คราวนี้หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมา แต่เพราะหัวเราะแรงไปสะเทือนแผลจนต้องยกมือขึ้นแตะ กวิวัชร์งุนงงไม่เข้าใจว่าเธอหัวเราะอะไร “น้องพลอย” “คือ...ทุนเรียนปริญญาโทที่พลอยขอไปเป็นทุนเรียนในประเทศค่ะ พลอยไม่ได้ไปต่างประเทศ” “อ้าว... พี่ก็กลุ้มใจมาตั้งนาน” “ขอโทษค่ะ พลอยนึกว่าพี่กั้งรู้แล้ว” “ถ้าอย่างนั้นเราก็แต่งงานกันได้แล้วสินะ พลอยอยากเรียนอะไร อยากทำอะไร พี่สนับสนุนทุกอย่าง ขอให้ทุกก้าวของพลอยมีพี่อยู่ข้างๆก็พอ” “ไม่เร็วไปหรือคะ เราเพิ่งคบกันไม่นาน” “พี่ไม่รู้ว่าใครกำหนดเงื่อนไขเรื่องเวลา แต่พี่รู้ว่าหัวใจพี่รักได้แค่คนเดียวและคนนั้นก็คือพลอยดาว แล้วน้องพลอยรักพี่กั้งคนนี้บ้างไหมครับ” แววตาอ้อดอ้อนของเขาทำให้เธอไม่อาจมองใครได้อีก พลอยดาวยื่นมือจับสาบเสื้อให้เขาโน้มหน้ามาใกล้ กวิวัชร์โน้มตัวลงอย่างว่าง่าย หญิงสาวยื่นริมฝีปากประทับตรงมุมปากที่เขาเจ็บเพราะหมัดของพ่อ “น้องพลอยก็รักพี่กั้งค่ะ”หัวใจได้ยินคำตอบที่ต้องการ เขารู้ว่าความหมายของคำนั้นดี ถ้อยคำเรียบง่ายแต่ไม่ง่ายเลยกว
‘งานที่นี่ก็มีทำ ทำไมต้องกลับเมืองไทย’ ‘มุกก็แค่อยากอยู่เมืองไทยมากกว่า’ ‘มีใครทำอะไรให้มุกไม่สบายใจหรือเปล่าลูก’ ‘ไม่มีค่ะ’ เธอตอบเร็วแบบไม่ต้องคิดมาก ‘มุกก็แค่อยากใช้ชีวิตที่มุกเลือกเอง’ ‘พูดเหมือนแม่บังคับมุกยังไงไม่รู้’ ‘ก็เพราะแม่ไม่บังคับมุกไงคะ มุกเลยเลือกกลับไปใช้ชีวิตที่เมืองไทย’ ‘มุกจะกลับไปอยู่กับพ่อเหรอ’ ‘นิสัยอย่างมุกอยู่กับพ่อไม่ได้หรอกค่ะ มุกดูคอนโดไว้แล้ว ให้มุกอยู่คอนโดดีกว่าค่ะ’ ‘ถ้ามุกคิดดีแล้วก็ตามใจลูก แต่ถ้ามีอะไรก็พูดกับแม่ได้เสมอ’ ‘ค่ะแม่’ มีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ยกมาให้แม่คล้อยตาม แต่เรื่องหนึ่งที่เธอไม่อยากยอมรับเพราะมีบางเรื่องติดค้างในความรู้สึกเธอ พลอยดาวจัดการเรื่องคอนโดให้เธอก่อนแล้ว เมื่อมาถึงเมืองไทย เธอก็เข้าพักได้ทันที แน่นอนว่าพ่อไม่ค่อยพอใจแต่ก็เปลี่ยนใจเธอไม่ได้ ช่วงอยู่ต่างประเทศ เธอทำกิจกรรมบ่อย พลอยดาวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) มีช่องยูทูปของตัวเอง การทำงานประจำในตำแหน่งเลขาฯ คือความท้าทายหนึ่งของเธอ เ
พราวมุกเดินมาที่ตู้เย็น รินน้ำส้มแล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน นั่งอ่านดูข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ที่หน้าโน้ตบุ๊ก ตอนอยู่ต่างประเทศ พราวมุกทำงานพิเศษเป็นพี่เลี้ยงเด็ก และเด็กที่เคยเลี้ยงเป็นเด็กพิเศษต้องใช้ภาษามือ เธอเลยได้ฝึกภาษามือไปด้วย กลับมาเมืองไทย มีเพื่อนของพ่อที่ทำงานมูลนิธิเกี่ยวกับเด็กพิเศษ เธอเข้าไปทำกิจกรรมด้วยตามประสาคนชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว เด็กๆ ที่นั้นใช้ภาษามือในการสื่อสาร เธอมีความสามารถด้านนี้เลยช่วยได้เยอะ แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอตาหน้าตายนั้นด้วย หญิงสาวเบ้ปากใส่อย่างลืมตัว คนอะไรขี้เก๊กชะมัด แต่งตัวก็ไม่เหมือนครูบาอาจารย์ แต่ตัวสูงแบบนั้นใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ดูดีเหมือนกันแฮะ บอสเราหล่อกว่าตั้งเยอะ ตานั้นไม่เห็นมีอะไรดี แค่ตัวสูง ไหล่กว้าง ใส่ ผิวสีแทน แล้วก็ใส่แว่นตา บ้าจริง! ยัยพราวมุก! เธอจะแพ้ทางผู้ชายใส่แว่นตาไม่ได้นะ! พราวมุกอยากเอาหัวโขกผนังห้องเพื่อให้ได้สติจริงๆ ทำไมเธอต้องชอบผู้ชายใส่แว่นด้วยก็ไม่รู้ หรือเธอชอบผู้ชายแบบเด็กเนิร์ดเหรอ? แม้ว่าผู้ชายใส่แว่นจะเรียกสายตาให้เธอหันไปมอง แต่เธอก็ไม่ได้หวั่นไหวไปกับทุกคนเสียห
พราวมุกไม่ได้กลัวพ่อแต่ไม่อยากให้พ่อลำบากใจ เธอแอบแลบลิ้นใส่คิมหันต์ก่อนหมุนตัวเดินขึ้นไปห้องนอนของพลอยดาว พ่อยังเก็บห้องไว้ให้แต่พราวมุกไม่อยากอยู่บ้าน เธอไม่ได้โกรธอะไรที่พ่อแม่เลิกกัน แต่เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานแล้ว จึงไม่คุ้นเคยนัก แต่เธอคุ้นเคยกับพลอยดาวมากกว่า สามารถหยิบเสื้อของอีกฝ่ายมาใส่ได้ เช่นเดียวกับเวลาที่พลอยดาวมาค้างกับเธอที่คอนโด ก็สามารถหยิบเสื้อผ้าของเธอมาสวมใส่ได้เช่นกัน พลอยดาวมีแต่เสื้อผ้าสีเรียบๆ ผิดกับตู้เสื้อผ้าของเธอที่สามารถ มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ตามใจต้องการ เช้าไปทำงานเย็นไปเที่ยวก็ยังไหว พราวมุกเปิดตู้เสื้อผ้าและยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอหยิบชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีม่วงอ่อนมาสวม ดึงผ้ารัดผมที่รวมเป็นหางม้าออก หยิบแปรงหวีผมจัดแต่งทรงผมใหม่ เธอมองเงาตัวเองในกระจกแล้วฉีกยิ้มอ่อนหวานก่อนจะรีบเดินกลับมาอีกครั้ง พราวมุกเห็นพลอยดาวกำลังยกถ้วยขนมออกมาจากครัวก็รีบเข้าไปช่วย“ตาคิมหันต์มา พลอยตักเพิ่มอีกถ้วยสิ”“ทำไมมุกชอบเรียกพี่คิมแบบนี้ล่ะ” พลอยดาวส่ายหน้าไปมา พราวมุกแย่งถาดขนมมาถือเองแล้วพยักหน้าให้พลอยดาวเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งพราวมุกสูดลมหายใจลึกแล้วแสร้งยิ้
“เอ่อ...น้องมุกเห็นงูเขียวนะครับ” จะบอกว่างูตัวนิดเดียวก็เกรงว่าคนที่กลัวงูจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น“ไม่เป็นไรนะมุก พลอยอยู่ตรงนี้แล้ว” พลอยลูบหลังปลอบ “พลอยพามุกเข้าบ้านก่อนนะคะ”คนเป็นพ่อได้แต่พยักหน้ารับมองลูกสาวฝาแฝดเดินกลับเข้าบ้านไป คุณวิทยาถอนหายใจแล้วมองหน้าคิมหันต์ “ขอโทษที ยัยมุกกลัวงู” “ดูท่าจะกลัวมากเลยนะครับ” เขาอดถามไม่ได้ คนอวดเก่งมั่นใจในตัวเองอย่างพราวมุกกลัวงูขนาดร้องไห้ตัวสั่นแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ “อื้ม ตอนประถมเคยโดนเพื่อนแกล้งนะ มุกเป็นคนไม่กลัวอะไร ใครเอาหนอนเอากบหรือคางคกมาโยนใส่ก็ไม่กลัว แต่พวกเด็กผู้ชายไปจับงูตัวเล็กๆมาจากไหนไม่รู้ โยนใส่มุก ตอนแรกมุกคิดว่าเป็นงูยาง ตั้งใจจับงูแล้วขว้างกลับ แต่ดันเป็นงูจริงแล้วกัดง่ามนิ้วเข้าให้ มุกตกใจร้องไห้เสียขวัญมากถึงจะเป็นงูไม่มีพิษแต่ก็ต้องไปโรงพยาบาล มุกก็เลยกลัวงูมาก” “เรื่องเป็นแบบเอง” คิมหันต์พยักหน้ารับ ตอนนี้พราวมุกอยู่กับพลอยดาวแล้ว คงไม่เป็นอะไร แต่ทำไมเขายังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี. .... “เพราะเจ้างูตัวนั้นแท้ๆ ทำฉันขายหน้าจนได้” พราวมุกบ่นพ
“ก็...” เหตุผลคือไม่อยากเห็นหน้า แต่จะพูดออกไปได้ไหมล่ะ “กินเถอะ อีกครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาสอนเด็กๆ แล้ว ยังไงเราก็ทำงานด้วยกันอยู่ดี” พราวมุกทำตาโตแล้วนึกขึ้นได้ เธอต้องเป็นล่ามภาษามือคู่กับวิทยากรที่มาสอนเด็กๆ วาดรูป เธอพูดอะไรไม่ออก เอาเถอะ รับงานมาแล้วนี่จะทำไงได้เล่า พราวมุกก้มหน้ากินขนมจีนในจานของตัวเองพลางใช้ปลายนิ้วไถหน้าจอมือถือ อ่านข้อความต่างๆ ทำเป็นไม่สนใจผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม ซึ่งดูอารมณ์ไม่ดีนักที่เห็นเธอสนใจมือถือนั้นมากกว่าเขา และที่สำคัญ ทำไมเขาต้องหงุดหงิดด้วยก็ไม่รู้ “พอกินได้ไหมครับ น้องมุก-ครูคิม” ครูเอ็มเข้ามาทักทั้งสองคน “อร่อยเลยค่ะ” พราวมุกยิ้มกว้าง และจานที่ว่างเปล่าก็ยืนยันได้ว่าอร่อยจริงๆ “อีกสักสิบนาทีพอจะเตรียมตัวกันทันไหมครับ เด็กๆ ตื่นเต้นจะได้เรียนศิลปะกับครูคิมแล้ว” คิมหันต์สบตากับพราวมุกเล็กน้อย ไม่ได้ยินหญิงสาวแย้งอะไรเขาก็พยักหน้ารับ ครูเอ็มยิ้มให้แล้วขอตัวไปรวมเด็กๆ ชายหนุ่มเป็นครูอาสาสอนศิลปะเด็กหลายครั้งแล้ว แต่เพิ่งได้ทำงานกับพราวมุกครั้งแรก
“อือหือ อีตานี่ใส่เสื้อแบรนด์เนมด้วย” เธอเอียงคออย่างสงสัย “เงินเดือนอาจารย์มหา’ลัยเท่าไหร่กันนะ โอ๊ย! ตายแล้ว! เดี๋ยวเข้าใจผิดว่าดูถูก เอาเป็นว่าอีตานี้ก็มีรสนิยมดีเหมือนกันนะเนี้ย” แต่เธอเผลอขย้ำเสื้อจนยับขนาดนี้ คงจะต้องรีดให้ใหม่แล้วล่ะ พราวมุกเบ้ปากใส่เสื้อเจ้าปัญหาแล้วคิดจะลุกขึ้นไปรีดเสื้อให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานเพราะเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ถึงเธอจะชอบทำงานแต่ไม่ได้หมายความว่าทำทุกวันไม่ได้หยุดพัก แต่หยุดแค่วันเดียวจึงไม่คิดจะไปเที่ยวอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พราวมุกดูชื่อคนโทรเข้าแล้วกดรับสาย “ว่าไงจ๊ะมิลลี่” พราวมุกทักทายเพื่อนสาว เธอรู้จักมิลลี่ตอนที่เธอยังอยู่ต่างประเทศ มิลลี่เป็นนักเรียนไทยที่มาเรียนซัมเมอร์ แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่า “อะไรคือว่าไง อย่าบอกว่าลืมนัดนะ” “เอ่อ...” พราวมุกขมวดคิ้ว ไม่เอาน่า คนอย่างเธอไม่น่าจะลืมอะไรนะ บอสยังชมว่าเธอทำงานเก่งเลย “ปาร์ตี้คืนนี้ไง” “คืนนี้” พราวมุกหันไปมองปฏิทิน เธอจดไว้ก็จริง แต่เพราะเธอไม่ได้รับปากว่าจะไป ก็เลยไม่ได้ล
“มุก...ฉันคิดไปเองหรือเปล่าวะ นักดนตรีส่งสายตามาทางฉันบ่อยๆ” มิลลี่กระแซะไหล่พราวมุกแล้วหัวเราะคิกคัก ดื่มเบียร์ไปหลายแก้ว เสียงพูดก็เริ่มร่วนแล้ว พราวมุกเงยหน้ามองไปทางเวที โต๊ะที่มิลลี่จองไว้ใกล้เวทีมาก แต่เธอไม่ได้สังเกตเพราะสนใจแต่เพื่อนๆ ในกลุ่ม ทว่าสายตาที่จ้องมองกลับนั้นทำเอาเธอสำลักเบียร์ที่กำลังดื่ม “แค่กๆ” “เป็นอะไรหรือเปล่ามุก” “ไม่เป็นอะไร ฉัน...ฉันไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ” “ให้ไปเป็นเพื่อนไหม” เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยถาม แต่พราวมุกโบกมือไปมา “ไม่เป็นไร ฉันยังไม่เมา มองเห็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำหญิงอยู่นะ” พราวมุกลุกขึ้นเดินไปออกไปอย่างรีบเร่ง แต่ดันไปชนเก้าอี้ของโต๊ะอื่น เธอขอโทษสองสามครั้งแล้วเดินไปทางด้านหลังร้านเป็นห้องน้ำหญิง เป็นร้านอาหารที่ห้องน้ำสะอาดและมีหลายห้อง พราวมุกคิดในใจและคิดไปว่าน่าจะรีวิวร้านนี้ให้เสียหน่อย เธอพยายามคิดเรื่องอื่นขณะทำธุระส่วนตัว อันที่จริง เธอมาสงบสติอารมณ์และคิดว่าตัวเองอาจจะแค่เมาเบียร์นิดหน่อย บ้าจริง! เธอไม่ได้เมาเบียร์ขนาดนั้น เธอคอแข็งจะตาย แต่