การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของหานซานเฉียนทำให้ฉี๋อีหยุนหวาดกลัว โดยเฉพาะสายตาของเขา ซึ่งทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าหานซานเฉียนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นี่ไม่ใช่หานซานเฉียนที่เธอคุ้นเคยอีกต่อไป แต่เหมือนปีศาจมากกว่าแต่หานเทียนเซิงไม่รู้สึกกลัวกับการเปลี่ยนแปลงของหานซานเฉียนเลย เขายังคงมองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเยาะเย้ย จนกระทั่งหานเซี่ยวมายืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หานเทียนเซิงจึงสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติไป“เกิดอะไรขึ้น?” หานเทียนเซิงถามหานเซี่ยวเสียงต่ำหานเซี่ยวขมวดคิ้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในขณะนี้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามที่ทรงพลังจากหานซานเฉียน และภัยคุกคามนี้ไม่ควรมีอยู่ เพราะในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาสามารถบดขยี้หานซานเฉียนได้อย่างสมบูรณ์“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ระวังตัวด้วยครับ” หานเซี่ยวเตือนหานเทียนเซิงหานเทียนเซิงบอกว่าตัวเองไม่กลัวความตาย และศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิต แต่ในความเป็นจริง ชายชราคนนี้หมดไฟไปนานแล้ว อาจเป็นเพราะเขาใช้ชีวิตอย่างสบายมานานเกินไป เมื่อชีวิตของเขาถูกคุกคามเข้าจริง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวดังนั้นหลังจากฟังคำพูดของหานเซี่ยวแล้ว หานเทียนเซิ
การที่คนจะกลัวความตายหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูด แต่มันจะสะท้อนให้เห็นจากการกระทำหานเทียนเซิงซึ่งปากบอกว่าตัวเองไม่กลัวตาย ได้แสดงความกลัวออกมาในขณะนี้เขายืนตัวสั่นอยู่ตรงมุม หน้าตาดูซีดเซียว และไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปการตายของหานเซี่ยวทำให้หานเทียนเซิงรู้สึกสิ้นหวัง และหลงเหลือเพียงความกลัว เมื่อต้องเผชิญกับความโกรธของหานซานเฉียนศักดิ์ศรีที่ไหนจะมาสำคัญไปกว่าชีวิตน่าเสียดายที่คำพูดของเขาทำให้หานซานเฉียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“คุณยังมีหน้ามาพูดถึงปู่ผมอีกเหรอ ตอนนั้นคุณบีบบังคับให้เขาคุกเข่าลง และขับไล่ออกจากอเมริกา คุณเคยคิดไหมว่าเขาเป็นน้องชายของคุณ?” หานซานเฉียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา แม้ว่าเขาจะไม่รู่ว่าหานเทียนหยางต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูมากแค่ไหนในตอนนั้น แต่เมื่อดูจากท่าทางของที่หานเทียนเซิงแสดง เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าปู่ของเขาต้องเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจเพียงใด“แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็เป็นผู้อาวุโสของนาย นายจะฆ่าฉันได้ยังไง ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าเอาหรือไง?” หานเทียนเซิงพูดคำเหล่านี้ออกมา เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้หานเทียนหยางเพื่อร้องขอความเมตต
แม้ว่าหยวนหลิงจะไม่ประทับใจหานซานเฉียนมากนัก แต่เธอก็ได้รู้จักกับเขามาระยะหนึ่งแล้ว และหานซานเฉียนก็เป็นเจ้านายของเธอด้วย มาวันนี้เขาเจอกับเรื่องแบบนี้ มันก็อดทำให้เธอรู้สึกสะเทือนอารมณ์ไม่ได้เพราะเขาเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยแต่คิดในอีกแง่หนึ่ง เขาไปยั่วยุหานเทียนเซิงเอง ดังนั้นก็สมควรแล้ว ในพื้นที่เขตจีนทั้งหมด ใครกล้ามีปัญหากับหานเทียนเซิงกันล่ะ?สถานะของหานเทียนเซิงในพื้นที่เขตจีน เปรียบเสมือนกับจักรพรรดิ ในเมื่อเขารนหาที่ตายเอง แล้วจะโทษใครได้?“คุณคิดว่าเขาตายแล้วจริง ๆ เหรอ?” ถังจงถามหยวนหลิงยิ้ม หานเทียนเซิงไปหาเขาถึงบ้าน แถมยังได้ยินมาว่าเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ผู้คนที่สังเกตการณ์อยู่ที่นั่นบอกว่า เขาไม่เพียงแต่ตายเท่านั้น แต่ยังตายอย่างน่าสังเวชอีกด้วย เรื่องนี้จะเป็นเรื่องโกหกได้อย่างไร“คุณอาจไม่รู้ว่าหานเทียนเซิงคือใคร เขาไม่เคยออมมือกับใครทั้งนั้น” หยวนหลิงกล่าว“ในความคิดของผม คุณไม่รู้จักพี่ซานเฉียนดีมากกว่า” ถังจงพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ“หมายความว่าอะไร?” หยวนหลิงขมวดคิ้วและมองถังจงด้วยความสับสน“ถ้าผมบอกว่าคนที่ตายคือหานเทียนเซิง คุณเชื่อไหม?” ถังจงกล่าวเ
ภาพช็อตที่เกิดขึ้นในฉากนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจจินตนาการได้หลายคนมีสีหน้าตกตะลึง และถึงกับรู้สึกว่าชาวาบไปทั่วหนังศรีษะเป็นไปได้อย่างไร?หานซานเฉียนจะสามารถฆ่าหานเทียนเซิงและหานเซี่ยวได้อย่างไรความแข็งแกร่งของหานเซี่ยวนั้นสูงกว่าหานซานเฉียนมาก นี่เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนเคยเห็นมาอย่างชัดเจนตอนนั้นที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลหาน ถ้าหม่าอวี้ไม่ปรากฏตัวหานซานเฉียนก็คงตายไปนานแล้วและเพราะแบบนี้ พวกเขาจึงเชื่อว่าครั้งนี้หานซานเฉียนจะตายอย่างแน่นอนไม่มีใครคาดคิดว่าหานซานเฉียนจะเป็นคนที่เดินออกจากวิลล่า โดยลากร่างของหานเทียนเซิงและหานเซี่ยวมากับเขาด้วย!ระยะเวลาสามนาทีเต็ม ไม่มีใครสามารถคืนสติจากเหตุการณ์ที่น่าตกใจ ที่หานซานเฉียนนำมาให้ได้เลย“เขา...เขาฆ่าหานเทียนเซิงจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ!”“เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหานเซี่ยวได้อย่างไร”“ตั้ง...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หานซานเฉียนจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในพื้นที่เขตจีน ยุคของหานเทียนเซิงได้สิ้นสุดลง และยุคของหานซานเฉียนก็มาถึงแล้ว!”เสียงของผู้พูดสั่นเทาเพราะความตกใจ และแล้วความกลัวในใจพวกเขาก็รุนแรงมากจนไม่สาม
น้ำเสียงของหม่าอวี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มันเป็นการตัดสินใจยืนกรานของเขาเองที่สั่งให้หม่าเฟยห่าวเอาใจหานซานเฉียน เพราะหากเขาได้เป็นลูกศิษย์ของอี้เหล่า มันก็คุ้มค่าที่จะประจบประแจงหานซานเฉียน แต่หม่าอวี้ไม่คิดว่าเรื่องมันจะดำเนินการมาถึงจุดนี้ตอนนี้หานซานเฉียนตายแล้ว เสียชีวิตแล้ว และตระกูลหม่าก็ถือว่าเป็นศัตรูของหานเทียนเซิงอย่างสมบูรณ์ เขาสามารถปกป้องตระกูลหม่าจากหานเทียนเซิงได้ในตอนที่เขาอยู่ในอเมริกา แต่เขาเป็นคนของเทียนฉี อย่างไรก็ต้องไปจากเขตจีนไม่ช้าก็เร็ว และด้วยนิสัยของหานเทียนเซิงจะยอมปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรดังนั้นการออกจากเขตจีนจึงเป็นทางเดียวที่จะรับประกันความปลอดภัยของสองพ่อลูกได้แต่หลังจากได้ยินคำพูดของหม่าอวี้ หม่าเฟยห่าวก็หัวเราะ“ยังหัวเราะอะไรอยู่อีก ฉันบอกว่าให้รีบหนีไปไง นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ” หม่าอวี้พูด“ลุงครับ ทำไมต้องหนีไปด้วยล่ะ พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” หม่าเฟยห่าวกล่าว"นายจะอยู่ที่นี่รอความตายหรือไง คนอย่างหานเทียนเซิงไม่มีทางปล่อยพวกนายไปแน่" หม่าอวี้เคร่งขรึม หม่าเฟยห่าวต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงยังเลือกที่จะอยู่ในเขตจีนล่ะ?“ลุงคร
เมื่อไม่สามารถติดต่อหานเทียนเซิงได้ หลินตงก็หมดความอดทนจนต้องกลับเข้าไปในเมืองไม่จำเป็นต้องสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นในวิลล่าของหานซานเฉียน เพราะเรื่องนี้แพร่กระจายในบรรดาตระกูลชนชั้นสูง และทุกคนต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่หลินตงรู้ความจริง เขาก็โกรธมากสำหรับเขา หานซานเฉียนต้องเป็นคนตายไป แต่ตอนนี้เขากลับสามารถทำเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้เลยการเสียชีวิตของหานเทียนเซิงและหานเซี่ยว ทำให้หลินตงขาดหุ่นเชิดที่สามารถจัดการกับหานซานเฉียนไป ซึ่งนั่นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาการคิดอยากจะฆ่าหานซานเฉียนด้วยตัวเองแวบขึ้นมาในใจของหลินตง แต่ท้ายที่สุดแล้วระหว่าความโกรธกับหลักเหตุผล เขาก็เลือกอย่างหลัง เพราะเขารู้ว่าเขาทำสิ่งนี้ไม่ได้ ทั้งเทียนฉีรู้ว่าอี้เหล่าต้องการยอมรับหานซานเฉียนเป็นลูกศิษย์ แล้วถ้าเขาฆ่าหานซานเฉียนมันจะทำให้คนหลายคนตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอนยิ่งเป็นคนที่เก่งกาจ เขาก็ยิ่งมีโอกาสถูกอิจฉามากขึ้นเท่านั้นในฐานะลูกชายที่น่าภาคภูมิใจของเทียนฉี หลินตงจึงมีศัตรูมากมายในเทียนฉี และเขาจะปล่อยให้คนเหล่านี้พบโอกาสที่จะซ้ำเติมเขาไม่ได้เด็ดขาด แต่หากจะให้หลินตงยอมมองหานซานเ
เกาะเล็ก ๆ ตระกูลหนานกงหนานกงป๋อหลิงที่คอยจับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในเขตจีนอย่างใกล้ชิด เขารู้สึกตื่นเต้นมากในเวลานี้ มากกว่าตอนที่เขาได้รับทองคำก้อนแรกเสียอีก หานซานเฉียนได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในเขตจีน และหนานกงป๋อหลิงก็รู้ดีว่าสิ่งนี้จะทำให้เขามีสถานะที่สูงขึ้นในเทียนฉียิ่งไปกว่านั้นอี้เหล่าต้องการรับเขาเป็นลูกศิษย์ ความสำเร็จในอนาคตของเขาก็จะยิ่งไร้ขีดจำกัดมากยิ่งขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงป๋อหลิงรู้สึกอย่างแท้จริง ว่าตระกูลหนานกงกำลังจะได้เป็นสาขาย่อยของเทียนฉีคำว่าสาขาย่อยอาจจะดูขัดใจไปบ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้กับแวดวงไหน หากใช้กับเทียนฉีที่สูงกว่าโลกธรรมดา ๆ มันก็เป็นสาขาย่อยที่คุ้มค่าหนานกงป๋อหลิงรู้อยู่แล้วว่าหนานกงซุนจะต้องตายด้วยน้ำมือของหานซานเฉียน แต่เขาก็ไม่โทษหานซานเฉียนเลย กลับรู้สึกว่าการที่หนานกงซุนตายก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว เพราะเขาไปหาเรื่องหานซานเฉียนเองดังนั้นก็สมควรตายถูกต้องแล้วตอนนี้หนานกงป๋อหลิงกำลังวางแผนให้หานซานเฉียนเป็นผู้นำตระกูลหนานกง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะทำให้เรื่องนี้เป็นจริงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไรก็ตาม และไม่ว่าหานซานเฉียนจะเรีย
หม่าอวี้ถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้จากไปเป็นเวลานาน แต่เขตจีนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครคิดว่าหานซานเฉียนจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากหานเทียนเซิงได้ สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้ผู้คนในเขตจีนตกตะลึงเท่านั้น แม้แต่อี้เหล่าก็ดูเหมือนจะตกใจกับเหตุการณ์นี้มากเช่นกันเหตุผลที่หม่าอวี้ไม่ได้กลับมาในทันที เป็นเพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากอี้เหล่า อี้เหล่าห้ามไม่ให้เขาเข้าไปแทรกแซงเรื่องใด ๆ ของหานซานเฉียน เว้นเสียแต่หานซานเฉียนจะตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น เขาค่อยออกหน้า “เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าหานซานเฉียนจะทำเรื่องเหลือเชื่อได้อีกครั้ง” หม่าอวี้ถอนหายใจในเวลานี้ หม่าเฟยห่าวรู้สึกว่าเป็นเรื่องฉลาดมากที่หม่าอวี้สั่งให้เขาเป็นลูกน้องของหานซานเฉียน ไม่อย่างนั้นเขาก็จะเป็นเหมือนคนอื่น ๆ และจะไม่มีคุณสมบัติที่จะได้พบหานซานเฉียน แม้ว่าจะรออยู่ที่ประตูวิลล่าเป็นเวลาสิบวัน หรือครึ่งเดือนก็ตาม “ลุงครับ เป็นเพราะการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของลุง ที่สั่งให้ผมเอาใจพี่ซานเฉียนแต่เนิ่น ๆ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับพี่ซานเฉียนในตอนนี้” หม่าเฟยห่าวพูดด้วยรอยยิ้มหม่าอวี้ตบไหล่หม่าเฟยห่าวแล้วพูดว่า "ตั้งแต่วันนี