เจย์หันหลังและแองเจลีนก็ยิ้มให้กับเขาอย่างเขินอาย“ฮี่ฮี่ พวกมันใหม่น่ะ เพราะงั้นมันไม่พอดีกับฉัน”ทันใดนั้น เจย์ก็คิดบางอย่างออก มีอารมณ์ขันเล็กน้อยในแววตาของเขาแองเจลีนถอดรองเท้าส้นสูงและเดินกะเผลกออกไปฟินน์เห็นสีหน้าที่กังวลของเจย์และถามแทนเขาว่า “คุณเซเวียร์ คุณโอเคไหม? คุณจำเป็นต้องไปคลินิกไหม?”แองเจลีนพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันรักษาเองได้”เจย์ขมวดคิ้ว “รักษางั้นเหรอ?”หลังจากนั้น เขาก็นึกถึงโคลขณะที่สีหน้าของเขาเริ่มมืดมนเจย์นั่งอยู่หน้าหน้าต่างทรงฝรั่งเศสบนชั้นเก้า เขามองไปที่ทางเขาของแกรนด์ เอเซียอย่างเงียบ ๆ เมื่อเขาเห็นแองเจลีนเดินกะเผลกออกไป ความรู้สึกซับซ้อนที่พลุ่งพล่านกำลังเพิ่มสูงขึ้นในตัวเขา“แองเจลีน เธอไม่ต้องทำงานหนัก เจย์บี้จะสร้างอาณาจักรแกรนด์ เอเซียและฉันจะมอบมันให้กับเธอด้วยตัวเอง”…หลังจากที่แองเจลีนออกจากแกรนด์ เอเซีย เธอก็รู้สึกหมดกำลังใจการที่เจย์เลิกกับเธอก็เพียงพอที่จะทำลายเธอแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับเธอเพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตของพวกเธอด้วยซ้ำช่างน่าแค้นใจเสียจริงหลังจากนั้น แองเจลีนก็คิดถึงโคล ชายคนนั้นมีไ
โคลเจ็บปวด “ผู้หญิงมากมายอยากที่จะมีเรื่องอื้อฉาวกับผม แต่คุณกลับไม่อยาก ตอนนี้ผมกำลังให้โอกาสคุณอยู่และคุณกำลังปฏิเสธมันเนี่ยนะ? แองเจลีน ผมดูแย่ในสายตาของคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”“โคล คุณไม่ได้แย่ แต่คุณกับฉันแค่ไม่เข้ากัน คุณรู้ไหมว่าโชคชะตาจะกำหนดผลลัพธ์ของความสัมพันธ์? คุณมาช้าเกินไป และฉันก็ได้สลักชื่อของใครบางคนในใจของฉันไว้แล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงยอมรับคนอื่นไม่ได้” แองเจลีนกล่าวโคลบ่น “คุณโทษผมได้ด้วยเหรอ? ผมเด็กกว่าเจย์ถึงสิบปีในตอนที่แม่ของผมคลอดผม ปรมาจารย์ด้านความรักคนนั้นก็ไล่คุณไปเมื่อตอนคุณอายุ 18 ปี และผมก็ยังเล่นสกปรกอยู่ในผ้าอ้อม ผมจะเทียบเขาได้ยังไง?”โคลถอนหายใจ “แองเจลีน นี่ไม่ยุติธรรมกับผมเลย”แองเจลีนก็พูดเช่นกันว่า “ไม่มีความยุติธรรมในความรัก”ก็เหมือนกับเธอและเจย์ เขามักจะเป็นคนที่บอกทิศทางว่าความสัมพันธ์จะไปทางไหนในขณะที่เธอมักจะเชื่อฟังเขาสั่งเขาอยู่เสมอเขาชอบเธอ ดังนั้น เขาจึงคุมขังเธอไว้กับเขา เมื่อเขาไม่ชอบเธอ เขาก็จะไล่เธอไปง่าย ๆโคลมองที่แองเจลีนที่กำลังดูเศร้ามอง ณ จุดนี้ เขาถามด้วยความสงสัย “เขามีดีอะไร?”ในตอนนั้น แองเจลีนไม่มีคำตอบ
เธอไม่ได้รับผลลัพธ์ใด ๆ หลังจากที่แสวงหาความช่วยเหลือจากภายนอก ดังนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงกลับมาหาเขา เธอไม่มีทางเลือกอื่นแองเจลีนมองเขาอย่างโง่เง่า บางทีตอนนี้เธออาจจะครอบงำมากขึ้นเพราะเธอกำลังมีความสุขมากหลังจากที่ดื่มแอลกอฮอล์“เจย์ อาเรส บอกฉันที ฉันควรจะทำยังไงเพื่อที่จะทำให้นายปล่อยเซเวียร์ กรุ๊ปไป?”“นี่เป็นวิธีที่เธอขอร้องใครบางคนงั้นเหรอ?” ฮี่ฮี่ เธอกล้าดียังไงถึงเรียกเขาด้วยชื่อเต็ม? ใครมอบความกล้าให้เธอทำแบบนี้?แองเจลีนยืดหลังตรง เธอยืนต่อหน้าเจย์เหมือนกับนักเรียนที่ทำผิดนี่เป็นวิธีที่เธอยืนในตอนที่เธอทำผิดตอนที่เธอเป็นเด็ก ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ในท่านี้เหมือนแต่ก่อน“ถ้านายตกลงที่จะปล่อยเซเวียร์ กรุ๊ป นายเอาชีวิตฉันไปก็ได้ถ้านายต้องการ” แองเจลีนกล่าวอย่างหนักแน่นสีหน้าของเจย์จืดชืด “ฉันจะเอาชีวิตเธอไปทำไม?”เขาแค่อยากให้เธอมีชีวิตที่ดี เขาอยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและหมดห่วงแองเจลีนไม่เข้าใจเข้า “อืม...นายอยากให้ฉันอ้อนวอนนายยังไงล่ะ?”เจย์มองที่ใบหน้าที่กังวลของเธอ “เมื่อก่อนเธอเก่งเรื่องการอ้อนวอนคนใช่ไหม?”แองเจลีนจำได้ว่าเธอได้ขอร้องเขาเม
เธอคลานเข้าไปหาเขาและช่วยเขาสวมเสื้อผ้าเจย์เห็นว่ามือของเธอกำลังสั่นอย่างรุนแรง มันคือหลักฐานว่าเธอประหม่าและกลัวแนวโน้มที่ชั่วร้ายของเขาที่มีต่อเธอได้หายไปในทันที “แองเจลีน เธอคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะขายเรือนร่างของเธอเพื่อบริษัทใช่ไหม?”แองเจลีนอึ้ง เธอพูดว่า “บริษัทถังแตกและพนักงานมากกว่า 100 คนของเซเวียร์ กรุ๊ปจะตกงาน อีกทั้ง ฉันไม่มีเงินที่จะจ่ายหนี้ เมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้น ฉันคงทำได้แต่ขออภัยกับความผิดพลาดของฉันด้วยความตาย”จู่ ๆ เจย์ก็จับที่ข้อมือของเธออย่างรุนแรง “เธอพูดว่าอะไรนะ?”ขออภัยสำหรับความผิดพลาดของเธอด้วยความตายงั้นเหรอ? เขาไม่ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้เธอเพื่อที่เธอจะได้ฆ่าตัวตายแองเจลีนมองเข้าไปในสายตาที่โกรธเคืองของเขาอย่างกล้าหาญ “ท่านอาเรส คุณเป็นคนทะเยอทะยาน และคุณไม่ต้องการที่จะให้บริษัทอื่นมีทางออก คุณไม่กลัวว่ากรรมจะย้อนกลับมาหาคุณสำหรับที่คุณทำเรื่องไม่ดีมากมายบ้างเหรอ?”เจย์บีบข้อมือเธอแรงขึ้นขณะที่แววตาชั่วร้ายของเขาเริ่มเข้มข้นมากขึ้น “ฉันไม่กลัว”‘ตราบใดที่เธอโอเค’แองเจลีนแงะนิ้วของเขาออกจากเธอทีละนิ้วและเหวี่ยงข้อมือของเธอที่เริ่มเจ็บหลังจากที่
มันคืองานเลี้ยงเฉลิมฉลองลูกชายของฌอนที่อายุครบหนึ่งเดือนแองเจลีนจำได้ว่าฌอนเคยเป็นเพื่อที่ได้ร่วมงานกับเธอก่อนหน้านี้ จึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่ส่งของขวัญให้กับเขาบางที่เธออาจจะทำงานด้วยกันกับฌอนได้อีกครั้งโดยปกติแล้ว หลังจากที่แองเจลีนแต่งตัว เธอขับรถไปที่เมืองอิมพีเรียลจากเมืองนางแอ่นงานเลี้ยงของตระกูลเบลถูกจัดที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งเมื่อแองเจลีนก้าวเข้าไปในฮอลล์ เธอก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันทีเธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง เธอก็แต่งตัวอย่างสวยสง่าเพื่อโอกาสนี้เธอสวมชุดเดรสลูกไม้ที่เปลือยหลังเน้นส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบของเธอ มีสร้อยคอทับทิมสีเลือดอยู่บนคอที่เรียวสวยและต่างหูคู่หนึ่งที่ห้อยอยู่ที่หูของเธอ ลิปสติกของเธอแมตช์กับสร้อยคอในจณะที่ผมสั้นของเธอถูกผูกรวมกันบนหัวของเธอ ทำเป็นซาลาเปาที่ดูยุ่งเหยิงแต่ก็ดูดีที่ถูกกิ๊บติดกันไว้ เธอดูไร้ที่ติแต่ก็มีเสน่ห์“ท่านครับ”ในมุมหนึ่ง เจย์กำลังคุยกับฌอนในตอนที่ฟินน์แทรกบทสนทนาของพวกเขาเขาหันหน้าไปมองที่ประตูอย่างสงสัย เขาจึงเห็นแองเจลีนกำลังสวมชุดเดรสยาวนางเงือกสีขาวด้วยฉลุลายดอกบนหลังและคอของเธอ เธอกำลังเดินเข้ามาในจณะที่ถ
เจย์กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “คุณไม่ต้องห่วงเรื่องแกรนด์ เอเซียหรอก”ฌอนไม่มีโอกาสตอบโต้เจย์เลย เขากล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ช่วยตัวเองไปเถอะ ท่านอาเรส” หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไปในขณะที่รู้สึกท้อใจแองเจลีนมองที่เจย์ ชายคนนี้มาในฐานะแขก แต่เขาทำให้เจ้าของงานขายหน้า เขายังสามารถอยู่และริ้มรสไวน์ได้อย่างไร้กังวลแองเจลีนทนดูเช่นนี้ไม่ไหวอีกแล้ว เธอเตือนเข้าด้วยความใจดีและพูดว่า “ท่านอาเรส อย่าลืมสิ คุณต้องรักษาศักดิ์ศรีไว้ให้คนอื่นเพื่อที่คุณจะไม่รู้สึกอึดอัดใจที่จะเจอพวกเขาอีกในอนาคต”เจย์เงยหน้าและมองไปที่เธอ มีนัยของความความเศร้าในแววตาของเธอที่เธอไม่สามารถซ่อนมันได้ เขารู้ว่าเธอกังวลเรื่องของเขาเจย์พูดว่า “ฉันจะไม่เจอเขาอีกในอาคต เพราะงั้น แน่นอนว่าฉันไม่ต้องรักษาศักดิ์ศรีของเขา”แองเจลีนรู้ว่าเจย์ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล อย่างไรก็ตาม เธอก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลายเป็นคนไร้เหตผลแบบนี้“ดูแลตัวเองเถอะ ท่านอาเรส” เสียงของเธอดูช่วยไม่ได้เมื่อเธอกำลังจะออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาตรงหน้าเธอ เขาดูประหม่าขณะที่เขาพูดว่า “คุณครับ ขออนุญาตเต้นรำกับผมครั้งนี้นะครับ?”เจย์สแกนดูชายหนุ่มค
แองเจลีนมองไปที่เจย์ที่อยู่ตรงมุมห้องด้วยหางตาของเธอ เธอเห็นแววจาที่ไร้ความรู้สึกของเขาและเริ่มรู้สึกกระด้างกระเดื่องถ้าเธอเข้ากันได้กับผู้ชายคนอื่นและยังไม่ถูกเจย์รบกวน หลังจากนั้นควรทำลายจินตนาการทั้งหมดเกี่ยวกับเขา แองเจลีนถามกอร์ดอนด้วยเสียงเล็ก ๆ “คุณรู้วิธีจูบไหม?”กอร์ดอนมองที่ปากสีแดงของแองเจลีนและมีสีหน้าขยะแขยง “คุณ ผมแค่ขอให้คุณแกล้งเป็นแฟนของผม คุณไม่ต้องทำทุกอย่างก็ได้"แองเจลีนพูดว่า “แบบหลอก ๆ คุณรู้วิธีไหม?”กอร์ดอนมองไปยังที่ซึ่งแองเจลีนกำลังมองอยู่ “เพื่อเขาใช่ไหม?”แองเจลีนพยักหน้ากอร์ดอนถอนหายใจอย่างโล่งอก “โอเค”หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็กอดกัน กอร์ดอนใช่มือของเขาบังปาก แต่จากทิศทางของเจย์ พวกเขาดูเหมือนกำลังจูบกันจู่ ๆ ฝูงชนรอบตัวพวกเขาก็เริ่มปรบมือแองเจลีนและกอร์ดอนแยกตัวออกจากกันหลังจากครู่ใหญ่เจย์มองแองเจลีนที่ยังคงดื่มด่ำกับผลที่ตามมาอย่างร้ายกาจ ในตอนนั้นเขาอยากที่จะพุ่งเขาไปและบีบคอเธอมากเธอปล่อยตัวเองมากเช่นนี้เลยอย่างนั้นหรือ?ถ้านี่คือสิ่งที่เขาได้กลับมาหลังจากที่เขาปกป้องเธอมามากมาย ถ้าอย่างนั้น ทำไมเขายังคงอดทนล่ะ?“ฟินน์ พาเธอกลับ
แองเจลีนพูดว่า “ท่านอาเรส ชีวิตมันสั้นนะ นายต้องทำสิ่งดี ๆ ในตอนที่นายทำได้ ฉันไม่อยากทำผิด ๆ ให้กับลูกอีกแล้ว”ยิ่งเธอปล่อยตัวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งบ้ามากเท่านั้นเขาเข้าหาเธอในทันทีด้วยสีหน้าดุดัน มือใหญ่ของเขาจับที่ลำคอของเธอ “ถ้าเธออยากที่จะปล่อยตัวเองมาก ๆ เธอก็ฆ่าตัวตายไปซะดีกว่า”มือของเขาอยู่ที่ลำคอของเธอ ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาจากท้องของเธอ หลังจากนั้น เธอจึงทนมันไม่ไหวอีกต่อไป เธออาเจียนออกมาทั่วเสื้อเชิ๊ตสีขาวของเขาแองเจลีนมองที่รอยเปื้อนที่คอเสื้อของเขาและรู้ตัวว่าเธอมีปัญหาอย่างมากเธอรู้ดีกว่าใคร ๆ เขาเป็นคนประหลาดที่เรียบร้อยมากแค่ไหน“แองเจลีน เซเวียร์ เธอกล้าดียังไง?” เจย์คำรามในตอนที่แองเจลีนเห็นรอยเปื้อนนั้น เธอก็รู้สึกอยากจะอาเจียนอีกครั้ง“หลีกทางไป!”ก่อนที่เจย์จะขยับหนีไปได้ เธอก็อาเจียนออกมาอีกครั้งเจย์ดูเหมือนว่าเขาได้ยอมแพ้กับชีวิต“เธอกินอะไรเข้าไป?” เขาคิดว่าเธอมีอาการอาหารเป็นพิษเขาปลดเชือกและพาเธอไปที่ห้องน้ำ เขาสั่งว่า “อ้วกตรงนี้”หลังจากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำและทำความสะอาดตัวเอง เมื่อเขาออกมา แองเจลีนยังคงอยู่ในห้องน้ำเธอไ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ