เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองฉินเซียงหรูที่อยู่ไม่ไกลนัก เห็นฉินเซียงหรูกำลังยิ้มเยาะเบา ๆ อยู่เขาชักแขนเสื้อขึ้น ถือสมุนไพร กล่าวอย่างมีนัยสำคัญว่า “องค์รัชทายาท แท้จริงแล้วเป็นบุคคลที่เปิดเผยที่สุดในโลก!”“แค่กแค่กแค่ก...” เยี่ยนเว่ยฉือแทบจะสำลักน้ำลายตนเองนางทำท่าเขินอาย เดินเข้าไปหาเด็กหญิงทั้งสอง กล่าวว่า “เอาล่ะ อย่ามัวคุกเข่าอยู่เลย ลุกขึ้นมาพูดคุยกันเถอะ”ทั้งสองสบตากัน แล้วก็ลุกขึ้นยืนเยี่ยนเว่ยฉือถามต่อว่า “พวกเจ้าอายุเท่าไร?”ไคจือตอบว่า “หม่อมฉันอายุสิบห้าปีเพคะ บ้านอยู่ที่หมู่บ้านหลี่เจีย เมื่อก่อนท่านแม่ป่วย ท่านพ่อจึงขายหม่อมฉันให้กับตลาดค้าทาส บัดนี้ท่านแม่จากไปแล้ว ท่านพ่อจึงแต่งงานใหม่ ไปใช้ชีวิตอยู่ทางใต้”กล่าวอีกนัยหนึ่ง นางไม่มีญาติพี่น้องในเมืองหลวงอีกแล้วเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปมองซ่านเย่ซ่านเย่ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่า กล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวว่า “หม่อมฉัน… หม่อมฉันอายุสิบสี่ปีเพคะ เป็นเด็กกำพร้า มาจากทางใต้ ตามพ่อค้าตลาดค้าทาสมายังเมืองหลวง ไร้ญาติขาดมิตร”จางมามาเข้ามาใกล้เยี่ยนเว่ยฉือ กระซิบว่า “พระชายาวางใจเถิดเพคะ เด็กหญิงทั้งสอง หม่อมฉันไ
ทั้งสองสบตากัน แล้วหันหน้าหนีใบหน้าเต็มไปด้วยความขัดเขินและความกระดากอายฉินเซียงหรูเหลือบมองไปมาระหว่างทั้งสอง แล้วส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวว่า “ดูเหมือนนกนางแอ่นธรรมดาบนขื่อ เมื่อลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมาก็โผบินเคียงคู่กัน เอ่อ กระหม่อมขอตัวก่อน!”เขาไม่อยากกินอาหารสุนัขที่นี่!ซ่างกวนซีตั้งสติ รีบกล่าวว่า “หมอฉินรอสักครู่ ข้ามาหาเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้น จึงรีบกล่าวว่า “เช่นนั้นพวกท่านก็คุยกันเถอะ ข้ายังมีธุระ!”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้รอคำตอบจากซ่างกวนซี รีบหนีไปทันทีแม้ว่านางจะไม่รู้หนังสือ แต่ก็เข้าใจประโยคแซวของฉินเซียงหรูช่างน่าอับอายยิ่งนัก!……เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้สนใจว่าซ่างกวนซีจะพูดคุยอะไรกับฉินเซียงหรูเวลานี้ นางคิดถึงมือสังหารที่ต้องการจะสังหารนางอยู่ตลอดเวลาดังคำที่ว่า ไม่กลัวโจรขโมย แต่กลัวโจรคำนึงถึงนางไม่อาจอยู่แต่ในจวนองค์รัชทายาทได้ตลอดไปและไม่อาจใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกันดังนั้น ต้องจัดการมือสังหารคนนั้นให้ได้เสียก่อนก่อนหน้านี้นางคิดจะใช้เหยื่อล่อ ไปตกปลาในที่เปลี่ยว แล้วจุดธูปหอมตราบใดที่มือสังหารสะกดรอยตามนาง ไม่กี่วันก
พ่อบ้านจางเห็นดังนั้น จึงรีบกล่าวว่า “ไม่ควร! ไม่ควร! สถานที่ต่ำช้าเช่นนั้น พระชายาจะเสด็จไปได้อย่างไร? ไม่ควรอย่างยิ่ง”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มมองพ่อบ้านจาง ราวกับจะสื่อว่า “หากเจ้าไม่พูดให้ชัดเจน ข้าก็จะไปเดี๋ยวนี้”พ่อบ้านจางกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เป็นหอนางโลมจริง ทว่าในหอนางโลมนั้น... ไม่มีหญิงสาว”“หอนางโลม? ไม่มีหญิงสาว?” เยี่ยนเว่ยฉือและจางมามาสบตากัน ต่างก็รู้สึกสงสัยพ่อบ้านจางทำหน้าเศร้า “ล้วนมีแต่… ล้วนมีแต่ชายหนุ่มรูปงาม!”“อ๋อ!” เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจแล้ว“ที่แท้ก็เป็นบาร์โฮสต์นี่เอง!” เยี่ยนเว่ยฉือกล่าว“อ๊ะ? บาร์โฮสต์? บาร์โฮสต์คืออะไร?” คราวนี้ถึงคราวพ่อบ้านจางและจางมามาที่ไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเบา ๆ กล่าวว่า “เปล่า ไม่มีอะไร ร้านนั้นค้าขายดีหรือไม่?”พ่อบ้านจางตอบว่า “วันนี้ร้านเพิ่งเปิดเป็นวันแรก ดูเหมือนลูกค้าแน่นร้านทีเดียว ล้วนเป็นชาย ไม่เห็นหญิงสาว ทว่าในตรอกหลังร้านจอดรถม้าไว้หลายคัน คาดว่าคงมีหญิงสาวมาใช้บริการไม่น้อย”เยี่ยนเว่ยฉือถอนใจ “ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มเหล่านี้จะรับทั้งชายและหญิง แท้จริงแล้วมีฝีมือมากเท่าไรก็ไม่เป๋ยภาระมากเท่านั้นสินะ!”รับทั้งชาย
เขาไม่เชื่อว่าหลังจากเกิดเหตุลอบสังหาร ซ่างกวนซีจะปล่อยให้เยี่ยนเว่ยฉือออกไปเพียงลำพัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกาลแต่อย่างไรเสีย โอกาสก็อยู่ตรงหน้า หากปล่อยผ่านไปก็ดูไม่สมเหตุสมผลคิดไปคิดมา ลู่อู๋จึงค่อย ๆ ตามเยี่ยนเว่ยฉือไปสิ่งที่ทำให้ลู่อู๋รู้สึกแปลกใจคือ ขณะที่เขาตามเยี่ยนเว่ยฉือไป กลิ่นหอมของสตรีก็โชยมาตลอดทางลู่อู๋ปิดจมูกเบา ๆ กลัวว่ากลิ่นหอมนี้จะมีพิษแฝงเพื่อความระมัดระวัง เขาจึงกระโดดขึ้นไปบนหลังคา เฝ้าดูเยี่ยนเว่ยฉือจากที่สูงแต่เมื่อตามไป เขาก็พบว่าเยี่ยนเว่ยฉือวนเวียนอยู่แต่ในตรอกซอกซอยลู่อู๋คิดในใจว่า ‘หรือว่านางรู้ตัว พยายามจะสลัดข้าทิ้ง?’เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลู่อู๋ก็ปฏิเสธความคิดดังกล่าว ‘เป็นไปไม่ได้ นางไม่มีวิทยายุทธ แต่ข้ามีวิทยายุทธล้ำเลิศ นางจะรู้ได้อย่างไร? เช่นนั้นการที่้นางวนเวียนอยู่เช่นนี้ มีจุดประสงค์อะไร? สลัดคนอื่นหรือ?’ลู่อู๋มองไปด้านหลังเยี่ยนเว่ยฉือ ไม่พบผู้ใดติดตามมาเห็นได้ชัดว่าเยี่ยนเว่ยฉือแอบออกจากจวนองค์รัชทายาทอย่างลับ ๆ‘นางจะทำอะไร?’ขณะที่ลู่อู๋ลังเล ไม่รู้ว่าควรจะลงมือหรือไม่ก็พบว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดินออกจากตรอก มาถึงถนนสายหลักของเม
เยี่ยนเว่ยฉือสั่งชายหนุ่มว่าซื้อความเงียบสงบ นั่นหมายความว่าอย่าได้สืบถาม อย่าได้ซักไซ้ และอย่าได้เอ่ยวาจาใดๆ อีกบุรุษรูปงามผู้นั้นรับแขกมามากมาย พบเจอแขกประหลาด ๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน เพียงใช้เงินจ่ายก็เพียงพอแล้ว เขาจึงไม่ใส่ใจกับความประหลาดของแขกผู้มาเยือนดังนั้นเขาจึงรับคำทันที พาเยี่ยนเว่ยฉือไปยังห้องชั้นล่างห้องหนึ่ง“แม่นาง จากประตูนี้ไป เลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวขวาอีกครั้ง ก็จะเห็นประตูหลังสวนแล้วขอรับ! เชิญท่านพักผ่อนก่อนเถิด อาหารและเครื่องดื่มจะยกมาให้ในไม่ช้า!” ชายผู้นั้นกล่าวจบก็รีบจากไป ไม่มีคำพูดใด ๆ ตามมาอีกเยี่ยนเว่ยฉือพอใจในความฉลาดของชายผู้นั้น แต่เมื่ออาหารและเครื่องดื่มถูกยกมา นางกลับไม่เริ่มรับประทาน แต่กลับมองไปยังท้องฟ้าภายนอกหอวสันต์อนันตกาลแห่งนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ นอกเหนือจากบรรดาชายหนุ่มรูปงามแล้ว ยังมีบรรดาองครักษ์ผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมคอยเฝ้ายามอีกด้วยทำให้ลู่อู๋ผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดไม่กล้าเฉียดกรายเข้าใกล้ เกรงว่าจะทำให้เกิดความแตกตื่นเขาจึงได้แต่คุกเข่าอยู่บนหลังคา รอคอยโอกาสอย่างเงียบ ๆการรอคอยครั้งนี้กินเวลายาวนานถึงหนึ่งชั่วยาม จนใกล้จะถึงยาม
ดาบเก้าวงแหวนหนักถึงร้อยกว่าจิน[footnoteRef:0] คนธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้ หนำซ้ำยังคมกริบ สามารถตัดเหล็กได้ราวกับตัดเต้าหู้ [0: หนึ่งจินหนักประมาณห้าร้อยกรัม] แต่กระบี่โหรวฉางนั้นมีความเหนียวแน่น ไม่สามารถทำลายได้ แม้แต่ดาบที่คมกริบที่สุดก็ถูกกระบี่โหรวฉางพันไว้อย่างง่ายดายในด้านอาวุธ พั่วจวินเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดนี่คือเหตุผลที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาถูกฝูกวงกดขี่อยู่เสมอพั่วจวินเห็นว่าการต่อสู้ระยะประชิดไม่สามารถได้เปรียบ จึงได้ใช้แรงฟันลงไปที่พื้นตูม! เปรี๊ยะ!แผ่นหินบนพื้นถูกยกขึ้นอย่างง่ายดาย พุ่งไปที่ฝูกวงกระบี่อ่อนไม่สามารถต้านทานหินจำนวนมากได้ทว่าพลังดาบของฝูกวงสามารถทำลายหินทั้งหมดได้เห็นฝูกวงชักดาบ กวาดแผ่นหินที่พุ่งเข้ามาเสียงหินแตกกระจาย ทันใดนั้นแผ่นหินทั้งหมดพลันแตกละเอียด ถนนทั้งสายกลายเป็นฝุ่นตลบในขณะนั้นเอง ฝูกวงใช้โอกาสที่พั่วจวินหลบหลีกเศษหิน พุ่งตัวผ่านมือสังหารเป่ยอิ้นไปกระบี่ยาวฟันเข้าที่ลำคอ คนผู้นั้นตาเบิกโพลงไม่ทันหลับตาลงก็สิ้นใจทันทีกว่าพั่วจวินจะรู้ว่าเป้าหมายของฝูกวงไม่ใช่เขา แต่เป็นมือสังหารจากแคว้นเป่ยอิ้น ก็สายเกินไปแล้วเ
ลู่อู๋ดิ้นรนอย่างแรง แต่กลับพบว่ามือและเท้าอ่อนแรง ไม่อาจคลายเชือกที่พันธนาการร่างกายได้เพิ่งรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือผูกเขาไว้กับต้นไม้ใหญ่ในลานบ้านเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ หยิบลูกธนูของลู่อู๋ขึ้นมาจากด้านหลังพลางโบกลูกธนูไปมา กล่าวว่า “วิทยายุทธ์ทั้งปวง สิ่งสำคัญคือความรวดเร็ว ลูกธนูของเจ้า ในสายตาข้าแล้วไม่ต่างอะไรกับไม้จิ้มฟัน ไร้ซึ่งพลังทำลาย แต่หากใช้กับเจ้าคงจะสนุกน่าดู เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่?”ลู่อู๋เบิกตากว้างมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวด้วยความไม่เชื่อว่า “เป็นไปไม่ได้ เจ้าใช้มือเปล่ารับลูกธนูของข้างั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”นั่นเป็นไปไม่ได้จริง ๆ เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้มีวิทยายุทธ์ จะมีฝีมือเช่นนั้นได้อย่างไรนางเพียงแต่มีปฏิกิริยาตอบสนองไวเท่านั้น!เนื่องจากมีกำไลอยู่ที่ข้อมือ สิ่งใดที่นางสัมผัสก็สามารถเก็บเข้าไปในกำไลได้ทันทีครั้งก่อนตอนถูกยิง เนื่องจากลู่อู๋โจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว ยิงที่หลัง นางจึงไม่ทันตั้งตัวครั้งนี้นางระมัดระวังตัว เมื่อลูกธนูถูกยิงมา นางก็เก็บมันเข้าไปในกำไลทันทีแม้ว่าหน้าอกจะมีแผลถลอก แต่ก็เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย ไม่อันตรายถึงแก่ชีวิตดังนั้นเ
เยี่ยนเว่ยฉือเอนกายเล็กน้อย เหลียวมองบุรุษผู้หนึ่ง รอยยิ้มหวานเย้ายวนนั้นกลับซ่อนเร้นความเยือกเย็นที่ทำเอาลู่อู๋หวั่นไหว“ข้าไม่ได้บอกว่าจะสังหารเจ้าเสียหน่อย เมื่อครู่ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าจะเจาะรูเจ้าให้ถึงเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดรู จงวางใจเถิด ข้าเป็นหมอ เชี่ยวชาญในวิชานี้เป็นอย่างยิ่ง จะไม่ทำให้เจ้าสิ้นชีพ แต่เจ้าต้องควบคุมตนเอง อย่าได้กัดลิ้นตนเองตายไปเสียก่อน มิเช่นนั้นก็เท่ากับเจ้าฆ่าตัวตายเอง”เสียงของนางตกตะลึง นางกลับแทงธนูเข้าที่กระดูกเข่าของลู่อู๋อีกครั้งบริเวณที่นางแทงล้วนเป็นข้อต่อทั้งสิ้นแม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และถึงแม้ลู่อู๋จะมีโชคดีรอดชีวิต ก็จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวเสียงร้องครวญครางเหล่านั้น แม้จะไม่ได้ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ไกลออกไปตื่นตกใจ แต่กลับดึงดูดเหล่ามือสังหารที่ลอบเร้นอยู่ในราตรีเช่นเดียวกับหมิงตาวผู้กำลังจะกลับไปยังจวนอันกั๋วกง และเช่นเดียวกับพั่วจวินผู้กำลังไล่ล่าฝูกวงพรึ่บ!บุรุษชุดดำคนหนึ่งปรากฏกายในลานบ้าน ทำเอาเยี่ยนเว่ยฉือตกใจลู่อู๋ที่ถูกมัดอยู่กับต้นไม้เมื่อเห็นบุรุษผู้นั้น ดวงตาฉายแววแห่งความหวังลู่อู๋ร้องด้ว
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว
อวี๋เฟยเหยียนไปที่ห้องครัว เลือกสุราดอกท้อชั้นดีมาไหหนึ่ง กำลังจะใส่เมามายลืมโลกนี้ลงไป ทว่ากลับคิดอะไรขึ้นมาได้“เอ๊ะ? ไม่ถูก วันนี้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องงดเสวย ดื่มได้แต่น้ำชา ดื่มสุราไม่ได้!”อวี๋เฟยเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค้นหาของในครัว ในที่สุดก็เจอดอกสายน้ำผึ้งเขายิ้ม “นี่ดีกว่า ต้มชาดอกสายน้ำผึ้งให้ศิษย์พี่ดื่ม นอกจากจะดับร้อนได้แล้ว กลิ่นของดอกสายน้ำผึ้งยังกลบกลิ่นสุราได้ด้วย”อวี๋เฟยเหยียนเริ่มลงมือทันที หลังจากธูปหมดไปดอกหนึ่ง ชาก็ต้มเสร็จแล้วเขาเปิดขวดกระเบื้องใบเล็กที่ฉินเซียงหรูให้มา กำลังจะรินลงในกาน้ำชา แต่น้ำชากำลังเดือด เมื่อเปิดฝาออก ไอน้ำร้อนก็พุ่งขึ้นมาและไอน้ำเหล่านั้นก็พัดพาแอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงบนมือของอวี๋เฟยเหยียนกระจายไปในอากาศทันทีหลังจากที่อวี๋เฟยเหยียนได้กลิ่น เขาก็เริ่มเวียนหัว“นี่…นี่…ของของฉินเซียงหรู เหตุใดฤทธิ์สุราถึงแรงเช่นนี้!”อวี๋เฟยเหยียนเซไปเซมา ฝืนรินสุราลงในน้ำชาสองสามหยดตอนที่เขากังวลว่ายังไม่พอ เขาก็ถูกกลิ่นสุราทำให้มึนเมา หลังจากที่โลกหมุนอยู่ชั่วขณะ เขาก็ล้มลงกับพื้นห้องครัว สลบไปเตาบังร่างของเขาไว้ ทำให้ไคจือและซ่านเย่ที
หลังจากเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็ออกจากเรือนหน้าไปทางลานรั่วชู อวี๋เฟยเหยียนยืนอยู่ที่ทางแยก มองไปที่เรือนซวงหาน มองไปที่เรือนรั่วชู คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไปหาฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูกำลังยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา วันนี้มีปลาแห้งเพิ่มมาตัวหนึ่ง อวี๋เฟยเหยียนมองฉินเซียงหรูที่กำลังทาเกลือบนปลา อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้ายังมีอารมณ์มาหมักปลาเค็มอีกหรือ? ข้างหน้าเขาทำลายข้าวของกันจนหมดแล้ว!”ฉินเซียงหรูยิ้ม พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าได้ยินแล้ว”“ได้ยินแล้ว?” อวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “ได้ยินแล้วยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้?”“แล้วจะให้ทำอย่างไร?” ฉินเซียงหรูมองอวี๋เฟยเหยียนอย่างขบขัน “ไปช่วยแม่นางเยี่ยนตำหนิองค์รัชทายาทที่ไม่รู้จักบุญคุณ? หรือไปช่วยองค์รัชทายาทตำหนิแม่นางเยี่ยนว่าชอบยุ่งไม่เข้าเรื่อง?”อวี๋เฟยเหยียนอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออกฉินเซียงหรูยังคงทำปลาต่อไป พูดว่า “ถ้าจะให้ข้าพูด การที่แม่นางเยี่ยนก่อเรื่องเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยวันนี้ของทุกปี ทุกคนก็จะได้ไม่ลำบาก แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้าดัง เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงจะยังปล่อยวางไม่ได้ ก็ควรจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ จะยึดติดอยู่กั