โรส ลอยล์ จ้องมองเขาอย่างเผ็ดร้อน “คุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนบอกให้ฉันแต่งตัวเซ็กซี่กว่านี้?”“ผมบอกเอง แต่สิ่งที่ผมหมายถึงมันควรเซ็กซี่น้อยกว่านี้ สิ่งที่คุณใส่อยู่ตอนนี้มันมากเกินไป คอวีของคุณต่ำ และคุณโชว์หลังมากเกินไป ผมจะไปเรียกดับเพลิงเพื่อดับไฟ ตอนนี้ผมรู้สึกลุกเป็นไฟร้อนรนไปหมดแล้ว” ฌอนก้าวไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาเดินไปที่ห้องทำงานของเขาอย่างเร่งรีบ“ดับไฟอะไรกัน?” โรสอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “คุณวางแผนที่จะดับเปลวไฟอย่างไร?”ในไม่ช้า ฌอนยิงประโยคกลับโรสอย่างไม่ปรานี “ด้วยมือของผมเอง แน่นอน คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมหากผมจะขอให้คุณช่วยดับไฟตอนนี้ ได้ไหม? มีใครบางคนจะทำให้แน่ใจว่าผมฝันร้ายทุกคืน ผมควรมองคุณด้วยเจตนาร้ายน้อยที่สุด”“ใครกัน?”ฌอนเข้ามาในห้องทำงานของเขาด้วยความร้อนรน ฌอนกระแทกประตูดังปังข้างหลังเขา และทิ้งโรสไว้ข้างนอก ตรงที่ประตู โรสพูดว่า “เร็วเข้าสิ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? คุณไม่สามารถสงบสติตัวเองได้เลย!”ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฌอนเปิดประตูของเขาโรสยิ้มยกข้อมือขึ้น เพื่อตรวจสอบเวลา “นั่นเร็วมาก”การแสดงออกของฌอนมืดลง “คุณอ่านเรื่องโป๊เปลือยมากแค่ไหน? คุณคาดหวังว่าผู้ชา
ณ ศูนย์วัฒนธรรมดาวเด่นเมื่อฌอนมาถึงศูนย์วัฒนธรรมพร้อมกับโรส พวกเขาได้พบกับผู้คนจากบริษัท อาเรส ตามที่พวกเขาคาดการณ์ไว้“ท่านจีนส์?” ฌอนยืนนิ่งขณะที่เขาโค้งคำนับเล็กน้อยให้ จีนส์ อาเรสจีนส์เดินไปวางมือบนไหล่ของฌอนด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นของเขา “นายสายเกินไปฌอน ฉันได้รับลิขสิทธิ์นิยายเรื่อง นภาเดือนหงาย ไปแล้ว สัญญาเป็นของฉันเรียบร้อยแล้ว”ฌอนเหลือบมองโรสข้าง ๆ เขาเมื่อได้รับคำใบ้ที่แฝงอยู่ โรสก้าวไปข้างหน้าและยิ้ม “คุณยังไม่ได้เซ็นสัญญากับที่ดาวเด่นเลย ท่านจีนส์ ยังไม่มีสิ่งใดถูกเปลี่ยนแปลงได้”น้ำเสียงของเธอเจือด้วยความยั่วยุการจ้องมองของท่านยีนส์จ้องไปที่โรสทันทีในขณะที่เขาถอนหายใจเบา ๆ และด้วยน้ำเสียงเตือนเข้ม ๆ ของเขาพูดว่า “นายพบว่าตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดีแบบนี้ที่ไหนกัน ฌอน? เธอถึงได้ปากร้ายเหน็บแหนมดีเลยทีเดียว”ฌอนดูถูกโรสโดยเจตนา “ออร์คิด นี่คือนายน้อยคนที่สองของบริษัท อาเรส ดังนั้นอย่าทำตัวไม่สุภาพ”โรสก้าวถอยหลังจีนส์พูดเสียดสี “ความเข้าใจกันโดยปริยายของพวกคุณทั้งคู่แบ่งร่วมกันได้อย่างไร ดูเข้ากันได้ดีทีเดียวในตอนนี้ ไม่ใช่เหรอ?”ฌอนยิ้มจีนส์พูดอีกครั้ง “ฉันก็อยา
จีนส์ส่งบทภาพยนตร์ให้ฌอนเพื่อที่เขาจะได้รับเงินคืนฌอนยิ้มเบา ๆ ด้วยการใช้ถ้อยคำของเธออย่างคลุมเครือ โรสจึงสามารถชี้แนะให้อีกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์ที่ผิดพลาดได้ มันเป็นกลยุทธ์ที่ดีตามที่คาดไว้ผู้รับผิดชอบได้เป็นเหยื่อ “เนื่องจากท่านจีนส์ตกลงที่จะส่งบทภาพยนตร์ให้คุณ และในนามของความจริงใจของคุณ เราจะเซ็นสัญญากับคุณในตอนนี้ได้เลย”โรสดึงสัญญาจากกระเป๋าของเธอ “ถ้าอย่างนั้นคุณคอลลินส์คงไม่มีเวลาไหนดีไปกว่าตอนนี้อีกแล้ว โปรดดูที่สัญญา เราสามารถลงนามได้ในวันนี้หากไม่มีปัญหากับมัน ฉันแน่ใจว่าคุณทราบดีว่าประธานของเรา คุณเบล ได้สั่งให้ภาพยนตร์เริ่มถ่ายทำก่อนช่วงสัปดาห์ทองที่เป็นวันหยุดยาว ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจความยากลำบากของเราและช่วยเราประหยัดเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”ผู้รับผิดชอบหยิบเอกสารพลิกดูสัญญา ดูทุกรายการและส่วนข้อมูลในสัญญานี้มีรายละเอียดมากกว่าของยีนส์เสียอีกในขณะเดียวกันก็อาจจะไม่ได้มีความเสี่ยงมากเท่ากับการอ้างสิทธิ์เท่าบริษัท อาเรสคิ้วขมวดของคุณคอลลินส์ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดและมีการเซ็นสัญญาเมื่อฌอนเดินออกจากศูนย์วัฒนธรรมเขาเปล่งเสียงชื่นชมที่เขามีต่อโรสอย่างช่วยไม่
ทุกคนในบ้านตกใจ ‘เจย์ อาเรส คนเดียวกับที่เคยเย็นชากับพี่น้องของเขาเท่านั้นกลับกลายเป็นคนคิดริเริ่มที่จะช่วยงานยีนส์งั้นเหรอ?’ดวงอาทิตย์จะต้องขึ้นจากทิศตะวันตกในวันนี้จีนส์ตอบอย่างชื่นชมว่า “นั่นก็ดีแล้ว เจย์ เมื่อนายจัดการเรื่องนี้ ผมแน่ใจว่า ฌอน เบล และเลขาที่ไม่สุภาพของเขาจะต้องกลืนคำพวกนั้นไป”เจย์ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด และเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการดูแลเซ็ตตี้น้อยที่รักตัวน้อยของเขาที่อยู่ตรงหน้าหลังจากนิ่งเงียบมานาน ในที่สุดจอห์นก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขาที่คมชัดในขณะที่เขานำหัวข้อเก่า ๆ มาที่พูดที่โต๊ะว่า “เจย์ นายจะพาเซ็ตตี้ไปที่อสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีน อย่างเปิดเผยได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเราไม่อนุญาตให้คนที่มีสายเลือดอื่นมาที่นี่ นี่เป็นการดูหมิ่นกฎบ้านของท่านปู่อย่างโจ่งแจ้ง!”ในตอนนั้น อุณหภูมิโดยรวมของห้องดูเหมือนจะลดลงอย่างมากดวงตาที่แวววาวแต่ไร้ความสุขของจอห์นจ้องไปที่เจย์ เขาเคยเตือนอีกฝ่ายมาก่อนแล้วว่า การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเขาอุ้มเคลื่อนย้ายเซ็ตตี้น้อยจากตักของเขาไปที่พื้น เจย์ลูบผมของเธอด้วยความรัก “ไปเล่นกับพี่น้องของเธอก่อนนะ ลุงอาเรสมีเรื่องจะปรึกษา
เจย์ได้คาดการณ์ไว้แล้ว ตามวัยของปู่ต้องมาพร้อมกับความรู้สึกอ่อนไหว ซึ่งทำให้เขาอ่อนลงและมีความเป็นคนใจดีมากขึ้น“ถ้าปู่รู้สึกเสียใจ ผมจะให้พวกเขากลับมาเยี่ยมได้เสมอ”ท่านปู่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เด็กนอกสมรสมักจะมีจิตใจที่ซับซ้อน ฉันเกรงว่าการรับพวกเขาเข้ามาในครอบครัวอาจผลักดันให้ลูก ๆ ที่ชอบด้วยกฎหมายจนปัญญาที่จะคิดแก้ไขปัญหาต่าง ๆ”เจย์ยิ้ม “ผมจะทำหน้าที่ของผมในฐานะพี่ชายให้ได้”ท่านประธานอาเรสพูดว่า “ฉันรู้สึกโล่งใจมากที่รู้ว่านายมีความคิดเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เด็ก ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสำเนาของพ่อแม่และจะไม่หยุดนิ่งเพื่อแย่งชิงอำนาจ พวกเขาอาจไม่ซาบซึ้งในความปรานีของนาย ลูกชายของเจมส์ จีนส์ อาจทำได้ไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นเด็กไร้เดียงสา ให้พวกเขามาหาได้และอธิบายสิ่งนั้นให้พวกเขาด้วย”เจย์ตอบว่า “ผมเข้าใจครับ”วันจันทร์ก็มาถึง และยีนส์ก็ไปสวนคฤหาสน์กับเรือเฟอร์รารีของเขาเช่นกันวันนี้เขาแต่งกายอย่างงดงานหรู่หราสุด ๆ เขาสวมชุดสูทสีแดงที่ดูเหมือนจะเน้นย้ำถึงรูปลักษณ์ที่แตกต่างกับตัวเขาเท่านั้นร็อบบี้น้อย เจนสัน และ เซ็ตตี้น้อย กำลังเล่นอยู่ในสวนขณะนั้น จีนส์ยืนผิวปากเพื่อดึงดู
บริษัท เบล ประสบกับความโกลาหลในขณะที่เจย์ขับรถโรลส์ - รอยซ์ ของเขาเข้าที่จอดรถของอาคารศูนย์กลางของบริษัท“เห็นได้ชัดว่า คุณเบลรับสัญญาภาพยนตร์บริษัท อาเรส เป็นที่จับตามอง ท่านอาเรสต้องอยู่ที่นี่ใน บริษัท เบล เพื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาสำหรับการดูหมิ่นพวกเขา”“คุณเบล หัวใจกล้าหาญเหมือนสิงโตงั้นเหรอ? เขาพบความกล้าหาญวิ่งเข้าขโมยสิ่งนั้นมาจากถ้ำสิงโตได้ยังไง? คุณเบลซวยมากแน่”“ถ้าฉันมองเข้าไปใกล้มากพอ ฉันแทบจะเห็นอาคารกลางที่เต็มไปด้วยคำเตือนของการนองเลือดที่กำลังจะเกิดขึ้น”…ฌอนยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองดูด้วยความเงียบสงบขณะที่รถโรลส์ - รอยซ์จอดอยู่ชั้นล่าง“คุณคิดว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไรวันนี้ ออร์คิด?”เธอรินกาแฟให้เขาหนึ่งแก้ว โรสตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “เราขโมยสัญญาของบริษัท อาเรส ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเขามาที่นี่เพื่อเผชิญหน้ากับเรา ไม่ใช่เหรอ?”ฌอนหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม “ผมไม่คิดอย่างนั้น”โรสเงยหน้าขึ้นมองเขา “แล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่?”เสียงเคาะดังขึ้นในห้อง...ฌอนส่งให้โรสให้ไปดู “เขาอยู่ที่นี่”ทันใดนั้น ด้วยความกังวล โรสก็นึกถึงความคิดของเธอในขณะที่เธอเดินไปเปิดประตูพร้อมกับถ้วยกาแ
โชคดีหรอกนะ ที่ความรังเกียจของเขาถูกซ่อนไว้อย่างดี จู่ ๆ นิ้วเรียวของเขาบีบนิ้วที่ไม่ขัดขืนของโรสอย่างสง่างาม เจย์หันไปจ้องมือเล็ก ๆ ของเธอก่อนที่จะกลืนปิดคลุมมันเข้าไปด้วยมือที่ใหญ่กว่าของเขาความรู้สึกคุ้นเคยกลับคืนมาปลายนิ้วเรียวและอ่อนนุ่มของเธอถูกจับไว้ในมือของเขาความดีใจเป็นประกายในดวงตาของเขาแต่แล้ว โรสบ่นอยู่ภายใน ทำไมเขายังไม่ผลักเธอออกไป? คิดว่าเธอจะได้เข้าไปสู่ระดับของความไร้ยางอายเช่นกันกำลังที่ตจะยอมแพ้ แต่เธอกลับดันตัวเองเข้าไปในอกของเขามากขึ้น การกระทำเช่นนี้แสดงควบคู่ไปกับการแต่งกายท่อนบนที่บอบบางของเธอและการที่เธอไม่สวมเสื้อคาร์ดิแกนนั้นแทบจะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นผู้หญิงที่สง่างามความเย็นชาอยู่ในดวงตาของเจย์ทันทีมีเสน่ห์ดึงดูดลูกค้าด้วยเสน่หาแบบนี้ของเธอได้อย่างไรกันฌอน? ความกระทำชั่วร้ายอะไรกันเมื่อเหลือบมองไปที่เขา โรสก็ยิ่งดุร้ายและคล้องแขนของเธอไว้รอบคอของเจย์ แววตาเย็นชาของเขาทำให้เธอเชื่อว่าแผนของเธอได้ผล...เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน “ท่านอาเรสมาที่นี่เพื่อรับบทภาพยนตร์ของ นภาเดือนหงาย ในวันนี้เหรอคะ? คุณเป็นคนใจแคบ ไม่ใช่เหรอท่านอาเรส...
ดวงตาชั้นหลบในของเขาถูกเจาะอย่างเยือกเย็นเข้าไปที่ฌอน แม้ว่าเจย์จะยังไม่ได้พูด แต่ฌอนก็รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้านเมื่อถูกคุกคามจากความตายที่กำลังจะมาถึงก่อนที่เขาจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขา ฌอนก็โพล่ง “คุณสามารถมีได้ ท่านอาเรส บทภาพยนตร์ของ ท้องฟ้าเดือนหวาย หรือเลขาสุดสวยของผม…ทำตามที่คุณต้องการเลย”เจย์จ้องไปที่โรสในขณะที่ครุ่นคิด การแสดงออกทั้งหมดของเธอกรีดร้องว่าเธอต่อต้านมันมากแค่ไหนเขาจะพาเธอไปที่ไหนสักแห่งที่เขาคุ้นเคยมากกว่าที่เธอจะวิ่งหนีได้ตลอดเวลาอย่างน้อย เขาก็ยังสามารถปกป้องเธอจากระยะไกลได้“ไม่เป็นไร”เขาอาจเปล่งเสียงปฏิเสธ แต่นั่นไม่ได้หยุดใจไม่ให้คิดอย่างเงียบ ๆ ว่าจะเกลี้ยกล่อมเธอให้กลับมาอยู่เคียงข้างเขาได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นยีนส์ก็เข้ามาเมื่อดูจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดในห้อง ยีนส์เดินไปกระซิบข้างเจย์ว่า “เจย์ นายได้สัญญาคืนหรือยัง?”เจย์ยังคงเงียบยีนส์ครวญคราง “โอ้ มานี่เลย เจย์! ความชื่นชมของฉันที่มีต่อนาย พี่ชายที่รักของฉัน มันไหลเหมือนแม่น้ำที่ไม่รู้จักจบสิ้นที่ไหลทะลักสู่ทะเล นายไม่สามารถทำให้ฉันผิดหวังตอนนี้นะ!”สายตาที่คาดเดาไ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ