มันน่าจะดีสำหรับพี่สะใภ้ของเธอ หากพี่สะใภ้ได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งโจเซฟินรู้มาโดยตลอดว่าพี่ชายของเธอสามารถแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่อาจจะไม่สามารถมอบความรักให้กับใครได้เสียงกริ่งประตูยังคงส่งเสียงเสียงอันน่ารำคาญทำให้โจเซฟินต้องรีบเอาก้อนสำลีมาปิดหูทั้งสองข้างโรสเดินไปเปิดประตูอย่างลังเลเธอมองชายทั้งสองคนตรงหนาประตูอย่างโกรธแค้น เกรย์สันรู้สึกงงว่าทำไมโรสต้องโกรธ?เวลาของท่านอาเรสเป็นเงินเป็นทอง สำหรับเขาแล้วให้รออยู่ตรงนี้เพียงครึ่งชั่วโมง ใครจะรู้ว่าเขาเสียเงินไปเท่าไหร่เเล้ว? ต้องเป็นท่านอาเรสสิ ที่ต้องโกรธโจเซฟินเกรงว่าความโกรธของโรสจะยิ่งยั่วยุให้พี่ชายของเธอหมดความอดทน และกลัวว่าโรสจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบเธอจึงออกมาจากห้องเพื่อช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เรียบร้อย“พี่ชาย นายมาทำอะไรตรงนี้อีกล่ะ?” เธอทำเหมือนกับว่าไม่ได้ยินกริ่งที่ดังมาก่อนหน้านี้ สายตาคมราวกับมีดของเจย์จ้องมองหน้าเจ้าเล่ห์ของโจเซฟิน “หูหนวกหรือไง? อยากให้ฉันหาหมอมาดูแลหูเธอให้ไหม?”“ไม่ต้องหรอกพี่ชาย พี่สะใภ้กับฉัน เราฟังเพลงกันอยู่ค่ะ” โจเซฟินบีบแขนโรสอย่างแรง เพื่อให้เข้าใจตรงกันอย่างไร
โจเซฟินและเซ็ตตี้น้อยเดินทางมาถึงสวนบันทึกรัก หลังจากนั้นไม่นานโจเซฟินรีบจอดรถที่ริมถนนก่อนเข้าไปข้างในสวนพร้อมกับจูงเซ็ตตี้น้อยไปด้วยเมื่อได้เห็นเจนสันและร็อบบี้น้อยกำลังเล่นจับจิ้งหรีดกันอย่างมีความสุข หัวใจของโจเซฟินก็ยิ่งจมดิ่งนี่พี่ชายของเธอยังไม่กลับมาอีกหรอ? มันไม่เข้าท่าเลย เขาขับรถไวอย่างกับคนบ้าก่อนหน้านี้ เขาควรจะถึงที่นี่ก่อนเธอเสียอีกโจเซลีนถามเจนส์และร็อบบี้น้อยว่า “เจนส์ ร็อบบี้น้อย คุณพ่อและคุณแม่ของพวกหลานละ กลับมาแล้วหรือยัง?” “มาถึงแล้วครับ” คู่แฝดผู้น่ารักพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงดวงตาของโจเซฟินเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ หากตอนนี้เขากลับมาแล้ว ทำไมพวกเด็ก ๆ ยังเล่นจับจิ้งหรีดกันได้อย่างสบายใจ? พวกเขาไม่เห็นคุณพ่อและคุณแม่เถียงกันอย่างนั้นหรอ?โจเซฟินกระทืบจิ้งหรีดสองตัว จนแหลกด้วยเท้าข้างเดียว ในขณะที่ร็อบบี้น้อยและเจนสันเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตากล่าวโทษ “คุณน้าโจเซฟิน ทำอะไรน่ะ? ทำไมถึงกระทืบจิ้งหรีดของพวกเรา?”โจเซฟินติเตียนด้วยเสียงต่ำ “คุณพ่อกับคุณแม่ของหลานกำลังทะเลาะกันและความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อยู่สภาวะตึงเครียด แล้วเด็กซนทั้งสองคนยังไม่ช่วยให้สถา
เจย์ที่ถูกจับกุมตัวได้แต่ขำทั้งน้ำตา "เธอกำลังทำอะไร?"โจเซฟินยื่นหน้าเข้าไปหาเจย์ เจย์ผลักหัวเธอออกด้วยมือเพียงมือเดียวก่อนจะเปิดประตูให้เธอดูภายในห้องด้วยอย่างไม่ยินดี “เธอควรกลับไปบ้านซะ” เด็ก ๆ มองรอดช่องว่างระหว่างประตูจึงได้เห็นว่าคุณแม่ของพวกเขาถูกห่อด้วยผ้าน่วมสีขาวและนั่งอยู่บนเตียง ราวกับว่าคุณแม่เป็นตุ๊กตาหิมะที่ไม่สามารถกระดุกกระดิกอย่างน่าตกใจเด็ก ๆ เป็นห่วงคุณแม่และตะโกนว่า “คุณแม่ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”เจย์ตอบด้วยด้วยเสียงเข้ม “คุณแม่สบายดี”เพราะวันนี้เธอแสดงกริยาอวดดีต่อหน้าเขา เขาจึงใช้กลยุทธนี้ในการลงโทษเธอเพื่อเป็นการระบายอารมณ์โมโหแต่ก่อนที่เธอจะโดนเขาสำเร็จโทษ เขากลับต้องมาถูกแก๊งอันตพาลตัวน้อยเล่านี้ทำลายแผนการอย่างย่อยยับมันควรจะเป็นเขาสิ ที่ต้องเป็นคนเลวเห็นได้ชัดว่าเด็ก ๆ ไม่เชื่อคำบอกกล่าวของผู้เป็นพ่อและแทรกตัวเข้าไปดูคุณแม่เจย์เปิดประตูให้โจเซฟินและเด็ก ๆ วิ่งเข้าไปในห้องอย่างง่ายดาย“คุณแม่” เซ็ตตี้น้อยและเด็ก ๆ ปีนขึ้นเตียงและกอดรอบคอคุณแม่ ในขณะเตรียมจะแสดงอารมณ์โกรธเซ็ตตี้น้อยเห็นรอยดูดช้ำบนคอของคุณแม่ “คุณแม่คะ คุณแม่โดนคุณพ่อกัดใช่ไหม
ที่ชั้นล่าง เซ็ตตี้น้อยที่ยังน้ำตาคลอเบ้าอยู่ในอ้อมกอดของโจเซฟิน “คุณน้าโจเซฟินคะ ทำไมคุณลุงถึงรังแกคุณแม่”โจเซฟินมองใบหน้าที่ใบหน้าที่งดงามดั่งหยกของเซ็ตตี้น้อย เธอช่างเรียบ ไร้ซึ่งร่องรอยแห่งมลทินในดวงตาของเธอ“เซ็ตตี้น้อย คุณลุงไม่ได้รังแกคุณแม่ของหลาน...” โจเซฟินไม่รู้จะอธิบายอย่างไร“คุณน้าโกหกหนู คุณลุงกัดคอคุณแม่ หนูเห็นรอยช้ำตั้งหลายอัน” เซ็ตตี้น้อยร้องไห้สะอึดสะอื้นจนน้ำตาไหลอาบแก้มโจเซฟินตบหน้าผากของตัวเอง เธอไม่รู้อธิบายอย่างไรดีกับเซ็ตตี้น้อยไม่นานจากนั้น เจย์และโรสเดินลงมาจากชั้นบน โรสเปลี่ยนมาใส่ชุดของเธอและเลือกที่จะใส่เสื้อสเวตเตอร์แคชเมียร์สีเขียวคล้ายต้นหญ้าคอสูงเพื่อจะได้ปิดบังคอของเธอเซ็ตตี้มองไปที่เจย์ราวกับกำลังเห็นศัตรูจากชาติที่แล้ว ทันใดนั้นเธอก็ก้มหัวลงและทำท่าทางประจำตัวเมื่อเธอเกลียดใครสักคนเธอกลอกตาขึ้นจนเห็นแต่ตาขาว มันช่างดูน่ากลัว จนโจเซฟินร้องออกมาด้วยความตกใจ“เซ็ตตี้น้อย ใครสอนหลานให้ทำท่านั้น” โรสตกใจเล็กน้อย เพราะเธอเป็นคนสอนเซ็ตตี้น้อยให้ทำท่าประจำตัวนั้น การทำท่านี้ไม่ใช่พฤติกรรมของโรส แต่เป็นพฤติกรรมของแองเจลีนแล้วก็เป็นไปอย่างที
”พี่ชายจะแต่งงานใหม่กับพี่สะใภ้จริงหรอ?” โจเซฟินถามด้วยความตื่นเต้นเจย์พยักหน้า“พี่ชาย พี่แน่ใจหรือว่าการตัดสินใจครั้งนี้ผ่านการตัดสินใจถี่ถ้วนแล้ว ไม่ใช่เพราะกินยาผิดขนาดหรือทำไปด้วยหุนหันพลันแล่น?” โจเซฟินกลายร่างเป็นนักข่าวสายซุบซิบไม่ก็ปาปารัสซี่ที่พยายามถามคำถามในเชิงลบเข้าไว้สายตาของพวกเด็ก ๆ เลื่อนไปมาระหว่างคุณน้าโจเซฟินและคุณพ่อ ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวข้อที่พวกเขาก็กังวลเจย์ใช้ความคิดเพียงไม่นาน ในเมื่อเขารู้ว่าโรสคือแองเจลีน เขาก็แทบไม่ต้องคิดทบทวนและตัดสินใจที่แต่งงานกับเธอ “ฉันไม่จำเป็นต้องคิดมากในเรื่องนี้” เขาบอกอย่างซื่อสัตย์โรสถอนหายใจอย่างอ่อนแรงเธอรู้ว่าเขาไม่ได้รักเธอแม้แต่น้อยโจเซฟินเห็นสีหน้าผิดหวังอย่างไม่ปิดไม่มิดของโรส เธอจึงตำหนิพี่ชายของเธอ “พี่ใหญ่ ได้โปรดมีพัฒนาการทางอารมณ์หน่อยได้ไหม? พี่สะใภ้จะเสียใจมากนะถ้านายตอบแบบนี้น่ะ”เจย์มองไปที่โรส “จริงหรอ? เธอเสียใจหรอ”โรสแค่นยิ้มที่อ่อนแรงและขื่นขมส่งให้เขาเขาจะสนใจคำตอบของเธอหรอ?เธอนิ่งเงียบเจย์จับมือของโรสมาไว้บนเข่าของเขาโดยฉับพลันและผสานนิ้วทั้งสิบเข้าหากัน “ไม่ใช่ว่าพัฒนาการทางอารมณ์ขอ
"นายรังเกียจไหมล่ะคะ ท่านอาเรส?" โรสเงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาของเจย์ถูกเติมด้วยความมืดมัว "เธอคิดว่ายังไงล่ะ?" เป็นธรรมดาของผู้ชายทุกคนที่ต้องใส่ใจว่าภรรยาของเขาว่าแต่งงานมาแล้วกี่ครั้งแล้วไม่ใช่เหรอพ? โรสทั้งเสียใจและวิตกกังวล การที่ต้องช่วยเหลือคุณปู่ทำให้เธอกลายเป็นสิ่งที่ใช้ต่อรอง และถูกบังคับให้แต่งงาน เธอไม่เคยอยากจะแต่งงานกับเขา การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักนำมาสู่ความสูญเสียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด "คุณจะถอนคำขอแต่งงานก็ได้นะ" เธอก้มหน้าลงพึมพำแม้ว่าจะเป็นเสียงของเธอจะเบา ๆ แต่กลับทำให้ฟ้าผ่าลงกลางพื้นและระเบิดได้โดยไร้เสียงเจย์แทบคลั่งในทันที "โรส งานแต่งของเราถูกกำหนดแล้ว เธอไม่ต้องเสียใจ" โรสยังคงไม่ยอมแพ้ "ท่านอาเรส หากยังนึกถึงประวัติการแต่งงานของฉัน และยังกังวลใจเรื่องที่ฉันมีลูกสาวอยู่ด้วย ฉันไม่เข้าใจนายเลยว่าทำไมยังบังคับให้ฉันแต่งงานกับนาย? นายไม่รู้หรือว่าไม่มีสิ่งใดที่ทำโดยการบังคับจะเป็นสิ่งที่น่าพอใจ?" ตาของโจเซฟินเบิกกว้าง "อะไรนะ? นี่พี่ใหญ่บังคับเธอให้แต่งงานด้วยอย่างงั้นหรือ?"ข่าวนี้ทำให้โจเซฟินตกตะลึง พี่ชายของเธอคือชายโสดผู้เป็นเสมือนเพชรที่สาว ๆ ใน
เจย์เพ่งมองไปนอกประตู “โรสอยู่ที่ไหน?”“เธออารมณ์ไม่ค่อยดี กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา มัวแต่ครุ่นคิด” โจเซฟินมองไปที่เจย์และเห็นความหงุดหงิดล่องลอยอยู่ในดวงตาของเขา โจเซฟินใช้หัวข้อล่าสุดถามเขาว่า “พี่ชาย นายดูเป็นห่วงเธอนะ?”“เธอกำลังจะเป็นภรรยาฉันในเร็ววันนี้ ฉันเป็นห่วงเธอไม่ได้หรอ?” เจย์ถาม“โรสไม่อยากแต่งงานกับนาย ฉันไม่เข้าใจเลย มีผู้หญิงในเมือง อิมพีเรียล ตั้งมากมาย ทำไมนายต้องบังคับให้เธอแต่งงานกับนายด้วย?” โจเซฟินงงงวย“มันเป็นเธอแค่คนเดียวเท่านั้น” แววตาของเจย์เต็มไปด้วยความหนักแน่นโจเซฟินจับแขนของเขาทั้งสองข้าง เธอก้าวไปอยู่ข้างหน้า ยืนใกล้กับเขา เธอตรวจสอบสายตาของเขาอย่างระมัดระวัง และถามว่า “พี่ชาย บอกฉันมาตามตรงเถอะว่านายยังมีแองเจลีนอยู่ในใจใช่ไหม?”เจย์พยักหน้า“ในเมื่อพี่มีรักแองเจลีนอยู่ แล้วทำไมถึงแสดงออกว่าพี่มีความรักที่มากมายให้กับพี่สะใภ้? พี่ชาย แบบนี้มันไม่แฟร์สำหรับเธอ” เจย์จ้องโจเซฟินเขม่ง “ตอนนี้ฉันรักทั้งแองเจลีนและโรส มันไม่แตกต่างกันเลย นี่โจเซฟินพี่ไม่อยากให้เธอมาห่วงเรื่องนี้ แค่อวยพรให้เราก็พอ” โจเซฟินรู้สึกสับสน เดิมเธอคิดว่าพี่ใหญ่จะบังคับให้
โรงพยาบาลแกรนด์เอเชียเจย์ลากโรสตลอดทางเดินถึงหน้าห้องผู้ป่วยวิกฤต เขาไม่สามารถระงับความโกรธของตนไว้ได้เลย และพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่ได้บอกให้ระวังหรือยังไง?”คุณหมอดูละอายใจและลำบากใจ แต่เขาก็อธิบายตามหลักความเป็นจริงและวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร์ถึงเหตุผลของภาวะการณ์นี้ให้ท่านอาเรสฟัง “ท่านอาเรสครับ อย่าโกรธผมเลยนะครับ แม้ว่าอาการของท่านปู่เซเวียร์ยังทรงตัว แต่กล้ามเนื้อของเขาจะลีบลงเรื่อย ๆ หลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้ว เราตัดสินใจที่จะเพิ่มระดับการรักษา โดยจะการใช้ยาอิมมูโนโกลบูลินทางหลอดเลือดดำและฮอร์โมน ร่วมกับยาที่กดภูมิคุ้มกันจะต้านทาน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง แต่เมื่อการรักษาเสร็จสิ้นอาการของเขาก็จะบรรเทาลง บางทีกล้ามเนื้อของท่านปู่ก็จะกลับมาแข็งแรงได้ช้า ๆ ครับ”คุณหมออธิบายอย่างเป็นมืออาชีพ แต่ก็คงจะยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจหลักการของภาวะแทรกซ้อนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก่อนที่คนไข้จะฟื้นตัว เจย์มองไปที่โรสเท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาใส่ใจมากที่สุดก็คือความรู้สึกของหญิงสาวโรสได้ตรวจสอบประเด็นข้อมูลหลังจากทราบว่าปู่ของเธอป่วย แม้จะไม่ได้เข้