ปกติแล้วถ้าวันไหนไม่ได้ไปทำงานทรายจะต้องหัวเสียมาก เพราะเธอจำเป็นต้องหาเงิน การขาดงานเพียงหนึ่งวันจะทำให้รายได้ลดลง แต่คราวนี้เธอกลับรู้สึกดีที่เสาร์อาทิตย์นี้เธอได้หยุดงาน เธอต้องการเวลาทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์
ช่วงเวลาสุดสัปดาห์ของเธอหมดไปกับการนอนอุดอู้อยู่บนเตียง แอมเบอร์พยายามชวนเธอออกไปข้างนอกแต่เธอไม่มีกะจิตกะใจไปไหนทั้งนั้น เธอแค่ลุกจากเตียงเพียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานอนต่อ แต่ว่าวันนี้เป็นวันจันทร์ เธอจะต้องลุกไปมหาวิทยาลัย ที่แย่ไปกว่านั้นคือวิชาแรกของเธอคือวิชาภาษาอังกฤษกับแมทธิว
เธอไม่เคยโดดเรียนเลยสักครั้ง และตอนนี้ก็ไม่คิดที่จะโดดเรียนด้วยแม้ว่าอยากจะทำอย่างนั้นใจแทบขาด ดังนั้นเธอจึงได้แต่ไปเผชิญหน้ากับเขา
เมื่อมาถึงชั้นเรียนที่เธอตั้งใจมาเช้ากว่าปกติเพื่อหลีกเลี่ยงใครบางคน ก็พ่นลมหายใจออกมายาว ๆ เพราะเขายังไม่มา เธอเลือกที่นั่งหลังสุดจากปกติจะต้องนั่งด้านหน้า หยิบหนังสือเรียนและงานที่เขาสั่งครั้งที่แล้วออกมา คิดว่าจะต้องอดทนให้ผ่านชั่วโมงนี้ไปให้ได้
หลังจากนั้นไม่นานนักศึกษาก็ทยอยกันเดินเข้ามาเรื่อย ๆ เกิดเสียงพูดคุยดังจ้อกแจ้ก จนกระทั่งได้เวลาอาจารย์หนุ่มก็เดินเข้าห้องมา วันนี้เขาสวมกางเกงสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถลกแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอกเผยให้เห็นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ทำไมเขาถึงได้ดาเมจรุนแรงไม่ปราณีเธอบ้างเลย เขาเดินไปที่โพเดียม กวาดสายตาไปรอบห้องจนกระทั่งหยุดลงที่เธอ สายตาเขามีพลังทำให้สายรู้สึกเหมือนกับถูกตรึงไว้กับที่
“แซนดี้”
จู่ ๆ อาจารย์หนุ่มก็เรียกชื่อเธอทำให้ทุกคนในห้องต่างหันมามองเป็นจุดเดียวจนเธอรู้สึกอับอาย “หลังจบคาบเรียนฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” พูดจบก็หันไปทางอื่นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนมาก่อน
ทรายยกมือขึ้นกุมหน้าอก ภายในรู้สึกหน่วง ๆ เธอจึงก้ม หน้ามองหนังสือบนโต๊ะ ส่วนเขาก็เริ่มสอนปกติโดยไม่มีทีท่าว่าจะมองหรือสนใจเธออีก
การถูกหมางเมินทำให้ทรายนึกโมโห อยากจะลุกขึ้นไปชี้หน้าต่อว่า อยากถามเขาว่าเป็นอะไร แล้วจะเรียกเธอไปหาอีกทำไม แต่คิดอีกที นี่ก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่หรือ เธออยากให้ทุกอย่างจบไม่มีการสานต่อใด ๆ ทั้งสิ้น เธอได้ปฏิเสธเขาไปแล้วไง เขาให้เธอเป็นคนเลือก และเธอเป็นคนเลือกให้เป็นแบบนี้เอง ไม่ใช่เขา แต่ว่าทำไม เธอถึงต้องรู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกเขาเมินใส่แบบนี้ด้วย
ตลอดคาบเรียนทรายไม่สามารถตั้งสมาธิได้เลย ทุกสิ่งที่เขาสอนไม่มีอะไรเข้าหัว แต่ยังดีที่เธอจดตามทุกสิ่งที่เขาเขียนบนกระดานเอาไว้ แล้วเขาก็มักจะอัปเดทโน้ตใส่ระบบออนไลน์ไว้ ทำให้เธอไปตามทำความเข้าใจทีหลังได้
“แซนดี้อย่าลืมล่ะว่าฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” แมทธิวเตือนขณะที่เธอกำลังเก็บของ
ทรายแอบแยกเขี้ยวใส่เขา พอเก็บของเสร็จก็นั่งกอดอกทำหน้าบูดเหมือนเด็ก ๆ รอจนกระทั่งนักศึกษาคนอื่น ๆ ออกไปหมดแล้ว
แมทธิวเดินไปล็อกประตู กลับมาพร้อมกับสีหน้าขบขันเมื่อมองหญิงสาว “รู้มั้ยว่ายิ่งเธอทำท่าโมโหฉันก็ยิ่งมีอารมณ์ มานี่สิแซนดี้”
“ฮะ!?!” ทรายอ้าปากค้าง ในหน้าขึ้นสีเรื่องเมื่อรู้ว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้เมินเธอ เธอจึงหยิบกระเป๋าแล้วเดินไปหา
แก้วกาแฟถูกยื่นออกมาตรงหน้า “ฉันเอามาเผื่อ คิดว่าเธอคงนอนไม่พอเหมือนกัน”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยเสียงเบา เธอเองก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อได้รู้ว่ามีคนใส่ใจย่อมรู้สึกประทับใจเป็นธรรมดา
แมทธิวยืนพิงขอบโต๊ะมองหญิงสาว “ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ ฉันไปศึกษากฎต่าง ๆ และคอนเฟิร์มกับทางมหาลัยมาแล้ว” เมื่อได้ฟังเขาเกริ่นทรายจึงเงยหน้าขึ้นมอง ทำให้ทั้งคู่สบสายตากัน “ไม่มีกฎข้อไหนห้ามอาจารย์กับนักศึกษาคบกัน เพราะฉะนั้นเมื่อฉันแสดงให้เห็นว่าฉันไม่เลือกปฏิบัติให้คะแนนเธอสูงกว่านักศึกษาคนอื่นก็ไม่เป็นปัญหาอะไร”
ทรายตกใจ วางถ้วยกาแฟลงเพราะกลัวว่าจะทำมันหลุดมือ
“คุณอยากคบกันฉันจริง ๆ เหรอคะ” เสียงที่ถามราวกระซิบ
ชายหนุ่มพยักหน้ายืนยัน “ฉันอยากคบกับเธอ ฉันจริงจังและไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”
“อุ๊ย!” เขาทำให้ทรายตกใจอีกรอบด้วยการโอบเอวเธอเข้าหา
“ได้โปรดแซนดี้ คบกับฉันเถอะ” เสียงทุ้มร้องขอเล่นเอาหัวใจทรายอ่อนยวบ
“เอ่อ...ค่ะ” ทราบแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอเมื่อตอบตกลง
ทันใดนั้นริมฝีปากเธอก็ถูกครอบครอง มือใหญ่ลูบไล้เข้ามาบริเวณหน้าขา เคล้นคลึงที่ความเป็นหญิง อาจารย์หนุ่มมอบจูบอย่างร้อนแรง ประกบปากเพื่อดูดกลืนเสียงครางหวาน ราวกับว่าไม่พอใจ เขาแหวกกางเกงในเธอออกแล้วสอดนิ้วเข้าไปด้านใน ขยับนิ้วเข้าออก ความเสียวซ่านก่อตัวจนทรายขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ โชคดีที่เขากอดเอวไว้ แล้วเขาก็เร่งจังหวะจนกระทั่งเธอทนไม่ไหว ปลดปล่อยน้ำหวานหลั่งรดนิ้วเรียว หอบหายใจรัว จากนั้นเขาก็ชักนิ้วออกมา
“เด็กดี” เสียงทุ้มพร่าคำรามเบา ๆ ยกมือขึ้นมาเลียนิ้วที่เพิ่งสร้างความหฤหรรษ์ให้กับเธอ มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เย็นนี้ไปดินเนอร์กับฉันนะ”
“ดินเนอร์เหรอคะ” ทรายจับต้นชนปลายไม่ถูก ยังรู้สึกล่องลอยจากการปลดปล่อยอยู่
“ฉันอยากพาแฟนไปเดต” อาจารย์หนุ่มสำทับ
ทรายแก้มร้อนเมื่อได้ยินสรรพนามที่เขาใช้เรียก
“ค่ะ แต่ว่าจะให้ฉันไปเจอคุณที่ไหนคะ”
“ฉันจะไปรับเธอที่หอพักตอนทุ่มนึงเป็นไง แต่งตัวตามปกตินะ ฉันไม่ได้จะพาเธอไปร้านหรู ๆ แพง ๆ เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้เป็นผู้หญิงประเภทนั้น”
เขาพูดถูก สำหรับเธอการไปเดตไม่จำเป็นไปร้านหรูเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับความรู้สึกและคนที่ไปด้วยกันมากกว่า และที่สำคัญคือ คืนนี้เธอไม่ต้องไปทำงานพิเศษ
“เอ่อ...แล้วถ้าคนอื่นรู้จะว่ายังไงคะ” ทรายยังคงมีความกังวล
แมทธิวไล้นิ้วหัวแม่มือที่ริมฝีปากอิ่มที่เจ่อบวมเล็กน้อยจากการจูบ “ฉันไม่สนใจคนอื่นหรอก แต่ถ้าเธอกังวลฉันจะรออยู่ในรถ” ทรายถอนใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่ทันไรเขาก็พูดต่อ “แต่เธอเชื่อมั้ย สุดท้ายแล้วคนอื่นก็ต้องรู้อยู่ดีว่าเธอเป็นผู้หญิงของใคร”
แก้มของทรายร้อนซู่ เห็นแล้วดูน่ารัก แมทธิวยิ้มแล้วโน้มหน้ามาจูบเธออีกครั้งก่อนที่จะตีก้นหญิงสาวเบา ๆ
“ไปเรียนวิชาถัดไปได้แล้ว” ก่อนจะไปเขายื่นกระดาษโน้ตใบเล็กให้ “นี่เบอร์ฉัน”
ทรายรับมาพร้อมกับยิ้ม
“น่ารัก” เขาบอก จูบเธออย่างอดใจไม่ให้แล้วค่อยดันร่างเธอออก “ไปซะก่อนที่ฉันจะจับเธอกดลงบนโต๊ะ แล้วจะทำให้เธอเสียประวัติการเข้าชั้นเรียน”
“คุณรู้ด้วยเหรอคะ” ทรายถามเขิน ๆ
แมทธิวหัวเราะ “ใคร ๆ ก็พูดถึงเธอเรื่องนี้ทั้งนั้นแหละที่รัก แน่นอนว่าฉันย่อมรู้ ถ้ามีอะไรโทรหาฉันได้เลยนะ แล้วก็รีบไปได้แล้ว อ้อ...ถึงเธอจะย้ายไปนั่งหลังห้องก็หลบฉันไม่พ้นหรอกนะ”
“ค่ะ” ทรายพยักหน้ารับ
เสียงเพลงจังหวะสนุก ๆ สะท้อนออกมาจากลำโพงขนาดใหญ่ เสียงกระหึ่มที่ดังไปทั่วทั้งผับทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นต้องขยับตัวตามจังหวะไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แสงไฟหลากสี สลับไปมา ส่องกระทบกับใบหน้าของบรรดานักเที่ยวที่ยิ้มแย้มสนุกสนานและแก้วเครื่องดื่มหลากสีสัน บรรยากาศคืนนี้ค่อนข้างคึกคัก ฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่มีผู้คนค่อนข้างเบียดเสียดกันพอตัว ต่างกำลังโชว์ลีลาออกสเต็ปโยกย้ายกันอย่างเมามัน แต่ว่าที่โต๊ะตัวหนึ่งกลับมีหญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจะกลับเข้ามาหลังจากออกไปเต้นยืดเส้นยืดสาย“นี่พวกเธอหยุดยื่นแก้วมาให้ฉันได้แล้ว” ทรายหญิงสาวชาวไทยหรือที่เพื่อน ๆ เรียกว่าแซนดี้ส่ายหัวเมื่อเพื่อน ๆ ต่างชวนเธอดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าเธอกับแอลกอฮอล์ไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไรนัก เพราะทุกครั้งที่เมาจะต้องจบลงด้วยการที่เธอทำอะไรแผลง ๆ ที่ทำให้ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง“เอาน่าแซนดี้ คืนนี้มาสนุกกับพวกเราให้เต็มเหนี่ยวไปเลย เธอไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวแบบนี้กับพวกเราบ่อย ๆ เดี๋ยวกพวกเราก็จะเรียนจบกันแล้ว แล้วเธอก็ต้องกลับบ้านเธอ ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าถ้าเธอเมาพวกเราสัญญาว่าจะแบกเธอกลับหอเอง” เฮเลนคะยั้นคะยอ
เปลือกตาบางขยับยุกยิกก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ พร้อมกับเสียงครางในลำคอเบา ๆ เพราะเมื่อเจ้าของร่างบนเตียงเริ่มรู้สึกตัวความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนหัวแทบระเบิดจู่โจมทันที ทรายค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก พลันรู้สึกว่าโลกหมุนติ้วจึงทิ้งตัวนั่งพิงหัวเตียง กวาดตามองไปรอบห้องมืดสลัวทั้งที่ตอนนี้น่าจะเช้าแล้วเพราะเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ว่าเป็นใครปิดม่านกันแสงไว้ไม่ให้รบกวนคนนอนหลับ ที่โต๊ะหัวเตียงมียาแก้ปวดกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้วมีฝาปิดเรียบร้อยวางไว้อยู่ เธอรู้สึกขอบคุณอย่างมากถึงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ และเธอย่อมไม่ปฏิเสธน้ำใจเพราะรู้สึกปวดหัวจากอาการเมาค้างแล้วปวดเนื้อปวดตัวราวกับจะเป็นไข้ ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบยามากินประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาแสงสว่างจากด้านนอกที่สาดเข้ามาทำให้เธอหยีตาเล็กน้อยก่อนที่จะปรับได้ แล้วทันใดนั้นหัวใจเธอแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าผู้เดินเข้ามาเป็นใครไม่จริงใช่มั้ย!!!ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตระหนก และถูกแทนที่ด้วยความกังวล ชื่อเสียงและสถานะนักศึกษาของเธอจะเป็นเช่นไร อีกไม่กี่เดือนเธอก็ใกล้จะเรียนจบแล้วเบื้องหน้าเธอคือชายหนุ่มที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าข
ทรายสับสนไปหมด จะอ้าปากพูดแต่ปากก็สั่น จึงเม้มไว้ รู้สึกอยากร้องไห้แต่ห้ามตัวเองไว้ บอกตัวเองว่าจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้เหมือนกับหลาย ๆ เรื่องที่เคยผ่านมา ทว่าก่อนที่จะทันได้ตอบอะไรริมฝีปากเธอก็ถูกช่วงชิงไปเสียแล้ว ท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าทำให้แมทธิวอดใจไม่ไหว เขาไม่ได้เพียงแค่จูบธรรมดา แต่จูบอย่างดูดดื่มราวกับว่าต้องการตักตวงความหวานทั้งหมดเล่นเอาเธอรู้สึกอ่อนเปลี้ยหวามไหวจนเผลอหลุดเสียงคราง มือเล็กเลื่อนขึ้นไปยึดเอวสอบแน่นแมทธิวสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มลูบไล้ต้นขาเนียนลื่นมือ เรื่อยมาจนถึงใจกลางความเป็นหญิง จากแผ่วเบาเป็นเคล้นคลึงหนักขึ้นตามแรงอารมณ์ กายสาวกระตุกรับความซ่านสยิวที่แผ่กำจายไปทั่ว แผ่นหลังบางหยัดโค้ง และเมื่อขยับตัวตรงส่วนนั้นยังรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาด้วย ซึ่งนี่ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันความจริงได้เป็นอย่างดี เธอได้สูญเสียสิ่งที่อุตส่าห์เก็บรักษามานานไปเสียแล้วโดยที่จำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“ไม่ต้องกลัว “เสียงทุ้มพร่าพึมพำบอกลมหายใจสาวหอบกระชั้นขึ้นจนแทบหายใจไม่ทัน แต่เธอยังพอมีสติละล่ำละลักบอก “อย่าค่ะ เราไม่ควรทำแบบนี้…อีก…” แม้ปากจะพูดไปแต่น้ำเสียงช่างเบาบาง ไม่รู้ว่าบอกเขา
“เธอสวยมากรู้มั้ยแซนดี้ อา...” เขาครางต่ำทรายไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งขัดเขินต่อสายตาร้อนแรงที่เขาใช้มองราวกับกำลังกลืนกินเธอไปทั้งตัวจนอยากจะมุดผ้าห่มหนี แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากจะเปิดเผยทุกอย่างให้เขาได้เชยชม มีความสุขกับคำเยินยอของเขา ทั้งสีหน้าและแววตาที่เขามองมาทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นแบบนั้นจริงแมทธิวเอื้อมมือไปหยิบถุงยางที่วางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียง จัดการฉีกซองและสวมให้ตัวเองเสร็จสรรพ เมื่อเครื่องป้องกันพร้อมก็พาตัวเองดำดิ่งสู่กายสาวโดยไม่รั้งรอ“อ๊า...”เสียงหวานครางลั่น ขาเรียวรัดรอบเอวสอบโดยอัตโนมัติ แมทธิวจับช้อนมือใต้สะโพกสาว จับยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อจัดท่าทางจากนั้นรัวบั้นเอวตอกอัดใส่ร่างกายที่ตัวเองคลั่งไคล้ไม่ยั้ง ภายในของเธอบีบรัดเขาแน่นจนเจ็บปวดไปหมด รู้สึกดีเป็นบ้า เขารักเธออย่างที่อยากจะรักและทำมานาน แต่เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ จ้วงแทงดำดิ่งลึกในกายสาวครั้งแล้วครั้งเล่าทรายรู้สึกเหมือนกำลังปีนยอดเขาสูง พอใกล้จะตกลงมาเขาก็ผลักดันเธอขึ้นไปใหม่ การมีเขาอยู่ในตัวเป็นความรู้สึกดีมาก ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งตัวของตัวเอง ไม่ว่าเขาจะจับเธอพลิกไปทางไหนเธอก็ยอมตามเขาอย่างว่าง่าย เพีย
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วทรายเลือกกางเกงวอร์มสีดำที่พอใส่แล้วสูงขึ้นมาเหนือเอวและเธอต้องพับขาขึ้นมาถึงสามทบกับเสื้อยืดของเขามาสวม มันดูไม่แย่แต่ก็ไม่ตลกจนเกินไป ผมเปียกชื้นที่เพิ่งสระมาถูกปล่อยสยายลงมากลางแผ่นหลัง เธอทำจมูกฟุดฟิดสูดดมกลิ่นตัวเองซึ่งเหมือนกับกลิ่นของแมทธิวเพราะเธอใช้ครีมอาบน้ำและแชมพูของเขา มันทำให้เธอรู้สึกใจหวิวแปลก ๆ และแก้มเนียนก็ขึ้นสีแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งยังต้องกัดกระพุ้งแก้มตัวเองเพื่อให้หยุดยิ้มโดยไม่มีเหตุผลแมทธิวหันมามองหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วส่งยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกไม่น่าไว้ใจให้“ตอนสวมเสื้อผ้าฉันเธอดูดีมากรู้มั้ยแซนดี้”สัญญาณเตือนภัยของทรายดังขึ้นทันทีเพราะเขาเดินตรงเข้ามาโอบเอวพาไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวที่ตั้งอยู่ตรงมุมของห้องครัวทรายมองไปยังอาหารบนโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมไว้สองที่ แสดงว่าก่อนหน้าเขายังไม่ได้กินอะไร“คุณยังไม่ได้กินมื้อเช้าเหรอคะ” เธอถามเพื่อลดความประหม่าขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะชิด พูดด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่” ฉันอยากเห็นเธอเปลือยตอนที่เรากินมื้อเช้ากัน...” ไม่พูดเปล่ามือใ
ทรายเก็บเสื้อที่ตกลงพื้นขึ้นมาสวมแล้วจึงค่อยนั่งลงที่โต๊ะ แมทธิวนั่งอยู่ที่เก้าอีกด้านข้างกำลังจัดแพนเค้กกับเบคอนหอมกรุ่นใส่จานให้ ทรายมองชายหนุ่มแล้วได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจทำไมผู้ชายที่แสนเลอเลิศแบบนี้ถึงต้องเป็นอาจารย์เธอด้วยทรายตั้งสติแล้วเริ่มพูด “เราจะให้มันเกิดขึ้นอีกไม่ได้”มือของชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย กรามแกร่งขบกันแน่นจนเป็นสัน เห็นดังนั้นเธอจึงตีหน้าขรึม จ้องหน้าเขาโดยไม่หลบสายตา พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังที่สุด เอ่ยสิ่งที่ตัวเองกังวลออกไป“ฉันพูดจริงนะคะ เพราะว่าฉันไม่อยากเอาสถานะนักศึกษาของตัวเองมาเสี่ยง”แมทธิวมองหญิงสาวนิ่งไม่เอ่ยอะไร สักพักก็ถอนหายใจ ขยับเก้าอี้ออก ลุกขึ้นยืนไม่สนใจที่จะกินอาหารอีก เขาไม่รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ความหิวก่อนหน้าหายไปหมด พูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าฉันหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้เธอจะยอมคบกับฉันมั้ย”ทรายสูดหายใจเข้าลึก ในอกรู้สึกหนักอึ้ง “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”หลังจากได้รับคำตอบเธอก็ได้ยินเสียงเขาสบถไม่พอใจ ดูเหมือนว่าเขาต้องการคบกับเธออย่างจริงจัง ทำให้เธอดีใจและเสียใจไปพร้อมกัน“คือว่าฉันไม่กล้าเสี่ยง” เธอพูดเสียงเบา
ปกติแล้วถ้าวันไหนไม่ได้ไปทำงานทรายจะต้องหัวเสียมาก เพราะเธอจำเป็นต้องหาเงิน การขาดงานเพียงหนึ่งวันจะทำให้รายได้ลดลง แต่คราวนี้เธอกลับรู้สึกดีที่เสาร์อาทิตย์นี้เธอได้หยุดงาน เธอต้องการเวลาทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ ช่วงเวลาสุดสัปดาห์ของเธอหมดไปกับการนอนอุดอู้อยู่บนเตียง แอมเบอร์พยายามชวนเธอออกไปข้างนอกแต่เธอไม่มีกะจิตกะใจไปไหนทั้งนั้น เธอแค่ลุกจากเตียงเพียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานอนต่อ แต่ว่าวันนี้เป็นวันจันทร์ เธอจะต้องลุกไปมหาวิทยาลัย ที่แย่ไปกว่านั้นคือวิชาแรกของเธอคือวิชาภาษาอังกฤษกับแมทธิว เธอไม่เคยโดดเรียนเลยสักครั้ง และตอนนี้ก็ไม่คิดที่จะโดดเรียนด้วยแม้ว่าอยากจะทำอย่างนั้นใจแทบขาด ดังนั้นเธอจึงได้แต่ไปเผชิญหน้ากับเขา เมื่อมาถึงชั้นเรียนที่เธอตั้งใจมาเช้ากว่าปกติเพื่อหลีกเลี่ยงใครบางคน ก็พ่นลมหายใจออกมายาว ๆ เพราะเขายังไม่มา เธอเลือกที่นั่งหลังสุดจากปกติจะต้องนั่งด้านหน้า หยิบหนังสือเรียนและงานที่เขาสั่งครั้งที่แล้วออกมา คิดว่าจะต้องอดทนให้ผ่านชั่วโมงนี้ไปให้ได้ หลังจากนั้นไม่นานนักศึกษาก็ทยอยกันเดินเข้ามาเรื่อย ๆ เกิด
ทรายเก็บเสื้อที่ตกลงพื้นขึ้นมาสวมแล้วจึงค่อยนั่งลงที่โต๊ะ แมทธิวนั่งอยู่ที่เก้าอีกด้านข้างกำลังจัดแพนเค้กกับเบคอนหอมกรุ่นใส่จานให้ ทรายมองชายหนุ่มแล้วได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจทำไมผู้ชายที่แสนเลอเลิศแบบนี้ถึงต้องเป็นอาจารย์เธอด้วยทรายตั้งสติแล้วเริ่มพูด “เราจะให้มันเกิดขึ้นอีกไม่ได้”มือของชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย กรามแกร่งขบกันแน่นจนเป็นสัน เห็นดังนั้นเธอจึงตีหน้าขรึม จ้องหน้าเขาโดยไม่หลบสายตา พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังที่สุด เอ่ยสิ่งที่ตัวเองกังวลออกไป“ฉันพูดจริงนะคะ เพราะว่าฉันไม่อยากเอาสถานะนักศึกษาของตัวเองมาเสี่ยง”แมทธิวมองหญิงสาวนิ่งไม่เอ่ยอะไร สักพักก็ถอนหายใจ ขยับเก้าอี้ออก ลุกขึ้นยืนไม่สนใจที่จะกินอาหารอีก เขาไม่รู้สึกอยากอาหารขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ความหิวก่อนหน้าหายไปหมด พูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าฉันหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ได้เธอจะยอมคบกับฉันมั้ย”ทรายสูดหายใจเข้าลึก ในอกรู้สึกหนักอึ้ง “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”หลังจากได้รับคำตอบเธอก็ได้ยินเสียงเขาสบถไม่พอใจ ดูเหมือนว่าเขาต้องการคบกับเธออย่างจริงจัง ทำให้เธอดีใจและเสียใจไปพร้อมกัน“คือว่าฉันไม่กล้าเสี่ยง” เธอพูดเสียงเบา
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วทรายเลือกกางเกงวอร์มสีดำที่พอใส่แล้วสูงขึ้นมาเหนือเอวและเธอต้องพับขาขึ้นมาถึงสามทบกับเสื้อยืดของเขามาสวม มันดูไม่แย่แต่ก็ไม่ตลกจนเกินไป ผมเปียกชื้นที่เพิ่งสระมาถูกปล่อยสยายลงมากลางแผ่นหลัง เธอทำจมูกฟุดฟิดสูดดมกลิ่นตัวเองซึ่งเหมือนกับกลิ่นของแมทธิวเพราะเธอใช้ครีมอาบน้ำและแชมพูของเขา มันทำให้เธอรู้สึกใจหวิวแปลก ๆ และแก้มเนียนก็ขึ้นสีแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งยังต้องกัดกระพุ้งแก้มตัวเองเพื่อให้หยุดยิ้มโดยไม่มีเหตุผลแมทธิวหันมามองหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วส่งยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกไม่น่าไว้ใจให้“ตอนสวมเสื้อผ้าฉันเธอดูดีมากรู้มั้ยแซนดี้”สัญญาณเตือนภัยของทรายดังขึ้นทันทีเพราะเขาเดินตรงเข้ามาโอบเอวพาไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวที่ตั้งอยู่ตรงมุมของห้องครัวทรายมองไปยังอาหารบนโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมไว้สองที่ แสดงว่าก่อนหน้าเขายังไม่ได้กินอะไร“คุณยังไม่ได้กินมื้อเช้าเหรอคะ” เธอถามเพื่อลดความประหม่าขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะชิด พูดด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่” ฉันอยากเห็นเธอเปลือยตอนที่เรากินมื้อเช้ากัน...” ไม่พูดเปล่ามือใ
“เธอสวยมากรู้มั้ยแซนดี้ อา...” เขาครางต่ำทรายไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งขัดเขินต่อสายตาร้อนแรงที่เขาใช้มองราวกับกำลังกลืนกินเธอไปทั้งตัวจนอยากจะมุดผ้าห่มหนี แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอยากจะเปิดเผยทุกอย่างให้เขาได้เชยชม มีความสุขกับคำเยินยอของเขา ทั้งสีหน้าและแววตาที่เขามองมาทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นแบบนั้นจริงแมทธิวเอื้อมมือไปหยิบถุงยางที่วางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียง จัดการฉีกซองและสวมให้ตัวเองเสร็จสรรพ เมื่อเครื่องป้องกันพร้อมก็พาตัวเองดำดิ่งสู่กายสาวโดยไม่รั้งรอ“อ๊า...”เสียงหวานครางลั่น ขาเรียวรัดรอบเอวสอบโดยอัตโนมัติ แมทธิวจับช้อนมือใต้สะโพกสาว จับยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อจัดท่าทางจากนั้นรัวบั้นเอวตอกอัดใส่ร่างกายที่ตัวเองคลั่งไคล้ไม่ยั้ง ภายในของเธอบีบรัดเขาแน่นจนเจ็บปวดไปหมด รู้สึกดีเป็นบ้า เขารักเธออย่างที่อยากจะรักและทำมานาน แต่เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ จ้วงแทงดำดิ่งลึกในกายสาวครั้งแล้วครั้งเล่าทรายรู้สึกเหมือนกำลังปีนยอดเขาสูง พอใกล้จะตกลงมาเขาก็ผลักดันเธอขึ้นไปใหม่ การมีเขาอยู่ในตัวเป็นความรู้สึกดีมาก ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งตัวของตัวเอง ไม่ว่าเขาจะจับเธอพลิกไปทางไหนเธอก็ยอมตามเขาอย่างว่าง่าย เพีย
ทรายสับสนไปหมด จะอ้าปากพูดแต่ปากก็สั่น จึงเม้มไว้ รู้สึกอยากร้องไห้แต่ห้ามตัวเองไว้ บอกตัวเองว่าจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้เหมือนกับหลาย ๆ เรื่องที่เคยผ่านมา ทว่าก่อนที่จะทันได้ตอบอะไรริมฝีปากเธอก็ถูกช่วงชิงไปเสียแล้ว ท่าทางของหญิงสาวตรงหน้าทำให้แมทธิวอดใจไม่ไหว เขาไม่ได้เพียงแค่จูบธรรมดา แต่จูบอย่างดูดดื่มราวกับว่าต้องการตักตวงความหวานทั้งหมดเล่นเอาเธอรู้สึกอ่อนเปลี้ยหวามไหวจนเผลอหลุดเสียงคราง มือเล็กเลื่อนขึ้นไปยึดเอวสอบแน่นแมทธิวสอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่มลูบไล้ต้นขาเนียนลื่นมือ เรื่อยมาจนถึงใจกลางความเป็นหญิง จากแผ่วเบาเป็นเคล้นคลึงหนักขึ้นตามแรงอารมณ์ กายสาวกระตุกรับความซ่านสยิวที่แผ่กำจายไปทั่ว แผ่นหลังบางหยัดโค้ง และเมื่อขยับตัวตรงส่วนนั้นยังรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาด้วย ซึ่งนี่ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันความจริงได้เป็นอย่างดี เธอได้สูญเสียสิ่งที่อุตส่าห์เก็บรักษามานานไปเสียแล้วโดยที่จำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ“ไม่ต้องกลัว “เสียงทุ้มพร่าพึมพำบอกลมหายใจสาวหอบกระชั้นขึ้นจนแทบหายใจไม่ทัน แต่เธอยังพอมีสติละล่ำละลักบอก “อย่าค่ะ เราไม่ควรทำแบบนี้…อีก…” แม้ปากจะพูดไปแต่น้ำเสียงช่างเบาบาง ไม่รู้ว่าบอกเขา
เปลือกตาบางขยับยุกยิกก่อนจะค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ พร้อมกับเสียงครางในลำคอเบา ๆ เพราะเมื่อเจ้าของร่างบนเตียงเริ่มรู้สึกตัวความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนหัวแทบระเบิดจู่โจมทันที ทรายค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก พลันรู้สึกว่าโลกหมุนติ้วจึงทิ้งตัวนั่งพิงหัวเตียง กวาดตามองไปรอบห้องมืดสลัวทั้งที่ตอนนี้น่าจะเช้าแล้วเพราะเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ว่าเป็นใครปิดม่านกันแสงไว้ไม่ให้รบกวนคนนอนหลับ ที่โต๊ะหัวเตียงมียาแก้ปวดกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้วมีฝาปิดเรียบร้อยวางไว้อยู่ เธอรู้สึกขอบคุณอย่างมากถึงน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ และเธอย่อมไม่ปฏิเสธน้ำใจเพราะรู้สึกปวดหัวจากอาการเมาค้างแล้วปวดเนื้อปวดตัวราวกับจะเป็นไข้ ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบยามากินประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาแสงสว่างจากด้านนอกที่สาดเข้ามาทำให้เธอหยีตาเล็กน้อยก่อนที่จะปรับได้ แล้วทันใดนั้นหัวใจเธอแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าผู้เดินเข้ามาเป็นใครไม่จริงใช่มั้ย!!!ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตระหนก และถูกแทนที่ด้วยความกังวล ชื่อเสียงและสถานะนักศึกษาของเธอจะเป็นเช่นไร อีกไม่กี่เดือนเธอก็ใกล้จะเรียนจบแล้วเบื้องหน้าเธอคือชายหนุ่มที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าข
เสียงเพลงจังหวะสนุก ๆ สะท้อนออกมาจากลำโพงขนาดใหญ่ เสียงกระหึ่มที่ดังไปทั่วทั้งผับทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นต้องขยับตัวตามจังหวะไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แสงไฟหลากสี สลับไปมา ส่องกระทบกับใบหน้าของบรรดานักเที่ยวที่ยิ้มแย้มสนุกสนานและแก้วเครื่องดื่มหลากสีสัน บรรยากาศคืนนี้ค่อนข้างคึกคัก ฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่มีผู้คนค่อนข้างเบียดเสียดกันพอตัว ต่างกำลังโชว์ลีลาออกสเต็ปโยกย้ายกันอย่างเมามัน แต่ว่าที่โต๊ะตัวหนึ่งกลับมีหญิงสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจะกลับเข้ามาหลังจากออกไปเต้นยืดเส้นยืดสาย“นี่พวกเธอหยุดยื่นแก้วมาให้ฉันได้แล้ว” ทรายหญิงสาวชาวไทยหรือที่เพื่อน ๆ เรียกว่าแซนดี้ส่ายหัวเมื่อเพื่อน ๆ ต่างชวนเธอดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าเธอกับแอลกอฮอล์ไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไรนัก เพราะทุกครั้งที่เมาจะต้องจบลงด้วยการที่เธอทำอะไรแผลง ๆ ที่ทำให้ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง“เอาน่าแซนดี้ คืนนี้มาสนุกกับพวกเราให้เต็มเหนี่ยวไปเลย เธอไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวแบบนี้กับพวกเราบ่อย ๆ เดี๋ยวกพวกเราก็จะเรียนจบกันแล้ว แล้วเธอก็ต้องกลับบ้านเธอ ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าถ้าเธอเมาพวกเราสัญญาว่าจะแบกเธอกลับหอเอง” เฮเลนคะยั้นคะยอ