หลังจากได้รับโทรศัพท์จากหนานกงซุน หนานกงเยี่ยนก็รีบมาที่ห้องของเขาทันที คำพูดแรกของหนานกงซุนก็ทำหนานกงเยี่ยนตะลึง“นายกล้าร่วมมือกับฉันฆ่าหนานกงป๋อหลิงไหม?” หนานกงซุนพูดด้วยสีหน้าจมดิ่งหนานกงเยี่ยนตกใจมากจนรีบปิดประตู แล้วเดินไปหาหนานกงซุนด้วยความตื่นตระหนกเขาแค่อยากให้หนานกงซุนร่วมมือกับเขาในการจัดการหานซานเฉียนเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าหนานกงซุนจะพูดคำเหล่านี้ออกมาฆ่าหนานกงป๋อหลิงอย่างนั้นเหรอ!ยังไม่ต้องพูดความยากของเรื่องนี้ ถึงจะทำสำเร็จ แต่มันก็จะส่งผลกระทบมหาศาลต่อตระกูลหนานกงแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น อำนาจของทั้งสองคนก็ไม่อาจควบคุมทั้งตระกูลได้ “นายบ้าไปแล้วเหรอ อยากจะฆ่าคุณปู่เนี่ยนะ!” หนานกงเยี่ยนลดเสียงลงอัตโนมัติ เพราะกลัวว่ากำแพงจะมีหูหน้าของหนานกงซุนมืดมน เขาถูกบังคับให้มีความคิดนี้ เพราะเขาสัมผัสได้ว่าหานซานเฉียนได้รับความสำคัญมากแค่ไหนจากการกระทำของหนานกงป๋อหลิง นอกจากการฆ่าเขา หนานกงซุนก็ไม่สามารถคิดหาวิธีใดที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันได้แล้ว“คุณปู่มาหาฉันเมื่อกี้ เขาพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าเราทั้งคู่ไร้ประโยชน์ และไม่มีคุณสมบัติที่จะเทียบกับหานซานเฉียน นายคิดว
ยกเลิกความร่วมมืออย่างนั้นเหรอ!เมื่อได้ยินเสียงวางสาย ซุนอี้ก็สับสนไปหมดในความคิดของเขา แผนระหว่างเขากับหานเหยียนนั้นแข็งแกร่งราวกับทองคำ และไม่มีใครสามารถทำลายมันได้ เพราะหานเหยียนต้องการครองโลกธุรกิจในเขตจีนทั้งหมด และบริษัทของตระกูลหนานกงก็เป็นอุปสรรคที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หานเหยียนจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับเขาและเพราะเหตุนี้ ซุนอี้ถึงได้มีความมั่นใจและความกล้าที่จะไม่สนใจหานซานเฉียน ซุนอี้ไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ เขายอมรับการทรยศแบบนี้ไม่ได้เมื่อคนอื่นเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทางของซุนอี้ พวกเขาก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ“ซุนอี้ เกิดอะไรขึ้น?”“หานเหยียนพูดว่าอะไร แล้วแผนการจะเริ่มเมื่อไหร่?”“ไม่ได้เกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม”“หรือว่าสิ่งที่ไอ้เด็กนั่นพูดเป็นเรื่องจริง เขาได้รับการสนับสนุนจากหานเหยียนจริง ๆ เหรอ?”ทุกคนมองดูซุนอี้อย่างประหม่า และหวังว่าจะได้คำตอบอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่มีหานเหยียน พวกเขาจะมีคุณสมบัติอะไรในการต่อกรกับหานซานเฉียนได้? และวันนี้พวกเขาไม่ไปบริษัท หากเรื่องนี้ทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจ พวกเขาก็อาจตกงานได้เลยมันไม่ง่ายกว่าจะได้ขึ้นมา
ฉี๋อีหยุนไม่เข้าใจว่าทำไมคนอย่างซุนอี้ถึงได้มีความกล้าที่จะต่อสู้กับหานซานเฉียน แถมยังคิดว่าตัวเองสามารถจัดการกับหานซานเฉียนได้อีก นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ“ซุนอี้ คุณรู้ไหมว่าทำไมหานเหยียนปฏิเสธที่จะร่วมมือกับคุณ” ฉี๋อีหยุนพูดเสียงเรียบ เธอรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ซุนอี้ร่วมมือกับหานเหยียนในการหุบบริษัทของตระกูลหนานกง ด้วยวิธีนี้ ซุนอี้จะกลายเป็นเจ้าของของบริษัท และหานเหยียนก็จะเพิ่มเบี้ยอีกตัวเพื่อควบคุมโลกธุรกิจในจีนด้วยซุนอี้ส่ายหัว เขาเองก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะถ้าหานเหยียนต้องการเป็นราชินีแห่งโลกธุรกิจ เธอก็จำเป็นต้องจัดการบริษัทของตระกูลหนานกง ซุนอี้จึงคิดเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ไม่ออกจริง ๆ แต่เมื่อฉี๋อีหยุนพูดมาอย่างนั้น แสดงว่าเธอรู้อะไรบางอย่าง“คุณผู้หญิงฉี๋บอกผมมาเถอะครับ ไม่ว่าผมจะคิดยังไงก็คิดหาเหตุผลลไม่ออก” ซุนอี้ถามอย่างจริงใจฉี๋อีหยุนยิ้มและพูดว่า "นั่นก็เป็นเพราะว่าหานเหยียนไม่กล้าสู้กับหานซานเฉียนยังไงล่ะ"“จะเป็นไปได้ยังไง” ซุนอี้คัดค้านทันที และพูดต่อว่า “หานซานเฉียนเป็นเพียงคนรวยที่เอ้อระเหยลอยชายเท่านั้น เขาไม่มีความสามารถอะไรเลย แล้วจะทำให้หานเหย
พนักงานต้อนรับสาวสองคนในบริษัทยังคงโต้เถียงกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันพนักงานต้อนรับที่ถูกหานซานเฉียนแซว บวบลชเชื่อว่าหานซานเฉียนสามารถแก้ไขวิกฤติของบริษัทได้ แต่เพื่อนร่วมงานอีกคนยังคงเชื่อว่าหานซานเฉียนไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของซุนอี้แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงคนอื่น ๆ จะยอมประนีประนอมก็ตาม ในความเห็นของเธอ ตราบใดที่ซุนอี้ยังอยู่ที่นี่ อย่างไรเด็กรวยไร้ศีลธรรมอย่างหานซานเฉียนก็ต้องถูกไล่ออกในไม่ช้าแน่การแข่งขันระหว่างผู้หญิงบางครั้งก็อธิบายไม่ได้ เพราะความอิจฉาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นได้เพื่อนร่วมงานคนนั้นอิจฉาเธอจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่อยากเคารพหานซานเฉียนมากนัก และถึงกับแอบสาปแช่งหานซานเฉียนอยู่ในใจส่วนเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ถูกหานซานเฉียนแซวก็จมอยู่กับจินตนาการของตัวเอง ว่าจะได้กระชับความสัมพันธ์ของเธอและหานซานเฉียนขึ้นไปอีกขั้นเมื่อซุนอี้ปรากฏตัว เพื่อนร่วมงานก็รีบเดินไปหาซุนอี้แล้วพูดว่า "คุณซุน คนอื่น ๆ มาถึงบริษัทมานานแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทรยศคุณนะคะ"ซุนอี้ถามอย่างแผ่วเบา "คุณหานอยู่ที่ไหน?"พนักงานสาวคนนั้นขมวดคิ้ว เธอนึกว่าซุนอี้มาที่นี่เพื่อจัดการ
หยวนหลิงรู้ว่ามีคนจำนวนมากตามจีบฉี๋อีหยุนในพื้นที่เขตจีน และคนเหล่านั้นก็เหมือนกับตั๊กแตนที่หวังจะได้จับฉี๋อีหยุนกินเป็น ๆ แถมยังเป็นคนหนุ่มที่มากความสามารถและมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น หากฉี๋อีหยุนสุ่มเลือกสักคน ฝ่ายตรงข้ามจะต้องยอมอุทิศชีวิตให้เธอแน่นอนแต่... ดูจากท่าทีของเธอ เหมือนว่าเธอจะชอบเพลย์บอยอย่างหานซานเฉียน!ทำไมถึงเป็นแบบนี้?ด้วยความเป็นเลิศของฉี๋อีหยุน หานซานเฉียนจะคู่ควรกับเธอได้อย่างไร?“คุณผู้หญิงฉี๋ ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหมคะ?” หยวนหลิงถามด้วยความไม่เชื่อ“คุณได้ยินถูกแล้วล่ะค่ะ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ชอบฉัน” ฉี๋อีหยุนพูดอย่างช่วยไม่ได้ดวงตาของหยวนหลิงเบิกกว้างฉี๋อีหยุนสวยมากขนาดนี้แถมยังชอบเขาด้วย แต่หานซานเฉียนกลับไม่ชอบเธอเนี่ยนะ!“คุณผู้หญิงฉี๋ เขาไม่ชอบคุณ แล้วคืนนั้น... พวกคุณยังทำแบบนั้นกันเหรอคะ?” หยวนหลิงพึมพำ เทพธิดาระดับฉี๋อีหยุนทำไมถึงยอมมอบตัวให้คนอย่างหานซานเฉียนกันล่ะ?"คืนนั้น?" ฉี๋อีหยุนถอนหายใจอย่างหนักและพูดว่า "ถ้าคืนนั้นมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ก็คงดี แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น"หยวนหลิงรู้สึกเพียงว่าทัศนคติต่อโลกของเธอถูกทำลา
หลังจากที่ผลักฉี๋อีหยุนออก หานซานเฉียนก็ยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้ามืดแล้ว ในเวลานี้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหานเนี่ยน กังวลว่าเธอนอนไม่หลับหรือไม่ได้กินอาหารดี ๆ และก็เป็นห่วงซูหยิงเซี่ยด้วย กลัวว่าเธอจะเป็นเหมือนเขาที่นอนไม่หลับเพราะเธอคิดถึงหานเนี่ยน“พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปรู้จักกับคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนเป็นคนร่ำรวยรุ่นที่สองในเขตจีน” ฉี๋อีหยุนมองตาหานซานเฉียน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ยอมแพ้แม้จะถูกปฏิเสธ เพราะอย่างไรเธอก็ถูกเขาปฏิเสธมาหลายครั้งแล้วจนนับไม่ถ้วน หากเธอจะยอมแพ้ง่าย ๆ ก็คงไม่ยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้“ตกลง” หานซานเฉียนตอบนิ่ง ๆหลังจากที่ฉี๋อีหยุนเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองออก เธอก็ออกจากบ้านของหานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่ได้ไปส่ง เพราะต้องเว้นระยะห่างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง หานซานเฉียนรู้ว่าตัวเองไม่ควรสร้างความหวังใด ๆ ให้เธอ เพียงเพราะใจอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเกิดการเข้าใจผิดเมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉี๋อีหยุนก็ขังตัวเองอยู่ในห้องฉี๋ตงหลินและโอวหยางเฟยรู้ว่าวันนี้เธอไปพบหานซานเฉียนมา และดูจากท่าทีของเธอหลังจากกลับมาที่บ้านพวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าผลคืออะไรฉี๋ตงหลินอดไม่ได้ที
“เขาสนใจการแข่งรถฟอร์มูลา และต้องการก่อตั้งทีมของตัวเอง พวกคุณช่วยพาเขาไปเล่นด้วยได้ไหม?” ฉี๋อีหยุนกล่าว เธอเคยคิดถึงสถานการณ์การสร้างศัตรูแบบนี้ก่อนที่เธอจะมา เพราะเธอเป็นคนพาเขามา แล้วคนพวกนี้จะใจดีกับหานซานเฉียนได้อย่างไร?“ครอบครัวแบบไหนกัน ถึงได้อยากมาเล่นกับพวกเรา?” ฟางซั่วในฐานะคนตามจีบหมายเลขหนึ่งของฉี๋อีหยุน รู้สึกไม่ชอบหน้าหานซานเฉียนเป็นอย่างมาก เพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ หากพวกเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา ทำไมฉี๋อีหยุนต้องพาเขามาแนะนำเองแบบนี้ด้วยล่ะ?“เงินไม่ได้ขาด” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย เมื่อก่อนเขาไม่มีความมั่นใจขนาดนั้น แต่ตอนนี้มีคนอุปถัมภ์อย่างหนานกงป๋อหลิง และนี่ไม่ใช่เงินของเขาเอง เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไร “ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนายมาก่อน ครอบครัวของนายทำอะไรในเขตจีน?” ฟางซั่วถาม“ฉันเพิ่งมาที่อเมริกา ครอบครัวยังไม่ได้มีธุรกิจอะไรที่นี่” หานซานเฉียนกล่าวฟางซั่วเลิกคิ้วด้วยความรังเกียจ และพูดกับคนอื่น ๆ "ที่แท้ก็เป็นคนมาใหม่ ในเมื่ออยากจะเล่น ใครก็ได้มาช่วยแนะนำกับเขาหน่อยสิว่ารถแข่งฟอร์มูลาต้องใช้เงินเท่าไหร่”“น้องชาย ม
“ฟางซั่ว หมอนั่นไม่ได้โกหกเราใช่ไหม เขารวยขนาดนั้นเลยเหรอ?”“เขาดูไม่เหมือนคนรวยเลยสักนิด บางทีเขาอาจจะแค่แกล้งทำเป็นอวดเบ่งต่อหน้าฉี๋อีหยุนก็ได้”“ฉันก็คิดเหมือนกัน เงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์สามารถสร้างทีมแข่งรถระดับท็อปได้เลย แล้วเขาจะมัวมาเล่นกับพวกเราทำไมกัน?”หลังจากที่หานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนไปที่โรงรถ ฟางซั่วและกลุ่มของเขาก็เริ่มพูดคุยกันในฐานะคนตามจีบหมายเลขหนึ่งของของฉี๋อีหยุน ฟางซั่วเองก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อจีบฉี๋อีหยุน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หานซานเฉียนจะคุยโม้ฟางซั่วมีใบหน้ามืดมน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าหมอนี่นี้คุยโม้จริง ๆ ฉันจะเปิดเผยเขาเอง เมื่อถึงเวลานั้นเขาได้ตายทั้งเป็นแน่"“เหอะเหอะ นายให้โรงรถห้องสี่สิบสี่กับเขา เจ้าของคนก่อนยังโชคร้าย ได้ยินมาว่าตอนนี้เขาเปิดร้านซ่อมรถเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง ผู้ชายคนนี้ก็คงจะมีจุดจบไม่ต่างกันแน่นอน"“เลขสี่สิบสี่เป็นเลขอัปมงคล ใครไปใช้ก็จะโชคร้าย แม้ว่าเขาจะรวยจริงก็ต้องล้มละลายในไม่ช้าแน่”“ก็ใช่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นพวกนายคิดว่าทำไมฉันถึงให้ห้องนั้นกับเขากันล่