หลังจากที่เว่ยจื้อโหยวเข้าไปสำรวจในป่าฝั่งตะวันตกเป็นเวลาสองวัน นางไม่พบกับสัตว์ป่าดุร้ายหรือร่องรอยของสัตว์ป่าที่ตัวใหญ่กว่ากระต่ายและไก่เลย ไม่แน่ว่าแม้แต่หมูป่าก็อาจจะไม่มีด้วยซ้ำไปเช้าวันนี้เป็นวันที่เว่ยจื้อโหยวจะพาชาวบ้านเข้าป่า หลังจากที่เมื่อวานตอนกลับมาจากป่านั้นนางได้ไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านแล้วว่าพรุ่งนี้ชาวบ้านสามารถเข้าไปเก็บผักป่าได้แล้ว นางไม่พบสัตว์ป่าดุร้ายเลยแม้แต่ตัวเดียวชาวบ้านที่จะเข้าป่าไปนั้นได้ไปรวมตัวกันที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านมากันครบแล้วเว่ยจื้อโหยวจึงพาคนทั้งหมดเข้าป่า และนางได้บอกเกี่ยวกับการเข้าป่าวันนี้ว่าทุกคนจะต้องรวมกลุ่มกัน อย่าแยกออกไปตัวคนเดียว หากมีใครแยกออกไปหาของป่าเพียงลำพังและได้รับอันตรายแล้วนางไม่ขอรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้นนางมีหน้าที่แค่พาทุกคนเข้าป่ามาเก็บผักป่าและของป่าเพียงเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของใคร หากใครรับไม่ได้กับข้อตกลงนี้ก็ไม่ต้องเข้าป่าไปกับนางคนจากบ้านเฉียนเองก็เข้าป่าไปหาผักป่าด้วยเช่นเดียวกัน หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ทราบถึงปัญหาระหว่างเว่ยจื้อโหยวกับคนบ้านเฉียนอย่างนางเฉียนอดีตป้าสะใภ้ของอวิ๋นเซียวดี
ในที่สุดเว่ยจื้อโหย่วก็มีวันว่าง ๆ อีกครั้ง วันนี้นางจะเข้าเมืองไปขายโสม และจะชวนท่านพ่อกับท่านลุงไปซื้อข้าวสาร เครื่องปรุง เครื่องเทศต่าง ๆ รวมไปถึงแป้งและธัญพืชต่าง ๆ ห้องเก็บเสบียงยังมีที่ว่าง นางต้องการให้มีอาหารเต็มทั้งสองห้องเว่ยจื้อโหยวให้น้องชายบอกกับเหลาอาหารว่าจะหยุดส่งปลาให้กับทางเหลาชั่วคราว ตอนนี้ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทำให้ตอนนี้จับปลาได้น้อยซึ่งทางเหลาอาหารก็เข้าใจ หลงจู๊เพียงแต่บอกว่าหากมีสัตว์ป่าก็ขอให้แบ่งมาขายให้กับทางเหลาบ้างเท่านั้นเหตุผลที่เว่ยจื้อโหยวหยุดส่งปลาให้กับเหลาอาหารนั้น นางต้องการนำปลาที่จับมาได้มาทำปลาตากแห้ง ปลาย่างรมควัน ปลาหมักที่มีรสเปรี้ยว นางไม่รู้ว่าฤดูหนาวในโลกแห่งนี้จะมีความหนาวเย็นมากแค่ไหน และยาวนานเพียงใด ทุกสิ่งทุกอย่างคงต้องเตรียมให้พร้อม ดูเหมือนว่าวันว่าง ๆ ของนางจะสิ้นสุดลงในวันนี้เสียแล้ว ฟืนยังไม่ได้หา ถ่านยังไม่ได้เผา ฟืนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญพอ ๆ กับอาหาร หากมีอาหารแต่ไม่มีฟืนนั้นย่อมไม่สามารถจะหุงหาอาหารได้ ไม่มีฟืนก็ไม่มีกองไฟที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย เพียงอาศัยผ้าห่มคงให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ"อาเฟย เจ้ากับอาซวนจะเข้าเมื
“เกิดอะไรขึ้น อี้ปิงเป็นอะไร” แม่เฒ่าเหลียนถามลูกสะใภ้ที่เอาแต่ตะโกนเรียกสามี“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะท่านแม่ เมื่อสักครู่ก็คุยกันอยู่ดี ๆ พอข้าหันหลังเดินจะไปทำมื้อกลางวันข้าก็ได้ยินเสียงหนัก ๆ เหมือนของตก พอข้าหันกลับมาก็เป็นแบบนี้แล้วเจ้าค่ะ”“อย่ามัวแต่พูดอยู่เลย เจ้าไปตามหมออู๋มาดูอี้ปิงก่อน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ”ตอนที่นางซ่งซื่อกำลังจะออกไปตามหมอนั้นเหลียนอี้ปิงก็ฟื้นขึ้นมาพอดี แม่เฒ่าเหลียนเห็นว่าลูกชายฟื้นแล้วจึงเรียกลูกสะใภ้เอาไว้ แต่พ่อเฒ่าเหลียนไม่วางใจจึงบอกให้ลูกสะใภ้ไปตามหมอมาตรวจดูจะดีกว่า“ไม่ต้องไปตามหมออู๋มา ข้าไม่ได้เป็นอะไร”“เจ้าบอกไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นเช่นนั้นรึ แล้วที่เจ้าลงไปนอนที่พื้นเช่นนี้เจ้าไม่เป็นอะไรแน่รึ” พ่อเฒ่าเหลียน“ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ ท่านพ่อ ข้าแค่ตกใจขอรับ”“ตกใจ? ตกใจอะไรเจ้ามีเรื่องอะไรให้ตกใจถึงขนาดนี้”เหลียนอี้ปิงไม่พูดอะไรออกมาเพียงแต่ยัดถุงเงินใส่มือพ่อเฒ่าเหลียนไปเพียงเท่านั้น พ่อเฒ่าเหลียนมองสิ่งที่ลูกชายยัดใส่มือก็มองด้วยความสงสัย นอกจากลูกชายจะไม่ตอบคำถามแล้วยังยัดถุงเงินใส่มือเขาอีก ในถุงเงินนี่มันมีอะไรอยู่กันแน่ด้วยความสงสัยพ่อเฒ่าเหลียนจ
เว่ยจื้อโหยวเดินนำหน้าแก๊งหมาป่าพ่อแม่ลูกกลับบ้านอย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางความหวาดกลัวและวิตกกังวลของชาวบ้าน ในเวลาไม่นานเรื่องที่เว่ยจื้อโหยวพาหมาป่ากลับมาด้วยก็ไปถึงหูนางเหลียนเหมยชิงผู้เป็นแม่และคนบ้านเหลียนเว่ยเจี้ยนป๋อที่เพิ่งจะฟื้นคืนสติก็กำลังถูกภรรยาดุด่าเช่นเดียวกับเหลียนอี้ปิงที่กำลังถูกภรรยาดุด่าเช่นเดียวกัน โทษฐานที่ให้ท้ายหลานสาว ตอนนี้นางถึงกับกล้าเอาหมาป่ามาเลี้ยงตั้ง 6 ตัว“ท่านดูสิ เป็นเพราะท่านกับน้องเขยให้ท้ายนางแล้วตอนนี้เป็นยังไง เข้าป่าลึกไปล่าสัตว์ไม่พอ ยังพาหมาป่ากลับมาด้วย นางไม่คิดหรือว่ามันอันตราย หากเกิดอะไรขึ้นกับนางท่านคิดหรือไม่ว่าน้องสาวของท่านจะเสียใจขนาดไหน นั่นลูกสาวของนางนะถึงท่านอยากจะยึดเอามาเป็นลูกสาวของตัวเองก็เถอะ น้องเขยเองก็เช่นกันตามใจลูกจนนางไม่รู้จักเกรงกลัวอันตราย”“นี่ ภรรยา เจ้าจะบ่นข้าทำไม ก็เจ้าน้องเขยตามใจลูกแล้วข้าเกี่ยวอันใดด้วย ข้าเองก็แค่ตามใจหลานเพียงเท่านั้น หลานข้าออกจะเก่งกล้าสามารถเจ้าลืมไปแล้วหรือนางยังจะต้องกลัวอะไรอีก แค่นิ้วเดียวของนางก็ทำให้หมูป่าสิ้นชื่อแล้ว หลานก็แค่เลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้านเอง พวกเจ้าก็ทำให้เป็นเรื่องใ
เรื่องที่ค่ายทหารจะเกิดอะไรขึ้นเว่ยจื้อโหยวไม่ได้รับรู้ วันนี้นางจะนำเขากวางไปขายให้กับโรงหมอ และจะนำกวางไปส่งที่เหลาอาหาร 1 ตัวเป็นการค้าขายครั้งสุดท้ายก่อนที่หน้าหนาวจะมาเยือน หลี่อ้ายหลินภรรยาของเซี่ยเหิงเองตอนนี้นางก็กำลังเข้าเมืองเช่นเดียวกัน หลี่อ้ายหลินพบเห็ดหลินจือ 2 ดอกในตอนที่นางเข้าป่าไปเก็บสมุนไพรเพื่อนำมาขายดังเช่นทุกครั้ง เพราะหมู่บ้านลี่จืออยู่ใกล้ตัวเมืองมากกว่าหมู่บ้านที่เว่ยจื้อโหยวอาศัยอยู่ หลี่อ้ายหลินจึงใช้การเดินเท้าเข้าเมือง ส่วนเว่ยจื้อโหยวนั้นได้เจ้าเฟยหู่ไปส่งให้ทุกครั้ง หลี่อ้ายหลินจะเข้าเมืองขายสมุนไพร 5 วันหนึ่งครั้ง เพราะมีสมุนไพรบางอย่างต้องตากให้แห้งเสียก่อนถึงจะขายได้ราคาดี ตั้งแต่หลี่อ้ายหลินเข้ามาอาศัยร่างของหลี่อ้ายหลินคนที่มีชื่อเดียวกับนางเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้นางเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในที่แห่งนี้แล้วการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องทำเวลา ไม่ต้องกลัวว่ารถจะติด ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับงานให้มากนัก ที่สำคัญการมาอยู่ที่นี่ก็นับว่าไม่แย่จนเกินไป เพียงแต่จะยากจนไปสักหน่อยก็เท่านั้น หลี่อ้ายหลินเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบร้อนเพราะก่อนอ
หลังจากบ้านพักคนงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายช่างมาแจ้งกับนางว่าคนงานสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย แต่ปัญหานางยังไม่มีคนงานเลยสักคน ส่วนบ้านเฉินสามแม่ลูกนั้นนางให้ไปช่วยงานท่านพ่อ จะได้ไปเช้าเย็นกลับสะดวก อีกอย่างที่บ้านของนางมีความลับมากมาย นางจำเป็นจะต้องหาคนที่ไว้ใจได้และซื่อสัตย์ไม่พูดมากเว่ยจื้อโหยวปรึกษาท่านพ่อกับท่านลุงเรื่องหาคนมาทำงานในสวนของนาง เพราะจะคอยแต่ให้ท่านลุงกับท่านพ่อมาช่วยก็คงจะไม่ได้ เพราะทั้งสองคนเองก็ต่างมีที่ดินเพิ่มขึ้นมาหลายหมู่“อาโหยว พ่อว่าเจ้าไปซื้อทาสในเมืองมาช่วยทำงานในสวนของเจ้าก็ย่อมได้ การซื้อทาสให้ซื้อกับทางการจะดีกว่าซื้อกับพ่อค้าทาส แต่เอาเข้าจริง ๆ การเป็นทาสนั้นก็ลำบากมากคนเหล่านี้น่าสงสารมาก”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ เช่นนั้นข้าจะเข้าเมืองไปซื้อทาส ท่านพ่อกับท่านลุงจะไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ”“ไม่ไป ไม่ไป พ่อต้องคอยดูแลทำอาหารให้แม่ของเจ้า”“ลุงเองก็ต้องนำปลาไปให้ป้าของเจ้าทำปลาตากแห้งเอาไว้เป็นเสบียงเพิ่ม เจ้าไปเองคนเดียวได้หรือไม่ หรือจะให้หย่งหมิงไปเป็นเพื่อนดีหรือไม่”“ท่านลุงไม่ต้องเป็นห่วงข้าไปคนเดียวได้เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ ตอนนี
เว่ยจื้อโหยววางแผนเอาไว้ว่าจะไปเยี่ยมหลี่อ้ายหลินที่หมู่บ้านลี่จืออีกครั้ง และนางจะบอกถึงแผนการเดินทางไปตามหาสามีของนางหลังจากหน้าหนาวผ่านพ้นไปและจัดการงานในไร่นาเรียบร้อยดีแล้วตอนนี้นางปลูกข้าวหอมมะลิที่บังเอิญไปเจอในป่าลึกและนำกลับมาปลูกเอาไว้ในมิติเพื่อขยายพันธุ์ให้เพียงพอกับที่ดินของท่านพ่อและท่านลุง นางต้องการให้ท่านพ่อกับท่านลุงปลูกข้าวอย่างเดียว นอกเหนือจากการปลูกข้าวแล้วยังสามารถปลูกแตงโมในแปลงนาได้ หรือไม่ก็ปลูกข้าวโพด ถือเป็นการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อบำรุงรักษาอาหารให้กับดินด้วย ส่วนที่ดินของนางนั้น 10 หมู่นางใช้ปลูกองุ่นทั้งหมด 5 หมู่ ใช้สำหรับเลี้ยงสัตว์ บ่อน้ำสองบ่อ ขนาดบ่อละ 1 หมู่ สวนผักในอนาคตจะขยายพื้นที่เพาะปลูกเป็น 15 หมู่ส่วนที่เหลืออีก 28 หมู่นั้นเป็นสวนผลไม้ทั้งหมด ส่วนที่เป็นพื้นที่บ้านอีก 3 หมู่ นับว่าที่ดินทั้งหมด 63 หมู่นางจัดสรรได้ลงตัวพอดิบพอดี อีกทั้งน้องชายทั้งสองของนางและน้องชายสามีก็จะเข้าเรียนในสถานศึกษาในตัวเมืองทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เงินทองมีใช้ไม่ขาดมือ นางมีความสุขที่ได้เห็นคนในครอบครัวมีความสุข คนที่นางร
นางหวงซื่อเดินมาหาทั้งสองคนที่นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับน้ำชาและขนมแป้งทอดที่นางเพิ่งจะทำเสร็จเมื่อสักครู่ จึงยกออกมาให้ลูกสะใภ้และสหายได้กินเป็นของว่างระหว่างพูดคุยกัน“ท่านป้า ท่านไม่น่าลำบากเลยเจ้าค่ะ ข้ามารบกวนแล้วยังทำให้ท่านป้าเหนื่อยทำขนมมาให้กินอีก”“ไม่เป็นไรแค่นี้เองป้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย จริงสิหนูจื้อโหยวอยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันก่อนนะ อย่าเพิ่งรีบกลับ นาน ๆ เจ้าจะมาสักครั้งอ้ายหลินจะได้มีเพื่อนพูดคุยให้มากหน่อย อยู่ที่หมู่บ้านนางเองก็ไม่มีสหายที่ไหน”“ได้เลยเจ้าค่ะท่านป้า เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะเจ้าคะ จริงสิท่านป้าข้าขอพาเจ้าเฟยหู่ไปเล็มหญ้าหลังบ้านท่านได้หรือไม่ และฝากท่านดูเจ้าเฟยหู่ให้สักครู่ ข้ากับอ้ายหลินจะเข้าป่าเจ้าค่ะ”“ได้สิ เรื่องม้าของเจ้าป้าจะดูแลให้ แต่พวกเจ้าจะเข้าป่าไปทำไมอีก อ้ายหลินหยุดหาสมุนไพรสักวันก็ได้ลูกนาน ๆ สหายของเจ้าจะมาเยี่ยมสักที จะได้มีเวลาพูดคุยกัน”“ท่านป้าไม่ต้องห่วง เข้าป่าก็มีเวลาพูดคุยกันได้ ข้าจะไปช่วยอี้หลินเก็บสมุนไพร อีกอย่างข้าล่าสัตว์เป็นและเก่งด้วยนะเจ้าคะ เผื่อว่าจะมีเนื้อมาให้ท่านป้ากลับมาทำอาหารดีหรือไม่เจ้าคะ”“มันจะอันต
หลังจากเหลียนอี้หลุนแต่งภรรยาเข้าบ้านได้ไม่นาน หยวนจิ้งเองก็พบรักเข้ากับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านแถบชานเมือง นางเป็นบุตรสาวพรานป่าที่มีนิสัยใจคอกล้าหาญไม่ต่างไปจากน้องสะใภ้อย่างเว่ยจื้อโหยว ที่สำคัญนางเป็นคนจิตใจดี หยวนจิ้งแต่งภรรยาได้ไม่นาน ภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ทันที ต่างจากอี้หลุนที่ไม่ว่าจะทำยังไง ภรรยาก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียที ส่วนภรรยาของกู้ตงและสหายทั้งสองตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วเช่นเดียวกัน เว่ยจื้อโหยวเองก็กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความพยายามของอี้หลุนในที่สุดภรรยาก็ตั้งครรภ์เสียที เซี่ยเหิงเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่น อ้ายหลินเองก็ท้องโตและกำลังใกล้คลอดตามเว่ยจื้อโหยวมาติด ๆ หมู่บ้านต้าลี่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เว่ยเจี้ยนป๋อได้เป็นบิดาของจอหงวนฝ่ายบุ๋น อวิ๋นเซียวนั้นมีน้องชายเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ อวิ๋นเฟยกับหย่งคังก็มีลูกชายหญิงให้บิดามารดาได้เลี้ยงหลานไม่เหงา ทำเอาลุงใหญ่อย่างเหลียนอี้ปิงอิจฉาตาร้อนไปหมดเจ้าแฝดต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า หลังจากมารดาคลอดน้อง ๆ แล้วทั้งสองคนจะเข้าไปศึกษาที่เมืองหลวงตามที่รับปากกับท่านลุงเฟยหลงเอาไว้ เว่ยจื้อโหยวมีความสุขที่ได้อยู่กับลู
เหลียนอี้หลุนตอนนี้กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือจะยอมเดินออกมาอย่างเช่นที่เคยทำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่พึงใจในตัวม่านหลิน เพียงแต่เขาคิดว่าตัวเองมีชาติกำเนิดต่ำต้อย บิดามารดาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เจ้าเมืองเตี้ยนถงเองไม่เคยคิดดูถูกชาติกำเนิดของเหลียนอี้หลุนอย่างที่ตัวอี้หลุนเข้าใจ ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกุเรื่องว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของสหายของนางนั้นเพื่อกระตุ้นให้อี้หลุนรู้ใจตัวเองเพียงเท่านั้น เหลียนอี้หลุนทำหน้าที่คุ้มกันขบวนสินค้ามานานแล้วและนางเองก็รู้ดีว่าเขาพึงใจในตัวบุตรสาวคนเล็กของนาง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้ง แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นนางกับสามีนั้นมีหรือจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดเช่นไรกับบุตรสาวของตัวเอง ม่านหลินนั้นตกหลุมรักเหลียนอี้หลุนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ถึงในสายตาคนอื่นนางเป็นคุณหนูจวนขุนนางที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นอกจากวิ่งออกไปเที่ยวตรงนั้นทีตรงนี้ที แต่ความจริงแล้วฝีมือการทำอาหาร งานเย็บปักและการต่อสู้ไม่ได้ด้อยเลย ม่านหลินเองก็เริ่มถอดใจแล้วเช่นเดียวกัน นางคิดว่าความพยายามของตัวเองไม่เป็นผลสำเร็จ ขนาดที่นาง
หมู่บ้านหนานซานตอนนี้ข่าวการกลับมาของสามสหายปากร้ายแห่งหมู่บ้านหนานซานที่กลับมาจากเมืองหลวงพร้อมทั้งนำภรรยากลับมาด้วยเป็นที่เลื่องลือไปสี่หมู่บ้านยี่สิบลี้เลยก็ว่าได้ชาวบ้านหลายคนต่างไม่อยากจะเชื่อว่าบุรุษปากคมเช่นสามคนนั้นจะสามารถแต่งภรรยาจากเมืองหลวงกลับมาได้ อีกทั้งเหล่าภรรยายังเป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มาพร้อมกับสินเดิมมากมายและเช้าวันนี้หลังจากที่ส่งสามีออกไปทำงานแล้วเหล่าสะใภ้ทั้งสามก็นัดแนะกันเข้าป่าล่าสัตว์หาของป่าดังเช่นชาวบ้านทั่วไป ทั้งสามคนคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานมาอยู่หมู่บ้านหนานซานแห่งนี้“ท่านแม่ ท่านพ่อ พี่สะใภ้ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ป่านี้เสวี่ยเหลียนกับซินเหมยคงมารอแล้ว” ม่อจื่อ“จื่อเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ อย่าเข้าป่าลึกมากนัก บ้านเราไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดอย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย เข้าใจหรือไม่” แม่สามีบอกลูกสะใภ้ชาวเมืองอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”ผิงม่อจื่อหลังจากบอกลาแม่สามีแล้วก็มุ่งหน้ามาที่จุดนัดหมายที่มีสหายสองคนรออยู่ที่ทางขึ้นเขาท้ายหมู่บ้าน เส้นทางนี้ชาวบ้านในหมู่บ้า
หลังจากผ่านพ้นการแต่งงานแบบที่แปลกประหลาดไปแล้ว สี่หนุ่มแห่งหมู่บ้านต้าลี่ต่างได้ภรรยากลับไปฝากคนที่บ้านด้วยนอกเหนือจากของฝากที่พวกเขาซื้อเอาไว้มากมายเพราะทั้งสี่คนแต่งงานแล้วและภรรยายังตามสามีกลับไปด้วย ขากลับทำให้มีขบวนรถม้าเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เว่ยจื้อโหยวเองถึงแม้จะดีใจที่เจ้าพวกลิงทโมนทั้งสี่ในที่สุดก็รู้จักแต่งภรรยามีครอบครัวเสียทีจะได้ไม่ต้องรวมหัวกันไปทำเรื่องอะไรพิเรน ๆ อีก แต่ดูท่าทีภรรยาของแต่ละคนแล้ว เว่ยจื้อโหยวคิดว่าคงมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกไม่น้อย “เดินทางปลอดภัยนะ อาเซียวน้องสะใภ้” เฟยหลง“ขอบคุณขอรับพี่รอง ท่านกลับไปดูแลพี่สะใภ้กับหลานชายเถอะไม่ต้องเป็นห่วง” อวิ๋นเซียว“เจ้าแฝดไม่อยู่กับลุงที่เมืองหลวงหรือ” เฟยหลงถามหลานชาย“ไม่ขอรับ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อทำงาน เอาไว้ถึงเวลาเข้าสำนักศึกษาแล้วค่อยมาอยู่กับท่านลุงที่เมืองหลวงขอรับ แต่ต้องรอให้ท่านแม่มีน้องก่อนนะขอรับ เพราะหากพวกเราสองคนมาอยู่ที่เมืองหลวงข้ากลัวท่านแม่จะเหงา” ต้าเป่า“ได้ เช่นนั้นลุงรองจะสร้างเรือนเอาไว้ให้พวกเจ้าสองคนนะ เอาติดกับเรือนของน้องชายเลยดีหรือไม่”“ดีขอรับ ท่านลุงรักษาตัวด้วยนะขอรับ เอาไว้ต้าเ
เวลาผ่านไปอีกสองวันก็มีข่าวออกมาว่าชุยต้าหวังพร้อมนางจินซื่อถูกจับข้อหาร่วมมือกันทำให้อดีตภรรยาเอกถึงแก่ความตาย และยึดเอาสินเดิมภรรยาพร้อมทั้งใส่ความบุตรที่เกิดกับภรรยาเอกให้มีความผิดและส่งขายไปเป็นทาสหลวงหลังจากเจ้าหน้าที่ทางการสอบสวนแล้วนางจินซื่อสารภาพว่าเป็นคนวางยาอดีตภรรยาเอกเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นภรรยาเอกแทน ส่วนชุยต้าหวังมีความผิดฐานยึดเอาสินเดิมภรรยาและขายลูกชายทั้งสี่ไปเป็นทาส ด้วยเหตุนี้นางจินซื่อมีโทษประหารข้อหาฆ่าคนตาย ชุยต้าหวังมีโทษจำคุก 30 ปี ส่วนลูกชายอย่างชุยตงหลางนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่บิดามารดาได้กระทำลงไปจึงไม่มีความผิด ลูกสาวอย่างชุยรุ่ยเอ๋อร์นั้นมีส่วนรู้เห็นและร่วมมือกับมารดาทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายมีโทษจำคุกตลอดชีวิตเช่นเดียวกันทางการได้คืนสินเดิมของมารดาชุยต้าทั้งหมดให้กับพวกเขาสี่พี่น้อง ชุยต้าเองย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือของฮูหยิน แต่พวกเขาไม่ยินดีที่จะอยู่เมืองหลวงอีกต่อไป เพราะต่างก็ตั้งใจลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านต้าลี่แล้ว ชุยต้ากลับไปคงต้องคุยกับพี่น้องของตัวเองเรื่องสินเดิมมารดาที่เหลือไม่มากแล้วเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชุยต้าหวังและนางจินซื่
หย่งซีและชุยต้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับที่เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากวังหลวงเช่นเดียวกัน หย่งซีใบหน้าบูดบึ้งเดินกระแทกเท้าตึง ๆ เข้าไปหาพี่สาวเพื่อบอกกับนางว่าเขาและชุยต้าถูกคนรังแกอย่างไรบ้าง“เป็นอะไรเสี่ยวซีทำไมหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้น ใครทำอะไรให้โมโหมาหรือ” เว่ยจื้อโหยวถามน้องชาย“ก็วันนี้ข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองมาแล้วไปเจอยายป้าปากแดงอยู่ ๆ ก็เข้ามาด่าว่าพี่ชายชุยต้ากับข้า แถมยังบอกว่าพี่ชายชุยต้าเป็นอดีตพี่ชายของนาง เท่านั้นยังไม่พอนางยังด่าว่าเป็นทาสด้วย เป็นทาสอะไรกันไม่ได้เป็นทาสเสียหน่อย”“ใครกันน่ะ เหตุใดถึงได้กล้าด่าคนอื่นกลางตลาดขนาดนั้น ไม่กลัวคนอื่นจะมองไม่ดีแล้วไม่มีใครมาสู่ขอหรือ แถมเป็นสตรีด้วย”“ข้าไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ รู้แค่ว่านางไม่สวย ทาหน้าขาวโพลนแถมยังปากแดงอีกด้วย ใครจะไปสนใจกันว่านางเป็นใคร ไม่ได้รู้จักแต่เข้ามาด่า นางบอกว่าพี่ชุยต้าเป็นอดีตพี่ชาย”“สรุปที่เจ้าโมโหขนาดนี้ แม่นางผู้นั้นด่าเจ้าหรือด่าชุยต้า” “ด่าข้าด้วย ด่าพี่ชายชุยต้าด้วย นางด่าข้าว่าไอ้เด็กเหลือขอ พ่อแม่ไม่สั่งสอน” หย่งซีหน้างอตอบพี่สาว“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวจะไปถามชุยต้าเดี๋ยวพี่สาวจะจัดก
หลังจากที่ราชครูเถียนได้ตัดสินใจออกไปแบบนั้นแล้ว เขาไม่เสียใจที่ต้องทำเช่นนี้ หาไม่แล้วตระกูลเถียนคงได้ล่มสลายเพราะสตรีสมองหมูสองคนนี้เป็นแน่ เถียนเสี่ยวมี่ไม่ยินยอมจึงได้โวยวายว่าบิดาไม่ยุติธรรม“ท่านพ่อ ท่านจะมาทำแบบนี้กับข้าและท่านแม่ไม่ได้ เหตุใดเราสองแม่ลูกจะต้องไปอยู่ที่หมู่บ้านบรรพบุรุษด้วยเจ้าคะ การที่ลูกรักพี่จิ้งลูกผิดหรือเจ้าคะ”“ผิด เพราะหยวนจิ้งไม่ได้มีไมตรีต่อเจ้า การที่เจ้าไปวิ่งตามหยวนจิ้งแบบนั้นนอกจากจะด้อยค่าตัวเองแล้วยังทำลายเกียรติของตระกูลเถียนด้วย เจ้าไม่รู้สึกอับอายผู้คนบ้างหรือ”“ท่านพี่ ให้โอกาสเราแม่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ ต่อไปข้าจะดูแลมี่มี่ให้ดี จะไม่ให้ออกไปก่อเรื่องได้อีก”“ข้าตัดสินใจแล้ว การกระทำของเสี่ยวมี่ที่ผ่านมามันบ่งบอกได้ถึงว่านางไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดี ตัวข้าเป็นขุนนางตำแหน่งราชครู แม้แต่ลูกสาวของตัวเองยังสั่งสอนไม่ได้แล้วข้าจะมีหน้าไปสั่งสอนผู้อื่นได้เช่นไร พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมว่ายังมีลูกชายทั้งสองคนที่เป็นขุนนางอนาคตไกล อย่าให้การกระทำสิ้นคิดของเจ้ามาทำลายตระกูลเถียนและหน้าที่การงานของทุกคน นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าให้ได้ปรับปรุงตัวเ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้หยวนจิ้งอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก หลังจากส่งหลาน ๆ กลับจวนแม่ทัพแล้ว ตัวเขาเองก็มุ่งหน้ากลับจวนกั๋วกงทันทีหยวนจิ้งกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนของฮูหยินทันที เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เขาไม่อาจใจเย็นได้อีก ก่อนจะจัดการคนอื่นต้องจัดการคนในครอบครัวก่อน คนแรกคือท่านแม่ของเขาเอง“ท่านแม่อยู่หรือไม่”“อยู่เจ้าค่ะคุณชาย กำลังสนทนาอยู่กับฮูหยินท่านราชครูเจ้าค่ะ”“ขอบใจ มีอะไรก็ไปทำเถอะ"“เจ้าค่ะคุณชาย”หยวนจิ้งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้าไปหาผู้เป็นมารดาที่ตอนนี้นั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่กับฮูหยินจวนราชครู หยวนจิ้งเองไม่คิดจะไว้หน้าอยู่แล้ว ในใจเขาคิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปถึงจวนราชครู หวังว่าฮูหยินจะกลับไปสั่งสอนลูกสาวหรือตัวฮูหยินเองที่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างและอย่าได้คิดมาเล่นแง่หาข้ออ้างอะไรอีก แม้แต่ท่านแม่ของตัวเองวันนี้หยวนจิ้งเองก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้“คารวะท่านแม่ขอรับ คารวะฮูหยินท่านราชครู"“อ้าว อาจิ้งทำไมกลับมาไวนักล่ะลูก ไหนว่าไปที่ตำหนักองค์ชายสามไม่ใช่หรือ” “อุ๊ย ดูพูดเข้าสิ หลานจิ้งฮูหยงฮูหยินอะไรกัน เรียกท่านป้าเถอะจ้ะ” ฮูหยินราชครู“ไม่ล่ะขอรับ ข้าไม่ส
เว่ยจื้อโหยวพาลูก ๆ และสามีเดินทางรอนแรมจากหมู่บ้านต้าลี่ในที่สุดก็ถึงเมืองหลวงเสียที คนที่มารอรับพวกเขาอยู่นอกประตูเมืองคือเฟยหลงกับหยวนจิ้ง เด็กน้อยทั้งสี่ต่างขดตัวนอนหลับอยู่ภายในรถม้ากับพี่เลี้ยงสี่ขาทั้งสี่เฟยหลงพาน้องชายนอกสายเลือดที่เขารักไม่ต่างจากคนสายเลือดเดียวกันเข้าไปพักที่จวนแม่ทัพ ก่อนหน้านั้นหลายปีจวนแม่ทัพแห่งนี้มีอวิ๋นซวนกับหย่งคังและหย่งหมิงพักอยู่ ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงหย่งหมิงกับอวิ๋นซวนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาหลวง“ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ ตอนนี้อาซวนกับอาหมิงคงยังไม่กลับจากสถานศึกษา” หยวนจิ้ง“พาหลาน ๆ ไปนอนในห้องหับเสียก่อน เดินทางมาไกล ต้าเป่ากับน้อง ๆ คงเหนื่อยแย่” เฟยหลง “ขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง” อวิ๋นเซียว"เอาล่ะ ซ้ายมือเป็นเรือนของอาเหิงกับครอบครัว ส่วนอาเซียวอยู่เรือนหน้าก็แล้วกัน เรือนด้านขวานั้นอาหมิงกับอาซวนพักอยู่ก่อนแล้ว ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปพักอยู่ที่เรือนหลังก็แล้วกัน" เฟยหลงแจกแจงที่พักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าเรือนพักเรียบร้อยแล้ว รถม้าทั้ง 10 คันก็เขาไปจอดเรียบร้อยที่พื้นที่ด้านหลังของจวน ม้าเองก็ต้องการพักผ่อนเช่นเดียวก