ไอรดาใจอ่อนลงทันที แค่เขากอดและลูบไล้ แผ่นหลังของเธอก็กอดตอบเขาแล้ว “กลับไปที่นั่นได้มั้ย? ที่คุณพาฉันไปตอนออกจากสนามบิน”“ทำไมอยากไป ลมแรงออก คุณจะหนาวนะ”“แล้วพาฉันไปทำไมล่ะ? ฉันยังไม่ได้เที่ยวไหนเลย แต่คุณแอบเที่ยว”“ผมไม่ได้แอบ อยู่บ้านเห็นแต่ของๆคุณ จะอยู่ยังไงไหว แล้วแต่งตัวแบบไหนผมก็ไม่เห็น กลัวคนจะฉุดคุณไปน่ะสิ”เขาแต่งตัวใหม่ เสื้อยืดกางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ สไตล์เรียบง่ายทำให้ดูเด็กลง ส่วนไอรดาใส่เสื้อแขนกุดตัวเล็ก กางเกงยีนขายาวเข้ารูป แต่เขาขับพาเธอไปที่บาร์ที่เขามาก่อนจะไปรับเธอ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ปิด “อยากดื่มอะไรมั้ย? พอมีเวลา”“จะมอมฉันเหรอ ฝันไปเถอะ”เขาจูงมือเธอมานั่งที่บาร์ และสั่งค็อกเทล Mai Tai Peachmaker ให้ ส่วนเขาดื่มแค่ Gin กับ มะกอกดอง แมทธิวรู้ว่ามีผู้ชายบางคนแอบมองเธอ เพราะเป็นคนเอเชีย เอวเล็กแต่หน้าอกหน้าใจนั้นดึงดูด แม้จะใส่เสื้อแขนกุดที่ปิดถึงคอ บวกกับหน้าตาที่ดูขี้อ้อนและมีเสน่ห์“หน้าเริ่มแดงๆ Sweetie”เธอหันมายิ้มให้ ดูอารมณ์ดีขึ้น แววตาไม่โกรธอีกแล้ว เขาเรียกเช็กบิลแล้วขับรถไปที่ Seal Point Park เข้าไปจอดในที่จอดรถยนต์ ซึ่งมีห้องน้ำสาธารณะและเห็นอ่าวได
สิ่งที่เธอซื้อให้เขานั้น แม้จะเป็นสิ่งของแต่ทำให้เขาดีใจและซาบซึ้งมาก “ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนให้ผมแบบนี้ จริงๆ..มันเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรทรีทผู้หญิงมากกว่า ผมรู้สึก..อับอายที่ดูแลคุณไม่ดีพอ”เธอซบเขาที่เดินถือของพะรุงพะรังแบบนั้นไปด้วยกัน “ไม่ต้องคิดมาก ในเมื่อคุณกล้าให้ ฉันก็ให้กลับได้ ไม่เกี่ยวว่าผู้ชายต้องให้ฝ่ายเดียว ฉันไม่ได้รู้จักแค่รับอย่างเดียว แล้วก็เหมือนกัน ฉันไม่เคยให้ใครแบบนี้มาก่อน..อะไรที่คุณได้ไป” กลับมาถึง Apartment ไอรดาเก็บของจนเสร็จ และเลือกจะใช้กระเป๋าที่เขาซื้อให้ใส่ของและถือกลับ โดยมีแมทธิวนั่งอยู่บนเตียงดูเธอเงียบๆ เธอรู้ตัวตลอดว่าเขามอง แต่เลือกที่จะไม่มองเขาและตั้งหน้าตั้งตาเก็บของ เพราะไม่อยากให้รู้ว่าข้างในเธอนั้นก็เศร้า“ผมจำไม่ได้แล้วว่าอยู่คนเดียวมันเป็นยังไง”ไอรดาแกล้งหัวเราะเบาๆ แสร้งทำเป็นว่าไม่คิดอะไร อย่าพูดแบบนั้นให้ฉันใจอ่อนสิ…“ไม่กี่วัน…คุณอาจจะลืมฉันแล้วก็ได้”เขาลุกมานั่งใกล้ จับมือเธอแน่น แต่เธอก็ยังไม่ยอมมองเขาอยู่ดี “ครึ่งชีวิตของผมคือครอบครัว อีกครึ่ง..คือคุณ ที่ผมจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วย ไม่ใช่คุณก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว”เสียงเขาสั่นจนเธ
เจตสุวีย์กลับมาที่รถก็เจอน้องสาวพูดขึ้นทันที“พี่โจหึงอายล่ะสิ แต่ไม่ต้องทำอะไรหรอก อยู่ไกลขนาดนั้นแถมเจอกันที่บาร์ สักพักก็หายไปเอง ยิ่งตอนนี้จะยุ่งเรื่องเรียนรู้งานที่บริษัทด้วย”เขายิ้มให้น้องสาวที่ไร้เดียงสา ก่อนจะขับรถออกจากคอนโดเพื่อไปส่งเธอที่บ้านก่อนจะไปที่บาร์ “จูนเชื่อเหรอว่าอายไปเชียงใหม่?”“หือ…คือยังไงพี่โจ?”จูนถึงกับถลึงตาหันมาจ้องพี่ชายที่สนใจมองแต่ถนน“เขาฉลาดนะ คุยได้ไม่นานแต่ทำให้อายเป็นฝ่ายไปหาเขาได้ พี่รู้เพราะรูปที่ถ่ายในสระว่ายน้ำนั่นไม่ใช่ที่เชียงใหม่ ถึงถ่ายไม่ติดคนแต่จำโรงแรมนั้นได้ พี่ไปพักหลายครั้งเวลาไปหาเพื่อนที่ซานดิเอโก้”“ห่ะ…แล้วอายจะโกหกทำไม?”“ยิ่งอายไม่บอกตามตรง ก็แสดงว่ากลัวพี่รู้น่ะสิ พี่บอกอายไปตรงๆว่าจะเดินหน้าสานสัมพันธ์อีกครั้ง แล้วที่ไม่รับสายเพราะอยู่กับเขานั่นแหละ”“แล้ว…ที่ไปส่งอายถึงห้อง พี่พูดเรื่องนี้มั้ยว่า…พี่รู้”“ก็ดูตกใจอยู่นะ แต่หน้าตาดื้อมาก พยายามทำเฉยไม่ยอมรับ ลึกๆคงช็อกนิดหน่อยที่โดนจับโกหกได้ เด็กน้อยที่ดื้อเงียบแบบนี้ค่อยเหมาะสมกับพี่หน่อย…ลูกคนเดียวกับพี่คนโตงั้นเหรอ มาดูสิว่าใครจะชนะ”ไอรดายังตกใจที่เขาจูบแบบกะทันหันแถมจ
ไอรดากลับมาถึงคอนโด ทำสิ่งต่างๆจนเสร็จก่อนจะมานั่งรอเวลาที่แมทธิวจะตื่นแล้วโทรหาเธอ จนเกือบสี่ทุ่มเขาก็วีดีโอคอลมาหา“ที่รัก ทำงานเหนื่อยมั้ย? คุยนานไม่ได้เดี๋ยวคุณนอนดึก”“ฉันเหนื่อยใจนิดหน่อย การคุยกับคุณทำให้รู้สึกดีขึ้น อยากให้คุณอยู่ตรงนี้จัง”สีหน้าเธอดูเหนื่อยจริงๆ เท่าที่เขาเห็นเธอนอนตะแคงคุดคู้บนเตียง“อยากระบายมั้ย? Sweetie”“แมทธิว…การที่คนเราจะแต่งงานกัน ต้องรักกันขนาดไหน? ถึงอยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต?”เขาแปลกใจคำถาม ซึ่งไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่ เธอไปทำงานแค่วันเดียวก็มีอะไรแปลกๆที่เขารู้สึกได้“สำหรับคนอื่นไม่รู้คิดยังไง ส่วนตัวผมเวลารักแล้วจะอยากใช้ชีวิตกับผู้หญิงที่รัก ถ้าแน่ใจในกันและกันก็แต่งงานเลย มีความปรารถนาดีให้ มีความสุขที่ได้ดูแลห่วงใย”“คุณคิดถึงเธอบ้างมั้ย?..”น้ำเสียงและหน้าตาที่ดูเศร้า ทำให้เขาเริ่มไม่เข้าใจ “เธอมารบกวนหรือติดต่อพูดอะไรกับคุณอีกหรือเปล่า?”ไอรดามองเขาผ่านกล้องนั้น แต่เงียบไม่ตอบ“ผมไม่คิดอะไรกับอดีตอีกแล้วก่อนเจอคุณด้วยซ้ำไป เรื่องที่พลาดไปหลังหย่าเพราะสับสนเหมือนทั้งรักทั้งเกลียดในตอนนั้น พอตัดแล้วตัดเลย ก็ไม่มีอะไรต่อกันอีก ย
แมทธิวส่งข้อความขอให้เธอโทรกลับทันทีที่ถึงคอนโด เพราะเขาเป็นห่วงเธอเอามากๆ ไอรดาที่อยู่ในห้องน้ำแล้วเห็นข้อความจึงโทรหาเขา“ไม่นานก็จะกลับแล้ว พรุ่งนี้มีนัดเจอลูกค้า ถึงคอนโดแล้วจะโทรหาอีกที ไม่ต้องห่วง ฉันดูแลตัวเองได้”“ไม่ให้ห่วงได้ยังไง? เขาพาคุณติดตัวไปไหนต่อไหน อยู่ทำงานด้วยกันทั้งวันไม่พอ กลางคืนยังพาคุณไปบาร์อีก”“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์”“แล้วคุณมายังไง เอารถมาเองหรือเปล่า?”ไอรดาสะอึกไปนิดหน่อย ก่อนจะตอบเสียงอ่อย“คนขับรถที่บ้านจูนมาส่งที่บาร์ แต่ตอนกลับ เขาน่าจะไปส่งน่ะ”แมทธิวเงียบ มีเสียงถอนหายใจดังของเขาลอดมาให้ได้ยิน “คุณไม่ไว้ใจฉัน…งั้นฉันกลับตอนนี้เลยก็ได้ จะเรียกแท็กซี่ให้ไปส่ง”ได้ยินเธอตอบมาแบบนั้น ทำให้เขาเริ่มคิดได้ว่า อย่างน้อยเธอยังมีแก่ใจง้อเขา “ผม..เชื่อใจคุณ แต่ไม่ไว้ใจเขา คุณสนุกกับเพื่อนๆเถอะ ขอโทษที่ทำให้อึดอัด ผมจะรอคุณโทรกลับนะ”ไอรดาออกจากห้องน้ำก็เจอเจตสุวีย์ยืนรออยู่ “อีกสักชั่วโมง หนูขอกลับได้มั้ยคะพี่โจ เริ่มง่วงนิดหน่อย”แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบ กานต์วิภาก็เข้ามายกมือสวัสดีเสียก่อน ทำเอาไอรดารู้สึกคุ้นหน้า ในเสี้ยววินาทีก็นึกออกว่าเคยเจอที่ห้องน้ำที่น
เจตสุวีย์ต้องการให้เธอไม่ทันได้นึกถึงผู้ชายคนนั้น เขาลากเก้าอี้มาติวงานให้เธอตัวต่อตัว พร้อมกับอธิบายงานใหม่ที่พึ่งดีลได้มา“เพราะหนูไปนั่งด้วย ลูกค้ามัวมองน่าดู ไม่ต้องใช้พลังงานในการคุยมากก็เซ็นเลย”ไอรดาทำหน้าไม่เชื่อ ส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม“พี่โจความรู้เป๊ะมากนะคะ ตอบลูกค้าได้ครบ เสนอราคา ส่วนลดต่างๆ จนลูกค้ามองแล้วได้มากกว่าบริษัทอื่น หนูฟังแล้วยังแบบภูมิใจแทนหม่าม๊ากับคุณพ่อพี่เลย”จูนที่ฟังอยู่ถึงกับไอสำลักขึ้นมา“โอ้ย ชมกันเองเนอะ..นี่ยังนั่งอยู่อีกคนนะจ้ะ ชมทางนี้ด้วยสิ แหม” ทั้งสามคนหัวเราะแล้วนั่งคุยกันต่อเรื่องสัพเพเหระ โดยที่อีกฝั่งหนึ่งของโลกอย่างแมทธิวที่นั่งทำงานบนเตียง ดูเวลาที่นี่จะเที่ยงคืน ที่ไทยเกือบบ่ายสาม แต่เธอยังไม่อ่าน ไม่โทรกลับ และเขาเองก็ไม่กล้าโทรหาเธอ สี่โมงเย็น จูนก็ขอตัวแยกไป ส่วนเจตสุวีย์พาเธอไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารญี่ปุ่นย่านทองหล่อ ไม่ไกลจากคอนโดของไอรดามากนัก จนกระทั่งหกโมงเขาก็ขับรถส่งเธอกลับ“พี่ขอเดินขึ้นไปส่งหนูได้มั้ยคะ?”“เสียเวลาพี่โจเปล่าๆ รถติดถึงบ้านจะช้ากว่าเดิม พี่ควรจะได้พักผ่อนนะ”“ไม่เลยค่ะ พี่ทำงานสนุกมากวันนี้ ไม่รู้สึกเบื่อเลยเพร
ตีสามของวันนี้แล้วสินะที่เขาจะบินมาไทย ทำไมรู้สึกสับสนไปหมด..ไอรดาที่ตื่นไปทำงานตั้งแต่แปดโมง เธอมานั่งในห้องทำงานที่เจตสุวีย์และจูนยังไม่มาถึง แมทธิวที่ขยันส่งข้อความมาตามเวลา แต่เธอปฏิเสธที่จะโทรคุยกับเขา ให้ได้เพียงแค่แชทคุยเท่านั้น เกือบครึ่งวันที่เธอดูหมองๆ พูดน้อย เอาแต่สนใจเอกสาร จนเจตสุวีย์ต้องพยักหน้าให้น้องสาวของเขาเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมา“อาย..ไม่สบายมั้ยน่ะ ดูหน้าตาไม่ค่อยดีนะ”“อยู่ๆก็คิดถึงพ่อแม่ เวลารู้สึกเหนื่อยๆ แต่ฉันคงอ่อนแอไปเอง เดี๋ยวก็ดีขึ้น”“น้องอายอยากไปเชียงใหม่มั้ยคะ? เสาร์อาทิตย์นี้ พี่จะไปเป็นเพื่อน เผื่อกลับบ้านแล้วจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง”“ขอคิดดูก่อนค่ะพี่โจ ปกติไม่เคยกลับแค่วันสองวัน เกรงใจอยู่ ถ้าจะกลับทีเป็นอาทิตย์”“ถ้าหนูจะอยู่เป็นอาทิตย์ พี่ก็อยู่ด้วยได้นะคะ มีงานด่วนค่อยบินมา ผู้ช่วยพี่มีหลายคน”ไอรดาเงียบไม่ตอบ เพราะคนที่เธออยากอยู่ด้วยไม่ใช่เขา…ส่วนกานต์วิภาที่โทรหาแมทธิว ลองชวนให้อยู่ที่ขอนแก่นสักสองสามวัน โดยอ้างว่าอยากใช้เวลาสามคนพ่อแม่ลูกแบบเมื่อก่อน เหมือนตอนที่อยู่อเมริกา“วีวี่คิดถึงพี่แมทมากนะ ไหนๆเราก็กลับไปเคลียร์เรื่องคนที่ต้องเซ็น ก็อยู่ส
กานต์วิภาโอนอ่อนให้เขาแต่โดยดี เพราะหน้าตาที่หล่อ รูปร่างดี ผิวขาวเป็นหยวก แถมมีฐานะสูง แค่เขาทำท่าสนใจเธอก็รู้สึกดีแล้ว ยังไงอดีตสามีก็คงไม่ได้สนใจเธออีกต่อไป การได้เป็นผู้หญิงของเศรษฐีหนุ่มคือทางเลือกที่ดีกว่า ถ้ามีโชคมากพอ เอาใจเขาดีๆ อาจได้เป็นคนโปรดของเขา ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วเธอมองหน้าเขาที่ขย่มอยู่บนตัวเธอ หน้าตาเขาช่างหล่อน่ารัก ตัวหอมฟุ้ง ทำเอากานต์วิภาเคลิ้มเหมือนฝันไปแต่ระหว่างที่ทำนั้น เจตสุวีย์ไม่จูบปากเธอ ไม่สัมผัสส่วนใดๆ เขามองตาเธอแว็บเดียวก็จับเธอนอนคว่ำแล้วทำต่อ กานต์วิภาถึงกับอายที่เขาเหมือนไม่อยากเห็นหน้าเธอ ที่ทำก็เพื่อบำบัดความใคร่อย่างเดียวและยังมีสติพอที่จะไม่ปล่อยข้างในเพื่อกันพลาดเมื่อเจตสุวีย์อารมณ์สงบลง เขาผละจากเธอทันที แล้วใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องกระดาษชำระบนโต๊ะมาให้กานต์วิภาเช็ดต้นขาที่เลอะและใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยเขายืนหันหลังมือสองข้างยันโต๊ะไว้เหมือนกำลังตั้งสติ“เอ่อ..หนูขึ้นมาสักพักแล้ว เดี๋ยวทุกคนจะสงสัย ขอตัวลงไปทำงานก่อนค่ะ” เขาไม่หันมาแต่ทำสัญญาณมือให้เธอออกไป “แล้วผมจะติดต่อไปเอง”กานต์วิภาไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา
จูนโทรถามไอรดาว่าจะมาที่บาร์ของพี่ชายเธอหรือไม่ เพราะเพื่อนทุกคนจะมาเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้ว“ไปสักแป็บก็ได้ ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ไม่ได้ทำงานอยู่แล้ว”พอถึงคอนโด ก็โทรหาแมทธิวเพื่อขอไปเที่ยวกับจูน ซึ่งแน่นอนเขาไม่อยากให้ไป“ฉันเอารถไปเอง และจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์แน่นอน สัญญา”“ที่นั่นมีทั้ง..กานต์วิภาและผู้ชายคนนั้น ผมไม่ไว้ใจเลย”“เอ่อ…จริงสิ แล้ววันนี้คุณมีแพลนทำอะไร? ย้ายของไปถึงไหนแล้ว?”ไอรดารีบถามเปลี่ยนเรื่องทันที“ของส่วนใหญ่ส่งไปที่ LA แล้ว รถผมก็ประกาศขายไม่แพงมาก มีเพื่อนบ้านสนใจอยู่ คงจะขายได้ไม่ยาก วันนี้คงเข้าออฟฟิศไปเคลียร์งานนิดหน่อย กลับมาก็ทำความสะอาดห้อง อีกวันสองวันผมจะไปอยู่บ้านพ่อแม่แล้ว น่าจะอยู่สักสามสี่วัน จากนั้นต้องจองตั๋วเพื่อบินไปไต้หวัน”“วันนี้ฉันไปทานข้าวเย็นที่บ้านจูน แล้วพ่อแม่เขาคุยเรื่องขอให้ฉันแต่งงานกับพี่โจ”แมทธิวที่เอนหลังอยู่บนเตียง ถึงกับลุกนั่งกะทันหัน “นี่ใช่มั้ยคือบุญคุณต้องตอบแทนที่คุณพูดถึง? เพราะพวกเขาช่วยเหลือกิจการให้คุณมีเงินมากมาย เขาถึงกล้าส่งข้อความบอกคุณว่าหมดเวลาของผม”“ฉันบอกพวกเขาว่ามีคนรักแล้ว ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่รู้ว่าคุ
ไอรดาและแมทธิวตื่นแต่เช้า ทั้งคู่โทรหาวีวี่เพื่อบอกให้รู้ว่าแด๊ดดี๊ของเธอจะต้องกลับแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องไปสนามบิน “คุณไม่ไปส่งนั่นล่ะดีแล้ว ไม่งั้นผมคงตกเครื่องเพราะก้าวขาไม่ออก ถ้าเห็นคุณร้องไห้”เธอยิ้มแล้วส่ายหัวแบบที่ชอบทำ เขาดึงเธอมานั่งตักแล้วซบกอดกันเงียบๆอยู่พักหนึ่ง เขาชอบที่ได้ฟังเสียงหัวใจเต้นของเธอ พลางจับมือขึ้นมาจูบเบาๆ“ถ้าผมต้องไปไต้หวันจะแวะมาหาคุณด้วยนะ ดูแลตัวเองดีๆเวลาที่ผมไม่อยู่ จำไว้ว่า..ถึงเราจะอยู่ห่างกัน ไม่ได้อยู่ใกล้กันเหมือนคนอื่น แต่เรายังรักกันขนาดนี้ ผมเคลียร์อะไรเสร็จแล้วกลับมา..เราแต่งงานกันนะ”“ไหนล่ะแหวน?”“แสดงว่าคุณตกลงแล้วนะ”แมทธิวขยับตัวให้เธอลุก เพราะได้เวลาที่เขาต้องลงไปรอ Taxi เพื่อไปสนามบินแล้ว ไอรดาสีหน้าออกทันที เธอกอดแขนเขาแน่น “ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวให้บอกผม จะซื้อตั๋วให้คุณบินไปอเมริกาทันที”“ฉันจะเข้มแข็ง รอการกลับมาของคุณ”เขาประคองหน้าเธอเงยขึ้นแล้วจูบอย่างอ้อยอิ่ง น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมา มันทำให้เขาใจสลายที่ต้องไปจากคนที่รักสุดหัวใจ“ไปได้แล้ว…” เธอบอกเขาด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย เขากอดเธอแน่น บอกรักด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า แล้วหัน
กานต์วิภาที่ยืนส่องกระจกดูแก้มด้านซ้ายที่บวมตุ่ย รอยแดงอมม่วงเริ่มปรากฏขึ้น เธอนั่งเครื่องกลับมากรุงเทพตั้งแต่คืนวันเสาร์แล้วตามคำสั่งและการสนับสนุนเงินทองจากเจตสุวีย์ หลังจากโทรบอกเขาเรื่องที่โดนไอรดาตบหน้าเอามีสายเข้ามาจากเจตสุวีย์ กานต์วิภาแปลกใจระคนตื่นเต้น ที่เขาโทรมาหา“สวัสดีค่ะ คุณเจตสุวีย์”“ว่างมั้ยผมจะไปรับ?”ใจเธอวูบวาบขึ้นมาทันที“เอ่อ..ว่างค่ะ คุณเจตสุวีย์จะพาไปไหนคะ? พอดีหน้าหนูดูแย่..”“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเจ็บมากจะพาไปหาหมอ ส่งพิกัดที่พักคุณให้ผมจะได้ไปรับ”เธอส่งพิกัดให้เขาแล้วรีบแต่งตัวรอ จนกระทั่งเขาหาที่จอดได้“ผมมาแล้ว ที่จอดรถหายากมาก รีบลงมาหน่อยก็ดี”ลงมาถึงเห็นรถหรูของเขา ทำเอาเธอเก้อเขินพอเข้ามาก็ได้แต่นั่งตัวลีบอยู่แบบนั้น เจตสุวีย์เอื้อมไปจับหน้าเธอที่อายจนหน้าแดงให้หันมา“ผมจะพาไปหาหมอนะ แล้วจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง แต่ขออย่างหนึ่ง ไม่ให้ไปยุ่งกับไอรดา เธอเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่บริษัท”“ค่ะ”ตอนนี้เธอไม่อยากเอาเรื่องเอาราวอะไร แค่เห็นหน้าเขาก็ใจอ่อนปวกเปียกแล้วเจตสุวีย์พาไปโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุด จนพยาบาลหรือลูกค้าบางคนที่จำเขาได้ พากันซุบซิบที่ลูกชายไฮโซระดับป
ณ บ้านวิเชียรวรกุลทั้งสามตื่นแต่เช้า เตรียมตัวเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังขอนแก่น “เราเอากระเป๋าไปเพิ่มดีมั้ย? แมทธิว พวกชุด รองเท้า กระเป๋าที่ซื้อให้วีวี่ คงใส่กระเป๋าเสื้อผ้าเด็กไม่พอหรอก ใบแค่นั้นน่ะ”“หนูไม่เอาไป กลัวชุดสวยกับรองเท้าพัง”ไอรดามองหน้า จนวีวี่หลบตาลง“ไม่ชอบเหรอ?”เด็กหญิงส่ายหน้าด้วยความกลัวไอรดา“แล้วทำไมไม่เอาไปด้วย?”“ถ้าหม่าม๊าเห็นจะต้องด่าหนู หนูกลัวหม่าม๊าทำพัง”คำตอบของเด็กทำเอาไอรดาสูดหายใจอย่างแรง ก่อนจะมองไปที่แมทธิว “ไม่เป็นไร ที่รัก เอาไว้ที่นี่ก็ได้ ถ้าคุณจะเมตตาเด็ก อนุญาตให้มาที่นี่อีก”เธอพยักหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะนึกอะไรได้อย่างหนึ่ง จึงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบสร้อยทองเส้นเล็กที่เคยได้ตอนเด็ก เป็นสร้อยทองสองสลึง ห้อยด้วยหลวงปู่ทวดองค์เล็ก “มานี่สิ…ใส่เอาไว้นะ ห้ามถอดไม่ว่าจะยังไง”วีวี่ยกนิ้วก้อยให้เธอแทนสัญญา ทั้งสองเกี่ยวก้อยกัน ไอรดาลุกขึ้นสะบัดหน้าแล้วหันหลังให้ก่อนจะพูดขึ้น“น้ายกคุณทรัฟเฟิ้ลให้ ขี้เกียจได้ยินทีหลังว่ามีเด็กนอนฝันร้าย ร้องไห้ขี้มูกโป่งกลางดึก”เธอเดินออกจากห้องไปชั้นล่างทันที “คุณน้าโกรธที่หนูไม่เอาชุดไปด้วย”“ไม่ใช่แ
บ้านของไอรดาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อมีคนสี่คนในบ้าน มีเสียงเด็กหัวเราะ ป้ารินที่คิดถึงหลานของตัวเอง พอมีเด็กเล็กก็หายเหงาไปได้มาก แมทธิวชอบทำอาหาร ช่วยตัดหญ้า ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ พอช่วงบ่ายก็พากันขับรถออกไปเที่ยวนอกเมืองตามสถานที่ต่างๆทุกวัน แต่พอตกกลางคืนตั้งแต่มีเด็กหญิงมาอยู่ด้วย ไอรดาขอแมทธิวว่าจะไม่นอนห้องเดียวกับเขาและห้ามขอมีอะไรกับเธอในช่วงที่เด็กอยู่ที่นี่วีวี่อยากให้ไอรดาบินไปส่งกลับบ้านที่ขอนแก่นด้วย อีกทั้งแมทธิวก็ขอร้องจนยอมให้เขาจองตั๋วบินในวันเสาร์เพื่อไปด้วยกันสามคนจนได้ ระหว่างนั้นในเย็นวันพฤหัสบดี มีคนสองคนอุ้มเด็กเล็กเข้ามาที่บ้านของไอรดา แมทธิวที่กำลังเดินเล่นกับวีวี่ที่ปั่นจักรยาน เป็นคนที่ไปเปิดประตูให้ ป้ารินเดินออกมาหน้าบ้านถึงกับร้องไห้ เมื่อเห็นลูกชายลูกสะใภ้พาหลานมาหา พร้อมยื่นถุงพลาสติกเล็กๆใส่ส้มมาให้“แม่ สบายดีไหม? ซื้อส้มมาฝาก ว่าจะมาหาหลายทีตั้งแต่แม่บอกกลับมาที่บ้านนี้ พึ่งจะว่าง”“ไม่เป็นไรหรอก แม่เข้าใจ”ป้ารินกล่าวพร้อมกับรับหลานมาอุ้ม แมทธิวเดินกลับไปหาวีวี่ที่สนามหญ้าข้างบ้าน ปล่อยให้พวกเขาอยู่กันเป็นส่วนตัว“นั่นใครอ่ะแม่ มีเด็กด้วย”“แฟนหนู
แมทธิวขึ้นเครื่องเวลา 8.30 มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง มีเวลาสี่ชั่วโมงครึ่งจะบินกลับเชียงใหม่ในตอน 13.05 เขาโทรหาไอรดาแล้วก็เรียก Taxi ตรงไปบ้านแม่ของกานต์วิภา ก็เจอลูกสาวตัวน้อยเตรียมกระเป๋าไว้เรียบร้อย เธอวิ่งเข้ามากอดและเขาอุ้มเธอเอาไว้ “คิดถึงแด๊ดดี๊มากเลย เราจะไปเชียงใหม่ใช่มั้ย?”“ใช่ แต่สัญญาแล้วนะว่าจะเป็นเด็กดี” เธอยื่นนิ้วก้อยให้แทนว่าสัญญา ทั้งคู่เกี่ยวก้อยกันตามนั้น “บอกคุณยายว่าจะมาส่งเช้าวันเสาร์นะ”เมื่อจัดการคุยผ่านล่ามตัวน้อยเรียบร้อย เขาก็ยกมือไหว้ร่ำลา แล้วพาไปทานมื้อเช้าในตัวเมืองขอนแก่น รอห้างสรรพสินค้าเปิด จึงพาเธอไปทานไอศครีมและเล่นบ้านบอลเพื่อฆ่าเวลา เขาส่งข้อความบอกกานต์วิภาว่ามารับลูกสาวแล้ว แต่อีกฝ่ายโทรกลับมาทันที“พี่แมทมาคนเดียวใช่มั้ย?”“ใช่ ทำไม? เดี๋ยวจะไปสนามบินแล้ว”“หวังว่าคงไม่มีใครต้องงอแงก่อน ระหว่างวีวี่กับผู้หญิงคนนั้น จะรอดมั้ยเนี่ย..หึ”กานต์วิภาหัวเราะเยาะ ก่อนจะพูดต่อไป“จะมาส่งกลับวันเสาร์ใช่มั้ย? จะรอดูว่าได้สักกี่วัน”“แค่นี้นะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว”แมทธิวตัดบทและวางสายแบบไร้เยื่อใยใดๆ ทำให้เธอถึงกับลืมตัวก
หลังจากไอรดาออกไปทำธุระข้างนอก แมทธิวก็โทรหากานต์วิภาให้บอกแม่ของเธอให้ไปทำเรื่องลาหยุดที่โรงเรียนสี่วัน เพราะเขาจะไปรับมาใช้เวลาเพื่ออยู่ด้วยกัน แล้วจะไปส่งกลับขอนแก่นเช้าวันเสาร์“แล้วจะรับไปอยู่เที่ยวที่ไหน? ผู้หญิงคนนั้นจะยอมเหรอ..หึ” น้ำเสียงที่แสดงว่ากานต์วิภารู้สึกชอบใจ“ผมพูดเรื่องลูก ไม่ต้องพยายามไปพูดถึงเธอ ไอรดาเห็นใจเด็กมากพอ จนยอมจ่ายให้สามีเก่าคุณเพื่อให้เขาเซ็นง่ายๆ ถือว่าใจดีพอมั้ย? ขนาดคุณยังจัดการไม่ได้ถ้าผมไม่ขู่จะจ้างทนาย”ทำเอากานต์วิภาไม่พอใจที่เขาชื่นชมไอรดาแล้วตำหนิเธอแทน“ดูแลวีวี่ด้วยแล้วกัน อย่าให้มารังแกลูกหนู ไม่งั้นเจอดีแน่”“ปกติคุณเคยสนใจลูกด้วยเหรอ? กานต์”เขาวางสายใส่ เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบอะไร เพราะรู้กันอยู่แล้วแมทธิวสั่งอาหารเที่ยงมากิน หลังจากนั้นก็ไปนั่งเงียบๆในห้องพระ นั่งดูอัลบั้มรูปพ่อแม่ของไอรดา จนเจออัลบั้มหนึ่งเป็นรูปสมัยที่ไอรดายังเป็นเด็กหญิงเรื่อยไปจนถึงไฮสคูล กระทั่งตอนเริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอมีแววตาที่สดใสและเติบโตมาเป็นอย่างดี ท่ามกลางรูปที่ถ่ายร่วมกับพ่อแม่ของเธออยู่มากมาย มีลายมือเขียนภาษาไทยเอาไว้ในหน้าสุดท้ายของอัลบั้
แมทธิวเริ่มเครียดเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงทั้งสองคนคุยกัน“เธอรู้สึกได้บ้างมั้ย ถ้าไม่เข้าข้างสามีเก่าจนเกินไป เขารักลูกสาวบ้างหรือเปล่า?”“เราไม่ได้พร้อมที่จะมีลูกในตอนที่อายุ 18 เขามีแต่ความกลัว”“ตอบไม่ตรงคำถาม เขาเห็นแก่ตัว..มากกว่ากลัว และเธอก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันที่ไม่ทำอะไรเลยที่จะเรียกร้องอะไรให้เด็ก บอกเขาไป เซ็นซะ แล้วส่งรูปมา ฉันจ่ายทันทีห้าหมื่นเข้าบัญชี”“เป็นพวกชอบจบปัญหาด้วยเงินสินะ”“ที่ผ่านมาเธอคงจบปัญหาได้งั้นสิ? ยืดเยื้อขนาดนี้จนเด็กปาไปแปดขวบ ฉันจะให้เขาเซ็นง่ายๆไม่ต้องพล่ามอะไร แล้วมาวุ่นวายกับทางนี้ให้ฉันต้องได้ยินอีก คิดดูแล้วกัน ถ้าสามีเก่าของเธอทั้งสองคนมีภรรยาใหม่ ลูกใหม่ จะเอาอะไรมารับประกันให้เด็กได้บ้าง นอกจากเธอต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือคอยมองหาผู้ชายคนต่อไปที่เข้ามารับภาระต่อ อย่างน้อยพ่อแท้ๆเกิดวันหนึ่งเขามีทรัพย์สินอะไรใดๆ แล้วเขาเป็นอะไรขึ้นมา ลูกสาวเธอนั่นแหละควรได้สิทธิ์ตรงนี้ด้วย ในขณะที่แมทธิวเขาก็อุปถัมภ์ต่อจนเรียนจบในฐานะที่เขาผูกพันกันมา” ไอรดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อทันที“ฉันจะไม่ทนเห็นผู้ชายของฉัน ต้องทำงานหนักจนไม่สบายไอเป็นเลือด
ไอรดาได้ยินทุกอย่าง ได้แต่ยืนเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเก็บอาหารจานชามออกมานอกห้อง เจอกับแมทธิวที่รีบลุกขึ้นมาช่วยเธอ“ไม่เป็นไร คุณนั่งเถอะ แล้วกินอะไรมาหรือยัง?”แมทธิวมองเธอที่เดินถือทุกอย่างผ่านเขาไป ไอรดาหลบตา ถามเหมือนไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยอะไรเกี่ยวกับเธอคุณคิดแบบที่เขาพูดบ้างหรือเปล่า…ไอรดา..“ผมกินมาแล้ว”เขาเดินไปโอบเธอที่ยืนล้างจานอยู่ แล้วช่วยล้างทั้งที่โอบอยู่แบบนั้น พลางพูดข้างๆหู เอาแก้มไปแนบแก้มเธอ“เขาดูหล่อมีชาติตระกูล ผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ไม่นานคงหลงเสน่ห์ได้ง่าย ผิวพรรณ หน้าตา นิ้วมือที่เรียวเหมือนผู้หญิง บ่งบอกว่าไม่เคยลำบาก แต่สายตาเขาเป็นคนชอบเอาชนะ มีคนเตือนผมให้ระวังถ้าขวางทางเขา เพราะเป็นลูกคนมีอิทธิพลและกว้างขวางที่นี่” ไอรดาเอาผ้าเช็ดมือให้เขาอย่างทะนุถนอม แล้วถามขึ้นมา“คุณอยากทำแบบที่พี่โจบอกหรือเปล่า?”“ผมไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด สนใจแค่คุณคิดยังไง ผมอาจจะไม่ได้มีเงินมากเหมือนเขา แต่จะไม่ทำให้คุณต้องลำบาก”ไอรดาผละออกจากอกกว้างที่โอบเธอ ไปนั่งที่เก้าอี้แทน“แต่ฉันอาจทำให้คุณลำบาก มีบางครั้งที่ฉันแอบคิดว่า หรือควรจะคบเขาไปให้มันจบ ฉันเองก็จะสามารถรักษาธุรกิจ