที่สามารถทำให้หานซานเฉียนพอใจได้ ชีวิตของทั้งสามคนนี้จะมีความสำคัญอย่างไร?“ก่อนที่ฉันจะมาเมืองหลงหยุน จักรพรรดิซุนขอให้ข้าสืบสวนหาเรื่องนี้ หากพวกเขาทำให้ท่านหานขุ่นเคืองก็ให้ข้าประหารชีวิตพวกเขาทันที และตอนนี้พวกเขาได้ชดใช้เรื่องนี้แล้ว” ปี่ยางกล่าวจักรพรรดิซุน!ทำให้หานซานเฉียนขุ่นเคืองประหารชีวิตทันที!คำเหล่านี้ทำให้เฉินเถี่ยซินหวาดกลัวเขาไม่เคยคาดคิดว่าหานซานเฉียนสังหารคนจากราชสำนัก แล้วจักรพรรดิซุนจะยังมีทัศนคติเช่นนี้ เขาไม่ได้ตำหนิหรือตัดสินโทษหานซานเฉียน แถมยังชมเชยเขาอีกด้วย?“ท่านปี่ยาง นี่
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด