จากนั้นเด็กน้อยที่น่ารักทั้งสามคนก็หันหลังและวิ่งกลับขึ้นไปชั้นบนโจเซฟินร้องไห้และพูดว่า “ฉันไม่ได้ขอให้พวกหนูสามคนแก้แค้นพ่อของฉันสักหน่อย แต่พวกหนูสามารถช่วยฉันแก้แค้นยัยจิ้งจอกตัวนั้นได้”เพื่อเพิ่มความโกรธแค้นให้กับเซร่า เธอเสริมว่า “พวกหนูสามคนไม่รู้หรอกว่าเธอล้ำเส้นมามากแค่ไหน เธอยังเรียกพ่อของพวกหนูว่าคนพิการอีกด้วยนะ”เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ เด็กน้อยที่น่ารักทั้งสามคนก็หยุดชะงักตรงทางเดินทันทีร็อบบี้น้อยหันหลังกลับมาและพูดให้มีกำลังใจว่า “คุณอาครับ คุณอาห่วงใยเรามาตลอด ดังนั้นเราจะไม่อยู่เฉยโดยที่ไม่ทำอะไรในขณะที่คุณอาถูกรังแก บอกเราหน่อย คุณอาต้องการให้จิ้งจอกตัวนั้นตายยังไงครับ?”เซ็ตตี้น้อยยืนอยู่ข้างร็อบบี้น้อยและพูดพร้อมกับครุ่นคิด “คุณอาคะ หนูจะช่วยคุณฉีกผิวหนังของจิ้งจอกตัวนั้นเอง”เจนสันมองไปที่ร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อยซึ่งทั้งคู่แสดงอารมณ์โกรธจัดอยู่ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉันจะสนับสนุนน้องทั้งสองคนด้วยแล้วกัน”โจเซฟินหยุดร้องไห้และหัวเราะ “ค่อยยังชั่วหน่อย”แองเจลีนกำลังเข็นเจย์ที่กำลังนั่งรถเข็นและหยุดที่ไหนสักแห่งที่ไม่ไกลเกินไปจากพวกเขาเมื่อร็อบบี้น้อยเห็
เซร่าเดินไปหาแองเจลีน ปรับท่าทีของเธอขึ้นทันที แล้วอ้าปากค้างด้วยความตกใจเธอดูคุ้น ๆ จริง ๆเซร่าพูดพร้อมขมวดคิ้ว “เธอ… แองเจลีน เซเวียร์ เหรอ?”ก่อนที่เธอจะตอบ เซร่าก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่สิ เธอไม่ใช่แองเจลีน แองเจลีนตายไปแล้ว เธอคือ… โรส?”แองเจลีนมองเธออยู่เงียบ ๆเซร่ายื่นมือไปข้างหน้าและสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าซึ่งตอนนี้ไม่ได้ปิดบังไว้ แล้วเธอพูดว่า “เธอคงไปทำศัลยกรรมมาให้เหมือนพี่สาวของฉันสินะ เธอดูเหมือนหล่อนจริง ๆ”แองเจลีนปัดมือของเธอออกและพูดว่า “อย่าแตะต้องฉัน”เซร่าอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดใจจากการกระทำของเธอ ความอึดอัดนั้นกลายเป็นความโกรธในไม่ช้า “โรส ลอยล์ เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน? เธอเป็นแค่ลูกสาวนอกสมรสที่โง่เขลาของครอบครัวลอยล์ เธอคิดว่าตัวเองสูงส่งนักสินะ”หลังจากที่เธอพูดจบ เธอแสดงท่าทางถูมือของเธอ อย่างน้อยเธอก็สามารถกลับมาแก้แค้นหล่อนได้แองเจลีนมองไปที่ท้องตั้งครรภ์ของเซร่าและถามด้วยความประหลาดใจ “ใครเป็นพ่อ?”เซร่าจ้องเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องของเธอก็แล้วกัน”เด็กที่เธอตั้งท้องเป็นความอัปยศของเธอ ถ้าไม่ใช่เ
ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึงไปชั่วขณะเซร่าตะโกนอย่างโกรธเคือง “ทำไมพวกแกถึงยังยืนมองกันอยู่อีกล่ะ? จับเธอสิ!”คนรับใช้กลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหาพวกเขา แองเจลีนทำให้พวกเขาล้มลงด้วยท่ากวาดเตะรวบเซร่าแสดงท่าทางด้วยการวางมือไปสัมผัสบนใบหน้าทั้งสองข้างของเธอซึ่งกำลังร้อนไหม้ด้วยความเจ็บปวด “เธอกล้าตบฉันเหรอ?”“ไปสิ! วิ่งไปหาชายชราคนนั้นที่สนับสนุนคอยช่วยเหลือเธอเลย” แองเจลีนพูดขณะยืนจับเล่นนิ้วมืออยู่เธอเน้นคำว่า ‘ชายชรา’ เหยียบย่ำความเย่อหยิ่งภายในหัวใจของเซร่าใบหน้าของเซร่าแดงขึ้น“เธอรอเลยนะ แองเจลีน เซเวียร์” เธอพูดด้วยความโกรธ“ฉันกำลังรออยู่เนี่ย ถ้าเธอไม่ไปพาแจ็ค อาเรสมา ฉันจะออกไปแล้ว” เธอตอบเซร่าจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดุร้ายแองเจลีนรู้จักน้องสาวคนนี้ของเธอดี หล่อนเห็นคุณค่าในศักดิ์ศรีของหล่อนมากเกินกว่าจะไปหาคนมาช่วยหล่อน แม้ว่าสิ่งนี้อาจไม่เป็นความจริงในเรื่องส่วนตัวมากนักหลังจากลงโทษเซร่าแล้ว แองเจลีนก็หันหลังกลับและเริ่มเดินจากไปนั่นคือตอนที่เธอเห็นแจ็ค อาเรสยืนโกรธจัดอยู่ข้างหลังเธอ“แองเจลีน เซเวียร์ เธอเป็นคนกล้ามากที่เข้ามาเหยียบถึงบ้านของฉันและทำให้เก
แจ็คมองเจย์อย่างเย็นชาและพูดว่า “นายมาทันเวลาพอดีเลยนะ”โจเซฟินหยุดรถเข็นของเจย์ตรงหน้าแจ็คและแองเจลีนได้เดินตามหลังเขามาทันทีการกระทำของเธอคล้ายกับนกน้อยที่ต้องการความคุ้มครองจากนกอินทรีโจเซฟินจ้องสายตาอันแหลมคมไปที่แองเจลีนและพูดว่า “ตัวสร้างปัญหา”แองเจลีนเพียงแค่ยิ้มให้เธอโจเซฟินเห็นท่าทีแบบนี้แล้วกลับรู้สึกสับสน ผู้หญิงคนนี้มีความกล้าที่จะท้าทายและดูหมิ่นผู้คนใน ซีคามอร์ แอนเน็กซ์ ได้เพียงนี้เลยเหรอ แต่เธอคนนี้ก็ยอมที่จะเชื่อฟังเหมือนกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ ต่อหล่อน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?เมื่อได้ยินในสิ่งที่โจเซฟินพูด คนในซีคามอร์ แอนเน็กซ์ก็คิดว่าเธอพาเจย์เข้ามาเพื่อขอโทษแม้แต่แจ็คก็คิดอย่างนั้น เขาแสดงท่าทางเย่อหยิ่งเพื่อรอรับฟังการขอโทษของเจย์หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากบางของเจย์ก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อ เธอทำอะไรผิดกับคุณทำไมถึงต้องสั่งให้พวกเขาฆ่าเธอด้วย?”เสียงของเขาอาจจะเบา แต่ก็หนักแน่นด้วยการท้าทายในตอนนี้แจ็คได้คิดไว้แล้วว่า ถ้าเจย์ยังไม่ยอมขอโทษเขาอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน เขาอาจจะไม่ปล่อยให้แองเจลีนหลุดพ้นอย่างอิสระได้อย่างง่ายดายเขาไม่คาดคิดว่าคำแรกที่เจย์พูดจะเต็
ใบหน้าของแจ็คดำมืดเป็นขี้เถ้า “เจย์ อย่าบอกนะว่าตอนนี้นายกำลังจะกลับคำพูด นายไม่เต็มใจที่จะปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปเหรอ?”เจย์ตอบว่า “เธอดูหมิ่นคุณ ดังนั้นหากคุณต้องการจะถลกหนังเธอหรือฆ่าเธอ ผมจะไม่หยุดห้ามคุณหรอก แต่ทว่า ผมมีเรื่องจะขอร้อง”สายตาของแจ็คหยุดนิ่ง “พูดมาสิ”“ผมอยากให้พา เซร่า เซเวียร์ ออกไปด้วย”แจ็คโพล่งออกมาด้วยความโกรธ “อย่ากล้าแม้แต่จะคิด”เจย์เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขามีรอยยิ้ม “ในเมื่อเธอดูหมิ่นผม ดังนั้นผมจึงไม่มีเหตุผลที่จะยกโทษให้เธอ เช่นเดียวกับที่คุณไม่มีเหตุผลที่จะยกโทษให้ผู้ดูแลของผม”อารมณ์ผสมปนเปอยู่บนใบหน้าของแจ็คในที่สุด เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ๆ ๆ เจย์ โอ้ เจย์ ถ้านายต้องการช่วยเธอ ทำไมต้องพูดอ้อมไปอ้อมมาด้วยล่ะ? นายเป็นลูกชายของฉัน แค่พูดออกมา ฉันก็ยอมปล่อยเธอแล้ว”“คุณพ่อ คุณเข้าใจผมผิดแล้วล่ะ” เจย์มองแองเจลีนด้วยความเกลียดชัง “ผู้ดูแลอย่างเธอไม่คุ้มที่ผมจะต้องใช้สมองมาช่วย”แองเจลีนหันกลับมามองเจย์ด้วยความขุ่นเคืองเห็นได้ชัดว่าไอ้เลวนั่นไม่ต้องการให้เธอตาย แต่ทำไมเขาถึงทำหน้าตาไร้ความปราณีเช่นนี้?แจ็ครู้สึกว่าเจย์กำลังต้องการจัดการเขาให้
“ท่านประธาน ฉันขอใช้ห้องน้ำของคุณหน่อยได้ไหม?” แองเจลีนยืนอยู่ข้าง ๆ พลางถามอย่างน่าสงสารห้องข้าง ๆ อีกฝั่งหนึ่งดูเล็กเหมือนเป็นห้องของเด็กเลยจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะแคบกว่าห้องนอนใหญ่มากแล้ว แต่ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ให้พูดถึงได้เลยหากต้องการอาบน้ำให้ไปที่ห้องนอนใหญ่หรือใช้ห้องน้ำสาธารณะด้านนอกในวันนั้นอากาศแย่มากเสียงฟ้าร้องโครมครามรวมกับเสียงลมอู้อี้และฝนที่โปรยปราย ทำให้แองเจลีนกลัวที่จะเข้าห้องน้ำข้างนอกเจย์เงยหน้ามองผู้หญิงน่ารักที่สวมชุดนอนอยู่ตรงหน้า เขาจ้องมองไปที่ขาขาวเนียนของเธอและเขาก็กลืนน้ำลายเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหนักใจเล็กน้อยเขาไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการว่าเมื่อเธอเดินออกจากห้องน้ำ นั่นจะทำให้เขาจิตใจพังทลาย“ออกไปเข้าข้างนอกเลย” เขาระงับความรู้สึกของเขาที่ชอบเอาอกเอาใจเธอและในที่สุดก็ปฏิเสธเธอหลังจากดิ้นรนกับความรู้สึกอย่างหนักแองเจลีนตอบว่า “ท่านประธาน แต่ดิฉันกลัว”สายตาของเจย์มองออกไปนอกหน้าต่าง โถงทางเดินดูมืดสนิทและมีเพียงแสงวาบของฟ้าผ่าทำให้สถานที่นั้นสว่างขึ้นชั่วขณะ ทำให้รู้สึกน่าขนลุกในทันใดแองเจลีนไม่ได้กลัวฟ้าผ่า แต่บางทีเธออ
“แล้วกางเกงในตัวเล็ก ๆ ล่ะ?” แองเจลีนกล่าว“เธออยากสวมชุดของฉันไหม?” เจย์ขมวดคิ้ว เขาพูดอย่างหมดความอดทน “เธอจะต้องทนใส่มันไปก่อน”แองเจลีนอยากจะร้องไห้แต่ร้องแบบไม่มีน้ำตาเธอเดินออกมาโดยสวมเสื้อยืดตัวใหญ่ตัวนั้น เสื้อตัวหลวม ๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังเน้นย้ำได้ถึงความเซ็กซี่ในร่างกายของเธอโดยเฉพาะขาทั้งสองข้างของเธอที่เรียวยาวและรูปร่างที่ดูเหมือนแกะสลักราวกับงานศิลปะผมเปียกยาวของเธอพาดอยู่บนผิวที่เรียบเนียนของเธอ มันเพิ่มออร่าของความบริสุทธิ์ให้กับเธออย่างไรก็ตาม เธอยังคงสวมหน้ากากนั้นอยู่เสียงเปล่งจากลำคอของเจย์ดังก้อง ความสง่าของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาและสูงส่งของเขาแสดงให้เห็นสัญญาณเพียงเล็กน้อยของการถูกสะกดจิตแองเจลีนมีเสน่ห์มากเพียงพอแล้ว เธอเอนตัวนั่งลงบนโต๊ะขณะมองเขาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์“ท่านประธาน อยากให้ฉันนอนบนเตียงของคุณให้รู้สึกอุ่น ๆ ไหม?”เจย์หายใจไม่ออกเล็กน้อย แม้ว่าเธอไม่เคยรู้จักความคิดเรื่องละอายมาก่อนเลยเพราะทั้งคู่ยังเป็นเด็ก แต่เธอก็ระมัดระวังและเปราะบางมากหลังจากที่เธอเข้าสิงอยู่ในร่างของโรสนิสัยบางอย่างของเธอปรากฏขึ้นในทันใดและทำใ
แองเจลีนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และเสียงที่นุ่มนวลของชายคนหนึ่งดังมาจากปลายสาย“ที่รัก เดาสิว่าฉันเป็นใคร?”“ให้ตายเถอะ ฉันจำนายได้แม้ว่าคุณจะกลายเป็นเถ้าถ่านก็ตาม ปีเตอร์ เป็นนายนั่นแหละ!” แองเจลีนจำเสียงของปีเตอร์ได้ชัดเจนมาก เพราะเขาคือคนที่คอยติดตามเธอผ่านช่วงเวลาที่มืดมนของเธอ“แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของปีเตอร์เต็มไปด้วยความไม่พอใจแองเจลีนเป็นลูกค้าของเขา แต่เธอหนีไปก่อนที่ขั้นตอนการรักษาจะเสร็จสิ้น เพียงเพื่อไม่ให้ใบหน้าของแองเจลีนพังทลายและแตกสลายในภายหลัง ปีเตอร์จึงมาเมืองอิมพีเรียลเพื่อให้บริการกับเธอต่อไปแองเจลีนสัมผัสได้ว่าเขากำลังทำอะไร เธอพูดด้วยความประหลาดใจ “นายอยู่ในเมืองอิมพีเรียลเหรอ?”“อยู่ในโรงแรมพินนาเคิล ย้ายก้นของเธอมาที่นี่เดี๋ยวนี้” ปีเตอร์กล่าวแองเจลีนมองดูคลื่นยักษ์ที่อยู่ด้านนอก “เป็นวันพรุ่งนี้ที่เราจะเจอได้ไหม?”ปีเตอร์มีน้ำเสียงกระวนกระวาย “ฉันมาไกลเพื่อมาพบเธอ และตอนนี้เธอกำลังเรียกร้องอีกเหรอ? ฉันมีเวลาแค่หกชั่วโมง มันขึ้นอยู่กับเธอนะ”*ตู๊ด ๆ*เขากดวางสายลงอย่างโกรธจัดแองเจลีนก้มหน้าวางโทรศัพท์และพึมพำ “ในเมื่อนายมาหาฉันแล
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ