ครึ่งเดือนก่อนหน้าหลังจากที่เมิ่งลู่เจินถูกส่งตัวเข้าคุกหลวงเรียบร้อยแล้วลู่ซินเองก็ทะเลาะกับบิดา เหตุใดเขาจึงได้ใจร้ายนักมิคิดเลยหรือว่าในตัวเด็กทั้งสองก็มีสายเลือดสกุลลู่อยู่ครึ่งหนึ่ง เมิ่งหย่งชวนกับเมิ่งลู่เจินเป็นเด็กรู้ความตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างเรื่องรำคาญใจแต่อย่างใดให้กับนางสักครั้ง กระทั่งนางตัดสินใจกลับเมืองหลวง ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด นางเข้าพิธีแต่งงานกับจางฮั่น หลอกลวงเบื้องสูงว่าตนเป็นสตรีบริสุทธิ์ ถือศิลกินเจ กลับมากตัญญูต่อบิดาแต่งงานกับจางฮั่นเป็นคู่สามีภรรยาที่เลื่องลือแห่งเมืองหลวงสุดท้ายใครเล่าจะรู้ความจริง บิดาต้องการใช้นางเป็นเบี้ยเพื่อดองกับตระกูลใหญ่ ส่วนจางฮั่นหวังในทรัพย์สมบัติสกุลลู่ ชีวิตนางหามีความสุขแท้จริงไม่ จางพ่านมิเคยเคารพนาง มารดาของเขาที่ยอมไปอยู่อารามคนนั้นก็เพื่อเปิดทางให้นางแต่งเข้ามา สกุลจางต้องการสินเดิมที่บิดาโง่งมของนางทุ่มเทเพียงเพราะตำแหน่งขุนนางของบุตรเขยคนนี้ลู่ซินยืนนิ่งอยู่ริมแม่น้ำ นางเพียงแค่เดินลงไปเท่านั้นปัญหาทุกอย่างก็จะหมดไป ร่างระหงในวัยสามสิบแปดที่เคยอ่อนหวานและงดงามบัดนี้ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยริ้วรอย
ลู่ซินมิได้สนใจเสียงครวญครางราวกับตั้งใจเยาะเย้ยนาง สองเท้าเดินออกจากจวนไปสกุลลู่ แต่เมื่อลับตาผู้คนนางกลับไปยังบ้านร้างในตรอกฝั่งตะวันตกแทน คนที่รอนางอยู่พานางไปยังคุกหลวง ลู่ซินที่ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเมิ่งลู่เจินก่อนจะนั่งลงแล้วเอ่ยกับเขา"อาเจิน..แม่รู้ที่ผ่านมาแม่เป็นมารดาที่แย่แต่ถือว่าแม่ขอร้องช่วยน้องๆได้หรือไม่""มารดาข้านางตายไปแล้ว ท่านกลับไปเถอะจางฮูหยิน""อาเจิน ฮึกๆๆ ถือว่าแม่ขอร้องแม่ยอมโขกศีรษะให้เจ้าแล้วได้โปรด"ลู่ซินคุกเข่าคำนับบุตรชาย เมิ่งลูเจินหันหน้าหนีก่อนจะเอ่ย"พอได้แล้ว ท่านต้องการอะไรจางฮูหยิน""อาเจิน ที่ผ่านมาแม้ว่าเรื่องที่เกิดแม่จะไม่ได้เป็นคนสั่งการแต่ก็มีส่วน แม่จึงมิอาจมีขอแก้ตัวใดๆแต่ที่มาครั้งนี้แม่มาขอร้องเจ้า เห็นแก่อาอี้กับเซี่ยนเซี่ยนช่วยเขียนจดหมายหาพี่ชายเจ้าสักครั้ง""จะหลอกลวงอันใดพวกข้าอีก"หวงหย่งเหนียนที่เป็นคนรับคำสั่งจากรัชทายาทมาจึงได้เอ่ยกับเขาให้ใจเย็น"อาเจิน ลองฟังนางก่อนค่อยตัดสินใจว่าจะทำตามที่นางขอร้องหรือไม่"เมิ่งลู่เจินนั่งฟังสิ่งที่ลู่ซินเล่า ก่อนจะมองหน้ากับหวงหย่งเหนียนเป็นระยะ นี่มันร้ายแรงเพียงใดกัน ก่อนที่เข
เมิ่งหย่งชวนถอดหมวกส่งให้ทหารของตน ก่อนจะเดินเข้ามาสวมกอดมารดา แม้เขาจะมิให้อภัยนางได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยนางก็ยังไม่อ่อนแอจนสิ้นคิด เขารู้จากไท่จื่อว่านางคิดสั้นฆ่าตัวตาย ก่อนหน้าเขาเคยอยากให้นางได้รับความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นกระทั่งเมียของเขาพูดให้คิด"ท่านพี่ เกิดเป็นสตรีในชนชั้นสูงมิอาจมีชีวิตเป็นของตนเอง พวกนางเป็นแค่เพียงเครื่องมือแสวงหาความก้าวหน้าให้กับครอบครัว แม้ว่าบุรุษทั้งหลายจะพยายามอ้างว่าเพื่อความก้าวหน้าหรือยิ่งใหญ่เพียงใด แต่สามารถกว่าได้เต็มปากว่าสิ่งที่พวกเขาได้มันมาก็จาการที่พวกเขาเกาะชายกระโปรงสตรีในตระกูลเพื่อไต่เต้าแสวงหาอำนาจ เกิดเป็นสาวชาวบ้านยังดีเสียกว่า แม้ว่าข้าจะถูกขายให้ท่านโดยไร้สินสอด แต่กลับมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขยิ่งนัก ท่านละวางเถอะนะเจ้าค่ะ อย่าได้โกรธเกลียดนางเลย นางถูกเลี้ยงดูมาเพื่อให้หัวอ่อนให้อยู่ในโอวาท ที่นางฝืนตนเองให้เข้มแข็งขนาดนี้ก็เพราะคำว่ารัก ความรักที่มีต่อบุตรท่านเองก็เป็นบุตรของนาง ข้าเชื่อว่านางมิได้เกลียดท่านกับอาเจิน เพียงแค่นางอ่อนแอเกินไปเท่านั้น"เมิ่งหย่งชวนที่นึกถึงคำพูดภรรยาก็กอดมารดาเอาไว้
จางฮั่นหน้าซีดเผือด แปลว่าเขาถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอดงั้นหรือ ลู่ซินคนนี้ที่แท้ก็มิได้อ่อนแอ คนที่เขาเมินไม่ให้ความสำคัญกลับเป็นคนที่ทำลายสกุลจางของเขาหรือ สกุลลู่ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว อีกทั้งเดิมทีเรื่องกบฏหากผิดพลาดเขาจะให้สกุลลู่รับแทน แต่ตอนนี้แพะรับบาปก็ไม่อยู่แล้ว"กองทัพของเมิ่งหย่งชวนจะมาถึงอีกกี่วัน""ไม่เกินสามวันขอรับ แต่ว่าเขาไล่ตีกองกำลังของเราจนแตกพ่าย ตอนนี้เราเหลือคนอยู่แค่สามหมื่น มิอาจต่อกรกับทหารสองแสนห้าหมื่นนายของเขาได้เลยขอรับ""ไปบอกทุกคนเก็บข้าวของ ตราบใดที่พวกมันยังมาไม่ถึงเราก็ออกจากเมืองหลวงทันไปเดี๋ยวนี้ หาคนไปส่งข่าวในวังให้องค์ชายกับจางกุ้ยเฟยเพื่อรับมือกับสถานการณ์ อาเหม่ยเจ้าพาลูกไปก่อน จางพ่านเป็นทายาทสายตรงคนคนเดียวของข้าที่มีอยู่ รีบพาเขาหนีไป หากสกุลจางไม่รอดอย่างน้อยวันหน้าก็ยังสามารถกอบกู้ได้ พี่จะบอกอะไรให้"จางฮั่นกระซิบบางอย่าง เจียงเหม่ยมองหน้าเขาน้ำตาคลอด นางกับเขายอมแยกจากกันเพื่อให้เขาได้แต่งงานกับลู่ซิน หาสมบัติมาอุดรอยรั่วสกุลจาง แล้วเหตุใดกันพอทุกอย่างกำลังจะดีกลับมาเป็นเช่นนี้ จางฮั่นไม่เคยจนตรอกเท่านี้มาก่อน ลู่ซินคนนั้นฉ
จางกุ้ยเฟยนอนขดตัวเพราะความหนาว บุตรชายหลับไปแล้ว เขานอนตัวสั่นเทาเช่นกัน จางกุ้ยเฟยคลานไปกอดบุตรชายเพื่อให้ความอบอุ่น จนกระทั่งตอนเช้าทหารยามมาปลุกสองแม่ลูกนอนกอดกันกลม จ้าวคังที่พยายามลุกแต่เพราะมารดากอดไม่ปล่อยเขาจึงจับแขนนางออก ตัวนางเย็นเฉียบอีกทั้งแข็งทื่อ ชายหนุ่มจับร่างมาดามาเขย่า อนิจจามารดาของเขาสิ้นใจไปแล้ว ตัวนางเย็นจนแข็งเพราะให้ความอบอุ่นแก่เขา นางกอดเขาทั้งคืนจนตัวเองหนาวตาย "ฮือๆๆ เสด็จแม่ๆๆ อย่าทรงทิ้งลูกไปแบบนี้ อย่าทรงทิ้งคังเอ๋อร์ไปพ่ะย่ะค่ะ ฮือๆๆๆ เสด็จพ่อเสด็จแม่ประชวร ขอหมอหลวงสักคนเถอะพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวคังกอดร่างมารดาร้องไห้แทบขาดใจ จ้าวเผยหยวนที่ยืนดูอยู่ข้างนอกถอนหายใจ หากใจอ่อนสักวันอาจกลับมาแว้งกัด ยาพิษที่นางดื่มก็เป็นตัวเดียวกับที่นางให้จางฮั่นพี่ชายของนางนำไปให้ลู่หานใส่ในแก้วน้ำชาของเมิ่งหย่งชวนเมื่อสองปีก่อน ทุกข์นั้นถึงตัวแต่เจ้ากลับตายไม่รู้ตัว จางกุ้ยเฟยพิษเย็นนี้หากตรวจเจอไม่ทันก็รักษาไม่ได้ ถือว่าครั้งนี้ข้าแก้แค้นให้อาชวนกับมารดาของเขาแล้วทางด้านลู่หานที่ตอนนี้ถูกควบคุมตัวทั้งตระกูลเพื่อเนรเทศไปเมืองท้ายด่าน ที่นั่นทั้งก
ฮั่วเฟยเทียนที่ควบคุมตัวบรรดาขุนนางกบฏ รวมถึงครอบครัวขุนนางและคนในบ้านเอาไว้ถูกตอนไปยังกลางลานของวังหลวง วันนี้ประตูวังเปิดกว้างให้ชาวบ้านได้เห็นกลุ่มกบฏต่างถูกกระบี่และทวนจ่อคอเอาไว้ บนกำแพงวังและหลังคามีพลธนูล้อมรอบ หากไม่ถูกปักเหมือนเม่นก็จงอยู่นิ่งๆ ฮ่องเต้มาถึงก็นั่งลงบนเก้าอี้มังกรที่ขันทียกมาวางให้ จ้าวเทียนหยางหลับตาก่อนจะเอ่ยกับรัชทายาท"ไท่จื่อ..เรื่องนี้ยกให้เจ้าจัดการ""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท""ฟังให้ดี....จางฮั่นและขุนนางที่ร่วมกันลงชื่อและทำการก่อกบฏในครั้งนี้ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ตัดหัวทันทีก่อนตะวันตกดิน ส่วนคนในครอบครัวบ่าวไพร่ให้เนรเทศไปทำงานยังเหมืองเหล็กเมืองเหลียง ห่างจากเมืองหลวงสามพันห้าร้อยลี้ เด็กที่ต่ำกว่าสิบหนาวมิว่าชายหรือหญิงให้ออกบวชที่อารามเมืองกว่างสุย ห้ามกลับเมืองหลวงและห้ามลงจากเขาตลอดชีวิต เมื่อถึงวัยปักปิ่นครอบกว๊าน หากผู้ใดมิเชื่อฟังประหารทันทีมิต้องไต่สวน"จางฮั่นเป็นลมไปแล้ว มิใช่เพราะคำสั่งประหารเขา แต่เป็นเมิ่งหย่งชวนที่หิ้วศีรษะของจางพ่านบุตรชายกับเจียงเหม่ยเมียของเขามานั่นเอง เมิ่งหย่งชวนคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้พร้อมกับถวายพระพรและรายงาน"กระหม่อม
เมิ่งหย่งชวนที่พักอยู่จวนสกุลหวงกำลังนั่งคุยกับเมิ่งลู่เจินถึงเรื่องของลู้ซิน เมิ่งลู่เจินตาแดงเขารักนางแต่ที่ผ่านมานางก็มีส่วนทำร้ายนพี่ชายไม่น้อย รวมถึงบิดาหากวันนั้นนางเพียงแค่เข้มแข็ง ยืนยันว่าไม่กลับเมืองหลวงเรื่องเช่นนี้ก็ไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน"อาเจิน..เจ้าคิดอย่างไร ท่านพ่อกับไฉ่เหยียนตอนนี้เป็นผัวเมียกันแล้ว""พี่ใหญ่ พี่ไฉ่เหยียนนางเป็นคนดี ดูแลพี่สะใภ้อย่างดีรวมถึงหลานๆด้วย นางเสมอต้นเสมอปลาย ข้ามิรังเกียจ อีกอย่างเป็นโชคดีของท่านพ่อที่ได้คนมาเป็นเพื่อนยามชราลงขอรับ""อืม..แล้วเรื่องเด็กสองคนเจ้าคิดเช่นไร""เคยเจอกันหลายครั้งที่ตลาด นามที่นางพาออกมาเป็นเด็กรู้ความขอรับ ข้ายังเคยซื้อน้ำตาลปั้นให้จางอี้หลายครั้ง ยามที่บ่าวสกุลลู่และสกุลจางไม่เห็น""ตอนนี้เขาแซ่เมิ่ง นามว่าซีฮวน ส่วนคนเล็กเมิ่งหานเซียง""พี่ใหญ่ ...ท่านต้องการไปหานางหรือไม่ขอรับ""ข้ายังไม่อยากไป รอให้ลู่หานถึงเมืองท้ายด่านค่อยให้คนไปส่งข่าวนาง เดิมทีค้าขชายอาวุธให้ต่างแคว้นก็เทียบเท่ากบฏ แต่รัชทายาทรับปากนางไว้จะให้ทางรอดแก่สกุลลู่พวกเขาจึงไม่โดนโทษประหาร""งั้นก็ดีขอรับ ข้าคิดถึงท่านพ่อ
จวนสกุลหวงยามเฉินหวงหย่งเหนียนแต่ตัวเรียบร้อยแล้วก็ออกมาพบกับเมิ่งหย่งชวนและเมิ่งลู่เจินที่รอเขาเพื่อเข้าวังพร้อมกัน ส่วนจางเหมิ่นนั้นไปที่กรมปกครองตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว เขาอายุสิบเก้าเท่านั้น ฝ่าบาทให้ไปเรียนรู้งานเพื่อดูว่าตำแหน่งใดเหมาะสมกับเขาบ้าง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรถม้าสกุลหวงสองคันก็ออกจากจวนเพื่อเดินทางเข้าวังวันนี้ท้องพระโรงบางตาเพราะว่าขุนนางหลายคนต้องโทษกบฏ มหาราชครูกำลังคัดเอาบัณฑิตที่ไปเป็นอาจารย์หรือเปิดสำนักศึกษาของตนเองบางคนกลับมาช่วยงาน ยังดีที่การสอบปีนี้มีแต่คนเก่ง บัณฑิตน้ำดีมีมากมายจึงพอให้คลายวิกฤติขาดแคลนคนทำงาน ทุกคนยืนรอกระทั่งฮ่องเต้เข้ามา เสียงขันทีเอ่ยกล่าวเชิญเสด็จ ทุกคนคุกเข่าลงพร้อมกันเอ่ยถวายพระพร"ฝ่าบาทเสด็จ""ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปี""อืม..ทุกท่านลุกขึ้นเถอะ"ทุกคนลุกขึ้นยืนเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว รัชทายาทก็เดินมายังด้านหน้าบัลลังก์เพื่อรอรับราชโองการจากฮ่องเต้"อืม...หลายวันนี้วุ่นวายอยู่กับการกวาดล้างกลุ่มกบฏ ขุนนางที่เหลืออยู่ ณ.ที่นี่ข้าหวังว่าวันหน้าจะไม่มีผู้ใดคิดคดอีก""รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ""เอาล่ะ อย่างที่รู
ห้าวันต่อมาจ้าวเหลียนซินเดินเล่นหมู่บ้านนั้นเข้าออกหมู่บ้านนี้จนกระทั่งวันนี้นางเห็นทหารเริ่มจัดตกแต่งจวนด้วยผ้าแพรสีแดง โคมไปถูกประดับสว่างไสวไปทั่วบริเวณ ดรุณีน้อยวิ่งมาหาเสิ่นเยี่ยนฟางที่นั่งอยู่ นางมาถึงก็นั่งลงข้างๆ"พระชายาข้าอยากกินหม้อไฟอีก ท่านทำอร่อยที่สุดเลย""ได้เพคะ เอาไว้หม่อมฉันจะทำถวายเย็นนี้ดีหรือไม่เพคะ""อืม..ได้ว่าแต่งานแต่งของท่านกับจวิ้นอ๋องอีกห้าวันใช่หรือไม่""เพคะ..องค์หญิงเก้าอยู่ที่นี่ทรงมีอันใดขัดข้องหรือไม่เพคะ สะดวกสบายดีหรือเปล่า""เหอะ ดีทุกอย่างแหละ ยกเว้นท่านอาจารย์จอมงี่เง่าขี้บ่นของข้านั่นแหละ หึ น่าเบื่อ"เสิ่นเยี่ยนฟางหัวเราะเบาๆ นางส่งเมิ่งเสี่ยวเย่าให้กับสาวใช้ก่อนจะรับเมิ่งฮ่าวเฉินมา เจ้าตัวน้อยอ้าปากกินโจ๊กที่มารดาป้อนอย่างอร่อย จ้าวหลานขออุ้มเมิ่งเสี่ยวเย่า สาวใช้มองหน้าพระชายาของตน เสิ่นเยี่ยนฟางพยักหน้าให้สาวใช้จึงส่งเสี่ยวเย่าให้กับจ้าวเหลียนซิน นางเล่นกับเมิ่งเสี่ยวเย่า หยอกล้อเขา จนเสิ่นเยี่ยนฟางเห็นสีหน้านางเศร้าลงเล็กน้อย อดไม่ได้จึงเอ่ยถาม"องค์หญิงเก้า ทรงเป็นอะไรไปหรือเพคะ เหตุใดทำหน้าเศร้านัก""เฮ้อ พระชายา ข้าไม่ขอปิดบังข้าเหงา ข
เมิ่งลู่เจินที่นั่งอยู่ไม่ได้ยินพี่ชายเดินมาหา เมิ่งหย่งชวนเดินจนมาถึงตัวเขาถึงรับรู้ เมิ่งลู่เจินเอ่ยปากขึ้นก่อน"พี่ใหญ่...ข้า..เอ่อ..ข้า""เจ้าไปหานางใช่หรือไม่อาเจิน ตอบพี่มาเถอะ""ขอรับ ข้าเป็นห่วงนาง อีกอย่างอยากไปส่งข่าวเรื่องซีฮวนกับหานเซียงด้วย ว่าพวกเขาสบายดี""ช่วงนี้พี่ต้องใกล้ชิดเด็กสองคนนั้นมากหน่อย มิเช่นนั้นพี่สะใภ้ของเจ้าจะเหนื่อเอาได้ ซีฮวนเองก็เอาแต่พี่สะใภ้เจ้า ดีที่ยอมนอนกับเสี่ยวอิง แต่ไม่ยอมเรียกบิดาพวกเราว่าท่านพ่อทั้งสองคนกลายมาเป็นบุตรชายบุตรสาวข้ากับพี่สะใภ้เจ้าแทน""กว่าจะกลับเมืองหลวงอีกสามเดือน ข้าจะช่วยท่านแบ่งเบาเองขอรับพี่ใหญ่""อืม อีกสิบวันข้าจะจัดงานแต่งงานของข้ากับพี่สะใภ้เจ้า"เมิ่งลู่เจินยิ้มให้พี่ชาย พี่สะใภ้ของเขาสมควรได้รับสิ่งดีๆ นางทำเพื่อเขาสองคนพี่น้องมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้ามาจนกระทั่งวันนี้ นางเป็นคนอ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลายยิ่งนัก เว้นแต่ใครทำให้นางโกรธ เพราะว่าผลลัพภ์หากนางโกรธมักจบไม่ดีสักคน"องค์หญิงเก้าอยากไปเที่ยวเล่น ในฐานะอาจารย์เจ้าควรไปดูแลนาง อาเจินนางเพิ่งอายุสิบสี่เท่านั้น อาจซุกซนไปบ้าง เจ้าก็อย่าได้บึ้งตึงใส่นางนักเลย"
เสิ่นเยี่ยนฟางที่กำลังทำบัญชีอยู่ในห้องก็วางลูกคิดลงก่อนจะออกมา นางอุ้มเมิ่งหานเซียงออกมาด้วย คู่แฝดอยู่กับสาวใช้ เจ้าตัวน้อยเมิ่งเสียวเถาตื่นลืมตามามอง หึ ภูตินกยูงกับภูติจิ้งจอกกำลังจะมา พวกพี่ๆกำลังจะได้ไปเกิด แต่นางต้องอยู่กับไอ้นกแร้งตัวเหม็นนั่นอีกเป็นปี เฮอะ รู้เช่นนี้ยังไม่กลายร่างก็ดีเห็นหน้าบุตรสาวบอกบุญไม่รับก็ได้แต่แปลกใจก่อนจะเอ่ยถาม"เป็นอะไรไปเสี่ยวเถาคนเก่งของแม่หื้ม""พวกพี่ๆกำลังจะได้ไปเกิดในครรภ์เสด็จแม่แล้ว แต่ลูกยังต้องรออีกเจ้าค่ะ"" ก็ยังมีพี่เสี่ยวเฟิงกับพี่เสี่ยวเหอและเสี่ยวอิงอยู่กับลูกไง เอาล่ะๆเด็กดีของแม่ ท่านอามาแล้วลูกจะตื่นนอนสักนิดแล้วไปหาท่านอาหรือไม่ ทำหน้าห่อเหี่ยวเช่นนี้""เฮ้อ..ท่านตาเจ้าที่ไปไหนกันแน่ ลูกไม่มีคนทะเลาะด้วยมันรู้สึกเบื่อเพคะ""เสี่ยวเถาเด็กดี เป็นเด็กต้องเคารพผู้ใหญ่ หากท่านตากลับมาลูกต้องหัดอ่อนหวานเป็นสตรีมากว่านนี้ จะเอ่ยวาจารุนแรงหรือตั้งท่ามีเรื่องตลอดเวลามิได้ รู้หรือไม่ แม่ออกไปหาท่านอาก่อน ลูกไม่อยากไปก็นอนต่อเถอะ"มารดาเดินออกจากห้องไปแล้ว สาวใช้อุ้มหานเซียงแต่นางกอดคอมารดาแน่นจนในที่สุดเสิ่นเยี่ยนฟางก็ต้องอุ้มไปด้วย เมิ่
ตอนนี้เมิ่งลู่เจินเข้าเขตหมู่บ้านสี่สิบลี้เรียบร้อยแล้ว เขาตื่นก่อนคนตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ข้างๆเมิ่งลู่เจินที่พยายามจะลุก แต่กลับถูกแขนและขาเพรียวเล็กกอดก่ายเขาเอาไว้ทั้งตัว เขาพยายามที่จะแกะออก แต่พอเขาแกะออกนางก็กลับมากอดเขาอีกเมิ่งลู่เจินถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจปลุกจ้าวเหลียนซิน"องค์หญิงเก้า....ทรงตื่นได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ'"อืม....รำคาญจะปลุกอะไรนักหนาคนจะนอน""องค์หญิง.....จะทรงนอนต่อกระหม่อมไม่ว่า แต่ทรงปล่อยกระหม่อมก่อน จะทรงกอดกระหม่อมอีกนานไหมพ่ะย่ะค่ะ"ได้ผลทันทีที่สิ้นคำว่านอนกอดเขา จ้าวเหลียนซินก็ลืมตาทันที นางจึงรู้ว่าแขนเรียวกอดเขาเอาไว้ ส่วนขาก็ก่ายเขาไม่อีกเช่นกัน นางหน้าแดงจนถึงใบหู น่าอายจริงๆเลย ก่อนจะทำโมโหกลบเกลื่อนคนตัวโต"หมะ มะ เมิ่งลู่เจิน...นี่มันรถม้าของข้านี้ จำได้ว่าเจ้าจับข้าโยนใส่รถม้าคันเล็กเท่ารูหนู เหตุใดข้ามาอยู่รถม้าตนเอง เจ้าๆๆ เจ้าล่วงเกินอะไรข้าบอกมานะ""องค์หญิง..กระหม่อมเห็นว่าทรงบรรทมไม่สบายพระวรกายจึงอุ้มมานอนที่นี่เพราะปลุกก็แล้วเขย่าก็แล้วมิทรงตื่น หลังจากมาถึงก็กอดก่ายกระหม่อมเอาไว้ จนไปไหนไม่ได้ พระองค์ว่าเช่นนี้ใครล่วงเกินผู้ใดกันแน่พ่ะย่ะค่ะ
ขบวนของเขาเดินทางมาเรื่อยๆในที่สุดก็มาถึงที่หมาย เขาต้องรอคนเจ้าปัญหาที่นี่ นัดกับคนของนางไว้อีกสามวัน ช่วงเวลานี้เขาเดินสำรวจหาอะไรฆ่าเวลาจนกระทั่งมาถึงที่คนกำลังเล่นพนันขันต่ออยู่ เสียวลั่นและหนึ่งในเสียงนั้นเขาจำได้ดี องค์หญิงเก้าจ้าวเหลียนซิน"เฮ้ๆๆ..ข้าบอกแล้วว่าเจ้าตัวนี้ลักษณะดีอย่างไรก็ชนะพวกเจ้าไม่เชื่อข้าเอง มาๆข้าชนะพนันครั้งนี้จ่ายมาๆ"เฮ้ย..ไอ้คนต่างถิ่นกล้ามาล้วงคอข้าถึงที่นี่เลยหรือไม่จ่ายโว้ย พวกเราจัดการให้ไอ้หน้าอ่อนนี่มันรู้สิว่ามาหาเรื่องในถิ่นข้าจะเป็นอย่างไร""เว้ๆๆ..ขี้แพ้ชวนตีนี่หว่า สุนัขของพวกเจ้าแพ้พนันไม่ยอมจ่ายเงินตำลึงยังจะมาหาเรื่องคนอีก อากวนจัดการพวกมันสิเอาให้หมอบเลย"อัธพาลคุมบ่อนสุนัขตรงรี่เข้ามาจัดการกับจ้าวเหลียนซินแต่นางไม่สนใจนางสั่งองครักษ์เงาของท่านอารองของนางให้จัดการพวกมัน กระทั่งคนคุมบ่อนนอนร้องโอดโอย จ้าวเหลียนซินก็คว้าแส้ขึ้นมาก่อนจะหวดลงไปที่ร่างของพวกมัน แต่ยังไม่ทันที่แส้จะถึงตัวก็มีคนมาจับปลายแส้เอาไว้ จ้าวเหลียนซินที่เหวี่ยงแส้ไม่ได้ก็หันกลับมาหาคนที่กล้ามากระตุกหนวดนางพอเห็นเว่าเป็นใครหน้าจึงงอง้ำกว่าเดิมก่อนจะเอ่ยออกมา"นี่เมิ่งลู
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยเมิ่งลู่เจินพร้อมกับหวังเฉิงและหวังจิ่วรวมถึงองครักษ์อีกหกนายก็เดินทางไปเมืองเหยียนเพื่อรับองค์หญิงเก้าจ้าวเหลียนซิน นางจะมาใช้ชีวิตที่นี่สามเดือนเพื่อเรียนรู้วิถีชาวบ้าน โจวหยวนให้เหตุผลกับโจวกุ้ยเฟยว่า อนาคตจะต้องแต่งงานกับเมิ่งลู่เจิน ควรมาเรียบนรู้นิสัยกันและกัน และวิถีชีวิตหากท้ายที่สุดเด็กสองคนมิอาจคล้อยตามกันได้ก็อาจจะให้พวกเขาตัดสินใจเรื่องคู่ครองเองเมิ่งลู่เจินขึ้นบนหลังม้าเขามิได้นั่งรถม้าแต่อย่างใด ในเมื่อนางอยากมาลำบากก็ให้ลำบากเสียให้พอ เสิ่นเยี่ยนฟางมองดูน้องสามีที่ควบม้าออกจากตำหนักไปก็ถอนหายใจจนเมิ่งหย่งชวนเดินมาถึงเขาสวมกอดนางก่อนจะเอ่ยถาม"น้องหญิงเจ้าถอนหายใจเรื่องอันใด หากเป็นอาเจินอย่ากังวลเลยเขาไม่เป็นอันใดหรอก""ท่านอ๋อง..ทรงเชื่อเรื่องเกลียดสิ่งใดมักได้สิ่งนั้นหรือไม่เพคะ""หืม..หมายความว่าอย่างไรกัน""ก็น้องชายของเราเกลียดองค์หญิงเก้าหนักหนา หม่อมฉันจะรอดูว่าคนที่ปากบอกรำคาญ รังเกียจอนาคตจะเดินตามเมียต้อยๆหรือไม่ เหมือนคนแถวนี้เมื่อก่อนไงหล่ะเพคะ อื้อ"เมิ่งหย่งชวนรั้งร่างบางมาหาก่อนจะจับปลายคางมนแล้วก้มลงมาจุมพิตนาง เสิ่นเยี่ยนฟางต
เสิ่นเยี่ยนฟางหันหลับมาหาคนที่เอ่ยกับนางก่อนจะช่วยรับเสื้อคลุมที่เขาถอดออก เมิ่งหย่งชวนรั้งเอวบางมากอด ก่อนจะโน้มตัวลงมาจุมพิตแก้มชมพูระเรื่อของนาง เสิ่นเยี่ยนฟางโอบเอวหนาสามีไว้ นางซบหน้ากับแผงอกของเขาก่อนจะเอ่ย"ท่านอ๋อง...เมิ่งซีฮวนใบหน้าคล้ายอาเจินมากนักเพคะ""อาเจินเหมือนกับนาง ซีฮวนกับเซียงเอ๋อร์ก็คล้ายนาง เด็กสองคนจึงมีหน้าตาคล้ายกับอาเจิน ส่วนตัวพี่เหมือนท่านพ่อไม่เหมือนนาง""สามีของหม่อมฉัน ทรงอภัยนางได้หรือยังเพคะ ท่านอ๋องหากยังทรงคิดแค้นใจคนที่จะเจ็บปวดเป็นทุกข์ก็คือพระองค์เองนะเพคะ"เมิ่งหย่งชวนจับไหล่บางดันออกเบาๆ นิ้วยาวแตะปลายคางมนให้เงยหน้ามองสบตากับเขา ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตนางจนพอใจเมื่อถอนจุมพิตออกมาจึงเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เสี่ยวฟางของพี่ ..เรื่องทุกอย่างพี่ล้วนฟังเจ้า ยามนี้พี่ไม่ติดใจใดๆกับนางแล้ว พี่เองไม่อยากทุกข์ใจและที่สำคัญพี่ไม่อยากให้เจ้าต้องมาคอยกังวลเกี่ยวกับพี่จนตัวเองทุกข์ใจไปด้วยเช่นนี้""ดีแล้วเพคะ หากยังทรงปล่อยวางไม่ได้จะทำให้พระองค์ต้องหม่นหมอง ท่านพ่อเองก็ด้วย อาเจินแม้ว่าปากจะไม่พูด แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่รู้สึก หากพระองค์ทรงปล่อยวางได้ก็เท่ากั
หลังจากปฏิบัติการปั๊มลูกของเสิ่นเยี่ยนฟางเรียบร้อยแล้วนางก็นอนหมดแรง กระทั่งสามวันผ่านไปจางลี่กลับมาทำงานอีกครั้งโรงงานผลไม้อบแห้งเปิดแล้ว เมิ่งวหย่งชวนสั่งให้สร้างตำหนักเพิ่ม เขาอยากมีลูกกับนางหลายๆคน ขณะที่เขากำลังยืนคุมงานน้องชายก็เดินมาหา"พี่ใหญ่ขอรับ""อืม..ว่าอย่างไรอาเจิน เหตุใดทำหน้าตาเหมือนมีเรื่องหนักใจ""องค์หญิงเก้ากำลังเดินทางมา ข้าต้องไปรับนางที่ตำบลหยาง ไม่รู้ว่านางจะมาวุ่นวายทำไม แค่นี้ยังสร้างปัญหาให้คนอื่นไม่พอหรืออย่างไร"เมิ่งหย่งชวนยกมือหนาลูบศีรษะน้องชายเบาๆ เขายังไม่รู้ตัวเองว่าถูกเลือกให้เป็นสามีองค์หญิงเก้า และเมื่อนางปักปิ่นครบหนึ่งปี ทั้งคู่ก็ถึงเวลาแต่งงานกัน ดูท่าใต้เท้าโจวคงแนะนำโจวกุ้ยเฟยให้บุตรสาวนางเดินทางมา เพื่อได้ใช้ชีวิตและศึกษานิสัยใจคอกันและกัน เมิ่งหย่งชวนเอ่ยแกน้องชาย"อาเจิน..องค์หญิงนางคงเหงา เจ้าลองดูสิฝ่าบาทมีสนมมากมายเท่าไหร่ มีโอรสธิดามากมายเพียงไร นางมีพี่น้องมากมายแต่กลับหาจริงใจได้สักกี่คน""พี่ใหญ่ขอรับคือว่าข้า...""เอาเถอะ เจ้าแก่กว่านางหนึ่งปีถือเป็นพี่ชายนางก็แล้วกัน เอ็นดูนางสักหน่อยก็ไม่เสียหาย อีกไม่นานพวกเจ้าก็..... อะแฮ่ม เอ
เมิ่งหย่งชวนจูบนางอ้อยอิ่งอีกครั้งก่อนจะจ้องตา คนตัวเล้กรู้ดีว่าเขายังไม่อิ่มจึงพยักหน้าให้ บทรักเริ่มอีกครั้ง เสียวครางแสนหวานดังทั่วห้อง จนกระทั่งสองชั่วยามผ่านไปทั้งคู่จึงได้นอนกอดกัน พอดีกับคู่แฝดได้เวลาให้นมพอดี ทางด้านอีกห้องแรงดึงดูดส่งมาถึงเสี่ยวฮวา เสี่ยวเฟิงและเสี่ยวเหอ ทั้งสามลุกขึ้นมามองหน้ากันพวกนางกำลังจะได้ไปเกิดแล้ว เสี่ยวเถาเบ้ปากก่อนจะบ่น"พวกพี่จะได้ไปเกิดพร้อมกัน หึ ทิ้งข้าไว้กับไอ้นกแร้งตัวเหม็นสองคน""น้องหก..เจ้าอย่างอแงไปเลย ท่านแม่คลอดพวกพี่ได้หกเดือนก็จะตั้งครรภ์เจ้าเช่นกัน รออักนิดเถอะ"เสี่ยวเหอเอ่ยแก่น้องสาว เสี่ยวเถาล้มตัวลวงนอน เมิ่งหานเซียงที่ตอนนี้ตีกรรเชียงไปทั่วเตียงจนพี่ๆทั้งสี่อ่อนใจ นอนดิ้นอะไรขนาดนั้นกันนะเจ้าตัวน้อยเช้าแล้วเช้าแล้วเข้าปลายยามเฉินจะต้องไปจวนสกุลจางเพื่อเก็บของกลับบ้าน ยังมีของขวัญที่ต้องนำไปให้ฮูหยินน้อยอีกด้วย ตอนนี้เมิ่งเสี่ยวหว่านคือฮูหยินน้อยแล้ว เหลียนซิ่วเอ๋อร์เดินไปเรือนหลังเก่าเพื่อเรียกอาหญิงของนางให้ไปด้วยกัน แต่กลับเจอเพียงหวังเฉิงที่ยืนอยู่หน้าเรือน"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะใต้เท้าหวัง""อ้อ หลานภรรยาเจ้ามีเรื่องอันใดหรือ