ริมฝีปากบางของเจย์ขยับแยกออกเล็กน้อย เสียงข่มขู่ของเขาก็หลุดออกจากปาก “ฉันไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้”ทั้งแองเจลีนและโจเซฟินดูโล่งใจแจ็คระงับความโกรธที่อยู่ในใจของเขา “เจย์ นี่เป็นงานแต่งของน้องสาวนายนะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับนายเลย”เจย์พูดกลับว่า “ใช่ครับ พ่อ การแต่งงานของโจเซฟินไม่เกี่ยวอะไรกับผม”เขาหันสายตาเหยี่ยวไปมองที่ยูมิ “ความรักเป็นเกมระหว่างคนสองคน เมื่อมีพ่อแม่และพี่น้องเข้ามายุ่งมากเกินไป ความรักก็จะสูญเสียรสชาติไปทันที”ทั้งแจ็คและยูมิแสดงท่าทีดูน่ากลัว เจย์ดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าพวกเขากำลังเสียสละการแต่งงานของคนที่พวกเขารักเพื่อหาผลกำไร“เจย์ น้องสาวของนายไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ นั่นเป็นเพราะนายตามใจเธอมากเกินไป จนกลายเป็นเด็กนิสัยแย่ที่สูญเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปวัน ๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันปล่อยให้โจเซฟินอยู่ภายใต้การดูแลของนายไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป นายจะทำลายอนาคตของเธอ” แจ็คเบี่ยงประเด็นด้วยคำพูดนี้อย่างว่องไวอย่างแรก เขาตะคอกเจย์โดยบอกว่าเจย์ไม่ได้สั่งสอนโจเซฟินอย่างดีจึงทำให้เธอทำอะไรเองไม่ได้อย่างที่สอง เขามีอำนาจที่จะตัดสินการแต่งงานของโจเ
“พระเจ้า ทำไมเธอถึงต้องให้ของเหล่านั้นเป็นที่ระบายความโกรธของเธอด้วยล่ะ?แองเจลีนเป็นคนเอาตัวเองเป็นที่ตั้งตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เธออาจมีการศึกษาดี แต่ทันทีที่เธอทนทุกข์กับความคับข้องใจใด ๆ ก็ตามที่เกินระดับความอดทนของเธอ เธอก็จะอารมณ์ร้อนเช่นกันยกตัวอย่างในตอนนี้“ฉันมีเสื้อผ้าอยู่ในกระเป๋าเดินทางเยอะมาก ถ้าเธอชอบ เธอเอาไปได้หมดเลย โอ้ และก็ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั้งหมดที่มีมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ ก็เป็นของเธอด้วย ถ้าเธอไม่ชอบก็เอาไปเผาทิ้งซะ” พวกของทั้งหมดนั่นเลย!”เธอโกรธเคือง “ฉันซื้อมันโดยใช้เงินของพี่ชายเธอ ฉันไม่ต้องการมันแล้ว ต่อจากนี้ไปเราจะแยกย้ายกัน เราไม่มีอะไรจะ...”“ไม่มีอะไรยังไง?” สตอร์มเลี้ยวรถเข็นเข้ามาจากทางแยกที่เข็นเจย์ รถเข็นหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอผมของแองเจลีนพริ้วไหวโดยไม่มีเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว เธอดูสวยงามราวกับหยกที่ยังไม่ได้เจียระไน ราวกับว่าเธอถูกแกะสลักออกมาโดยธรรมชาติเมื่อเจย์สังเกตเห็นท่าทางไม่พอใจของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอบอกว่าเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเธอถูกซื้อโดยใช้เงินของเขา เขารู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจและสบายใจด้วยเหตุผลบางอย่างแองเจลีน
เจย์เล่นกับก้อนหินกลม ๆ ในมือ และจ้องไปที่แองเจลีนด้วยดวงตาที่เย็นชาและมืดมิดเขายังคงไม่พูดด้วยอย่างแรก แองเจลีนได้ยืดคอของเธอเพื่อมองลงไปที่เขา แต่ท้ายที่สุด เธอค่อย ๆ หดคอลง แม้แต่เสียงของเธอก็ลดลงเป็นฝุ่นผง“ทำไมนายไม่โยนมันกลับมาล่ะ ฉันจะไม่หลบด้วย”ดังนั้น เจย์จึงยกก้อนหินขึ้น แองเจลีนปิดตาลงเมื่อเธอเห็นว่าเขากำลังจะขว้างก้อนหินใส่เธอจริง ๆก้อนหินมีเสียงหวือผ่านหูของเธอไป แองเจลีนลืมตาขึ้นและมองเจย์ด้วยความสยดสยองเขาขว้างก้อนหินใส่เธอจริง ๆ เหรอเนี่ย?เขาไม่ได้กลัวที่จะทำร้ายเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตอนนี้เขาอยู่บนรถเข็นอย่างนั้นใช่ไหม?แองเจลีนไม่พอใจเขา แววตาของเธอเมื่อจ้องมองเจย์ไม่เพียงแต่แสดงความไม่พอใจที่เธอมีต่อเขาก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่ยังมีร่องรอยของความเศร้าเสียใจอีกด้วยจากนั้นเธอก็เดินไปทางเขาทั้งน้ำตาเพียงเพื่อจะอ้อมผ่านรถเข็นเพื่อเดินต่อไปได้“พี่คะ!” โจเซฟินเดินไล่ตามเธอไปพร้อมกับตะโกนเรียกเธอทันทีที่เธอเรียกพี่ แองเจลีนก็เดือดขึ้นมาทันที เธอตะโกนออกมา “ฉันไม่ใช่พี่สาวของเธอ!”ใบหน้าที่ดุร้ายของเธอทำให้โจเซฟินตกตะลึง“พี่จะเถียงฉันทำไมในเมื่อพี่ชายข
แองเจลีนกล่าวว่า “ฉันจะไม่ยอมแพ้เว้นแต่ว่านายจะทำร้ายฉันให้ถึงตาย”เจย์มีสีหน้าซีดเผือด เขาก้มลงหยิบก้อนหินจากพื้นแล้วโยนไปที่เข่าของแองเจลีนแองเจลีนทรุดเข่าลงทันทีและเธอคุกเข่าลงกับพื้นด้วยเข่าข้างหนึ่ง จากนั้นสตอร์มเข้าไปมัดมือเธอไว้เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นแองเจลีนยกข้อมือขึ้นและกระทืบเท้า “หมายความว่ายังไง ท่านอาเรส? นายเกลียดฉัน ใช่ไหม ? ทำไมนายไม่ปล่อยให้ฉันไปจากนายให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะ?”สตอร์มเอามือดึงปลายกุญแจมืออีกข้างหนึ่ง “เราไปกันเถอะ นายหญิง”โจเซฟินพยายามอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งในครั้งนี้ เธอบอกแองเจลีนว่า “เธอต้องดูแลตัวเองนะ แองเจลีน ฉันจะรอเธอนะ”แอนเจลีนถูกสตอร์มนำตัวกลับไปที่หอท่าเรือหอมหวนตอนนี้เด็ก ๆ กำลังรวมตัวกันที่โต๊ะเพื่อทานผลไม้กันอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นสตอร์มและแองเจลีน เดินเข้ามา ดวงตาของพวกเจ้าตัวน้อยก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เธอมาที่นี่อีกทำไม?” เซ็ตตี้น้อยถามอย่างโกรธจัด แก้มของเธอพองขึ้น“เธอไม่ยอมปล่อยเราไปสินะ” เซ็ตตี้น้อยกล่าวอย่างไม่พอใจสีหน้าของเจนสันยังคงเหมือนเดิมในขณะที่เขาทานผลไม้อย่างเงี
สตอร์มมองเจย์ด้วยสายตาแห่งความอ้อนวอน “นายท่านครับ นายหญิงเซเวียร์บอกว่าจะอดอาหารเพื่อประท้วง...”เจย์เลิกคิ้วขึ้นในท่าทางที่ยังดูหล่อเหลาของเขา ผู้หญิงคนนี้กำลังข่มขู่เขาอยู่หรือเปล่า?“งั้นก็ปล่อยให้เธออดอาหารไปก่อน”เจย์คิดว่าเป็นเพราะเขาตามใจเธอมากเกินไปในเมื่อก่อนนี้ที่เขาคอยให้กำลังใจและเขาดูแลเอาใจใส่เมื่อเธออารมณ์ร้อน เป็นผลทำให้เธอหนีจากไปโดยไม่บอกลาและถึงกับแอบไปทำศัลยกรรมโดยไม่มีการปรึกษาเรื่องสำคัญเช่นนี้กับเขาก่อนดูเหมือนว่าเขาจะทำผิดพลาด จากนี้ไปเขาจะเปลี่ยนไปใช้ระเบียบวินัยแบบอื่นแทน เขาจะเปลี่ยนจากการตามใจเป็นการเข้มงวดแทน บางทีอาจช่วยแก้ไขอารมณ์ร้อนของเธอได้เมื่อพูดอย่างนั้น เจย์ก็เข็นรถเข็นเข้าไปในห้องนอนของเขาแองเจลีนตะโกนอยู่นานแต่ไม่มีใครสนใจเธอด้วยความเหนื่อย เธอนอนบนเตียงเล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ เธอ ผมที่ยุ่งเหยิงของเธอปล่อยกระเซอะกระเซิง ทำให้เธอดูเหมือนผีบ้าเธอทำตามในสิ่งที่เธอพูดไว้ ไม่ยอมกินหรือดื่มอะไรเลยทั้งวัน...เมื่อเจย์ได้เข้าไปหาเธอในวันรุ่งขึ้น เธอนอนอยู่บนเตียง ผมของเธอยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงราวกับผีบ้า เธอพูดอย่างอ่อนแรง “นายมาที่นี่เพื่อม
เจย์หยุดชะงักเธอได้ค้นพบความลับเกี่ยวกับทะเบียนสมรสเหรอ?“นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงเลือกไปทำศัลยกรรมใช่ไหม?”เขาโกรธมากและต้องการลงโทษเธออย่างรุนแรงที่จากไปโดยไม่บอกลา อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาก็หมดความกล้าที่จะตำหนิเธอไปเลยเธอทำเพียงเพราะเธอห่วงใยเขาถึงอย่างนั้น…ตอนที่เธอเป็นคนดูแลเขาอยู่ ทำไมเธอถึงไปเดทกับผู้ชายแปลกหน้าได้?“คืนนั้น ผู้ชายที่เธอไปเดทด้วยคือใครกัน?” เจย์ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ฉันบอกนายไม่ได้หรอก” แองเจลีนจำข้อตกลงที่เธอมีกับปีเตอร์ได้ เธอไม่อยากเป็นคนที่ผิดสัญญาหัวใจของเจย์ ซึ่งเพิ่งได้บรรเทาความเจ็บปวด กลับถูกโยนลงไปในทะเลแห่งความสงสัยอีกครั้ง เขารู้สึกกระสับกระส่ายและวิตกกังวล“แองเจลีน เซเวียร์ ทำไมเธอถึงกลับมา?” เจย์กำลังจะเสียสติไปแล้วผู้หญิงคนนี้ที่มุ่งหน้ามาหาเขาในขณะที่ไปเจ้าชู้กับผู้ชายคนอื่น นี่เป็นวิธีที่เกินขอบเขตทางศีลธรรมของเขาจริง ๆแองเจลีนตัดสินใจปล่อยวางทุกอย่างและควบคุมอารมณ์ของเธอ มันเหนื่อยเกินกว่าจะนึกถึงเขาอีกต่อไปแล้วเธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียงช้า ๆ ผมของเธอเรียงยาวบนเสื้อคลุมสีดำของเธอราวกับน้ำตก นัยน์ตาส
“คิดว่าจะออกไปได้หลังจากมีอะไรกันเสร็จแล้วงั้นเหรอ?” มุมปากของเจย์ขดขึ้นในขณะที่เขามองไปยังผู้หญิงที่โค้งคำนับอย่างสุภาพและยอมรับความผิดพลาดของเธอหลังจากที่ทำผิดไปแองเจลีนเงยหน้าขึ้นพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้านายเต็มใจที่จะยอมให้ฉันรับผิดชอบ ฉันก็จะดูแลนายได้เหมือนกัน”เจย์จ้องมองไปที่ชุดของเธอ “เธอใช้บัตรของฉันเพื่อจ่ายค่าชุดนี้ ใช่ไหม?”แองเจลีนหน้าแดงทันทีเธอเพิ่งพูดอย่างไม่เห็นแก่ตัวว่าเธอจะดูแลเขา แต่ความเป็นจริงก็ตบหน้าเธออย่างรุนแรง สุดท้ายคือคนที่ถูกดูแลอยู่ก็เป็นเธอ“ทำความสะอาดสถานที่นี่ซะ” เจย์พูดอย่างโกรธเคืองขณะที่มองไปรอบ ๆ ตัวเขาแองเจลีนพยักหน้าอย่างจนตรอก “ได้สิ”เมื่อเธอทำความสะอาดเสร็จแล้ว เจย์บอกว่า “พาฉันกลับไปที่ห้องของฉันหน่อย ฉันอยากอาบน้ำ”แองเจลีนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแต่งตัวให้เขา แล้วเข็นเขากลับไปที่ห้องและช่วยเขาอาบน้ำ“เธออยากอาบน้ำด้วยไหม?” เขาถามทันทีแองเจลีนกำลังจะขอร้องให้เขาปล่อยเธอให้ได้ใช้ห้องน้ำอยู่พอดี เธอไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามนี้โดยไม่จำเป็นต้องบอกก่อน เธอดีใจมากจนไม่สามารถหยุดพยักหน้าได้เลย“ขอบคุณนะ ท่านอาเรส
ร็อบบี้น้อยกังวลอย่างมากเช่นกัน “มันก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ดูสิว่าเธอยิ้มเหมือนคนบ้าขนาดไหน”เจนสันมองแม่ของเขาอย่างใกล้ชิดเพียงเพื่อตระหนักว่ามีการแสดงออกที่ไร้เดียงสาบนใบหน้าของเธอ สีหน้าที่เป็นปกติของเธอได้หายไปจากใบหน้าของเธอ ทำให้เขารู้สึกมีความกังวลเพิ่มขึ้นเมื่อหันไปมองเจย์ เขาถามอย่างกังวลว่า “คุณพ่อครับ คุณพ่อทำอะไรกับเธอ?”เจย์เคยชินกับรอยยิ้มที่บ้า ๆ ของแองเจลีนอยู่แล้ว เมื่อพวกเขายังเด็ก รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของความพึงพอใจกับสิ่งไหนก็ตามมันจะปรากฏบนใบหน้าของเธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่ความปรารถนาของเธอเป็นจริง“อย่าไปสนใจเธอเลย กินเถอะลูก” เจย์พูดโจเซฟินยังคงกังวลเรื่องของแองเจลีน “พี่แองเจลีน เธอยังต้องการหนีไปกับฉันไหม?”แองเจลีนส่ายหัว “เธอควรหนีไปกับเซย์นดีกว่า ฉันเกรงว่าพี่ชายของเธอจะฆ่าฉันเแทนน่ะสิ”โจเซฟินได้ข้อสรุปของเธอ “โอ้ ไม่นะ ดูเหมือนตอนนี้เธอจะโง่ไปแล้วล่ะ”เด็ก ๆ ช่วยกันตัดสินใจว่าความโง่เขลาของแองเจลีนเป็นส่วนหนึ่งของการเสแสร้งหรือเรื่องจริงกันแน่เซ็ตตี้น้อยถามเธอว่า “คุณคะ ยังจำได้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”แองเจลีนเอื้อมมือไปบีบใบหน้าสีชมพูที่บอบบางข
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ