เนื่องจากมีคำสั่งของซ่างกวนซี ดังนั้น...หลังจากธูปหมดดอก เยี่ยนเว่ยฉือก็ถูกพันมือทั้งสองข้างจนเหมือนบ๊ะจ่าง ไม่มีผิวส่วนใดโผล่ออกมาเลยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการจับสิ่งของ แม้แต่ถ้วยชานางก็ยังยกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือยกมือทั้งสองข้างที่พันไว้เหมือนบ๊ะจ่าง โบกไปมาตรงหน้าซ่างกวนซี “ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้แกล้งข้าอยู่กระมัง?!”ซ่างกวนซีเหลือบมองนาง “ข้าไม่มีเวลาว่างถึงเพียงนั้นหรอก!”พูดจบ ซ่างกวนซีก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับกำชับอย่างไม่พอใจ “ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะหายดี เจ้าห้ามออกไปไหน เรื่องเถาเหลยกงก็ไม่ต้องสนใจ!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็หายตัวไปในเรือนหลังเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียน “ฝ่าบาท… ดูเหมือนจะไม่พอใจบางอย่าง?”อวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ตอนทานมื้อกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย ออกไปเจอเรื่องอะไรมา?”“ฝ่าบาทออกไปทำอะไรหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือถามต่ออวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ ซ่างกวนซีไม่ได้บอกอะไรทั้งสองคนไม่เข้าใจ จึงหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ใจคนเป็นองค์รัชทายาทยากจะหยั่งถึง ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” เขาไม่ใช่ไม่เข้าใจ แค่พูดไม่ได้เท่านั้นซ
หน้ากากสีทองบดบังใบหน้าของฝูกวง แน่นอนว่ามันบดบังสีหน้าของเขาด้วยมิฉะนั้นเยี่ยนเว่ยฉือคงได้เห็นความดูถูกและความไม่แยแสบนใบหน้าของฝูกวงแล้วฝูกวงพูดอย่างเย็นชา “ศาลาจิ่วโยวได้รับงานใหม่ บอกว่าจวนรัชทายาทกำลังหาคนชื่อฮวาอวี๋ ใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย พูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ซ่างกวนซีเขา...เขาช่วยข้าหาคนจริง ๆ หรือ?”ฝูกวงขมวดคิ้วมองเยี่ยนเว่ยฉือ เร่งเร้า “ข้าถามเจ้าอยู่ ใช่หรือไม่ใช่?”เยี่ยนเว่ยฉือได้สติ รีบพยักหน้า “อ่า ใช่ ใช่ ใช่ เป็นอย่างไร? เจ้าหาเจอแล้วหรือ?”ฝูกวงพูดตรง ๆ “หนึ่งพันตำลึง”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก “เจ้ามาไถเงินจริง ๆ ด้วย แต่ก็ยังดี เมื่อเทียบกับหนึ่งหมื่นตำลึงครั้งก่อน ถือว่าเจ้าไว้หน้าข้ามากแล้ว”ฝูกวงเสริม “หนึ่งพันตำลึง หนึ่งเบาะแส”เบาะแส?เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ “สรุปว่าเจ้ายังหาคนไม่เจอ เพียงแค่ได้หนึ่งเบาะแส”ฝูกวงตอบอย่างเย็นชา “เจ้าจะไม่ซื้อก็ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”ฝูกวงกำลังจะหันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบพูด “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! เจ้าคนนี้ เหตุใดไม่มีความอดทนเลย ใครซื้อของก็ต้องต่อราคาทั้งนั้น!”ฝูก
เยี่ยนเว่ยฉือพูดติดตลก “ฝ่าบาทบอกว่าจะใช้ข้าเป็นหมอนข้าง ไฉนเพิ่งกอดได้สองวันก็ไม่กอดแล้ว? ในฐานะหมอนข้างที่ดี ข้าก็ต้องมีจิตสำนึกสิ นี่ไง อาบน้ำมาสะอาดเอี่ยมมาให้ท่านกอดแล้ว”ซ่างกวนซีสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง เด็กคนนี้นี่อย่างไร ไม่ตั้งใจก็ทำให้ใจคนสั่นไหวได้“มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ อย่าได้อ้อมค้อม!” ซ่างกวนซีเร่งเร้าอย่างเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี เข้าไปใกล้เขา ยิ้มหวาน “ฝ่าบาท ข้าอยากออกไปข้างนอก”“ไปไหน?” ซ่างกวนซีลุกขึ้นรินชา หลบเลี่ยงความใกล้ชิดของเยี่ยนเว่ยฉือกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ลอยกรุ่นเข้าไปในโพรงจมูกของเขาไม่หยุดกลิ่นสมุนไพรที่ควรจะทำให้จิตใจสงบ กลับกลายเป็นเหมือนยาปลุกอารมณ์ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นบุรุษในยามเช้าตรู่มักจะตื่นตัวเป็นพิเศษ เยี่ยนเว่ยฉือเลือกเวลาได้เหมาะเจาะจริง ๆเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้คิดอะไรมากถึงนางจะมีจิตวิญญาณของคนยุคปัจจุบัน แต่ในเรื่องชายหญิงยังถือว่าไม่ประสีประสา สำหรับเรื่องที่อ่อนประสบการณ์ นางจึงไม่ได้คิดรายละเอียดมากนักเมื่อเห็นซ่างกวนซีถาม เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ปิดบัง ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าฝ่าบาท
ซ่างกวนซีกำลังยุ่งกับการแต่งตัว จึงวิ่งทางตามออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงพูดว่า “ไปหาเฟยเหยียนและเทียนซู ให้พาเจ้าไปด้วยกัน!”มีศิษย์น้องสองคนนี้คอยคุ้มกัน ซ่างกวนซีถึงจะวางใจได้บ้างเยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ รับคำแล้วรีบวิ่งออกจากเรือนซวงหานซ่างกวนซีแต่งตัวเสร็จเดินออกมา มองประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ ส่ายหน้าอย่างจนใจเขาไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือไปเสี่ยงอันตรายแต่ฮวาอวี๋คนนั้นมีร่องรอยที่ลึกลับ เขากังวลว่าต่อให้คนของเขาถึงจะพลิกแผ่นดินหา ก็อาจจะหาฮวาอวี๋ไม่พบแต่ในเมื่อฮวาอวี๋เคยสนใจเยี่ยนเว่ยฉือครั้งหนึ่ง บางทีครั้งนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือปรากฏตัว อาจจะยอมออกมาพบก็เป็นได้ดังนั้นแทนที่จะให้เยี่ยนเว่ยฉือไปหาคน สู้ให้เยี่ยนเว่ยฉือเป็นเหยื่อล่อ ใช้ตกปลาที่ชื่อฮวาอวี๋ตัวนั้น……หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือได้รับอนุญาตจากซ่างกวนซีแล้ว ก็วิ่งมาที่เรือนรับรองแขกอย่างมีความสุข เพื่อให้ฉินเซียงหรูให้แกะผ้าพันแผลออกให้ฉินเซียงหรูยังคงยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา ราวกับว่าสมุนไพรเหล่านั้นเป็นของล้ำค่า ต้องตากแดดทุกวัน ต้องจับอย่างเบามือเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมา ฉินเซียงหรูมองไปข้างหลังนางเพื่อดูว่ามีซ่
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ “เจ้านั่นหายไปตั้งหลายวัน พิษในร่างกายคงจะหมดสิ้นแล้วเป็นแน่ หรือเขาอาจรู้ว่าข้าไม่ได้วางยาเขา จึงหนีไป? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเขามีไหวพริบอยู่บ้าง แต่ยาของข้ามีช่วงระยะแรกและระยะท้าย ไม่รู้ว่าระยะท้ายจะเป็นอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้ม เริ่มนับวันถอยหลังแต่นางไม่รู้ลยว่าลู่อู๋ไม่ได้หนี ไม่เพียงแต่จะไม่หนี เขายังไม่คิดจะหนีไปไหนอีกด้วย……คืนนั้น หอวสันต์อนันตกาลอวี๋เฟยเหยียน เย่เทียนซู ฉินเซียงหรู ชายสามคนปรากฏตัวพร้อมกันที่หน้าประตูหอวสันต์อนันตกาลฉินเซียงหรูมองแสงไฟที่สว่างไสวภายในหอวสันต์อนันตกาล ได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะดังออกมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ดูแล้ว ที่นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ที่ดูดีมีระดับ”เย่เทียนซูยกยิ้ม “ท่านหมอฉิน ท่านเคยไปสถานที่อโคจรด้วยหรือ?”ฉินเซียงหรูชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างอึดอัด เขาไม่เคยไปจริง ๆเย่เทียนซูพูดต่อ “คนชั่วที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนซื่อสัตย์ คนเลวที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนดี สถานที่ที่หรูหราดูดี มักจะซ่อนสิ่งสกปรกไว้ ไปดูกันเถอะ”ทั้งสามคนแต่งกายดี เมื่อเดินเข้าไปในประตูหอวสัน
อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง ราวกับได้ยินเรื่องเหลือเชื่อเขาถามอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “แขก...แขกสตรี? เป็น...เป็นอย่างที่ข้าคิดใช่หรือไม่?”หลงหยางยิ้มเล็กน้อย ตอบอย่างใจเย็น “เป็นอย่างที่คุณชายคิด สุภาษิตว่า อาหารและกามารมณ์เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ฟ้าดินกลมกลืน หยินหยางประสานกัน เป็นธรรมดาสามัญของมนุษย์ ในเมื่อเป็นเรื่องปกติธรรมดา แน่นอนว่าทั้งแขกชายและแขกหญิงควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน”อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างตกใจ “แต่...แต่ที่นี่ไม่มีแขกสตรีนี่นา มองไปทางไหนก็มีแต่บุรุษทั้งนั้น”เย่เทียนซูขมวดคิ้ว “อย่าเอะอะไป แขกสตรีเข้าทางประตูหลัง”อวี๋เฟยเหยียนนึกขึ้นได้ จริงสิ แขกสตรีเข้าทางประตูหลังที่นี่เป็นสถานที่ที่...มหัศจรรย์จริง ๆอวี๋เฟยเหยียนถามอย่างใจจดใจจ่อ “แล้วชั้นสุดท้ายเล่า? ไอ้เจ้า ‘เบญจมาศ’ นั่นหมายความว่าอะไร?”หลงหยางยิ้ม ไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่พูดว่า “ทั้งสามท่านมาที่นี่ครั้งแรก ลองนั่งที่ห้องโถงชั้นหนึ่งก่อน ประเดี๋ยวจะมีคณะงิ้วที่ดีที่สุดในเมืองหลวงมาทำการแสดงที่นี่ขอรับ”ในขณะที่อวี๋เฟยเหยียนกำลังจะถามต่อ ฉินเซียงหรูก็จับแขนเขาไว้ พูดด้วยรอยยิ้ม “ก็ดี พวกเรานั่งตร
เขาอยากรู้ว่าฉินเซียงหรูดูผิดหรือไม่ คนคนนั้นใช่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือเปล่าแต่ทันทีที่เย่เทียนซูลุกขึ้น ก็ถูกฉินเซียงหรูขวางทางไว้ฉินเซียงหรูส่ายหน้าเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้เขานั่งลงเย่เทียนซูขมวดคิ้วถาม “เป็นอะไร?”ฉินเซียงหรูจิบชาพลางพูดว่า “มุมตะวันออกเฉียงใต้ มุมตะวันตกเฉียงเหนือของชั้นสอง มุมตะวันตกเฉียงใต้ มุมตะวันออกเฉียงเหนือของชั้นสาม และมุมทั้งสี่ของชั้นสี่ ล้วนมีผู้มีฝีมืออยู่”ผู้มีฝีมือ?เย่เทียนซูและอวี๋เฟยเหยียนรีบเงยหน้าขึ้นมองฉินเซียงหรูรีบพูด “อย่าจ้องมองพวกเขา นั่งอยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่ง เจ้าไม่กินอะไร ไม่ฟังเพลงดูงิ้ว แต่กลับดูการวางกำลังของพวกเขา นี่เป็นการบอกพวกเขาอย่างชัดเจนว่าพวกเรามีจุดประสงค์แอบแฝง”เย่เทียนซูพยักหน้า “มีเหตุผล สถานเริงรมย์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เหตุใดถึงมีผู้มีฝีมือมากมายขนาดนี้ หอวสันต์อนันตกาลแห่งนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่”อวี๋เฟยเหยียนลดเสียงลง “จะเป็นเหมือนหอหงซิ่วของเจ้าหรือไม่ สถานเริงรมย์เป็นเพียงภาพลักษณ์ ภายนอก แต่จริง ๆ แล้วมีจุดประสงค์อื่น?”เย่เทียนซูบอกไม่ได้ ทำได้เพียงส่ายหน้าเล็กน้อย แสดงว่าเขาไม่รู้ฉินเซียงหรูวางถ้วยชาลง
เย่เทียนซูเลิกคิ้ว “เชื่อข้าเถอะ คนยิ่งทำเรื่องชั่วเท่าไหร่ ยิ่งกลัวตายเท่านั้น!”อวี๋เฟยเหยียนก็อยากรู้อย่างมาก จึงถือไม้ขีดไฟไปยังร้านขายของชำที่อยู่ไม่ไกลนักเมื่อเย่เทียนซูเห็นดังนั้น ก็รีบกลับไปที่หอหงซิ่วเพื่อหาคนเมื่อเย่เทียนซูพาคนออกมา ร้านขายของชำก็ควันโขมงพอดีเย่เทียนซูรีบพาคนตะโกน “หนีเร็ว ไฟไหม้แล้ว ร้านชำไฟไหม้ ทุกคนหนีเร็ว!”ร้านค้าตามถนนเหล่านี้มักจะอยู่ติดกันเมื่อร้านหนึ่งไฟไหม้ มักจะลามไปยังร้านข้างเคียงตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ร้านอื่น ๆ ปิดร้านพักผ่อนกันหมดแล้วมีเพียงหอวสันต์อนันตกาลที่คึกคักเป็นพิเศษเมื่อได้ยินคนตะโกนว่าไฟไหม้ ลูกค้าข้างในก็สูดจมูกดมกลิ่นโดยไม่รู้ตัวเป็นอย่างที่คิด พวกเขาได้กลิ่นควันไฟลอยมาทุกคนตกใจในทันที รีบวิ่งออกไปข้างนอกผู้จัดการร้านหลงหยางเมื่อได้ยินเสียงตะโกนก็กังวล รีบสั่ง “พวกเจ้าออกไปดูว่าเกิดไฟไหม้ที่ไหน แล้วไปช่วยดับไฟเสีย ที่เหลือขึ้นไปแจ้งให้ทุกคนออกไปหลบภัย!”ข้าวของไหม้เป็นเรื่องเล็กหากมีคนตาย นั่นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่!หลงหยางยังแยกแยะเรื่องสำคัญออกลูกน้องของเขารีบทำตามคำสั่ง รีบขึ้นไปเคาะประตูในขณะเดียวก
ซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปหานาง "เต๋อซ่วนกงกงอุตส่าห์มาทั้ง ๆ ที่ฝนตก มิเช่นนั้นข้าคงมิให้เจ้าต้องลำบากมาด้วยตนเอง"พูดอีกอย่างก็คือ วันนี้ที่ให้เกียรติก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาท ไม่ใช่ฮองเฮา และยิ่งไม่ใช่เพื่อองค์หญิงเหวินหลิงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มให้องค์หญิงเหวินหลิง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า วางมือของตนเองบนมือของซ่างกวนซี แล้วนั่งลงด้วยกันจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ ข้ามาแล้ว องค์หญิงมีอะไรอยากทำอยากพูดก็รีบทำรีบพูดเถิด ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่!"องค์หญิงเหวินหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธนางเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทและฮองเฮา เสด็จพี่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่เคยต้องลำบากเช่นนี้มาก่อนแต่ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำอะไรกับนาง สำนักหมอหลวงทั้งสำนักก็ยังจนปัญญานางคันคะเยอจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน แทบจะข่มตานอนไม่หลับสตรีให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากที่สุด นางไม่กล้าเกาแรง ๆ กลัวผิวหนังจะถลอก ได้แต่อดทนไว้ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากกินยานอนหลับแล้วก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับ องค์หญิงเหวินหลิงก็ข่มความไม่พอใจ
ความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง
ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง
"เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา
ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี
แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก
ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ