ดวงตาของเจย์เย็นลงทันทีหากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เขาคงไม่เชื่อว่า จอร์จ เซเวียร์จะทิ้งแองเจลีนต่อหน้าคนจำนวนมากอย่างกับรองเท้าเก่าและพูดกับเธออย่างรุนแรงเจย์จับที่วางแขนของรถเข็นอย่างแน่น และได้ยินเสียงแตกเล็กน้อยสายตาของท่านปู่เซเวียร์จ้องไปที่มือของเจย์ และเห็นเส้นเลือดปูดออกมาจากแรงอันทรงพลังและแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลความกังวลของเขาชัดเจน วินาทีต่อมา ได้ยินเสียงมืดมนของเจย์ “คุณคาดหวังให้แองเจลีนเรียนรู้อะไรจากเซร่านะ นายท่านเซเวียร์? เพื่อที่จะเรียนรู้วิธีเกลี้ยกล่อมผมอย่างไร้ยางอายเหมือนที่หล่อนทำ หรือ เรียนรู้วิธีการที่จะตกอยู่ในอ้อมกอดของพ่อตอนที่หล่อนไม่ได้ยั่วยวนผมล่ะ? เซร่าเพียงคนเดียวที่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้พ่อกับผมกลายเป็นศัตรูกัน และตอนนี้ คุณกำลังขอให้แองเจลีนเป็นยัยจิ้งจอกอีกงั้นเหรอ นายท่านเซเวียร์? จุ ๆ ๆ”เขาส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจกับคำพูดวิพากษ์วิจารณ์วิธีที่คุณท่านเซเวียร์สอนลูก ๆ ของเขาเจย์เป็นคนที่ไม่ชอบพูดถึงเรื่องอื้อฉาวของเขา แต่หลังจากที่เห็นว่าแองเจลีนยังคงนิ่งเงียบเมื่อจอร์จกระทำผิดต่อเธอ เขาไม่สามารถหยุดตัวเองจากการยืนหยัดเพื่อเธอ
เป็นเหตุผลเดียวที่เขาไม่ยอมประนีประนอมคือเขาไม่รู้สึกอะไรกับเธออีกต่อไปแล้ว เธอส่ายหัว ไม่อยากเดาอีกต่อไปเลยเธอได้ตัดสินใจที่จะตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งหมดการตัดสินใจของเขานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลยตอนนี้แอนได้เรียกชื่อแองเจลีนและพูดกับเธอมากมาย มันคงดูหยาบคายไปหน่อยถ้าแองเจลีนจะไม่ตอบเธอยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนในบ้านต่างจ้องมองเธอราวกับว่าจะรู้สึกเสียใจอย่างมากหากเธอไม่เปล่งเสียงออกมาแองเจลีนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลราวกับยุง “ฉันลาออกจากตำแหน่งประธานผู้บริหารของบริษัท เซเวียร์ แล้ว ต่อจากนี้ไป ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของบริษัท เซเวียร์ อีก”จอร์จตกใจเล็กน้อยเขาไม่ได้ตั้งใจจะขับไล่แองเจลีนออกจากบริษัทเซเวียร์จริง ๆ แม้ว่าเขาตั้งใจจะให้เซร่าขึ้นมาเป็นประธานบริหารแทนก็ตาม แต่เขาได้วางแผนที่จะมอบหมายตำแหน่งที่ต่ำกว่าเล็กน้อยให้กับแองเจลีนเขาแค่พยายามทำให้เธอโกรธในตอนแรกและบอกให้เธอรู้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดก่อนที่จะบอกเธอว่าเขาได้จัดการให้เธอเป็นรองประธานแทนสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เธอได้ลาออกจากตำแหน่งประธานบริหารโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยดวงตาของเซร่าเปล่งประ
รถเข็นของเจย์ได้ถูกเข็นไปที่ทางเข้าหลักแล้ว หลังที่ยาวและยืดตรงของเขาหยุดนิ่งเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่หันกลับมา เสียงที่เย็นชาและไร้ความเห็นอกเห็นใจผ่านเข้าไปในหูของท่านปู่ “ผมแน่ใจว่าคุณรู้ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ คุณปู่เซเวียร์”เขาไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้นฟินน์เข็นเจย์ออกไปอย่างทันทีหลังจากที่เจย์จากไป แอนเริ่มโวยวายว่า “เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน? เขาเป็นแค่คนง่อย ไม่ใช่เหรอ? แล้วตอนนี้เขาหมดความโปรดปรานในตระกูลอาเรสแล้ว และสูญเสียสถานะเป็นหัวหน้าของตระกูลอาเรส ทรัพย์สินของเขาลดลงเหลือพอ ๆ กับแจ็คไปแล้วหนิ”เนื่องจากเซร่าไม่สามารถเอาชนะใจเจย์ได้ จึงเหลือแต่ความเกลียดชัง “ฮึ่ม คุณช่วยเขาได้มากในการทำให้เขาเปรียบเทียบเท่าแจ็ค ตอนนี้บริษัท อาเรส อยู่ในสถานการณ์ที่ดีและได้เปรียบกับพันธมิตร เช่น บริษัท เบล และบริษัท ไททัส นั่นถือว่าอยู่ในจุดสูงสุดของอำนาจแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาถูกเพื่อนและพันธมิตรทอดทิ้ง แกรนด์เอเซียก็จะล้มละลายในเวลาไม่นาน ฉันแน่ใจได้เลย”หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เธอยังคงพูดพล่ามต่อไป ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถระบายความโกรธของเธอให้หยุดได้ “แกรนด์เอเซียจะต้องล้มละลาย
หลังจากการตักเตือนของท่านปู่เซเวียร์ แอนรู้สึกผิดมากจนก้มหน้าลงเกือบแตะถึงพื้นท่านปู่เซเวียร์กล่าวว่า “ท่านอาเรสพูดถูกแล้ว คนโง่รู้ดีว่าไม่มีความกลัวอยู่ แกคิดอย่างไร้เดียงสาได้อย่างไรว่าท่านอาเรสจะพ่ายแพ้ต่อแจ็ค? แกคิดว่าท่านอาเรสเป็นใคร? เขาก่อตั้งแกรนด์เอเซียขึ้นมาเองตอนอายุได้ 15 ปี ใช้เวลาเพียง 5 ปีในการทำให้แกรนด์เอเซียจนเป็นบริษัทผูกขาดยักษ์ใหญ่รายแรกในเมืองอิมพีเรียล นี่คือสิ่งที่แจ็คจะไม่มีวันทำเหมือนเขาได้เลย แต่เจย์กลับทำสำเร็จในเวลาเพียง 5 ปี อะไรที่ทำให้พวกแกคิดว่าแจ็คจะชนะในเวลานี้?”ท่านปู่เซเวียร์กล่าวเสริมว่า “บริษัท อาเรส.หยุดจัดหาชิปให้กับแกรนด์เอเซียได้ แต่มีความประมาทในส่วนของแจ็คอยู่นะ เจย์อยู่ในความดูแลของบริษัท อาเรส มาหลายปี ดังนั้นอาจมีการเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างแกรนด์เอเซียและบริษัท อาเรส ก็ได้ โดยอย่างน้อยที่สุด เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของแกรนด์เอเซียนั้นมีอำนาจพอ ๆ ที่จะกำหนดมาตรการลงโทษบริษัท อาเรส ในตอนนี้ได้เลย ดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านอาเรสยังไม่ได้เปิดเผยการโจมตีที่จะโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง และฉันแน่ใจว่าเขามีเหตุผลของเขา…”ทันทีที่ท่านปู่เซ
เนื่องจากเจย์ได้ซื้อคฤหาสน์ในถนนแอปเปิ้ลไปแล้ว แอนและครอบครัวจึงถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ในคฤหาสน์เซเวียร์แทนคุณนายเซเวียร์ได้จัดการห้องบนชั้นสามไว้ให้แล้ว แต่เมื่อแอนเดินตรวจสอบรอบ ๆ บริเวณชั้นสาม เธอเริ่มพูดจาหยาบคายและบ่นด้วยท่าที่เอามือของเธอท้าวสะโพกไว้“จอร์จ บนชั้นสามมันร้อนเกินไป เซร่าเพิ่งคลอดลูกและยังอ่อนแรงอยู่ คุณจะทำยังไงถ้าเธอเป็นโรคลมแดด?”จอร์จมองดูเซร่าในขณะที่เธอยืนอยู่มุม ๆ หนึ่งอย่างตั้งใจฟัง เขาสังเกตเห็นว่าเธอดูซีดเซียวและรู้สึกกังวลเมื่อเห็นว่าไขมันที่เป็นก้อนน้อย ๆ บนใบหน้าของเธอดูซีดเผือดดังนั้น จอร์จจึงเดินเข้าไปหาคุณนายเซเวียร์และพูดอย่างจริงจังว่า “ควินเนลลา เซร่าเพิ่งคลอดลูกตาย ฉันแน่ใจว่าเธอรู้ว่าตอนนี้หล่อนดูอ่อนแอที่สุด ทำไมเธอไม่คุยกับแองเจลีนแล้วขอให้หล่อนเปลี่ยนห้องกับเซร่าล่ะ?”ใบหน้าของคุณนายเซเวียร์ดูขุ่นมัวในทันที “ช่วงนี้แองเจิลก็สุขภาพไม่ค่อยดีนัก คุณสนใจแต่ลูกสาวคนเล็กของคุณ จอร์จ คุณเคยสนใจลูกสาวคนโตของคุณบ้างไหม?”จอร์จพูดพึมพัมอย่างสับสนหลังจากที่เขาถูกเธอตำหนิ “แองเจลีนเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาโดยตลอดตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ไม่ใช่เหรอ?”คุณ
เซร่าเดินเข้ามาหาแองเจลีนอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล พร้อมเผยรอยยิ้มที่สุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน “ขอบคุณนะ แองเจลีน”แองเจลีนไม่สนใจเธอ แล้วหันหลังกลับและเดินจากไปทัศนคติด้วยท่าทางตัดกันอย่างชัดเจน ทำให้จอร์จสนใจเซร่ามากขึ้นเชอร์ลี่ย์และคุณนายเซเวียร์กำลังทำอาหารกลางวันตอนเที่ยง แอนและคนอื่น ๆ นั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารมานานแล้ว และเมื่อพวกเขาเห็นอาหารหน้าตาธรรมดา ๆ แอนก็เริ่มแสดงท่าทางอีกครั้ง“ควินเนลลา ครอบครัวเซเวียร์ได้เปลี่ยนไปแล้วนะในตอนนี้ เธอควรประหยัดในสิ่งที่เธอควรประหยัดด้วยเมื่อพูดถึงเรื่องอาหารก็ตาม เพราะฉันเกรงว่าจอร์จจะไม่สามารถจ่ายค่าเลี้ยงดูเธอได้อีกในอนาคต ถ้าเธอยังคงฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองแบบนี้”แองเจลีนซึ่งกำลังช่วยพยุงท่านปู่ซเวียร์เดินลงบันไดอยู่นั้น ความโกรธจัดแสดงออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่แอนพูด“ปกติแม่ของฉันก็ประหยัดมากอยู่แล้ว เธอแค่เตรียมจัดงานใหญ่เพียงเพราะคุณมาที่นี่ในวันนี้ไงล่ะ อย่าทำตัวเนรคุณหน่อยเลย” แองเจลีนตะคอก“นอกจากนี้ อาหารบนโต๊ะนี้ไม่ได้ซื้อโดยใช้เงินของพ่อ แต่เป็นเงินของฉัน ไม่เป็นไรหรอกถ้าคุณจะเนรคุณที่จะอยากกินอาหารของฉันและอยู่ที่บ้านแม่ของฉัน แต
เมื่อเจ้าตัวน้อยทั้งสามคนกลับจากโรงเรียน สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือไปที่ห้องของแม่เพื่อบอกให้เธอรู้ว่าพวกเขากลับมาบ้านแล้ว ทว่า เมื่อพวกเขามาถึงห้องของแม่ พวกเขาไม่เห็นแม่ แต่กลับเห็นเซร่ากำลังเปิดสัมภาระของเธอออกมาจัดแจงในห้องนอนใบหน้าของเจนสันเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งทันที “ทำไมคุณมาอยู่ในห้องแม่ของผมล่ะ?” เจนสันถามอย่างเย็นชาเซร่าเหลือบมองเด็ก ๆ สามคนที่ยืนอยู่หน้าประตูและพูดว่า “ห้องนี้จะเป็นของฉันต่อจากนี้ไป ห้องของแม่เธอจะอยู่ชั้นบนสุดนะ”“ใครให้สิทธิ์คุณทำแบบนั้น?” ร็อบบี้น้อยถามอย่างไม่พอใจเซร่าเดินไปที่ประตู เมื่อเธอเห็นใบหน้าของเจนส์และร็อบบี้น้อยที่มีความคล้ายคลึงกับเจย์อย่างมาก อารมณ์ของเธอก็มืดมนไปชั่วขณะ เธอกล่าวว่า “เพราะฉันคือนายหญิงที่แท้จริงของตระกูลเซเวียร์ไงล่ะ แม่ของพวกเธอไม่สมควรที่จะอยู่ในห้องนี้”เซร่าคิดอยู่เสมอว่าเด็กแปดขวบจะไม่ก้าวร้าวแม้แต่น้อย และเธอก็จะไม่เดือดร้อนอะไรแม้ว่าเธอจะบอกความจริงกับพวกเขาอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือนอกจากช่องว่างระหว่างขนาดใหญ่ระหว่างผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกสามคนของครอบครัวเจย์ มันยากอยู่แล้วที่จะจัดการกับหนึ่งในนั้น น
“ฉันอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว จอร์จ ไม่มีเด็ก ๆ คนไหนแสดงความเคารพต่อฉันเลย ฉันอายเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”จอร์จดุแองเจลีน “รีบไปขอโทษน้าแอนเดี๋ยวนี้”เซ็ตตี้น้อยตะโกนว่า “ทำไมแม่ต้องขอโทษในเมื่อไม่ได้ทำอะไรผิด? คุณตาสนใจแต่คนแก่คนนั้นและจัดอันดับแทนที่จะถูกกลับกลายเป็นผิด เรายังเป็นเด็กแล้วก็ควรเป็นคนพูดว่าเราจะอยู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วต่างหาก เพราะเราจะจบลงด้วยการถูกผู้ใหญ่ที่ไร้เหตุผลตบตี เรายังสู้กลับไม่ได้แม้ถูกทำร้ายด้วยซ้ำ ฮือ ๆ ๆ ไม่อยากอยู่ในบ้านนี้แล้ว อยากไป อยากกลับไปที่อิมพีเรียล หนูอยากไปหาพ่อแล้ว”ในขณะที่เซ็ตตี้น้อยพูด เธอเอามือปิดหน้าและเริ่มร้องไห้จอร์จจ้องไปที่แองเจลีน “นี่คือวิธีที่แกสอนลูก ๆ ของแกงั้นเหรอ?”แองเจลีนพูดด้วยใบหน้าซีดเผือด “ก็เซ็ตตี้น้อยพูดถูกนี่คะ”จอร์จโกรธจัด “แองเจลีน เซเวียร์ พาลูก ๆ ของเธอออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”แองเจลีนจับมือเซ็ตตี้น้อยและเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร“เราไปกันเถอะ”เจนสันจ้องไปที่จอร์จที่กำลังโกรธเคืองด้วยดวงตาที่มืดมิดและลึกซึ้ง รอยยิ้มที่ขี้เล่นแสดงอยู่บนใบหน้าของเขาทันทีจากนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ