เสิ่นเยี่ยนฟางกำลังจะล้างตัวก็มีอ้อมแขนแข็งแรงมากอดจากทางด้านหลัง นางจำกลิ่นกายเขาได้ ก่อนจะเอี้ยวตัวมาหาริมฝีปากหยักได้รูปก้มลงมาประทับริมฝีปากอวบอิ่มของนางทันที“อื้อออ อั้นอี้ (ท่านพี่)เมิ่งหย่งชวนถอนริมฝีปากออกก่อนจะจับปอยผมที่หลุดรุ่ยทัดหูให้นางอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยดุนางเสียงเข้ม“เหตุใดขึ้นเขาคนเดียว หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับเจ้าพี่จะทำเช่นไร เสี่ยวฟางสัตว์ป่าดุร้าย ไม่เหมือนอันธพาลที่เจ้าทุบตีพวกนั้นนะคนดีของข้า”“ข้าไม่ได้เข้ามาลึกสักหน่อย ไม่เช่นนั้นท่านจะตามเจอหรือเจ้าคะ ข้าเสร็จแล้วพวกเรากลับบ้านกันเถอะ อื้อ”มือบางยันหน้าอกเขาไว้แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรคนตัวโตได้เลย เมิ่งหย่งชวนถอดเสื้อคลุมตนเองออกปูที่ริมลำธารก่อนจะจัดการลอกคราบนางจนเปลือยเปล่าจากนั้นก็หยอกล้อกับหน้าอกที่พุ่งชูล่อตาเขา ดูดเม้มหัวนมสีหวานเข้าอุ้งปากทันทีจนเสิ่นเยี่ยนฟางถึงกับเงยหน้า แอ่นหน้าอกให้เขาได้ดื่มกิน“อื้อ ท่านพี่กลางป่ากลางเขานะเจ้าคะ ท่านไม่กลัวคนมาเจอหรือไง”“เขาลูกนี้รกทึบ ไม่มีชาวบ้านมาหรอกเมียจ๋า ข้าอยากรักเจ้าเสี่ยวฟาง ครางดังๆนะพี่อยากได้ยินเสียงหวานๆเหลือเกิน เมื่อคืนพี่สาวเจ้านอนห้องข้างๆด้
เสิ่นเยี่ยนฟางเริ่งรับรู้แล้วว่าผู้ชายที่เดินเคียงข้างนางนี้ไม่ธรรมดา นางเป็นหน่วยซิลนะ หูตาต้องไวแต่เขาถึงตัวนางโดยที่นางไม่ได้ยินเสียง รู้อีกทีเขากอดนางแล้ว แม้แต่ลมหายใจยังเก็บซ่อนได้ เขาไม่ใช่แค่บัณฑิตแก่เรียนแน่ๆ แต่นางจะไม่หาคำตอบนั้น บางครั้งแววตาเขาดูอ่อนแอจนเหมือนอยากหาใครสักคนมาคอยปลอบโยน“พี่สั่งอิฐมาแล้ว กระเบื้องจะมาส่งตอนเย็นน่ะพรุ่งนี้”“กลับไปข้าจะโม่ถั่ว กล่องไม้มาส่งเมื่อเช้าแล้ว หากขายได้ข้าจะสั่งเพิ่ม ข้าอยากช่วยชาวบ้านอย่างน้อยก็ช่วยคนที่ขยันไม่ขี้เกียจให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว”“ไม่เหนื่อยเกินไปหรือ เจ้ามาจากที่อื่นพวกเขาอาจไม่เชื่อใจ”“ไม่เป็นไรค่อยๆ ทำไป ทุกอย่างมีค่าตอบแทนข้าไม่ได้ทำเปล่าๆ ได้ทั้งเงินได้ทั้งชื่อเสียง อนาคตชื่อเสียงเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ท่านต้องการใช้ในการรับราชการเป็นขุนนาง”เมิ่งหย่งชวนหยุดเดินก่อนจะรั้งนางมากอดแล้วกดจมูกกับเรือนผมของนาง น้ำเสียงสั่นเครือของบุรุษบอกรักคนในอ้อมกอด“เสี่ยวฟางข้ารักเจ้า อย่ากังวลเลยอย่าลำบากเพื่อข้า ทุกอย่างต้องเป็นหน้าที่ข้าทำให้เจ้าสุขสบาย”“อืม ข้าเชื่อท่าน”ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงบ้านเชิงเขา แขกไม่ได้รับเชิญนั่
พูดจบนางก็เข้าไปในครัวต้อง นำไก่มาเชือดคอ รองเลือดไก่เอาไว้ด้วย เครื่องในถูกผ่าออกมาล้างด้วยแป้งสาลี เดิมทีใช้ขี้เถ้าก็ไม่สิ้นเปลือง แต่ว่ามีขุนนางคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยแบบนั้นจะดูถูกเขาเกินไปเสิ่นเยี่ยนฟางสับไก่เป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ต้มน้ำเดือดใส่เกลือเล็กน้อยก่อนจะนำไก่ที่ได้มาลวกเพื่อเวลาตุ๋นน้ำจะได้ใส จากนั้นก็นำเครื่องตุ๋นที่พอจะหาได้มาใส่โถดินเผา นำโสมต้นเล็กที่ได้มาวันนี้ฝานเป็นแผ่น ตุ๋นให้สองพี่น้องบำรุงเสิ่นเยี่ยนฟางอยากคุยเรื่องสำคัญกับใต้เท้าเจ้าเมือง นางมีของอันตรายอยู่กับตัวต้องหาทางนำออกไป จึงเดินไปหาทั้งสองคนที่กำลังปรึกษากันอยู่“ท่านพี่ ข้าขอเวลารบกวนใต้เท้าโจวสักครู่นะเจ้าคะ”โจวหยวนมองหน้าเมิ่งหย่งชวน เขาพยักหน้าเบาๆ ให้ จากนั้นโจวหยวนจึงเอ่ยกับนาง“เชิญฮูหยินกล่าวเถิด”“เอ่อ ใต้เท้าโจวเจ้าคะ ข้าอยากทราบว่าโสมมีราคาอย่างไรเจ้าคะ”“โสมหรือ ถ้าอายุร้อยปีขึ้นไปรับซื้อที่สองร้อยตำลึงขึ้นราคาไปเรื่อยๆ ตามอายุของมันถ้าพันปีขึ้นไปรับซื้อที่สามหมื่นตำลึง แต่ตอนนี้หายากหากมีใครหาได้ราคาน่าจะอยู่ที่ห้าหมื่นตำลึง โสมหายาก แค่อายุ50-60ปียังหาแทบไม่ได้ ว่าแต่ฮูหยินคิดจะบำรุงร่างกายเ
ไม่นานเมิ่งลู่เจินเดินมาตามทั้งสองให้ไปกินมื้อเย็นก่อนใต้เท้าโจวบจะกลับเข้าในเมือง เจียงเสี่ยวฮวาขอยืมชุดเสิ่นเยี่ยนฟางก่อนสองชุดเพราะนางไม่มีเสื้อผ้า มีแต่ชุดที่ถูกปะชุน ไม่กล้าใส่ทำงานเกรงจะทำให้ใต้เท้าอับอายที่บ่าวไพร่ดูไม่ดีอาหารที่เสิ่นเยี่ยนฟางทำดูแปลกตา ไข่ตุ๋นใส่เห็ด เครื่องในไก่ผัดพริก น้ำแกงกระดูกหมูที่ซื้อมาแช่ไว้ในโอ่งเมื่อวานนี้ต้มกับหน่อไม้ที่นางได้มาตอนขึ้นเขา โจวหยวนไม่ใช่คนเรื่องมาก เขากินอาหารอย่าเอร็ดอร่อย เสิ่นเยี่ยนฟางตักน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมส่งให้เมิ่งหย่งชวนกับเมิ่งลู่เจินคนละถ้วย ตักให้โจวหยวนด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ขาดแคลนอาหารการกิน แต่โสมหายากมีเงินก็ใช่ว่าจะหากินได้ง่ายๆ"เมิ่งซิ่วไฉ ฮูหยินของท่านช่างมีพรสวรรค์มากนนัก ไม่ว่านางจะทำอาหารจานไหนข้ารู้สึกว่ามันอร่อยอย่างยิ่ง อีกทั้งน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ ข้ารู้สึกเกรงใจท่านจริงๆนี่คือของที่หามาอย่างลำบากเพื่อบำรุงสามีท่าน""ใต้เท้าอย่าเกรงใจเลยเจ้าค่ะ เรื่องวันก่อนข้ายังไม่ได้ตอบแทนท่านเลย วันนี้แค่น้ำแกงถ้วยเดียวไม่ถือว่ามากเกินไป ยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำเจ้าคะ่"" อืม ว่าแต่ได้ยินว่าท่านจะซ่อมแซมบ้านหรือท่านซิ่วไฉ""ขอรับใต้เ
เสิ่นเยี่ยนฟางมองค้อนเขาก่อนจะแยกชิ้นส่วนของหมูป่า จากนั้นก็เลือกเอาตรงเนื้อติดมันมาหมักเครื่องเทศเอาไว้ พรุ่งนี้เช้านางจะนำมาย่างไป เนื้อหมูป่าค่อนข้างเหนียวเสิ่นเยี่ยนฟางนำบางส่วนที่จะทำอาหารเช้าไปตุ๋นเพื่อให้นิ่ม พรุ่งนี้จะผัดกับเห็ด อยากได้พริกแต่ไม่ทันได้หาเมิ่งหย่งชวนก็มาจับนางกินจนหมดแรงหมดเวลาต้องลงจากเขาสองสามีภรรยากำลังช่วยกันทำงานโดยไม่รู้เลยว่าความยุ่งยากกำลังเดินทางมาหาพวกเขา ทั้งคู่ชำแหละหมูเรียบร้อยแล้วก็จัดเก็บไว้ในบ้านพวกบ้านใหญ่ถูกเสิ่นเยี่ยนฟางทุบจนลุกไม่ไหว แต่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนอกจากเมิ่งซานที่ไหล่หลุด คนอื่นๆน่าจะเริ่มดีขึ้นแล้ว ต้องเก็บให้ดีไม่เช่นนั้นจะยกโขยงกันมาเอาเปรียบอีก"ไปอาบน้ำเถอะ ข้าผสมน้ำอุ่นให้ท่านเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวข้าขอไปดูเนื้อหมูที่ตุ๋นไว้สักหน่อย จะถอนฟืนออกเดี๋ยวน้ำแห้งจะไหม้เอา""พี่ไปช่วยดีกว่าจะได้เสร็จไวๆ นี่ก็ดึกมากแล้วจะได้ไปอาบน้ำให้พี่ด้วย ชำแหละหมูนี่เหนื่อยมากนักต้องออกแรง หมูป่าหนังเหนียวมากเพราะว่ามันตัวใหญ่"เมิ่งหย่งชวนเอ่ยกับเสิ่นเยี่ยนฟาง สายตากรุ้มกริ่มมากจนเสิ่นเยี่ยนฟางรู้ทันทีคนตรงหน้าหิวอีกแล้ว คืนนั้นไม่น่าพลาดให้เขาเล
เสิ่นเยี่ยนฟางเดินออกไปหาเมิ่งหลงก็เห็นเขาพาคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย พวกเขาล้วนแต่งตัวดีใส่เสื้อผ้าราคาแพง สตรีอายุน่าจะไม่เกิน40แต่งกายด้วยไหมชั้นดี ชายชราวัยเดียวกับเมิ่งหลงมองเหยียดมายังนาง เสิ่นเยี่ยนฟางปัดมือที่เปื้อนดินก่อนจะไปหา"คารวะท่านปู่ใหญ่เจ้าค่ะ ท่านพี่ไม่อยู่เข้าเมืองไปกับอาเจิน มิทราบว่าท่านปู่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ""เอ่อ เมียอาชวนนี่คือมารดาของสามีเจ้า นางมาเยี่ยมอาชวนกับอาเจินน่ะ พวกเขาจะกลับมาตอนไหนหรือ""ข้าตอบไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านพี่ไปหาซื้ออาหารมาเลี้ยงคนที่จะมาช่วยซ่อมแซมรั้ว ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกเขานั่งรอเถอะเจ้าค่ะ"ลู่หานหนวดกระตุก บ้านโสโครกซอมซ่อเช่นนี้เกล้าเรียกเขานั่งหรือ จึงเอ่ยปากออกไป"นี่เจ้าเป็นผู้นำหมู่บ้าน มีที่ไหนให้ข้าได้นังพักดีกว่าเรือนโสโครกนี้บ้าง"ลู่ซินที่เพิ่งเห็นหน้าลูกสะใภ้ก็ถอนหายใจ บุตรขายเขารูปงามมากนัก เด็กสาวตรงหน้าก็งดงามเพียงแต่ฐานะของอาชวนกับนางนั้นแตกต่าง คงให้เป็นได้เพียงอนุเท่านั้น"ท่านพ่อ เราอย่าทำให้คนอื่นลำบากใจเลยเจ้าค่ะ นางเป็นภรรยาอาชวนอย่างไรเสียไว้หน้านางบ้าง""หึ เขาต้องแต่งกับท่านหญิงจะได้พ้นฐานะชาวนา ยังไงเสียนางก็เป็นได้แ
หลังจากที่เสิ่นเยี่ยนฟางกวดตีลู่หานกับลู่ซินจนกระเจิงก็มานั่งพรวนดินยกร่องผักของนางต่อ เมิ่งลู่เจินกำลังช่วยเสิ่นเยี่ยนฟางเก็บเศษวัชพืชที่พรวนขึ้นมา โจวหยวนกำลังคุยกับเมิ่งหย่งชวนอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ชาดอกเก๊กอวยที่นางตากแล้วคั่ว ว่าจะลองไปเสนอขายดูสักหน่อย ตอนนี้มีเงินในมือกว่าห้าหมื่นตำลึง เช่าร้านค้าขายดีไหม อาเจินจะได้เรียนหนังสือด้วย นางชอบเด็กใฝ่เรียนใฝ่รู้เมิ่งลู่เจินเป็นเด็กหัวไว แต่บางอย่างต้องคุยกันให้รู้เรื่อง"อาเจิน อยากเรียนหนังสือไหม พี่สะใภ้อยากค้าขาย เจ้าจำเป็นต้องรู้หนังสือจะได้ช่วยพี่คุมบัญชีร้าน""ข้าทำได้หรือขอรับ ข้าเป็นคนโง่เขลา เมิ่งอี้มักด่าข้าว่าไอ้โง่เสมอ""เจ้าท่องตำราพันอักษรที่พี่ชายเจ้าสอนได้แล้ว ปราชขงจื๊อ คัมภีร์อี้หลุนเจ้าก็ท่องได้ อีกทั้งลายมือก็นับว่ามีระเบียบแบบแผน เจ้าจะใส่ใจคำพูดคนที่เรียนมา6ปีเพิ่งสอบผ่านถงเซิ่งอย่างเมิ่งอี้หรือ แปลว่าเจ้าดูถูกพี่ชายตนเอง หากเจ้าโง่เขลากแปลว่าพี่ชายเจ้าไม่ได้เรื่องเพราะเขาเป็นคนสอนเจ้า หากศิษย์ไม่ดีแปลว่าอาจารย์ไม่ได้เรื่อง""พี่สะใภ้ ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นขอรับ ข้าอยากเรียนแต่เรื่องเอ่อ""ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูด
ทางด้านโจวหยวนฝนตกหนักมากจนล้อรถม้าของเขาติดหล่ม นี่ยามห้ายแล้ว(21.00-22.59) เขายังไม่เข้าเมืองเลยจนกระทั่งทหารยามที่ให้คนขับรถม้าไปตามมาถึง จึงเข็นรถม้าขึ้นจากหล่มได้ หากไม่ติดว่าฝนตกหนักเขาคงเดินกลับจวนแล้วโจวหยวนมาถึงจวนเกือบปลายยามห้าย บ่าวเตรียมน้ำร้อนให้เขาเรียบร้อย เขาคิดถึงคนตัวเล็กจึงเรียกหาแต่ไม่มีเสียงตอบ จึงเดินถือวิสาสะเข้าไปในห้อง เห็นนางนอนหลับอยู่ เสียงสะอื้นเบาๆดังออกมาโจวหยวนเอื้อมมือไปปลุกเจียงเสี่ยงฮวาจึงลืมตา พอเห็นเป็นเขาก็รีบลุกขึ้น มือปาดน้ำตาก่อนจะก้มหน้า โจวหยวนโบกมือทีเดียว ตะเกียงก็สว่างขึ้นมา เขารั้งนางเข้ามาหาถามไถ่สาเหตุ"ร้องไห้ทำไม่ เจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่หรือ เจ้ารังเกียจข้าหรือเสี่ยวฮวาน้อย""เปล่าเจ้าค่ะ""เงยหน้าสิ เหตุใดเอาแต่ก้มหน้ากัน" เจียงเสี่ยวฮวาไม่กล้ามองหน้าเขา โจวหยวนเชยคางนางขึ้นมา ทันทีที่เห็นใบหน้าด้านซ้ายบวมเขาถึงกับกัดฟัน"ฝีมือใครเสี่ยวฮวา""ไม่มีเจ้าค่ะ ใต้เท้าท่านมาเหนื่อยๆให้ข้าอาบน้ำให้นะเจ้าคะ ข้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้"เจียวเสี่ยวฮวาทำท่าจะลุก แต่เขารั้งไว้ช้อนนางมานั่งบนตัก ก่อนจะจุมพิตข้างที่ถูกคนตบมา เจียงเสี่ยวฮวามองหน้าเขา"
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร
หนุ่มสาวออกเดินทางไปหลังเขา ซึ่งไม่ได้ไกลจากจวนมากนัก เดินเท้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถาไปด้านหนึ่ง จ้าวไห่เฉิงก็จูงมือเมิ่งเสี่ยวเฟิงไปอีกด้าน ส่วนซูหยางรวบเอวบางของเมิ่งหานเซียงไปนั่งเล่นบนโขดหินริมลำธาร องครักษ์ที่ตามมามีมากกว่าสิบคนต่างก็ดูแลรอบนอกเผื่อมีคนนอกหลงเข้ามาเมิ่งเสี่ยวเย่ากับเมิ่งซีฮวนไปหาไก่ป่า ส่วนหวงมู่เหวินไปเก็บฟืนกับหานมู่เฉิน ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน มารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งคู่ สาวๆที่เหลือต่างก็กวดจับกระต่ายป่า โจวจื่อหรานไม่อยากทำร้ายมันจึงปล่อยไป บรรดาบิดามารดาของเด็กๆเหล่านี้ปวดหัวมากนัก เมื่ออยู่กันครบทีไรสร้างเรื่องใหญ่โตทุกที โจวหยวนปวดหัวแต่ต้องยอมตามใจ เจียงเสี่ยวฮวาเองก็ไม่อยากดุแต่จำต้องเข้มงวดเมื่อได้ไก่ป่ามาแล้วบุรุษก็จัดการ ให้บรรดาสตรีนั่งรอ จางจื่อเหยียนสายตาซุกซนนางมองเห็นดอกไม้สีแดงอยู่ลิบๆ แน่นอนว่าใช่ดอกโสมนางต้องไปเอามันกลับให้ได้ เอาไปขายให้ท่านพ่อคงได้หลายร้อยตำลึง ดรุณีน้อยมีหัวการค้ายิ่งนัก แต่ลูกค้าของนางกลับเป็นบิดาอย่างจางลี่ แล
ปลายยามอิ๋นเมิ่งหานเซียงขยับตัว นางนึกขึ้นได้ว่าข้างๆมีคนนอนด้วยก่อนจะขยับร่างบางเข้าหาซุกใบหน้าหวานเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นกายซูหยางทำเอาสาวน้อยหวั่นไหว นางกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจนางเลย แต่กับคุณหนูคนอื่นๆเขากลับดูแลอย่างดี บางคนถึงกับยอมสอนพวกนางให้ส่วนตัว เมิ่งหานเซียงกลัวเขาจะตื่น แต่ก็รวบรวมความกล้าจุมพิตลูกกระเดือกคนตัวโตเบาๆ ไล่จุมพิตไปจนถึงปลายคาง ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนนอนหลับซูหยางตื่นนานแล้ว เขาไม่ขยับอยากรู้ว่านางจะทำอะไร คนตัวโตยิ้มในความมืดมือหนาลูบหลังนางเบาๆเป็นสัญญาว่าเขาตื่นแล้ว เมิ่งหานเซียงเขินอาย เขาตื่นตอนไหนนะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้"ท่านอา..เช้าแล้วมิกลับห้องหรอกหรือเจ้าคะ""อยากนอนกอดเจ้าอีกหน่อยเด็กดีของอา เซียงเอ๋อร์คนงาม อารักเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าล่ะรักอาบ้างไหม"ดรุณีน้อยมิตอบคำถาม แต่แขนเรียวโอบกอดเอวหนาของคนตัวโตแทนคำตอบทั้งหมด ซูหยางยิ้มในความมืดก่อนจะพลิกร่างบางลงใต้ร่างแกร่ง เขาพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม"อยากเข้าหอกับเจ้าจัง ได้ไหมหื้ม""ท่านอา..อย่ารุ่มร่ามเข้าหออะไรของท่าน อยากถูกเส
จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถามาทางสวนท้อด้านหลังจวน เจ้าตัวยุ่งของเขาชอบดอกท้อที่สุด เขาแปลกใจเหมือนกันนางร่ายรำใต้ต้นท้อยามใด ดอกท้อพร้อมใจกันบานเต็มไปหมด ดูเหมือนบุตรสาวจวิ้นอ๋องแต่ละคนคงเป็นเทพธิดามากำเนิดเสียกระมัง เมิ่งเสี่ยวฮวาเดินไปทางใดก็มีแต่ดอกไม้เบ่งบาน เมิ่งเสี่ยวเฟิงเพียงแค่โบกมือเบาๆก็ราวกับควบคุมสายลมได้ ดินแดนตะวันออกไม่เคยแห้งแล้ง เมิ่งเสี่ยวเหอเด็กคนนั้นว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกระไร ทะเลสาบกว้างใหญ่ ราวกับนั่นคือบ้านอีกหลังของนาง ชาวประมงที่หากินกับแม่น้ำยังไม่สามารถว่ายไปกลางทะเลสาบได้เมิ่งเสี่ยวเถาที่เดินตามร่างสูงมาก็หน้างอง้ำ นางไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจรจากับเขา กระทั่งมาหยุดลงที่ม้านั่งหินใต้ต้นท้อที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด จ้าวตงหยางจับให้เมิ่งเสียวเถานั่งลง ส่วนตัวเขานั้นนั่งลงเรียบร้อยก็นอนหนุนตักนางหน้าตาเฉย จนดรุณีน้อยต้องดุเขาเบาๆ"ไท่จื่อ เป็นถึงรัชทายาทเหตุใดไม่สำรวมสักนิดเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันหนัก"มือหนาคว้ามือบางเอามากุมไว้แนบอก ก่อนจะหลับตาลงเอ่ยกับนาง"เสี่ยวเถา เหตุใดไม่เรียกพี่ตงหยางเช่นเมื่อก่อน เจ้าห่างเหินหมางเมิ