“เป็นอะไรไปคะ คุณหนู?”คนรับใช้เปิดประตูห้องนอนและตกตะลึงเมื่อเห็นฉากที่ยอดเยี่ยมในห้อง“ออกไป” ยูมิตระคอกคนรับใช้อย่างโกรธจัดคนรับใช้ปิดตาของเธอและรีบออกไปทว่า มีคนจำนวนมากเข้ามาเรื่อย ๆ รวมทั้งโยเซมิตีและภรรยาของเขาด้วย พวกเขารีบวิ่งไปที่ห้องของยูมิเพราะตกใจเสียงกรีดร้องของเธอไม่นานห้องของยูมิก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายประตูห้องถูกล็อค คนสองคนในห้องรีบแต่งตัวยูมิจ้องไปที่ชายตรงหน้าเธอ “ใครบอกให้นายเข้ามาที่นี่ได้?”ชายคนนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าเธอและก้มหน้าลงไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น“ผมขอโทษ นายหญิง ดูเหมือนว่าเมื่อคืนผมจะสับสนไปหน่อย”ยูมิเหยียบย่ำหัวใจที่อ่อนโยนของเขา “นายคิดจะทำอะไรกับฉัน?”ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างมึนงง “ผมไม่ได้ทำ นายหญิง ได้โปรดเชื่อผม เห็นได้ชัดว่าผมนอนอยู่ในห้องของตัวเองเมื่อคืนนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมก็อยู่ในห้องของนายหญิงแล้ว”“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายแอบชอบฉัน เซธ เซเวียร์” เสียงของยูมิเต็มไปด้วยความโกรธแม้ว่าใบหน้าของชายคนนั้นจะค่อนข้างบอบบางและหล่อเหลา แต่ยังดูอ่อนเยาว์เล็กน้อยอีกด้วย เขาดูคล้ายก้บผู้หญิงมากขึ้
โยเซมิตีมองดูลูกสาวแสนหวานของเขาและกลับไปมองที่เซธซึ่งพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง เขาค่อนข้างจะเชื่อคำพูดของลูกสาวของเขา“ในกรณีนี้ ไปจัดหาฤกษ์แต่งงานให้เร็วที่สุด เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ยูมิ เธอไม่สามารถหยุดมันได้แล้ว” โยเซมิตีรู้ว่าถ้าเรื่องอื้อฉาวแพร่กระจาย เกียรติยศของตระกูลไททัสจะถูกทำลายไม่สำคัญว่ายูมิจะชอบคนหัวร้อนนี้หรือไม่ การแต่งงานเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องครอบครัวไททัสไว้ได้ผลประโยชน์ส่วนตัวก่อนสิ่งอื่นใดคือวิถีของนักธุรกิจบางครั้ง แม้แต่ความสุขของลูกสาวก็ต้องเสียสละยูมิพยักหน้า แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางลงอย่างรวดเร็วโยเซมิตีต้องการระงับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด “ถึงฉันจะไม่ชอบครอบครัวของนายเป็นพิเศษก็ตาม แต่เซธ เนื่องจากนายและยูมิต่างก็รักกัน ฉันจะไม่เอามันมาเป็นอุปสรรค ลูกสาวของฉันควรจะแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ ฉันรู้ว่าครอบครัวเซเวียร์ไม่ได้อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ แต่ถึงแม้ครอบครัวที่เคยร่ำรวยจะไม่ร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังร่ำรวยกว่าครอบครัวที่ยากจนอยู่ดี ฉันเชื่อว่านายจะเอาเงินสินสอดทองหมั้นมาได้ 100 ล้าน และไม่ต่ำกว่าแม้แต่เซ็นต์เดียว ฉันคิดว่านายสามารถคิดเอง
แองเจลีนเปิดประตูเข้าไปและยืนอยู่ที่นั่น พูดกับท่านปู่เซเวียร์ “ฉันสัญญากับคุณ หลังอาหารเช้านี้ ฉันจะไปที่เมืองอิมพีเรียลและไปพาเซร่ากลับมา”ชายชรายอมลงไปชั้นล่างเพื่อรับประทานอาหารหลังจากที่แองเจลีนได้พูดยินยอมหลังอาหารเช้า แองเจลีนพยายามทำตามสัญญาและขับรถไปที่โรงพยาบาลแกรนด์ เอเซียแห่งเมืองอิมพีเรียลเซร่าอยู่ที่แกรนด์ เอเซีย หลังจากคลอดทารกเพื่อรับการรักษาแล้ว วันที่จะออกจากโรงพยาบาลของเธอน่าจะในอีกไม่กี่วันนี้แองเจลีนตรงไปที่แผนกต้อนรับของแผนกผู้ป่วยในและสอบถามเกี่ยวกับหมายเลขห้องพักฟื้นของเซร่าแจ็ค อาเรสมีน้ำใจต่อเซร่าอย่างแท้จริง ทั้งทุกสิ่งทุกอย่าง เขาได้จัดห้องพักฟื้นวีไอพีที่ดีที่สุดในแกรนด์ เอเซียให้กับเธอแองเจลีนรู้สึกประหลาดใจ แจ็คและเจย์ไม่เห็นพ้องกันอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะเต็มใจเสนอห้องพักฟื้นที่ทำกำไรให้กับเซร่าได้อย่างไร เขาคงไม่ได้ถามพ่อของเขาเพื่อขอเรียกคืนเงินสำหรับค่าธรรมเนียม ใช่ไหม?แองเจลีนเริ่มกังวลเล็กน้อยหลังจากออกจากลิฟต์วันนี้เธอไม่อยากเจอเจย์เลย ส่วนใหญ่เป็นเพราะเธอมีลางสังหรณ์ว่าเจย์จะรู้เกี่ยวกับโคลที่ปีนหน้าต่างของเธอเข้ามาตอนกลางดึกถ้าเจย์ร
แองเจลีนหัวเราะคิกคัก “นายพูดว่าอะไรนะ ท่านอาเรส? ไม่มีวันไหนที่ฉันฝันว่าจะไม่ได้พบนายอีกครั้งหรอกนะ”รอยยิ้มที่เบิกบานของเธอทำให้ตัวของเจย์สั่นสะท้าน“ฉันเคยเตือนเธอก่อนหน้านี้แล้วนะ แองเจลีน เซเวียร์ อย่าเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับผู้ชายลึกลับนั่น” น้ำเสียงของเจย์เข้มขึ้นดวงตาของแองเจลีนเบิกกว้างด้วยความขุ่นเคือง “อย่างกับว่าฉันต้องการให้นายมาเตือนฉันอย่างนั้นแหละ ท่านอาเรส แม่ของฉันไม่เคยอนุญาตให้ฉันใช้เวลาอยู่กับคนที่ลึกลับตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก ลืมไปได้เลยพวกผู้ชายลึกลับนั่น แล้วเธอยังไม่ยอมให้ฉันอยู่ใกล้ผู้หญิงที่ดูลึกลับอีกด้วย”“เธอยังจะแสร้งทำเป็นซื่ออยู่อีกเหรอ?” น้ำเสียงแหลม ๆ ของเจย์ทันใดนั้น จิตใจของแองเจลีนสั่นไหว และเธอรู้ว่าเธอไม่สามารถปิดบังสถานการณ์ได้อีกต่อไปเธอพึมพำอย่างเงียบ ๆ “แล้วเด็กคนไหนไม่ตัดสินใจแบบโง่ ๆ บ้างล่ะ ท่านอาเรส?”สิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเธอคือการที่เจย์ทำแบบเดียวกันนี้ เมื่อตอนที่เขายังเด็กคำพูดของเธอทำให้เจย์นึกถึงสิ่งที่เคยทำเมื่อตอนที่เขายังเด็กและตอนที่ตกหลุมรักจูบเธอตอนที่เธอเป็นไข้ เพราะเขาอดไม่ได้ที่จะจบลงด้วยความเย็นชาของตัวเองเข
แองเจลีนแสดงความกล้าหาญอย่างโง่เขลาโดยไม่สนใจและพูดว่า “เขาไม่ควรจะพูดในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ”เจย์ตอบด้วยท่าทางที่สื่อว่า ‘ก็เอาสิ’ “บอกฉันด้วยแล้วกันว่ามันจะเป็นยังไง”แองเจลีนตกตะลึงที่เขาปล่อยเธอไปอย่างง่ายดายถ้าเธอรู้ว่าเขาเอาแต่ขู่ พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้ทำอะไร เธอคงไม่ใช้เวลาสองสามวันที่ผ่านมามองข้ามเรื่องที่ต้องกังวลแบบนี้เมื่อออกจากห้องของเจย์ แองเจลีนตกใจเมื่อรู้ว่าเซร่าอยู่ถัดจากห้องของเขา“ช่างบังเอิญจริง ๆ” แองเจลีนถอนหายใจสิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือความตั้งใจของเจย์เป็นเพียงสิ่งที่เขาอยากจะมีโอกาสได้พบเธอในห้องพยาบาลของเซร่า ภรรยาหลวงของแจ็คที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เตียงของเธอ กำลังป้อนซุปไก่ให้เซร่าอย่างเอาใจใส่การเยาะเย้ยเต้นแรงออกมามากกว่าการแสดงออกของแองเจลีนเสียอีก ในขณะที่เธอเอนตัวพิงกับประตู “ขอบคุณมากนะที่ดูแลน้องสาวของฉัน คุณนาย”สายตาของคุณนายและเซร่าหันไปทางประตู เมื่อเห็นแองเจลีน สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจทันทีแองเจลีนกล่าวต่อ “ฉันสงสัยว่าทำไมคุณถึงไม่ใช้เวลาไปกังวลกับเรื่องโจเซฟิน ลูกสาวของคุณ คุณแทบจะไม่สนใจที่อยากจะรู้ว่าเธอเป็นอยู่ยังไง แต่ตอนนี้คุ
ความตื่นตระหนกของคุณนายไม่ได้หายไปจากสายตาของแองเจลีนคุณนายนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ก้มหยิบเศษชามเคลือบด้วยดินเผาที่แตกเป็นเสี่ยง ๆแองเจลีนถอนหายใจ “ฉันจะไปดำเนินการเอกสารสำหรับการขอออกจากโรงพยาบาลของเธอนะ”แต่เมื่อแองเจลีนกลับมาจากการกรอกเอกสารเพื่อออกจากโรงพยาบาล เธอได้พบกับแจ็คและลูกน้องของเขาที่หน้าประตูห้องของโรงพยาบาล“ฉันมาเพื่อพาเธอกลับบ้าน เซร่า” เมื่อความลับเรื่องสกปรก ๆ ของเขาถูกทำให้กระจ่าง แจ็คจึงตัดสินใจที่จะละทิ้งรูปลักษณ์อันเป็นสุภาพบุรุษของเขาไป เพื่อมาขอรับเซร่าไปจากแองเจลีนอย่างโจ่งแจ้งเซร่ายังคงเงียบขณะที่เธอนั่งอยู่บนเตียงโดยไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างแจ็คกับแองเจลีนเธอเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกทอดทิ้ง เธอจึงคิดว่าจะเดินตามใครก็ตามที่ชนะแองเจลีน เท่าที่แจ็คกังวลนั้นเป็นเพียงความเย่อหยิ่งเพราะเธอให้เจย์ช่วยสนับสนุนเธอ เมื่อทั้งสองแยกจากกันแล้ว และอยู่ในเงื่อนไขที่น่ากลัว แจ็คก็ไม่สนใจเธออีกสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือแองเจลีนเป็นคนประเภทที่ดำเนินการทุกอย่างได้ดีขึ้น ยิ่งถ้ามีแรงกดดันมากขึ้น“แจ็ค ชายชราที่ไร้ยางอาย น้องสาวของฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณอีกแล้ว ฉันต้องพาเธอ
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องช่วยเก็บกวาดเรื่องวุ่นวายที่เธอทำหลังจากนี้ทั้งหมดเขาโบกมือเรียกฟินน์เพื่อส่งโน๊ตบุ๊คให้ข้างนอก น้ำเสียงที่ชั่วร้ายของแจ็คดังขึ้นอีกครั้ง “ฉันเกือบลืมไปว่าเธอเป็นแฮ็กเกอร์ แองเจลีน ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะมาเจาะเครือข่ายภายในของบริษัท อาเรส ได้ง่าย ๆ”แจ็ครู้สึกโชคดีมาก เพราะในที่สุดเขาก็จับจุดอ่อนของแองเจลีนได้แล้ว ในท้ายที่สุด หากเธอสามารถขโมยเงินของบริษัท อาเรส ได้ เธอก็สามารถขโมยเอกสารลับของพวกเขาได้เช่นกัน นั่นจะทำให้บริษัท อาเรส อยู่ในจุดที่โต้ตอบไม่ได้อีกแจ็คคัดค้านที่จะบังคับแองเจลีนให้ไปจนมุม“แค่รอจดหมายเรียกร้องค่าเสียหาย แองเจลีน ฉันจะฟ้องเธอที่มาทำเรื่องอันตรายต่อผลกำไรของบริษัทของฉันแน่”แองเจลีนกังวลเพียงว่าเซร่าจะลงเอยที่ใด “ตามข้อตกลงของเรา แจ็ค ฉันได้โอนเงินหลักพันล้านไปยังบัญชีของคุณแล้ว คุณควรเคารพคำพูดของคุณและให้ฉันพาน้องสาวกลับบ้านไปตอนนี้ไม่ใช่เหรอ?”การแสดงออกของแจ็คดูปั่นป่วน แม้จะยืนอยู่บนเส้นของอันตราย แต่ทุกอย่างของแองเจลีนคือความกังวลว่าเซร่าจะได้ไปอยู่ที่ไหน“เอาล่ะ ฉันจะปล่อยเธอไป” แจ็คตอบเขาคิดแผนการเอาเซร่าก
แองเจลีนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาหมอหญิงที่จ้องมองขาเรียวยาวของเจย์ เธอเองก็อยากจะชื่นชมขาของเขาอย่างใกล้ชิดและสัมผัสเป็นครั้งคราวบ้างเช่นกันดวงตาของเจย์จ้องไปที่ร่างเล็ก ๆ ข้างประตู สายตาที่เปี่ยมด้วยความรักของเธอทำให้ดวงตาของเขาเจิดจ้าเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน“กลับมาทำไม?” เขาแสดงสีหน้าเป็นทุกข์แองเจลีนเข้ามาในห้อง เธอไม่กล้าถามเขาตรง ๆ เพราะมีคนนอกอยู่ในห้องด้วย เธอไม่รู้ว่าจะจับตามองไปทางไหนดีเจย์หันไปมองหมอ “ให้พวกเราอยู่ด้วยกันเพียงลำพังเถอะ”หลังจากที่หมอออกไป เจย์ก็จ้องไปที่แองเจลีน “จะให้ฉันช่วยเธอยังไง?” เขาถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแองเจลีนพูดติด ๆ ขัด ๆ อย่างช้า ๆ “ฉัน… ฉันมาที่นี่… เพื่อ… เอ่อ… ถามนายว่า… นายเป็นคนที่ช่วยฉัน...”เจย์ขัดจังหวะเธอด้วยคำตอบว่า “ใช่ ฉันเอง”กลัวว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้เข้าใกล้เธอมากไปและปล่อยให้เธอเพ้อฝันเกินไป รูปลักษณ์ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนกลับไปเป็นการแสดงออกถึงความเฉยเมยและความไม่คุ้นเคย “1 หมื่นล้านนั่นเป็นค่าเลี้ยงดูบุตร ดูแลลูก ๆ ของฉันให้ดี”แองเจลีนตอบว่า “การดูแลเด็ก ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายมากนักหรอก ให้ฉันตอบแทนนายคืน…” แกรน
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ