เจย์ยื่นมืออกไปและเกรย์สันส่งโทรศัพท์ให้เขาทันทีอย่างรู้งานเจพูดเสียงเย็น “ลุงไม่อยากได้รถมาายบัคคันใหม่ล่าสุดหรอ? ช่วยผมเอาโรสกลับมาให้ได้ ผมจะซื้อให้คันหนึ่ง”จอห์นแปลกใจ “เจย์ หลานมั่นใจนะว่าอยากจะแต่งงานกับโรสอีกรอบ เฮ้ ฉันจะเป็นลุงคนที่สี่ที่ดีและต้องเตือนหลานเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณสมบัติแบบนายน่ะ มองให้รอบสิ นายไม่จำเป็นจะต้องเอาคอไปแขวนไว้กับต้นไม้ต้นเดียวนะจริงไหม?”“หยุดพล่ามสักทีเถอะน่า” เจย์สั่งเห็นแก่รถมายบัคคันใหม่เขาตัดสินใจที่จะอดทนกับความหยาบคายของหลานชายตัวน้อยสักหน่อย “อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ฉันขออธิบายเป้นขั้นเป็นตอนกับนายหน่อย อย่างแรกโรสไม่ใช่ผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน เราก็เห็นกันแล้วตอนที่ร็อบบี้น้อยปฏิเสธที่จะไม่รับเงินจากปู่ทวด เธอจนก็จริง และออกจะเป็นผู้หญิงที่โง่เง่า ที่เหลือแต่ใส้”“จอห์น อาเรส ระวังคำพูดของลุงหน่อยนะ” เจย์กล่าวอย่างขุ่นเคือง“โย่ ไม่นะเจย์ นายเคยหวังให้พวกเราทุกคนช่วยกันถุยน้ำลายใส่เธอจนเธอจมน้ำตาย แล้วตอนนี้หลานกลับมาโกรธที่เราพูดจาไม่ดีเพียงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเธอ? นี่ไม่ใช่ว่านายชอบเธอเข้าแล้วนะ ใช่ไหม?” จอห์นพูดอย่างหยอกล้อ“เอาล่ะ เธอไม่ไ
รถโรลส์-รอยซ์ คันหรูเคลื่อนตัวจากตลาดดอกไม้สู่โรงแรม แชงกรีล่า ที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางเมืองในช่วงเวลาเดียวกัน เซ็ตตี้น้อยที่เหนื่อยล้าจากการร้องไห้กำลังหลับอยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่ หนูน้อยละเมอออกมาเป็นครั้งคราวในขณะที่หลับอยู่ว่า “หนูไม่ต้องการคุณพ่อ คุณพ่อคือคนไม่ดี” ดวงตาของโรสแดงกร่ำและหัวใจของเธอของเธอรู้สึกราวกับถูกกรีดด้วยมีดฉับพลันเสียงเคาะประตูของโรงแรมก็ดังขึ้น โจเซฟินมองไปที่พี่สะใภ้ผู้ที่ดูอ้างว้าง ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู“พี่สะใภ้ มาเร็วค่ะ”เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกของโจเซฟิน โรสวางเซ็ตตี้น้อยลงบนเตียงก่อนจะเดินมาที่ประตูด้านนอกของประตูคือทะเลดอกกุหลาบสีแดงสดพื้นถูกปกคลุมไปด้วยกลีบดอกไม้ชั้นหนา โดยมีดอกสีขาววางไว้ชั้นบนเป็นแถวทั้งสองข้างของพื้นทางเดิน ในชั้นสีขาวนั้นมีการจัดดอกกุหลาบเป็นรูปหัวใจหลังจากนับแล้ว จะมีทั้งหมด 11 แถวโจเซฟินมองดอกไม้ทั้งหมดด้วยความประหลาดใจ “พี่อยากจะได้ดอกกุหลาบสักกี่ดอก?”โรสมองโจเซฟินและตอบพร้อมรอยยิ้ม ““ เจ้าเด็กสำรวยคนไหนที่เธอดึงดูดความสนใจในครั้งนี้อีกล่ะ?”โจเซฟินยังอึ้งตาค้าง “โรแมนติกจัง ถ้ามีคนมาทำแบบนี้ให้ฉัน ฉั
มันน่าจะดีสำหรับพี่สะใภ้ของเธอ หากพี่สะใภ้ได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งโจเซฟินรู้มาโดยตลอดว่าพี่ชายของเธอสามารถแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่อาจจะไม่สามารถมอบความรักให้กับใครได้เสียงกริ่งประตูยังคงส่งเสียงเสียงอันน่ารำคาญทำให้โจเซฟินต้องรีบเอาก้อนสำลีมาปิดหูทั้งสองข้างโรสเดินไปเปิดประตูอย่างลังเลเธอมองชายทั้งสองคนตรงหนาประตูอย่างโกรธแค้น เกรย์สันรู้สึกงงว่าทำไมโรสต้องโกรธ?เวลาของท่านอาเรสเป็นเงินเป็นทอง สำหรับเขาแล้วให้รออยู่ตรงนี้เพียงครึ่งชั่วโมง ใครจะรู้ว่าเขาเสียเงินไปเท่าไหร่เเล้ว? ต้องเป็นท่านอาเรสสิ ที่ต้องโกรธโจเซฟินเกรงว่าความโกรธของโรสจะยิ่งยั่วยุให้พี่ชายของเธอหมดความอดทน และกลัวว่าโรสจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบเธอจึงออกมาจากห้องเพื่อช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เรียบร้อย“พี่ชาย นายมาทำอะไรตรงนี้อีกล่ะ?” เธอทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินกริ่งที่ดังมาก่อนหน้านี้ สายตาคมราวกับมีดของเจย์จ้องมองหน้าเจ้าเล่ห์ของโจเซฟิน “หูหนวกหรือไง? อยากให้ฉันหาหมอมาดูแลหูเธอให้ไหม?”“ไม่ต้องหรอกพี่ชาย พี่สะใภ้กับฉัน เราฟังเพลงกันอยู่ค่ะ” โจเซฟินบีบแขนโรสอย่างแรง เพื่อให้เข้าใจตรงกันอย่างไร
โจเซฟินและเซ็ตตี้น้อยเดินทางมาถึงสวนบันทึกรัก หลังจากนั้นไม่นานโจเซฟินรีบจอดรถที่ริมถนนก่อนเข้าไปข้างในสวนพร้อมกับจูงเซ็ตตี้น้อยไปด้วยเมื่อได้เห็นเจนสันและร็อบบี้น้อยกำลังเล่นจับจิ้งหรีดกันอย่างมีความสุข หัวใจของโจเซฟินก็ยิ่งจมดิ่งนี่พี่ชายของเธอยังไม่กลับมาอีกหรอ? มันไม่เข้าท่าเลย เขาขับรถไวอย่างกับคนบ้าก่อนหน้านี้ เขาควรจะถึงที่นี่ก่อนเธอเสียอีกโจเซลีนถามเจนส์และร็อบบี้น้อยว่า “เจนส์ ร็อบบี้น้อย คุณพ่อและคุณแม่ของพวกหลานละ กลับมาแล้วหรือยัง?” “มาถึงแล้วครับ” คู่แฝดผู้น่ารักพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงดวงตาของโจเซฟินเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ หากตอนนี้เขากลับมาแล้ว ทำไมพวกเด็ก ๆ ยังเล่นจับจิ้งหรีดกันได้อย่างสบายใจ? พวกเขาไม่เห็นคุณพ่อและคุณแม่เถียงกันอย่างนั้นหรอ?โจเซฟินกระทืบจิ้งหรีดสองตัว จนแหลกด้วยเท้าข้างเดียว ในขณะที่ร็อบบี้น้อยและเจนสันเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตากล่าวโทษ “คุณน้าโจเซฟิน ทำอะไรน่ะ? ทำไมถึงกระทืบจิ้งหรีดของพวกเรา?”โจเซฟินติเตียนด้วยเสียงต่ำ “คุณพ่อกับคุณแม่ของหลานกำลังทะเลาะกันและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อยู่สภาวะตึงเครียด แล้วเด็กซนทั้งสองคนยังไม่ช่วยให้สถา
เจย์ที่ถูกจับกุมตัวได้แต่ขำทั้งน้ำตา "เธอกำลังทำอะไร?"โจเซฟินยื่นหน้าเข้าไปหาเจย์ เจย์ผลักหัวเธอออกด้วยมือเพียงมือเดียวก่อนจะเปิดประตูให้เธอดูภายในห้องด้วยอย่างไม่ยินดี “เธอควรกลับไปบ้านซะ” เด็ก ๆ มองรอดช่องว่างระหว่างประตูจึงได้เห็นว่าคุณแม่ของพวกเขาถูกห่อด้วยผ้าน่วมสีขาวและนั่งอยู่บนเตียง ราวกับว่าคุณแม่เป็นตุ๊กตาหิมะที่ไม่สามารถกระดุกกระดิกอย่างน่าตกใจเด็ก ๆ เป็นห่วงคุณแม่และตะโกนว่า “คุณแม่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”เจย์ตอบด้วยด้วยเสียงเข้ม “คุณแม่สบายดี”เพราะวันนี้เธอแสดงกริยาอวดดีต่อหน้าเขา เขาจึงใช้กลยุทธนี้ในการลงโทษเธอเพื่อเป็นการระบายอารมณ์โมโหแต่ก่อนที่เธอจะโดนเขาสำเร็จโทษ เขากลับต้องมาถูกแก๊งอันตพาลตัวน้อยเล่านี้ทำลายแผนการอย่างย่อยยับมันควรจะเป็นเขาสิ ที่ต้องเป็นคนเลวเห็นได้ชัดว่าเด็ก ๆ ไม่เชื่อคำบอกกล่าวของผู้เป็นพ่อและแทรกตัวเข้าไปดูคุณแม่เจย์เปิดประตูให้โจเซฟินและเด็ก ๆ วิ่งเข้าไปในห้องอย่างง่ายดาย“คุณแม่” เซ็ตตี้น้อยและเด็ก ๆ ปีนขึ้นเตียงและกอดรอบคอคุณแม่ ในขณะเตรียมจะแสดงอารมณ์โกรธเซ็ตตี้น้อยเห็นรอยดูดช้ำบนคอของคุณแม่ “คุณแม่คะ คุณแม่โดนคุณพ่อกัดใช่ไหม
ที่ชั้นล่าง เซ็ตตี้น้อยที่ยังน้ำตาคลอเบ้าอยู่ในอ้อมกอดของโจเซฟิน “คุณน้าโจเซฟินคะ ทำไมคุณลุงถึงรังแกคุณแม่”โจเซฟินมองใบหน้าที่ใบหน้าที่งดงามดั่งหยกของเซ็ตตี้น้อย เธอช่างเรียบ ไร้ซึ่งร่องรอยแห่งมลทินในดวงตาของเธอ“เซ็ตตี้น้อย คุณลุงไม่ได้รังแกคุณแม่ของหลาน...” โจเซฟินไม่รู้จะอธิบายอย่างไร“คุณน้าโกหกหนู คุณลุงกัดคอคุณแม่ หนูเห็นรอยช้ำตั้งหลายอัน” เซ็ตตี้น้อยร้องไห้สะอึดสะอื้นจนน้ำตาไหลอาบแก้มโจเซฟินตบหน้าผากของตัวเอง เธอไม่รู้อธิบายอย่างไรดีกับเซ็ตตี้น้อยไม่นานจากนั้น เจย์และโรสเดินลงมาจากชั้นบน โรสเปลี่ยนมาใส่ชุดของเธอและเลือกที่จะใส่เสื้อสเวตเตอร์แคชเมียร์สีเขียวคล้ายต้นหญ้าคอสูงเพื่อจะได้ปิดบังคอของเธอเซ็ตตี้มองไปที่เจย์ราวกับกำลังเห็นศัตรูจากชาติที่แล้ว ทันใดนั้นเธอก็ก้มหัวลงและทำท่าทางประจำตัวเมื่อเธอเกลียดใครสักคนเธอกลอกตาขึ้นจนเห็นแต่ตาขาว มันช่างดูน่ากลัว จนโจเซฟินร้องออกมาด้วยความตกใจ“เซ็ตตี้น้อย ใครสอนหลานให้ทำท่านั้น” โรสตกใจเล็กน้อย เพราะเธอเป็นคนสอนเซ็ตตี้น้อยให้ทำท่าประจำตัวนั้น การทำท่านี้ไม่ใช่พฤติกรรมของโรส แต่เป็นพฤติกรรมของแองเจลีนแล้วก็เป็นไปอย่างที
”พี่ชายจะแต่งงานใหม่กับพี่สะใภ้จริงหรอ?” โจเซฟินถามด้วยความตื่นเต้นเจย์พยักหน้า“พี่ชาย พี่แน่ใจหรือว่าการตัดสินใจครั้งนี้ผ่านการตัดสินใจถี่ถ้วนแล้ว ไม่ใช่เพราะกินยาผิดขนาดหรือทำไปด้วยหุนหันพลันแล่น?” โจเซฟินกลายร่างเป็นนักข่าวสายซุบซิบไม่ก็ปาปารัสซี่ที่พยายามถามคำถามในเชิงลบเข้าไว้สายตาของพวกเด็ก ๆ เลื่อนไปมาระหว่างคุณน้าโจเซฟินและคุณพ่อ ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวข้อที่พวกเขาก็กังวลเจย์ใช้ความคิดเพียงไม่นาน ในเมื่อเขารู้ว่าโรสคือแองเจลีน เขาก็แทบไม่ต้องคิดทบทวนและตัดสินใจที่แต่งงานกับเธอ “ฉันไม่จำเป็นต้องคิดมากในเรื่องนี้” เขาบอกอย่างซื่อสัตย์โรสถอนหายใจอย่างอ่อนแรงเธอรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอแม้แต่น้อยโจเซฟินเห็นสีหน้าผิดหวังอย่างไม่ปิดไม่มิดของโรส เธอจึงตำหนิพี่ชายของเธอ “พี่ใหญ่ ได้โปรดมีพัฒนาการทางอารมณ์หน่อยได้ไหม? พี่สะใภ้จะเสียใจมากนะถ้านายตอบแบบนี้น่ะ”เจย์มองไปที่โรส “จริงหรอ? เธอเสียใจหรอ”โรสแค่นยิ้มที่อ่อนแรงและขื่นขมส่งให้เขาเขาจะสนใจคำตอบของเธอหรอ?เธอนิ่งเงียบเจย์จับมือของโรสมาไว้บนเข่าของเขาโดยฉับพลันและผสานนิ้วทั้งสิบเข้าหากัน “ไม่ใช่ว่าพัฒนาการทางอารมณ์ขอ
"นายรังเกียจไหมล่ะคะ ท่านอาเรส?" โรสเงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาของเจย์ถูกเติมด้วยความมืดมัว "เธอคิดว่ายังไงล่ะ?" เป็นธรรมดาของผู้ชายทุกคนที่ต้องใส่ใจว่าภรรยาของเขาว่าแต่งงานมาแล้วกี่ครั้งแล้วไม่ใช่เหรอพ? โรสทั้งเสียใจและวิตกกังวล การที่ต้องช่วยเหลือคุณปู่ทำให้เธอกลายเป็นสิ่งที่ใช้ต่อรอง และถูกบังคับให้แต่งงาน เธอไม่เคยอยากจะแต่งงานกับเขา การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักนำมาสู่ความสูญเสียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด "คุณจะถอนคำขอแต่งงานก็ได้นะ" เธอก้มหน้าลงพึมพำแม้ว่าจะเป็นเสียงของเธอจะเบา ๆ แต่กลับทำให้ฟ้าผ่าลงกลางพื้นและระเบิดได้โดยไร้เสียงเจย์แทบคลั่งในทันที "โรส งานแต่งของเราถูกกำหนดแล้ว เธอไม่ต้องเสียใจ" โรสยังคงไม่ยอมแพ้ "ท่านอาเรส หากยังนึกถึงประวัติการแต่งงานของฉัน และยังกังวลใจเรื่องที่ฉันมีลูกสาวอยู่ด้วย ฉันไม่เข้าใจนายเลยว่าทำไมยังบังคับให้ฉันแต่งงานกับนาย? นายไม่รู้หรือว่าไม่มีสิ่งใดที่ทำโดยการบังคับจะเป็นสิ่งที่น่าพอใจ?" ตาของโจเซฟินเบิกกว้าง "อะไรนะ? นี่พี่ใหญ่บังคับเธอให้แต่งงานด้วยอย่างงั้นหรือ?"ข่าวนี้ทำให้โจเซฟินตกตะลึง พี่ชายของเธอคือชายโสดผู้เป็นเสมือนเพชรที่สาว ๆ ใน
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ