คฤหาสน์ตระกูลหานหลังจากที่หานเทียนเซิงกลับมาจากประเทศจีน เขาก็กังวลอยู่ตลอดเวลา การพบกันกับหานเทียนหยาง กลับกลายเป็นว่าไม่ดีเท่าที่เขาจินตนาการไว้ และหานซานเฉียนก็ยังคงเป็นระเบิดเวลาสำหรับเขา เมื่อมันระเบิดแล้ว ทั้งตระกูลหานก็จะได้รับผลกระทบและพังทะลายลงทันที ซึ่งนั่นทำให้หานเทียนเซิงไม่เต็มใจที่จะยอมรับเป็นอย่างมากเขายอมรับไม่ได้ว่าตระกูลหานจะถูกหานซานเฉียนบดขยี้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรหานซานเฉียนได้เลยอี้เหล่าจากซื่อเหมินคือบุคคลที่มีสถานะสูงเกินกว่าจินตนาการ หานซานเฉียนมีเขาเป็นผู้สนับแบบนี้ หานเทียนเซิงมีแค่ความสิ้นหวังขณะที่เขากำลังจะออกไปเดินเล่นในลานบ้าน จู่ ๆ หานเทียนเซิงก็พบกับชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยนั่งอยู่ในที่ของเขาหานเซี่ยวปกป้องหานเทียนเซิงในทันที คนนี้สามารถปรากฏในลานบ้านได้อย่างเงียบเชียบ แถมยังเลี่ยงสายตาของบอดี้การ์ดหลายคนของตระกูลหานได้แบบนี้แสดงว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา“คุณเป็นใคร” หานเทียนเซิงถามจากระยะไกล โดยไม่กล้าเข้าใกล้คนที่มาคือ หลินตง อย่างที่หม่าอวี้คิด เขาจะไม่จัดการกับหานซานเฉียนด้วยตัวเอง เพราะอี้เหล่าได้ประกาศไปแล้วว่าเขาจะรับหานซานเฉียนเป็นล
ชายวัยกลางคนดูเหมือนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เมื่อเผชิญกับการอุบไว้ไม่บอกของอี้เหล่า เขาริเริ่มหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเอง แต่กลับไม่ยอมอธิบายให้ชัดเจน“จริง ๆ แล้ว เมื่อเทียบกับสาเหตุที่คุณไม่ยอมรับหลินตงเป็นลูกศิษย์ ผมสงสัยมากกว่าว่าทำไมคุณถูกใจหานซานเฉียน” ชายวัยกลางคนกล่าว แม้ว่าคุณสมบัตินี้จะไม่ตกไปถึงหลินตงก็ตาม แต่มีคนที่โดดเด่นอีกมากมายในเทียนฉี คนหนุ่มสาวมีคุณสมบัติมากกว่าที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้ แต่หานซานเฉียนเป็นคนในโลกมนุษย์ธรรมดาที่ยังไม่ได้เข้าเทียนฉีเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงได้รับความสนใจจากอี้เหล่ามากขนาดนี้จู่ ๆ อี้เหล่าก็หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะที่อธิบายไม่ได้นี้ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกสับสน“อยากรู้ไหมว่าฉันประเมินชายหนุ่มคนนี้ยังไง?” อี้เหล่ากล่าว“ยังไงซะคุณก็จะไม่บอกผม ดังนั้นถึงผมจะอยากรู้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ชายวัยกลางคนเรียนรู้บทเรียนแล้ว จึงไม่ได้ให้โอกาสอี้เหล่าเล่นตัวอีกครั้ง จึงจบความอยากรู้นี้ด้วยตัวของเขาเองเสียงหัวเราะของอี้เหล่าหยุดกะทันหันและพูดว่า "ฉันประเมินเขาด้วยคำสี่คำเท่านั้น"หลังจากเงียบไปชั่วครู่ อี้เหล่าก็พูดต่อ "ผู้กอบกู้โลก!"ทันใดนั้
อาการตกตะลึงที่โลงศพหายไปจากหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหาน ทำเอาคนจีนทั้งเมืองถึงกับตกใจหานเทียนเซิงดำเนินการแล้วงั้นเหรอ?ในที่สุดพวกเขาจะเปิดการโจมตีตอบโต้หานซานเฉียนแล้วเหรอ?นี่มันบ่งบอกว่ากำลังจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกครั้ง ความแค้นระหว่างหานซานเฉียนและหานเทียนเซิง ดูเหมือนจะจบลงในไม่ช้านี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนจึงแอบเฝ้าสังเกตการณ์ดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ตระกูลฉี๋หลังจากที่ฉี๋ตงหลินทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ เขาก็ได้พูดคุยกับโอวหยางเฟย และตัดสินใจที่จะยังไม่บอกฉี๋อีหยุน เพราะเธอเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่กลับมาบ้าน ทั้งสองคนรู้ว่าเธอต้องได้รับบาดเจ็บหากพวกเขาบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องที่หานเทียนเซิงมีแนวโน้มที่จะจัดการหานซานเฉียนในขณะนี้ เธออาจจะออกไปช่วยหานซานเฉียนโดยไม่ลังเลก็ได้ใครจะไม่รู้สึกปวดใจกับลูกสาวของตัวเอง ใครล่ะจะอยากเห็นเธอทำลายตัวเอง?"เฮ้อ ไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมีเสน่ห์อะไรที่ทำให้ลูกสาวของฉันหลงใหลได้ขนาดนี้" ในฐานะผู้ชาย ฉี๋ตงหลินไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าฉี๋อีหยุนตกหลุมรั หานซานเฉียนได้อย่างไรหานซานเฉียนนั้นยอดเยี่ยมมากก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงจุดที่จะสามารถทำให้ผู้คนโผบินไ
ณ บ้านของหานซานเฉียนในสถานการณ์แบบนี้ หานซานเฉียนมั่นใจได้ว่าหานเทียนเซิงมีผู้ช่วยอยู่ข้าง ๆ อย่างแน่นอน และผู้ช่วยคนนี้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งกว่าหม่าอวี้เท่านั้น แต่อาจเป็นคนจากเทียนฉีด้วย เพราะหม่าอวี้มาที่นี่ภายใต้คำสั่งของอี้เหล่า หากอีกฝ่ายไม่มีตำแหน่งที่สูง เขาจะกล้าจัดการหม่าอวี้อย่างหุนหันพลันแล่นได้อย่างไรแม้แต่หานซานเฉียนก็สงสัยว่าเขาอาจคือคู่ต่อสู้ของอี้เหล่า แม้แต่ในระดับอย่างเทียนฉีก็ยังมีศัตรูที่ไม่ชอบซึ่งกันและกันอยู่ เรื่องแบบนี้มีอยู่ในทุกแวดวงสังคม“พี่ซานเฉียน พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี?” หม่าเฟยห่าวถามหานซานเฉียน เขาไม่เพียงแต่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของหานซานเฉียนเท่านั้น แต่ยังกังวลเกี่ยวกับตัวเองด้วย เพราะช่วงนี้เขาตามเอาใจหานซานเฉียน และทุกคนในพื้นที่เขตจีนต่างก็รู้ดี ดังนั้นหานเทียนเซิงจะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่ ๆ “ถ้าไม่มีลุงของนาย ตอนนี้เราก็ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น” หานซานเฉียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม นี่ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่หานซานเฉียนต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้คำพูดเหล่านี้ทำให้หม่าเฟยห่าวรู้สึกสิ้นหวังพึ่งตัวเองอย่างนั้นเหรอ?นี่มันเรื่องตลกชัด ๆหาน
หานซานเฉียนรู้ว่าหานเทียนเซิงจะมาที่บ้านของเขาเร็ว ๆ นี้ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะไปไหน และรออยู่ที่บ้าน เพราะอย่างไรเขาก็ต้องต้องเผชิญมันอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหลบหนี อีกอย่างที่นี่คืออเมริกา เว้นแต่เขาจะออกไปจากประเทศนี้ ไม่อย่างนั้นหานเทียนเซิงก็สามารถหาเขาเจออยู่ดี ไม่ว่าเขาจะซ่อนอยู่ที่ไหนก็ตาม“วางแผนจะตายไปพร้อมกับผมจริง ๆ งั้นเหรอ?” หานซานเฉียนถามฉี๋อีหยุนทุกครั้งที่ฉี๋อีหยุนปรากฏตัวต่อหน้าหานซานเฉียน เธอจะแต่งตัวสวยงาม แต่คราวนี้เธอปรากฏตัวอย่างเร่งรีบและไม่มีเวลาแต่งหน้าด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังคงมีเสน่ห์โดยไม่ต้องแต่งเติม ขอแค่เธอไม่ได้สวมใส่แว่นตา ความงามของฉี๋อีหยุนนั้นจะไม่ถูกบดบัง การที่ไม่ได้แต่งหน้า ทำให้เธอเดูเหมือนเป็นสาวบริสุทธิ์ที่แตกต่างออกไป"ใช่" ฉี๋อีหยุนพยักหน้าอย่างมั่นคง และมองตรงไปที่หานซานเฉียนอย่างไม่เกรงกลัว“คุณไม่กลัวเหรอ?” หานซานเฉียนถามต่อ“ไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้าฉันได้ตายไปพร้อมกับคุณ ถ้าหากมีวิญญาณและผีป่ามากเกินไปบนถนนสู่นรก ก็อย่าลืมปกป้องฉันด้วยล่ะ” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างใจเย็น ความสงบของเธอไม่ได้เสแสร้ง แต่เธอไม่มีความกลัวจริง ๆ ตราบใดที่หานซานเฉียนอ
เมื่อรถของหานเทียนเซิงขับตรงไปยังบ้านของหานซานเฉียน หานเทียนเซิงก็ถามหานเซี่ยวในรถว่า "ฆ่า หานซานเฉียนแล้ว อี้เหล่าจะปล่อยพวกเราไปไหม? หลินตงยืมมือของเราฆ่าหานซานเฉียน ก็แค่อยากปัดความรับผิดชอบเท่านั้น ”หานเซี่ยวพยักหน้า เรื่องง่าย ๆ แบบนี้พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?แต่สำหรับหานเทียนเซิง แม้ว่าจะทำให้อี้เหล่าขุ่นเคือง เขาก็ทำได้เพียงเท่านี้ เพราะถ้าหานซานเฉียนไม่ตาย เขาก็จะจะตายด้วยน้ำมือของหานซานเฉียน“แผนของหลินตงนั้นแยบยลมาก เขารู้ว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำสิ่งนี้” หานเซี่ยวพูดอย่างช่วยไม่ได้ จากมุมมองหนึ่ง เขาไม่อยากรุกรานคนอย่างอี้เหล่า ผู้ควบคุมซื่อเหมินแห่งเทียนฉี ที่แม้ว่าหานเซี่ยวจะเงยหน้ามองขึ้นไปก็ไม่มีทางมองเห็นได้ เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าการยั่วยุบุคคลแบบนี้จะเกิดผลอะไรตามมาหานเทียนเซิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องทำสิ่งนี้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมา ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากเขาทำให้อี้เหล่าขุ่นเคือง เขาก็ทำได้เพียงรอจนกว่าอี้เหล่าจะปรากฏตัวแล้วค่อยว่ากัน“ไม่ว่ายังไง หานซานเฉียนจะต้องตาย ศักดิ์ศรีของฉันต้องไม่ถูกทำ
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของหานซานเฉียนทำให้ฉี๋อีหยุนหวาดกลัว โดยเฉพาะสายตาของเขา ซึ่งทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าหานซานเฉียนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นี่ไม่ใช่หานซานเฉียนที่เธอคุ้นเคยอีกต่อไป แต่เหมือนปีศาจมากกว่าแต่หานเทียนเซิงไม่รู้สึกกลัวกับการเปลี่ยนแปลงของหานซานเฉียนเลย เขายังคงมองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเยาะเย้ย จนกระทั่งหานเซี่ยวมายืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หานเทียนเซิงจึงสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติไป“เกิดอะไรขึ้น?” หานเทียนเซิงถามหานเซี่ยวเสียงต่ำหานเซี่ยวขมวดคิ้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในขณะนี้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามที่ทรงพลังจากหานซานเฉียน และภัยคุกคามนี้ไม่ควรมีอยู่ เพราะในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาสามารถบดขยี้หานซานเฉียนได้อย่างสมบูรณ์“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ระวังตัวด้วยครับ” หานเซี่ยวเตือนหานเทียนเซิงหานเทียนเซิงบอกว่าตัวเองไม่กลัวความตาย และศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิต แต่ในความเป็นจริง ชายชราคนนี้หมดไฟไปนานแล้ว อาจเป็นเพราะเขาใช้ชีวิตอย่างสบายมานานเกินไป เมื่อชีวิตของเขาถูกคุกคามเข้าจริง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวดังนั้นหลังจากฟังคำพูดของหานเซี่ยวแล้ว หานเทียนเซิ
การที่คนจะกลัวความตายหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูด แต่มันจะสะท้อนให้เห็นจากการกระทำหานเทียนเซิงซึ่งปากบอกว่าตัวเองไม่กลัวตาย ได้แสดงความกลัวออกมาในขณะนี้เขายืนตัวสั่นอยู่ตรงมุม หน้าตาดูซีดเซียว และไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปการตายของหานเซี่ยวทำให้หานเทียนเซิงรู้สึกสิ้นหวัง และหลงเหลือเพียงความกลัว เมื่อต้องเผชิญกับความโกรธของหานซานเฉียนศักดิ์ศรีที่ไหนจะมาสำคัญไปกว่าชีวิตน่าเสียดายที่คำพูดของเขาทำให้หานซานเฉียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง“คุณยังมีหน้ามาพูดถึงปู่ผมอีกเหรอ ตอนนั้นคุณบีบบังคับให้เขาคุกเข่าลง และขับไล่ออกจากอเมริกา คุณเคยคิดไหมว่าเขาเป็นน้องชายของคุณ?” หานซานเฉียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา แม้ว่าเขาจะไม่รู่ว่าหานเทียนหยางต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูมากแค่ไหนในตอนนั้น แต่เมื่อดูจากท่าทางของที่หานเทียนเซิงแสดง เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าปู่ของเขาต้องเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจเพียงใด“แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็เป็นผู้อาวุโสของนาย นายจะฆ่าฉันได้ยังไง ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าเอาหรือไง?” หานเทียนเซิงพูดคำเหล่านี้ออกมา เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้หานเทียนหยางเพื่อร้องขอความเมตต