"เกิดอะไรขึ้นกับพี่ซานเฉียน!" ตี้สู่ที่เห็นฉากนี้ตกใจมากและอดไม่ได้ที่จะถามเตาสือเอ้อร์ เมื่อก่อนหานซานเฉียนสามารถจัดการกับคนยอดฝีมือได้อย่างง่ายดาย อีกอย่างชายคนนี้เป็นแค่ชายชราเท่านั้น ทำไมเขาต้องคุกเข่าลงด้วยล่ะ?“ตี้สู่ ดูเหมือนว่าสมองของนายยังทำงานไม่ดีสินะ ทำไมพี่ซานเฉียนถึงต้องมาที่เรือนจำตี้ซินนายลืมไปแล้วเหรอ?” เตาสือเอ้อร์พูดนิ่ง ๆ"เพราะปู่ของเขา..." ตี้สู่ตกตะลึงก่อนจะกลืนประโยคที่เหลือลงคอ และมองไปที่หานเทียนหยางด้วยแววตากึ่งตกใจกึ่งมีความสุข"นี่คือคุณปู่ของพี่ซานเฉียนอย่างงั้นเหรอ?" ตี้สู่พูดเตาสือเอ้อร์พยักหน้า แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นหานเทียนหยางมาก่อน แต่เขาก็มั่นใจว่าคนนั้นคือหานเทียนหยางได้ เพราะนอกจากสิ่งนี้ หานซานเฉียนก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องคุกเข่าลงแบบนั้นตี้สู่สูดหายใจลึกและพูดต่อ "เขายังมีชีวิตอยู่ หมายความว่าการเดินทางของพี่ซานเฉียนไม่ได้สูญเปล่า ตอนนี้เราแค่ต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่เท่านั้น"หานซานเฉียนซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาโขกหัวลงอย่างหนักและพูดว่า "คุณปู่ ผมขอโทษ ผมมาช้าเกินไปเลยทำให้ปู่ต้องลำบาก"หานเทียนหยางดูซีดเซียวและแก่ลงมาก แต่สีหน้าของเขามีควา
โรงพยาบาลเมืองหยุนเฉิงนอกห้องคลอด ตรงทางเดินแน่นขนัดจนไม่มีที่ว่างผู้คนเหล่านี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่พวกเขาคือหัวหน้าของบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็กทั้งหมดในหยุนเฉิง ในหมู่พวกเขาคือคนที่มีทรัพย์สินหลายร้อยล้าน และยังมีคนที่มีทรัพย์สินนับสิบล้านอีกด้วยแต่ในเวลานี้ ไม่ว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะมากมายเพียงใด พวกเขาก็หวังว่าจะได้เข้าใกล้ห้องคลอดมากที่สุด เพราะคนที่ยืนอยู่นอกห้องคลอดนั้นคือม่อหยางและสมาชิกของตระกูลเทียน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต่างเป็นแกนหลักของเมืองหยุนเฉิงแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือซูหยิงเซี่ยที่อยู่ในห้องคลอดพวกเขารู้ว่าหากพวกเขาสามารถใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์กับซูหยิงเซี่ยได้ ในอนาคตการพัฒนาของพวกเขาในหยุนเฉิงก็จะไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอย่างแน่นอนทุกคนที่มาโรงพยาบาลต่างนำของขวัญราคาแพงมามอบให้ โดยหวังว่าจะได้มอบให้กับลูกชายที่น่าภาคภูมิใจซึ่งกำลังจะได้ลืมตาดูโลกเร็ว ๆ นี้ตรงทางเดินมีเสียงเอะอะดังมากเนื่องจากมีผู้คนพลุกพล่าน ม่อหยางทนเสียงนั้นไม่ไหวจึงตะโกนไปด้วยความโกรธ "ถ้าใครกล้าส่งเสียงดังอีก ต่อไปก็อย่าคิดที่จะได้อยู่ในหยุนเฉิง"สิ้นสุดเสียงนั้น เสียงตรงทางเดิ
เกิดอะไรขึ้นกับคนที่อยู่ในเรือนจำตี้ซิน?หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ ไม่รู้ แต่ในขณะนี้ เรือนจำตี้ซินได้กลายเป็นนรกบนดินไปแล้วไม่ว่าจะเป็นหานซานเฉียน เตาสือเอ้อร์ หรือตี้สู่ พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยเลือด นักโทษคลั่งที่โจมตีพวกเขาตายไปแล้วมากกว่าครึ่ง ในขณะนี้ เนื่องจากการใช้กำลังออกมากเกินไป หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ จึงซ่อนตัวอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งเพื่อฟื้นกำลังหานซานเฉียนไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องนี้มันจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ ขณะเดียวกัน เตาสือเอ้อร์และตี้สู่ก็รู้สึกงงงวยเช่นกันเรือนจำตี้ซินนอกจากสามารถทำให้คนที่เข้ามาที่นี่ไม่สามารถกลับออกไปได้แล้ว พวกเขายังรับประกันความปลอดภัยของนักโทษด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตายไปแล้วกี่คน นี่เป็นการฝ่าฝืนกฎของเรือนจำตี้ซินอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าเรือนจำตี้ซินจะค่อย ๆ เดินไปสู่เส้นทางการล่มสลายแล้ว"พี่ซานเฉียน ถ้าเรือนจำตี้ซินยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะต้องพังทลายลงอย่างไม่ต้องสงสัย เรื่องนี้จะต้องมีคนคอยบงการอยู่เบื้อหลังแน่ ๆ แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ?" ตี้สู่ถามหานซานเฉียนด้วยความสับสนเรือนจำตี้ซินก่อตั้งขึ้นมาหลายร้อยปี ก่อนที่จะมีชื่อเสียงและ
ห้องนอนใหญ่บนชั้นสองของคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเมื่อประตูปิดลง เจี่ยงหลานก็โทรศัพท์หาใครบางคนอย่างระมัดระวัง"ตอนนี้ม่อหยางจัดคนจำนวนมากมาเฝ้าคฤหาสน์ มีสายตาหลายร้อยคู่กำลังจับจ้องอยู่ มันยากมากที่จะพาเธอออกจากคฤหาสน์ คุณจะให้ฉันทำยังไงดีคะ?” เจี่ยงหลานกล่าวอย่างไม่พอใจ“ไม่ต้องห่วง ฉันจะหาทางให้ ให้เวลาฉันอีกสองสามวัน”"ฉันรู้ว่าคุณจะฆ่าฉัน แต่ถ้าฉันถูกจับได้ ในอนาคตจะไม่มีใครทำงานนี้ได้อีก คุณขู่ฉันแล้วจะมีประโยชน์อะไร?"“ได้ สามวัน ภายในสามวัน ฉันจะหาวิธีให้ได้อย่างแน่นอน”หลังจากวางสาย เจี่ยงหลานก็หายใจเข้าลึก เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเมื่อกลับบ้าน แต่ไม่คาดคิดว่าม่อหยางคนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านคนนี้ จะสั่งให้คนหลายร้อยคนมาคอยคุ้มกันคฤหาสน์แบบนี้ ห้ามคนแปลกหน้าเข้ามา และแม้ว่าจะออกไปก็ยังต้องถูกสอบสวนเจี่ยงหลานระบายความโกรธใส่ซูกั๋วเย่าโดยการเตะต่อยเขา หลังจากระบายอารมณ์จนพอใจแล้ว เจี่ยงหลานก็หันหลังกลับและออกจากห้องไปในเวลานี้ คิ้วของซูกั๋วเย่าสั่นไหว และดูเหมือนว่าเขาจะได้สติกลับคืนมาเล็กน้อยจากอาการโคม่าเจี่ยงหลานมาที่ห้องนั่งเล่น และเมื่อเธอเห็นม่อหยาง
ซูหยิงเซี่ยอุ้มหานเนี่ยนและเดินออกจากห้องโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอจะไม่ไปได้อย่างไร?หากไม่ได้เฝ้าดูหานเนี่ยน เธอก็จะรู้สึกไม่สบายใจเจี่ยงหลานไม่ยอมให้ซูหยิงเซี่ยออกไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นแผนของเธอก็จะล้มเหลว นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะพาหานเนี่ยนออกไปได้“ลูกอย่าดื้อสิ อยู่บ้านนี่แหละ ให้แม่ไปก็พอ ตอนนี้ลูกออกจากบ้านไม่ได้ การพักฟื้นเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิง” เจี่ยงหลานเกลี้ยกล่อมเธออย่างกระตือรือร้น"ไม่ค่ะ" ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น "หนูจะไป ป้าเหอ ให้คนข้างนอกเตรียมรถด้วยค่ะ"ทันทีที่เหอถิงได้ยินการเคลื่อนไหว เธอก็รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของซูหยิงเซียแล้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้นคะ?""หานเนี่ยนป่วย ต้องไปโรงพยาบาลค่ะ" ซูหยิงเซี่ยกล่าวเหอถิงตกตะลึง เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย จู่ ๆ ป่วยได้อย่างไร และเมื่อมองไปดูสภาพของหานเนี่ยน ดูเหมือนว่าเธอยังป่วยหนักไม่น้อยเลยด้วยตอนนั้นเอง เจี่ยงหลานก็รู้สึกกระวนกระวาย เพราะกว่าเธอจะหาวิธีพาหานเนี่ยนออกไปได้ ถ้าซูหยิงเซี่ยตามออกไป ความพยายามทั้งหมดของเธอจะสูญเปล่า"เหอถิง เราไปกันสองคนเถอะ ให้หยิงเซี่ยพักอยู่ที่บ้าน ข้างนอกมี
เหตุผลที่สงสัยเจี่ยงหลาน เพราะเธอเป็นบุคคลที่อันตรายในใจของม่อหยางเสมอ และม่อหยางไม่เคยลดความระแวงต่อเธอ อย่างไรก็ตาม ม่อหยางคิดว่าการที่เขาจัดคนกว่าร้อยคนไว้คอยเฝ้าระวัง เจี่ยงหลานจะไม่โอกาสมาเล่นกลกับเขา ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในขณะนี้ ม่อหยางนอกจากจะโกรธมาก ๆ แล้วเขายังโทษตัวเองในใจ ถ้าเขาอยู่ปกป้องหานเนี่ยนตลอดเวลา คงไม่เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นที่สำคัญกว่านั้น จากความเข้าใจของม่อหยางที่มีต่อเหอถิง โอกาสที่เธอจะทรยศหานซานเฉียนนั้นต่ำมาก หากไม่มีหานซานเฉียน เหอถิงก็ไม่มีวันนี้ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องทรยศเขา?เจี่ยงหลานคว้าแขนของม่อหยางด้วยมือทั้งสองข้าง พยายามดิ้นรนหนี แต่เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเธอเทียบไม่ได้กับม่อหยาง และเธอก็รู้สึกหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้เลยด้วยซ้ำเจี่ยงหลานที่พูดไม่ได้ เธอทำได้เพียงส่ายหัวเพื่อแสดงคำตอบของตัวเองม่อหยางผ่อนแรงลงเล็กน้อย เพื่อให้เจี่ยงหลานพูดเจี่ยงหลานหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า "ฉันไม่ได้ทำ ฉันเป็นยายของเธอนะ จะทำสิ่งนั้นได้ยังไง ฉันรู้ว่าฉันเคยทำผิดพลาดมามาก แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว และฉันก
แม้ว่าซือจิงจะเป็นเพียงผู้หญิง แต่เมื่อเธอได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมขึ้นมาก็มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเธอได้ นี่คือความแตกต่างของการอยู่ในตระกูลใหญ่ เธอสามารถมองเห็นด้านที่แตกต่างของโลก และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเธอจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไปเมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างเจี่ยงหลานที่ครั้งหนึ่งเคยต้องการฆ่าลูกชายของเธอ ซือจิงจะแสดงความเมตตาได้อย่างไร?เจี่ยงหลานตะโกนด้วยความเจ็บปวด และเลือดยังคงไหลออกมาจากรูจมูก ซึ่งทำให้เจี่ยงหลานทั้งกลัวและลนลานเธอไม่เคยคิดว่าซือจิงจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันแบบนี้ และเธอก็ไม่คิดว่าเธอจะต้องเผชิญกับความรุนแรงของซือจิง"หลานสาวของฉันอยู่ที่ไหน?" ซือจิงถามต่อยังคงเป็นคำถามเดิม แต่คำถามที่เรียบง่ายนี้ทำให้เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความกลัวแต่เจี่ยงหลานรู้ว่าแม้ว่าเธอจะต้องตาย เธอก็ไม่สามารถพูดความจริงได้ ไม่อย่างนั้นนั้นจุดจบของเธอจะแย่ยิ่งกว่านี้ ในเวลานี้เจี่ยงหลานไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแสดงความน่าสงสารต่อหน้าซือจิง โดยหวังว่าเธอจะเมตตาตัวเองเจี่ยงหลานคุกเข่าลงบนพื้น และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา ในเวลานี้เธอไม่สนใ
ขณะที่หยุนเฉิงกำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง ที่เรือนจำตี้ซินเองก็เช่นกันในนรกแห่งนี้ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด และศพที่สามารถพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งเป็นฝันร้ายสำหรับคนทั่วไป เลือดที่ตกสะเก็ดบนร่างกายของหานซานเฉียนนั้นน่าตกใจมาก มันเหมือนกับว่าเขาคือปีศาจผู้รอดชีวิตจากความตายยังไรอย่างนั้น"พี่ซานเฉียน ดูเหมือนว่า... ดูเหมือนว่าเราจะฆ่าคนทั้งหมดในเรือนจำตี้ซินแล้วนะครับ" ตี้สู่พูดกับหานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว พวกเขายังอยู่กันที่หน้าประตูที่ปิดอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีคนคลั่งแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ตี้สู่ตกใจว่าพวกเขาทำอะไรลงไปกันแน่ ผู้คนหลายร้อยคนในเรือนจำตี้ซินถูกฆ่าตายหมดแล้วอย่างนั้นเหรอ?สำหรับตี้สู่ที่ไม่เก่งในการสังหาร และสนุกกับการหลบหนีจากคุก นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากหานซานเฉียนชำเลืองมองเตาสือเอ้อร์ ในเมื่อไม่มีใครปรากฏตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่ามีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ในนี้แต่พวกเขายังไม่พบกลไกที่จะเปิดประตู และปัญหาที่พวกเขาเผชิญ ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้จากการฆ่าคนทั้งหมด“พี่ซานเฉียน ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี?” เตาสือเอ้อร์ถามหานซานเฉียนไม่ตอบคำถามของเ