"คุณเปลี่ยนใจแล้วอย่างนั้นเหรอ?" หม่าอวี้ถามหานซานเฉียน ในใจของเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหานซานเฉียนจะไม่เลือกตัวเลือกที่โง่เขลา เพราะเขายังคงต้องการได้รับการเลื่อนตำแหน่งในเทียนฉีอยู่ และสิ่งนี้จำเป็นต้องพึ่งพาหานซานเฉียน หากหานซานเฉียนปฏิเสธข้อเสนอของอี้เหล่า ความฝันของเขาก็คงจะพังทลายหานซานเฉียนส่ายหัวแล้วพูดว่า "ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ"หม่าอวี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามีอะไรอยู่ในใจของหานซานเฉียน ถึงได้ปฏิเสธข้อเสนอดี ๆ แบบนี้“เรื่องอะไร บอกมาสิ” หม่าอวี้ไม่ได้ปฏิเสธหานซานเฉียน เพราะจุดประสงค์ในการมาอเมริกาคือเพื่อปกป้องหานซานเฉียน และให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการจะทำ นี่คือคำสั่งของอี้เหล่า แม้ว่าหานซานเฉียนจะปฏิเสธการเป็นลูกศิษย์ของอี้เหล่าก็ตาม หากอี้เหล่ายังไม่ได้พูดอะไร หม่าอวี้ก็ต้องสนองความต้องการทั้งหมดของหานซานเฉียน“ฉี๋อีหยุนถูกลักพาตัวไป” หานซานเฉียนกล่าว“การลักพาตัวฉี๋อีหยุนต้องเกี่ยวข้องกับคุณสินะ” หม่าอวี้พูดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นหานซานเฉียนพยักหน้า“หานเทียนเซิงไม่กล้าสร้างปัญหาตอนนี้อย่างแน่นอน ชายชราคนนี้น่าจะรู้ผลที่จะตามมาของการยั่
หนานกงซุนคิดว่านี่คือแผนที่สมบูรณ์แบบมาก เขาภูมิใจกับมันเป็นอย่างมากด้วยซ้ำ และคิดไปเองว่าหานซานเฉียนอยู่ในการควบคุมของเขา ไม่คิดว่าแผนการที่เขาคิดว่าสมบูรณ์แบบจะถูกหานซานเฉียนมองว่าเป็นการกระทำของคนโง่เขลา สิ่งนี้ทำให้หนานกงซุนตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง แต่เขาแสร้งทำเป็นสงบ ไม่กล้าเผยสิ่งผิดสังเกตุใด ๆ ต่อหน้าหานซานเฉียน ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาอาจจะตายด้วยน้ำมือของหานซานเฉียนได้“นั่นเป็นเพียงคำพูดของนายฝ่ายเดียว นายมีหลักฐานอะไรไหม? นายจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนยุยงหลี่ซานเฟิง ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ” หนานกงซุนโต้แย้งอย่างเด็ดเดี่ยว“ฉันต้องการฆ่านาย ยังต้องการหลักฐานด้วยเหรอ?” หานซานเฉียนพูดอย่างไม่แยแส หัวใจของหนานกงซุนเต้นรัว หานซานเฉียนมีเจตนาต้องการฆ่าเขาอย่างชัดเจน และไม่เกี่ยวอะไรกับว่าจะมีหลักฐานหรือไม่ตอนนั้นเองบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างหน้าหนานกงซุนก็พูดอย่างเหยียดหยาม "ถ้าต้องการฆ่าเขา ผ่านฉันให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ดูสิว่านายจะมีความสามารถหรือเปล่า"คำพูดเหล่านี้ทำให้หนานกงซุนสงบลงเล็กน้อย เขากลัวหานซานเฉียนมาก จนลืมไปว่าตัวเองมีนักฆ่าอยู่ข้าง ๆแม
ในมุมมองของหลี่ซานเฟิง การข่มขู่ของเขาจะทำให้ฉี๋อีหยุนกลัวอย่างแน่นอน และเธอจะต้องร้องขอความเมตตาจากเขา ให้โอกาสเขาได้แสดงความสงสารต่อเธอ และเธอจะเริ่มรู้สึกดีกับเขาแต่ความจริงกลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิดฉี๋อีหยุนไม่ได้มีสีหน้าแสดงออกถึงความกลัวใด ๆ แต่เธอกลับมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย“เธอไม่กลัวเหรอ?” หลี่ซานเฟิงพูดพร้อมกับกัดฟันในไม่ช้าลายนิ้วมือสีแดงสดหลายรอยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉี๋อีหยุน แต่ความกลัวไม่ได้เกิดขึ้นในใจของเธอเลย เพราะในสายตาของเธอ คนไร้ความสามารถอย่างหลี่ซานเฟิง ไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหานซานเฉียน และเธอก็เชื่อว่าหานซานเฉียนจะต้องมาช่วยเธอยังมีอีกสิ่งหนึ่งคือ ฉี๋อีหยุนรู้สึกขอบคุณหลี่ซานเฟิงที่จับเธอมา เพราะตั้งแต่ที่เธอออกจากบ้านของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนก็ไม่มีข้ออ้างในการติดต่อกับหานซานเฉียนเลย แต่คราวนี้เธอมีโอกาสที่จะได้พบกับเขาอีกครั้งแม้ว่าโอกาสในการพบกันนี้จะต้องแลกมาด้วยอันตรายของเธอเอง แต่ในมุมมองของฉี๋อีหยุน ขอแค่เธอได้พบกับหานซานเฉียน มันก็คุ้มค่า“ทำไมฉันจะต้องกลัวด้วย?” ฉี๋อีหยุนถามหลี่ซานเฟิงไม่ได้รับการอ้อนวอนขอความเมตตาจากฉี๋อีหยุ
ฉี๋อีหยุนที่กำลังเข็นรถเข็นให้หานซานเฉียนนั้นอารมณ์ดีมาก เธอดูไม่เหมือนคนที่ถูกลักพาตัวเลย แถมยังฮัมเพลงอีกด้วย เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์นี้ เธอก็จะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะพบกับหานซานเฉียนอีกหานซานเฉียนค่อนข้างทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะยิ่งฉี๋อีหยุนทำตัวแบบนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจกับเธอมากขึ้นเท่านั้น เพราะอย่างไรนี่ก็คือผู้หญิงที่อุทิศความรู้สึกทั้งหมดของเธอให้กับเขา และเธอถูกกำหนดไว้ว่าจะไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราอย่าเจอกันอีกเลยจะดีกว่า” จู่ ๆ หานซานเฉียนก็พูดขึ้นเมื่อฉี๋อีหยุนที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็เหมือนถูกน้ำเย็นราดใส่อย่างแรงแต่เธอก็ยังฝืนยิ้มและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่หานซานเฉียนพูดหานซานเฉียนกดเบรกรถเข็นแล้วพูดต่อ "คุณไปเถอะ ผมไม่ต้องการให้คุณไปส่ง"ฉี๋อีหยุนยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่มีหยดน้ำใสอยู่ในดวงตาของเธอ และพูดว่า "หานซานเฉียน คุณไม่จำเป็นต้องใจร้ายขนาดนี้ก็ได้ ยังไงฉันก็เป็นถึงคนสวยนะ คุณจะไม่ไว้หน้าฉันหน่อยเลยเหรอ?”“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความเป็นความตายของคุณไม่เกี่ยวข้องอะไร
คฤหาสน์ตระกูลหานหลังจากที่หานเทียนเซิงกลับมาจากประเทศจีน เขาก็กังวลอยู่ตลอดเวลา การพบกันกับหานเทียนหยาง กลับกลายเป็นว่าไม่ดีเท่าที่เขาจินตนาการไว้ และหานซานเฉียนก็ยังคงเป็นระเบิดเวลาสำหรับเขา เมื่อมันระเบิดแล้ว ทั้งตระกูลหานก็จะได้รับผลกระทบและพังทะลายลงทันที ซึ่งนั่นทำให้หานเทียนเซิงไม่เต็มใจที่จะยอมรับเป็นอย่างมากเขายอมรับไม่ได้ว่าตระกูลหานจะถูกหานซานเฉียนบดขยี้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรหานซานเฉียนได้เลยอี้เหล่าจากซื่อเหมินคือบุคคลที่มีสถานะสูงเกินกว่าจินตนาการ หานซานเฉียนมีเขาเป็นผู้สนับแบบนี้ หานเทียนเซิงมีแค่ความสิ้นหวังขณะที่เขากำลังจะออกไปเดินเล่นในลานบ้าน จู่ ๆ หานเทียนเซิงก็พบกับชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยนั่งอยู่ในที่ของเขาหานเซี่ยวปกป้องหานเทียนเซิงในทันที คนนี้สามารถปรากฏในลานบ้านได้อย่างเงียบเชียบ แถมยังเลี่ยงสายตาของบอดี้การ์ดหลายคนของตระกูลหานได้แบบนี้แสดงว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา“คุณเป็นใคร” หานเทียนเซิงถามจากระยะไกล โดยไม่กล้าเข้าใกล้คนที่มาคือ หลินตง อย่างที่หม่าอวี้คิด เขาจะไม่จัดการกับหานซานเฉียนด้วยตัวเอง เพราะอี้เหล่าได้ประกาศไปแล้วว่าเขาจะรับหานซานเฉียนเป็นล
ชายวัยกลางคนดูเหมือนทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เมื่อเผชิญกับการอุบไว้ไม่บอกของอี้เหล่า เขาริเริ่มหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเอง แต่กลับไม่ยอมอธิบายให้ชัดเจน“จริง ๆ แล้ว เมื่อเทียบกับสาเหตุที่คุณไม่ยอมรับหลินตงเป็นลูกศิษย์ ผมสงสัยมากกว่าว่าทำไมคุณถูกใจหานซานเฉียน” ชายวัยกลางคนกล่าว แม้ว่าคุณสมบัตินี้จะไม่ตกไปถึงหลินตงก็ตาม แต่มีคนที่โดดเด่นอีกมากมายในเทียนฉี คนหนุ่มสาวมีคุณสมบัติมากกว่าที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้ แต่หานซานเฉียนเป็นคนในโลกมนุษย์ธรรมดาที่ยังไม่ได้เข้าเทียนฉีเลยด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงได้รับความสนใจจากอี้เหล่ามากขนาดนี้จู่ ๆ อี้เหล่าก็หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะที่อธิบายไม่ได้นี้ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกสับสน“อยากรู้ไหมว่าฉันประเมินชายหนุ่มคนนี้ยังไง?” อี้เหล่ากล่าว“ยังไงซะคุณก็จะไม่บอกผม ดังนั้นถึงผมจะอยากรู้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ชายวัยกลางคนเรียนรู้บทเรียนแล้ว จึงไม่ได้ให้โอกาสอี้เหล่าเล่นตัวอีกครั้ง จึงจบความอยากรู้นี้ด้วยตัวของเขาเองเสียงหัวเราะของอี้เหล่าหยุดกะทันหันและพูดว่า "ฉันประเมินเขาด้วยคำสี่คำเท่านั้น"หลังจากเงียบไปชั่วครู่ อี้เหล่าก็พูดต่อ "ผู้กอบกู้โลก!"ทันใดนั้
อาการตกตะลึงที่โลงศพหายไปจากหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหาน ทำเอาคนจีนทั้งเมืองถึงกับตกใจหานเทียนเซิงดำเนินการแล้วงั้นเหรอ?ในที่สุดพวกเขาจะเปิดการโจมตีตอบโต้หานซานเฉียนแล้วเหรอ?นี่มันบ่งบอกว่ากำลังจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกครั้ง ความแค้นระหว่างหานซานเฉียนและหานเทียนเซิง ดูเหมือนจะจบลงในไม่ช้านี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนจึงแอบเฝ้าสังเกตการณ์ดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ตระกูลฉี๋หลังจากที่ฉี๋ตงหลินทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ เขาก็ได้พูดคุยกับโอวหยางเฟย และตัดสินใจที่จะยังไม่บอกฉี๋อีหยุน เพราะเธอเก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่กลับมาบ้าน ทั้งสองคนรู้ว่าเธอต้องได้รับบาดเจ็บหากพวกเขาบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องที่หานเทียนเซิงมีแนวโน้มที่จะจัดการหานซานเฉียนในขณะนี้ เธออาจจะออกไปช่วยหานซานเฉียนโดยไม่ลังเลก็ได้ใครจะไม่รู้สึกปวดใจกับลูกสาวของตัวเอง ใครล่ะจะอยากเห็นเธอทำลายตัวเอง?"เฮ้อ ไม่รู้ว่าหานซานเฉียนมีเสน่ห์อะไรที่ทำให้ลูกสาวของฉันหลงใหลได้ขนาดนี้" ในฐานะผู้ชาย ฉี๋ตงหลินไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าฉี๋อีหยุนตกหลุมรั หานซานเฉียนได้อย่างไรหานซานเฉียนนั้นยอดเยี่ยมมากก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงจุดที่จะสามารถทำให้ผู้คนโผบินไ
ณ บ้านของหานซานเฉียนในสถานการณ์แบบนี้ หานซานเฉียนมั่นใจได้ว่าหานเทียนเซิงมีผู้ช่วยอยู่ข้าง ๆ อย่างแน่นอน และผู้ช่วยคนนี้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งกว่าหม่าอวี้เท่านั้น แต่อาจเป็นคนจากเทียนฉีด้วย เพราะหม่าอวี้มาที่นี่ภายใต้คำสั่งของอี้เหล่า หากอีกฝ่ายไม่มีตำแหน่งที่สูง เขาจะกล้าจัดการหม่าอวี้อย่างหุนหันพลันแล่นได้อย่างไรแม้แต่หานซานเฉียนก็สงสัยว่าเขาอาจคือคู่ต่อสู้ของอี้เหล่า แม้แต่ในระดับอย่างเทียนฉีก็ยังมีศัตรูที่ไม่ชอบซึ่งกันและกันอยู่ เรื่องแบบนี้มีอยู่ในทุกแวดวงสังคม“พี่ซานเฉียน พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี?” หม่าเฟยห่าวถามหานซานเฉียน เขาไม่เพียงแต่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของหานซานเฉียนเท่านั้น แต่ยังกังวลเกี่ยวกับตัวเองด้วย เพราะช่วงนี้เขาตามเอาใจหานซานเฉียน และทุกคนในพื้นที่เขตจีนต่างก็รู้ดี ดังนั้นหานเทียนเซิงจะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่ ๆ “ถ้าไม่มีลุงของนาย ตอนนี้เราก็ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น” หานซานเฉียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม นี่ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่หานซานเฉียนต้องเผชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้คำพูดเหล่านี้ทำให้หม่าเฟยห่าวรู้สึกสิ้นหวังพึ่งตัวเองอย่างนั้นเหรอ?นี่มันเรื่องตลกชัด ๆหาน