“พ่อตบฉัน แล้วยังมาบอกว่าพ่อกำลังปกป้องฉันงั้นเหรอ ไร้สาระจริง ๆ เหอชิงเฟิง ถ้าแน่จริงก็ส่งฉันไประดับฮวงสิ แม่ของฉันกำลังคอยมองอยู่บนฟ้า” เหอเซียวเซียวพูดอย่างแข็งข้อเหอชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นอีก เธอผยองมาก กล้าพูดแบบนี้ในที่สาธารณะโดยไม่เหลือเส้นทางไว้ให้หลบหนีเลย ในฐานะผู้นำซานเตี้ยน เหอชิงเฟิงสามารถปล่อยให้เหอเซียวเซียวทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่างในซานเตี้ยน แต่ต่อหน้าอี้เหล่า เขาจะต้องอธิบายเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้จะกลายเป็นตราบาปของซานเตี้ยนไปตลอด “เหอชิงเฟิง ในเมื่อเธอร้องขออย่างนั้น คุณก็ควรปฏิบัติตามกฎของเทียนฉี เมื่อก่อนผมหลับหูหลับตาต่อเรื่องนี้ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยไปอีก” หลังจากทิ้งคำพูดเหล่านี้ อี้เหล่าก็จากไปหัวใจของเหอชิงเฟิงจมดิ่ง ดูเหมือนว่าอี้เหล่าจะไม่ประนีประนอมง่าย ๆ ในครั้งนี้ และเขาไม่อาจแตกหักกับอี้เหล่าเพื่อปกป้องเหอเซียวเซียวได้ เขาไม่อยากเป็นคนบาปที่ทำให้ซื่อเหมินและซานเตี้ยนพังทลายลง“อี้เหล่า เหอเซียวเซียวผยองในเทียนฉีมาหลายปีแล้ว เธอควรจะถูกลดระดับไปสู่ระดับฮวงนานแล้ว ตอนนี้เธอทำได้แค่ขอความเมตตาเท่านั้น” ผู้ช่วยกล่าวกับอี้เหล่าอี้เหล่า
เขตซานเตี้ยนเหอเซียวเซียวคุกเข่าต่อหน้าโลงศพคริสตัลของแม่เธอและกำลังระบายความผิดของเหอชิงเฟิง ในความเห็นของเธอ ทุกสิ่งที่เหอชิงเฟิงทำในวันนี้ถือเป็นการละเมิดสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของเธอ เธอต้องการบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับแม่ เพื่อให้เธอได้เฝ้าดูให้ดีจากบนฟ้า ว่าเหอชิงเฟิงปฏิบัติต่อเธออย่างไรขณะนี้เหอชิงเฟิงเองก็กำลังเจ็บปวดใจ เขาก็ไม่อยากเห็นเหอเซียวเซียวอยู่ในระดับฮวงเช่นกัน เพราะคุณหนูอย่างเธอไม่มีทางยอมรับสภาพแวดล้อมที่นั่นได้อย่างแน่นอน แต่อี้เหล่าได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว อีกอย่างเหอเซียวเซียวก็ดื้อรั้นมาก หากครั้งนี้เขายังปกป้องเหอเซียวเซียว มันอาจทำให้ซื่อเหมินเกิดความไม่พอใจแน่ ในอดีต เหอชิงเฟิงอาจไม่สนใจความคิดเห็นของซื่อเหมิน ลูกสาวของเขาจะทำอะไรก็ได้ตามใจต้องการ เพราะเธอเป็นลูกสาวของผู้นำซานเตี้ยน แต่ตอนนี้ การผันผวนในโลกอีกใบของพื้นที่ต้องห้ามบังคับให้เหอชิงเฟิงต้องใส่ใจกับความสัมพันธ์ระหว่างซื่อเหมินและซานเตี้ยน “ท่านผู้นำ คุณจะส่งคุณหนูไปที่ระดับฮวงจริง ๆ เหรอครับ?” ลูกน้องของเหอชิงเฟิงถามขึ้นเหอชิงเฟิงถอนหายใจและพูดว่า "ในอดีต คนที่เซียวเซียวยั่วยุเป็นเพียงบุคคลเล็ก ๆ
เมื่อหานซานเฉียนเห็นเจียงหยิงหยิงนอนอยู่ในระยะไกล เขาก็ใช้กำลังทั้งหมดคลานเข้าไปหาเธอ “หยิงหยิง เธอเป็นยังไงบ้าง” หานซานเฉียนขเย่าร่างของเจียงหยิงหยิงเจียงหยิงหยิงไม่ตอบสนองเลย ซึ่งทำให้หานซานเฉียนรู้สึกหมดหวัง แต่เมื่อเขาตรวจสอบลมหายใจเธอ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเจียงหยิงหยิงแค่หมดสติไป เธอยังไม่ตายหานซานเฉียนนอนหงายบนพื้น พลังงานของเขาหมดแล้ว และตอนนี้เขาจำเป็นต้องพักผ่อนก่อนแต่ในขณะที่หานซานเฉียนกำลังพักผ่อน ความสงสัยบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจของเขา เขายังคงจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไปได้ในระหว่างการต่อสู้กับกิ้งก่ายักษ์ หานซานเฉียนเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานั้นหานซานเฉียนแทบจะหมดหวัง ในความคิดของเขา เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขายังไม่ตาย และกิ้งก่ายักษ์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เขาควรจะเป็นอาหารของกิ้งก่ายักษ์ แต่ทำไมตอนนี้เขาแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้นล่ะ แล้วทำไมกิ้งก่ายักษ์ถึงหายไป?หานซานเฉียนนึกกอริลล่าที่เขาเจอในถ้ำราชาปีศาจ ดูเหมือนว่ามันจะพบกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวจึงวิ่งหนีไป หรือว่ากิ้งก่ายักษ์จะหายไปเพราะเหตุนี้เช่นกั
เพิ่งเริ่มต่อสู้ เจียงหยิงหยิงก็เป็นสลบไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?หานซานเฉียนขมวดคิ้ว สิ่งนี่มันแปลกมาก กิ้งก่ายักษ์กำลังมุ่งเป้ามาที่เขา เจียงหยิงหยิงจะได้รับผลกระทบได้ยังไง?หรือว่าตอนที่กิ้งก่ายักษ์ปรากฏตัวจะสิ่งมีชีวิตอื่นปรากฏตัวขึ้นด้วย แต่พวกเขากำลังมุ่งความสนใจไปที่กิ้งก่ายักษ์ จึงไม่ทันได้สังเกตเห็น และเจียงหยิงหยิงก็ถูกโจมตีโดยสิ่งมีชีวิตอื่นการคาดเดานี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เจียงหยิงหยิงกลับยังไม่ตาย ซึ่งนี่มันค่อนข้างแปลกเพราะกระดูกสีขาวบนพื้นแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นอย่างดี หากถูกพวกมันโจมตีจะแค่สลบไปได้ยังไง?“พี่ซานเฉียน ที่นี่เป็นสถานที่แบบไหนกันแน่คะ ทำไมถึงได้มีสิ่งแปลก ๆ เหล่านี้” เจียงหยิงหยิงถามหานซานเฉียนด้วยความสับสนหานซานเฉียนคิดเกี่ยวกับปัญหานี้มานานแล้ว นี่อาจเป็นความลับที่เทียนฉีซ่อนไว้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระดับเทียน และไม่เคยมีประสบการณ์ในการทดสอบจากถ้ำราชาปีศาจ จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้ความลับของเทียนฉี ก่อนหน้านี้ที่อี้เหล่าและฟางจ้านปิดปากเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้หานซานเฉียนพอจะทราบเหตุผลแล้วเพราะถึงบอกเรื่องนี้กับเขา
หลังจากที่หานซานเฉียนเห็นแบบนั้น จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยคำถาม เขาเคยพบกับกอริลล่า ถึงจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมมันถึงวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้เชื่องขนาดนี้ และไม่ต้องพูดถึงกิ้งก่ายักษ์เลย มันอยากจะจับพวกเขากินตั้งแต่เจอกันด้วยซ้ำ แต่ในเวลานี้พวกมันจะมีสีหน้าอ่อนโยนและก้มหัวลงแบบนี้ได้ยังไงกัน“เกิดอะไรขึ้น?” หานซานเฉียนพูดด้วยความตกใจเจียงหยิงหยิงก็มีสีหน้าสับสนเช่นกัน สิ่งมีชีวิตดุร้ายเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างพื้นดินที่เต็มไปด้วยโครงกระดูก ตอนนี้พวกมันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว แต่ทำไมพวกมันถึงไม่โจมตีล่ะ?“พี่ซานเฉียน พวกมันมองไม่เห็นเรางั้นเหรอ?” เจียงหยิงหยิงพูดเสียงเบา คำพูดไร้สาระนี้ทำให้หานซานเฉียนหัวเราะ ถึงจะอยากปลอบใจตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องตลกแบบนี้ มองไม่เห็นแต่กลับมาอยู่ตรงหน้า นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระไม่ใช่หรือไง?“หยิงหยิง หลังจากที่ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว พี่ซานเฉียนคนนี้จะหาโรงพยาบาลให้เธอไปตรวจเช็กสมอง” หานซานเฉียนล้อเลียนเจียงหยิงหยิง ในขณะที่กำลังเผชิญกับปัญหาเจียงหยิงหยิงแลบลิ้นด้วยสีหน้าเขินอายในเวลานี้หานซานเฉียนพบว่างูสีขาวตัวน้อยพันอยู่ร
เขตซื่อเหมินหลังจากเกิดเสียงดังขึ้นในถ้ำราชาปีศาจ เกือบทุกคนคิดว่าหานซานเฉียนตายแล้วอี้เหล่าหดหู่และไม่เคยออกจากซื่อเหมินอีกเลยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาสำหรับอี้เหล่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เขาตั้งความหวังกับหานซานเฉียนสูงมาก และฝากความหวังทั้งหมดของเทียนฉีไว้กับเขา โดยหวังว่าเขาจะผ่านการทดสอบจากถ้ำราชาปีศาจเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ และความมั่นใจให้กับผู้อื่นต่อไปหวังว่าหลังจากที่หานซานเฉียนมีสถานะเป็นระดับเทียนแล้วเขาจะสามารถเป็นผู้นำซื่อเหมินสามารถแบ่งเบาภาระของเขาได้ และเขาจะได้ไปสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอีกใบได้อย่างหมดห่วงแต่เนื่องจากการตายของหานซานเฉียน แผนการทั้งหมดของอี้เหล่าจึงสูญเปล่า ไม่เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในระดับตี้จะกลัวถ้ำราชาปีศาจมากขึ้นเท่านั้น แต่การหาผู้นำคนใหม่ให้ซื่อเหมินก็ยังเป็นเรื่องเพ้อฝันอีกด้วย“อี้เหล่า คุณอย่ากังวลมากเกินไปเลย บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาที่กำหนดไว้แล้วว่าหานซานเฉียนจะไม่สามารถรับงานสำคัญนี้ได้” ผู้ช่วยพูดกับอี้เหล่าอี้เหล่าอารมณ์ไม่ดี เพราะการตายของหานซานเฉียนไม่ใช่แค่การตายของเขาเท่านั้น แต่มันทำให้เทียนฉีเสื่อมโทรมลงด้วย ขนาดเขายังท้
แม้ว่าซือจิงจะไม่ได้พูดครึ่งประโยคท้าย แต่ม่อหยางและหนานกงป๋อหลิงก็เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะพูดได้เป็นอย่างดี“ให้ผมลองหน่อย” ม่อหยางพูดพลางกัดฟัน เขาไม่อาจเอาแต่เฝ้าดูสถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ แบบนี้ได้ เมื่อหานซานเฉียนออกจากหยุนเฉิง เขาต้องรับผิดชอบในการปกป้องซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยน จะให้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอในเวลานี้ไม่ได้หนานกงป๋อหลิงก็กังวลมากเช่นกัน เพราะกว่าเขาจะได้เห็นความหวังที่จะได้ไปเทียนฉี เขาไม่ต้องการทำให้หานซานเฉียนโกรธเพราะการตายของซูหยิงเซี่ย“ม่อหยางสนิทกับหานซานเฉียน เขามีโอกาสที่จะโน้มน้าวซูหยิงเซี่ยได้ ให้เขาลองดูเถอะ” หนานกงป๋อหลิงกล่าวซือจิงเหลือบมองม่อหยาง เธอใช้วิธีที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว แต่ซูหยิงเซี่ยก็ยังไม่ยอมเผชิญกับเรื่องนี้ ในความเห็นของเธอ แม้ว่าม่อหยางจะเข้าไปมันก็คงไม่มีประโยชน์แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วในตอนนี้ ดังนั้นการให้ม่อหยางลองดูก็อาจมีโอกาสอยู่บ้าง“เอาล่ะ นายลองดูสิ” ซือจิงพยักหน้าม่อหยางยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ เขาหายใจเข้าลึกก่อนที่จะผลักประตูเปิดออกและเข้าไปด้านในวันนี้ม่อหยางยังไม่เห็นซูหยิงเซี่ย เมื่อเขาเดินไปที่ห้องน
คฤหาสน์ใจกลางภูเขาหลังจากที่เห็นอาการของซูหยิงเซี่ย กลุ่มแพทย์ก็ไม่ได้วินิจฉัยโรคโดยตรง นี่คือคำเตือนของหนานกงป๋อหลิง เขาไม่ต้องการให้ซูหยิงเซี่ยเป็นกังวลกับอาการของตัวเองมากมากเกินไป จนเกิดแรงกดดันทางจิตใจมากขึ้นกลุ่มแพทย์ออกจากคฤหาสน์ใจกลางภูเขาด้วยเหตุผลที่จะหารือกันเกี่ยวกับอาการ หนานกงป๋อหลิพากลุ่มแพทย์ไปที่โรงแรมเพนนินซูล่า ที่ม่อหยางทำการจองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว มีบอดี้การ์ดเฝ้าระวังตรงทางเข้าและทางออกทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มีแพทย์คนไหนหลบหนีออกไป ที่ด้านนอกมีคนมากมายกำลังให้ความสนใจ และต้องการสอบถามเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่เนื่องทางโรงแรมมีการปิดผนึกอย่างแน่นหนา พวกเขาจึงเข้ามาไม่ได้ แต่ในเวลานี้ มีข่าวหนึ่งจากแหล่งที่ไม่ระบุกำลังระเบิดในหยุนเฉิง“ได้ยินหรือยังว่าซูหยิงเซี่ยเล่นชู้กับผู้ชายข้างนอกจนติดโรค จนทีมแพทย์ต้องแห่กันมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา”“ข่าวเชื่อถือได้เหรอ ซูหยิงเซี่ยดูไม่เหมือนผู้หญิงประเภทนั้นเลยนะ”“หานซานเฉียนออกจากบ้านไปตั้งนาน เป็นเรื่องปกติที่เธอจะเหงา ในฐานะผู้หญิง ใครจะไม่มีความปรารถนากันล่ะ ยังไงซะข่าวนี้ก็เหมือนจะจริง ไม่อย่างนั้นทำไมต้องปิดข่าว