เมื่อเอ่ยถึงแม่เขา มันเป็นอะไรที่ได้ระบายความเกลียดชังทั้งหมดออกมา เธอจำได้ ในวันที่เธอตัดสินใจเดินออกจากบ้านหลังนี้ คือวันที่เธอได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต น้ำหวานโทรมาบอกว่าแม่เสีย วันนั้นเธออยู่คนเดียวในบ้าน คิดอยากจะโทรหาภูริวัฒน์แต่ก็ชินที่เขาไม่เคยอยู่เป็นที่พึ่งให้เธอ เลยตัดสินใจไม่บอก เธอร้องไห้คนเดียวอย่างหนัก ขณะที่ปิดประตูบ้าน ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวขึ้นรถ เธอหันหลังกลับไปมอง ถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะจากไปโดยที่ไม่บอกให้คนเป็นสามีรับรู้เชียวหรือ แต่เมื่อคิดถึงน้องสาวที่กำลังไม่มีใคร กอปรกับตลอดระยะเวลาเหมือนตัวคนเดียวที่อยู่ที่นี่ เธอเลยตัดสินใจได้ทันที เธอจากไปโดยที่ไม่คิดบอกกล่าวใครสักคน
“แม่พี่…” เสียงทุ้มเอ่ยหลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เขาส่ายหัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ตาล ไม่จริงใช่มั้ย แม่ไม่ได้ทำอะไรแย่ ๆ แบบนั้นกับตาลใช่มั้ย” เขาดูสับสนไม่อยากจะยอมรับ ทั้งที่ใจหนึ่งคล้อยตามสิ่งที่ภรรยาบอกไปแล้วเพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องกุเรื่องโกหก แต่มันก็ยังยากจะทำใจยอมรับอยู่ดี
“ตาลไม่
ในช่วงที่คบกันน้ำตาลกับภูริวัฒน์ไม่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกันเลย แม่เธอเป็นคนหัวโบราณ เธอจึงได้รับการปลูกฝังมาแบบนั้น ส่วนภูริวัฒน์ก็เข้าใจและให้เกียรติเธอ ไม่เคยร้องขอหรือคะยั้นคะยอสร้างความลำบากใจให้เธอ เขาและเธอเคยจูบกันอย่างดูดดื่มถึงขั้นเกือบจะเลยเถิด แต่เป็นเขาที่มักจะหยุดตัวเองไว้ก่อนเสมอ เขายอมรอจนกระทั่งแต่งงานน้ำตาลจำได้ถึงครั้งแรกที่ได้ร่วมรักกับชายหนุ่มในคืนแต่งงาน และในขณะนี้ ความรู้สึกเหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นการที่กายแกร่งเปลือยเปล่าขึ้นทาบทับตัวเธอ ยันแขนกับที่นอนเพื่อจ้องมอง แผนหลังเธอหยัดโค้ง ปรารถนาให้เขามาเติมเต็ม และเมื่อความแข็งแกร่งรุกล้ำเข้ามา ความเสียดเสียวก็ทำให้หลุดเสียงคราง“อ๊า…” มือสองข้างของน้ำตาลยึดต้นแขนแกร่ง กายท่อนล่างแอ่นหยัดรับจังหวะรักของชายหนุ่มภูริวัฒน์จูบเธออย่างหิวกระหาย“ตาลเป็นภรรยาพี่” เสียงทุ้มห้าวแหบพร่าแผ่วเบาแสดงความเป็นเจ้าของจากคำพูด ตามด้วยการกระทำเอวเสอ
ชายหนุ่มยิ้มบาง ยกมือลูบผมนุ่ม “ถ้าตาลยืนกราน…”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้ม“พี่ยกโทษให้ตาล แล้วตาลยกโทษให้พี่ที่ไม่ทำหน้าที่สามีให้ดีได้มั้ย”“งานพี่ต้องการความเสียสละ ตาลเข้าใจค่ะ”ภูริวัฒน์ใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ริมฝีปากอิ่มที่เจ่อบวมนิด ๆ จากการถูกจูบพร้อมจ้องตาเธอ “พี่ละเลยตาล” เขาพูดเสียงเศร้าน้ำตาลวางมือข้างแก้มเขา “มันผ่านไปแล้วค่ะพี่ภู”นัยน์ตาเข้มมีประกายความหวังขึ้นเล็กน้อย“หมายความว่าตาลจะอยู่กับพี่ใช่มั้ย”น้ำตาลกัดริมฝีปาก แล้วพูดช้า ๆ “ตาลต้องกลับบ้าน”คิ้มเข้มขมวดเป็นปมอีกครั้ง “พี่กลัวว่าตาลจะพูดแบบนี้”“ตาลขอโทษค่ะ แต่โรงเรียนของหวานใกล้จะเปิดแล้ว ตอนนี้หวานต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ตาลต้องดูแลน้อง แล้วก็ตาลต้องไปทำเรื่องลาออกจากงานด้วย…” น้ำตาลนึกถึงเหตุผลที่เธอต้องก
สามสิบนาทีถัดมาน้ำตาลกับภูริวัฒน์ถึงออกจากห้องน้ำ เธอค้อนเขาขณะกำลังแต่งตัว เมื่อเรียบร้อยแล้วก่อนจะเปิดประตูออกจากห้อง ก็ถูกเขาจูบปากเร็ว ๆ ไปหนึ่งที“หวานชอบเสื้อตัวนี้จัง สวย” น้ำหวานทักเมื่อเห็นพี่สาวปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่น จากนั้นก็หันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือในมือต่อน้ำตาลก้มมองตัวเอง ลืมว่าตัวเองใส่ชุดไหน อ้อ วันนี้เธอสวมเสื้อสีชมพูกุหลาบที่เคยทิ้งไว้ที่นี่กับกางเกงยีน“ขอบใจจ้ะ”“มอร์นิ่งทุกคน” เสียงของภูริวัฒน์ดังมาก่อนตัว เขาเดินผ่านไปยังห้องครัว หน้าตายิ้มแย้มอารมณ์ดีผิดจากทุกวันทันใดนั้นน้ำหวานเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง“เอ๊ะ! พี่ตาลสวมแหวนเหรอคะ” เธอพูดเสียงดัง“เงียบ ๆ หน่อยหวาน” น้ำตาลเตือน รู้สึกอายชอบกลแต่คนเป็นน้องกลับหัวเราะ พอดีกับที่ภูริวัฒน์เดินกลับมาพร้อมกับขวดน้ำสองขวด “สองสาวหัวเราะอะไรกันอยู่เ
“ตกลงพี่ตาลจะกลับมาอยู่กับพี่ภูใช่มั้ย”“น่าจะเป็นอย่างนั้น”“แต่พี่จะยังกลับบ้านเราก่อนใช่มั้ย หวานดีใจกับพี่ตาลมาก ๆ แต่ว่าหวานไม่อยากอยู่คนเดียวจนกว่าจะเรียนจบ”“ไม่ต้องห่วง พี่จะกลับบ้านเราพร้อมกับหวาน พี่จะทิ้งหวานได้ยังไง จะไปจัดการเรื่องงานด้วย และจะไม่ย้ายจนกว่าหวานจะเรียนจบแน่นอน” น้ำตาลยืนยัน“ขอบคุณค่ะพี่ตาล” น้องสาวยิ้มแล้วคว้ามือพี่สาวมาบีบเบา ๆ “หวานมีความสุขจริง ๆ ดีใจที่พวกพี่สองคนคืนดีกัน พี่ภูเป็นคนดี หวานดูออกว่าเขารักพี่ตาลมาก แล้วพี่ตาลก็รักพี่ภูอยู่”“ทำเป็นรู้ดี” เมื่อน้องสาวพูดตรง ๆ แบบนี้ น้ำตาลรู้สึกอายเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับ “พี่ก็รักเขา ขอบคุณนะหวานที่วันนั้นหวานโทรหาพี่ภู”ถ้าวันนั้นน้ำหวานไม่โทรหาภูริวัฒน์ วันนี้เขากับเธอก็ไม่สามารถปรับความเข้าใจและได้คืนดีกัน การได้พบเจอกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน เตือนให้นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ในอดีต ที่ทำให้รู้ว่ามีความสุขมากแค่ไหน
เมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็น น้ำตาลจัดการแพ็คกระเป๋า เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ เธอเปิดกระเป๋าวางไว้บนเตียง จัดการพับเสื้อผ้าใส่ลงไปทีละชุด เป็นชุดที่เธอนำมาจากบ้าน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขนชุดอื่น ๆ กลับไปด้วย เมื่อเธอเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่อยู่กลางเตียง ก็ถูกสวมกอดจากด้านหลัง จากนั้นก็ถูกเขาซุกใบหน้าข้างซอกคอแล้วเริ่มจูบ“ตาลจะไปจริง ๆ เหรอ” เขาถามเสียงอ้อนกอดเธอแน่นขึ้นราวกับว่ากลัวเธอจะหนีหายไป“หวานต้องไปโรงเรียนนะคะ” เธอหันกลับมาหาเขา “แล้วตาลก็ต้องไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยไง” เธอตอบเขาด้วยเหตุผลเดียวกับทุกครั้งที่เขาถามชายหนุ่มทำหน้าไม่ชอบใจ ดูแล้วเหมือนเด็กเอาแต่ใจ“ตาลรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับพี่ แต่ถ้าเราจะเริ่มต้นกันใหม่…”“ไม่ตาล” เขาขัด “เราไม่ได้จะเริ่มต้นกันใหม่ แต่เรากำลังแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องต่างหาก”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้ม เขาว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น เพราะส
ภูริวัฒน์กระวนกระวายใจ และยังอึ้งไม่หายที่จู่ ๆ แม่กลับบ้านก่อนกำหนด ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขากับน้ำตาลมีช่วงเวลาที่พิเศษกันมาก แต่พอแม่ปรากฏกาย การกระทำและการพูดจาของหล่อนทำให้เขาขบคิดเรื่องที่น้ำตาลบอก“ภูยอมให้นังเด็กชั้นต่ำนั่นกลับเข้ามาในชีวิตลูกได้ยังไง” แม่ตะคอกเมื่อเห็นหน้าเขา“แม่ครับ แม่ไม่ควรพูดถึงตาลแบบนี้นะครับ ตาลเป็นภรรยาผม” เขาไม่ชอบใจที่แม่จิกหัวเรียกภรรยารักแบบนี้ เขาพยายามอดกลั้นให้ถึงที่สุดเพราะไม่อยากแสดงความไม่เคารพบุพการี“ลูกยังเรียกมันว่าเมียอีกเหรอ มันทิ้งลูกไปตั้งสามปีแล้ว ไม่ใช่แค่สามวันหรือสามเดือน แต่นี่สามปี มันไม่เหลียวตาแลลูกเลยว่าลูกจะเป็นยังไงบ้าง แล้วลูกยังยอมให้มันกลับเข้ามาง่าย ๆ ได้ยังไง”“ตาลเป็นภรรยาผมครับ” สันกรามภูริวัฒน์ขบกันแน่น เขายังยืนยันคำเดิม“มันไม่ใช่เมียลูกตั้งแต่ตอนที่มันทิ้งลูกไปแล้ว เหลือแค่ให้มันเซ็นใบหย่าให้ลูกซะนั่นแหละ คิดดูดี ๆ นะภู”
“นะ นี่ นี่ ภู! หัดลืมตามองซะบ้าง มันไม่คิดถึงลูกเลย ถ้ามันรักลูกจริงมันจะไม่ทิ้งลูกแล้วปล่อยให้ลูกเสียใจแบบนี้”ภูริวัฒน์ยอมรับว่ากำลังไม่พอใจย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าออกยาว ๆ เพื่อข่มกลั้นอารมณ์ เขาไม่พูดอะไรกับแม่อีก เขาเดินกลับมาที่ห้องที่สองพี่น้องกำลังนั่งคุยอะไรบางอย่างอยู่บนเตียง“เราะจะไปเช่าโรงแรมนอนกัน” เขาบอกภรรยาใบหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียด น้ำตาลเข้าใจได้ทันที เธอพยักหน้า แล้วหันไปสั่งน้องสาว “หวานไปเก็บของ”“ค่ะ” น้ำหวานเข้าใจสถานการณ์ รีบไปทำตามที่พี่สั่ง“พี่ภูเป็นอะไรมั้ยคะ” น้ำตาลดึงมือเขามาจับไว้ บีบเบา ๆ ให้กำลังใจภูริวัฒน์ไม่ตอบ แต่สีหน้าอ่อนล้าบอกได้เป็นอย่างดี ดวงตาเขาจ้องที่ริมฝีปากอิ่ม ใช้สองแขนโอบกอดรอบร่างบางแล้วดึงเข้าหาเพื่อที่จะได้จูบเธอ เขาจูบเธออย่างลึกซึ้งหนักหน่วง เพื่อระบายความเหนื่อยอ่อน ผิดหวังและความโมโหที่มีต่อมารดาน้ำตาล
น้ำตาลเหลียวกลับมามองขณะที่กำลังจะผ่านประตูเข้าไปขึ้นเครื่อง โล่งอกที่กำลังจะกลับบ้าน แต่รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องแยกจากภูริวัฒน์ ครั้งนี้มันทำใจได้ยากเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังจากช่วงเวลาอันแสนพิเศษเมื่อคืน เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงเต็มตัวอีกครั้ง เขาตอกย้ำความเป็นสามีของเธอในทุกทาง ซึ่งเธอยังรู้สึกจนถึงตอนนี้ หลักฐานก็คือตรงนั้นของเธอรู้สึกเจ็บแปลบเวลาขยับตัว แถมยังเปียกชุ่มจากความรักที่เขาบรรจงรดน้ำพรวนดินสร้างความสุขสมให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ร่างกายร่ำร้องหาเขาราวกับเสพติด และรวดร้าวต้องการสัมผัสจากเขาอีกครั้งและอีกครั้ง เธอต้องพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด กลัวว่าคนอื่นจะรู้โดยเฉพาะน้องสาว เธออาย“ตาลสัญญากับพี่นะว่าจะไม่หายไปอีก”ภูริวัฒน์บอกกับเธอเมื่อเช้าก่อนจากกัน เขาเชื่อใจเธอ แต่ก็กลัว ครั้งนี้เขาคงรับมันไม่ไหว สองแขนโอบรัดเธอแน่น“ตาลสัญญาค่ะ ตาลจะไม่ไปไหนอีกแล้ว” น้ำตาลจ้องตาเป็นคำมั่นแล้วยิ้มให้เขาจูบเธออย่างด
คืนนี้เป็นคืนงามพรอมสำหรับนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นม.6 น้ำหวานในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงดูสวยและเจิดจรัสมาก แค่เห็นน้ำตาลก็อยากร้องไห้ ในที่สุดน้องน้อยของเธอก็โตเป็นผู้ใหญ่ เธออยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเธอตอนนี้จริง ๆ แม่จะต้องดีใจและภูมิใจมาก เธอพยายามไม่นึกถึงว่าหลังจากนี้น้องสาวกำลังจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียในอีกไม่กี่เดือน เธอดีใจที่น้องได้ทุน แต่ตัวเธอเองยังไม่ได้เตรียมใจ“พี่ตาลร้องให้ทำไม” น้ำหวานถามแล้วหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้“พี่ขอโทษ” น้ำตาลรับกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา พยายามกลั้นสะอื้นไปด้วย “พี่แค่…น้องสาวพี่โตแล้ว”คนเป็นน้องหัวเราะแล้วแกล้งพูด “พี่ตาลเพิ่งรู้เหรอ”น้ำตาลยิ้ม ยังมีหยดน้ำตาที่หางตา “พี่อยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเราจัง แม่จะต้องดีใจและภูมิใจในตัวหวานมาก”“โธ่พี่ตาล…พอได้แล้วค่ะ อย่างเพิ่งทำซึ้ง เดี๋ยวหวานก็ร้องไห้ตามหรอก”“ก็ได้ ๆ ไม่ร้องแล้ว”
ภูริทัตเคาะประตูหน้าห้อง สักพักประตูก็เปิดออก สภาพของภูริวัฒน์ที่เดินมาเปิดประตูดูแทบไม่ได้ เขาสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว ขอบใต้ตาคล้ำเป็นวง ผมเผ้ายุ่งเหยิง“ทัต นายมาได้ไง แล้วรู้ได้ไงว่าพี่อยู่ที่นี่” ภูริวัฒน์ตะลึงไปพักหนึ่งเมื่อเห็นน้องชายภูริทัตไม่สนใจที่จะตอบ“แม่เป็นห่วงพี่มากจนเกือบจะไปแจ้งความคนหายแล้วพี่รู้มั้ย” เขาไม่ได้โกหกไปซะทั้งหมด เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านแม่ดูเป็นห่วงและแกล้งทำท่าจะแจ้งความจริง แต่เขาดูออกว่าอย่างหลังเป็นการเล่นละครโอเวอร์ตามประสาแม่“พี่อยากอยู่คนเดียว”ภูริวัฒน์บอกแล้วจะปิดประตูใส่ แต่น้องชายไวกว่า ยันมือไว้ทัน แล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าเปล่าประโยชน์ ภูริวัฒน์จึงปิดประตู เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มาหนึ่งกระป๋อง แล้วค่อยไปนั่งที่โซฟาภูริทัตไปหยิบเบียร์มาให้ตัวเองบ้าง แล้วกลับมานั่งสำรวจพี่ชาย เขาเห็นภูริวัฒน์อยู่ในสภาพนี้ครั้งสุดท้าย
ภูริทัตเดินเข้ามาในโรงพยาบาลที่ปกติไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่วันนี้ไม่ใช่ วันนี้เขามีภารกิจที่สำคัญมาก คือหาตัวพี่ชายให้พบ แล้วจับมาเขกกะโหลกสักทีภายในห้องรอมีบรรดาพ่อแม่กับเด็ก ๆ ที่บ้างกำลังส่งเสียงร้องจ้า บ้างกำลังเล่นของเล่น เขาไม่สนใจ เดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับ แล้วแจ้งความประสงค์ทันที“สวัสดีครับ ผมมาพบหมอภู”“ขอโทษค่ะ ตอนนี้คุณหมอไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณได้นัดไว้ก่อนรึเปล่าคะ”“ผมชื่อภูริทัต เป็นน้องชายเขา ผมต้องการเจอเขา วันนี้เขาได้เข้ามารึยังครับ”“วันนี้คุณหมอยังไม่เข้ามาเลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”“ทัต”ภูริทัตหันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียก ธรรมมิกากำลังเดินตรงมาหาเขา“สวัสดีมิกา”คุณหมอสาวยิ้มให้เขา “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”“ผมกำลังหาพี่ภูอ
“พี่ภูอย่าเป็นแบบนี้สิคะ”“พี่เป็นอะไร”“นนท์เขาไปประชุมที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาเมื่อวาน ตาลไม่ได้เจอเขาเลยจนกระทั่งวันนี้ ตาลกำลังจะบอกเขาเรื่องของเรา แต่พี่ดันโผล่มาซะก่อน” เธอพยายามอธิบายภูริวัฒน์ส่ายหน้าผิดหวัง “ตาลยังทำแบบนี้อยู่อีกเหรอ”“ตาลทำอะไรคะ”“ปิดบังพี่”“ตาลขอโทษ ตาลไม่รู้นี่ว่าต้องรายงานพี่ทุกเรื่องที่ตาลทำ”“ตาลรู้ว่าพี่ไม่ได้ความแบบนั้น ตาลต้องคิดได้สิ ถ้าตาลบอกให้พี่รู้ เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”“ถ้าพี่บอกว่าพี่จะมาเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเหมือนกัน“พี่แค่อยากทำตัวโรแมนติกแบบคนอื่นเขาบ้าง อยากมาเซอร์ไพรส์ตาล แต่…” เขาส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “กลายเป็นว่าพี่เป็นฝ่ายผิดซะเอง”น้ำตาลสะอึก รู้ว่าตัวเองทำกับเขาไม่ถูก มันไม่แฟร์กับเขาที่ไปกล่าวโทษเขาทั้งหมด
หายนะ! บอกได้คำเดียวว่านี่มันหายนะชัด ๆ !น้ำตาลได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ภูริวัฒน์เหมือนสวมวิญญาณผีบ้า ประเคนหมัดใส่ชายหนุ่มอีกคนหลุน ๆ ทางด้านชานนท์แม้จะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรก แต่พอตั้งตัวได้ก็ซัดกลับไปไม่ยิ่งหย่อนไม่กว่ากัน“พี่ภู!”เมื่อได้สติน้ำตาลรีบพาตัวเองเข้าไปแทรกกลาง เธอกางแขนออกหันหน้าไปทางสามี“หยุดได้แล้วค่ะ!” เธอสั่ง มองหน้าภูริวัฒน์ที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า และรู้สึกว่าเขาไม่ได้โมโหแค่ชานนท์คนเดียว เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาสุภาพอ่อนโยนเสมอ ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใคร“พี่ภูเข้าไปรอตาลในบ้านก่อนนะคะ” เธอส่งสายตาขอร้อง“ตาล” เขาทำท่าไม่ยอม“ตาลขอร้อง” เธอบอกอีกครั้งสามีหนุ่มลังเล จ้องผู้ชายอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตใส่ชานนท์ที่จ้องเขากลับเช่นกัน
หนึ่งสัปดาห์ในการรอคอยเหมือนกับว่านานเป็นเดือนเป็นปี น้ำตาลกำลังใจจดใจจ่อรอการกลับมาของชานนท์เพื่อที่จะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่อง ยิ่งได้ยินสิ่งที่แหวนบอกเธอยิ่งกังวล อยากเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด คิดว่าเรื่องนี้ควรจะคุยกับเขาที่ไหนดี สุดท้ายคิดว่าที่บ้านตัวเองน่าจะดีสุดเพราะมีความเป็นส่วนตัว ถ้าไปในที่สาธารณะ ไม่รู้ว่าเขาจะเสียหน้ารึเปล่า และในที่สุดเขาก็กลับมา และเธอนัดกับเขาในวันนี้“พี่อยากให้หวานอยู่ด้วยมั้ย หวานจะอยู่ในห้อง ไม่ออกมาเสนอหน้าเด็ดขาด” น้องสาวเสนอตัว“ไม่เป็นไร หวานไปบ้านเพื่อนก่อนน่ะดีแล้ว”“ตามใจ” บอกแล้วมองอาหารที่ถูกเตรียม “พี่เข้าครัวเองแบบนี้หวานว่ามีแต่จะทำให้เขาหลงพี่หัวปักหัวปำมากกว่า พี่สาวหวานช่างโหดร้าย”แม้น้องสาวจะพูดเล่นแต่น้ำตาลกลับสะอึก เธอหยุดมือที่กำลังคนแกงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยคนต่อ“พี่แค่อยากทำอะไรให้มันดีหน่อย แบบไม่อยากพูดโพล่งออกไปเลย”“พี่บอ
น้ำตาลเหลียวกลับมามองขณะที่กำลังจะผ่านประตูเข้าไปขึ้นเครื่อง โล่งอกที่กำลังจะกลับบ้าน แต่รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องแยกจากภูริวัฒน์ ครั้งนี้มันทำใจได้ยากเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังจากช่วงเวลาอันแสนพิเศษเมื่อคืน เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงเต็มตัวอีกครั้ง เขาตอกย้ำความเป็นสามีของเธอในทุกทาง ซึ่งเธอยังรู้สึกจนถึงตอนนี้ หลักฐานก็คือตรงนั้นของเธอรู้สึกเจ็บแปลบเวลาขยับตัว แถมยังเปียกชุ่มจากความรักที่เขาบรรจงรดน้ำพรวนดินสร้างความสุขสมให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ร่างกายร่ำร้องหาเขาราวกับเสพติด และรวดร้าวต้องการสัมผัสจากเขาอีกครั้งและอีกครั้ง เธอต้องพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด กลัวว่าคนอื่นจะรู้โดยเฉพาะน้องสาว เธออาย“ตาลสัญญากับพี่นะว่าจะไม่หายไปอีก”ภูริวัฒน์บอกกับเธอเมื่อเช้าก่อนจากกัน เขาเชื่อใจเธอ แต่ก็กลัว ครั้งนี้เขาคงรับมันไม่ไหว สองแขนโอบรัดเธอแน่น“ตาลสัญญาค่ะ ตาลจะไม่ไปไหนอีกแล้ว” น้ำตาลจ้องตาเป็นคำมั่นแล้วยิ้มให้เขาจูบเธออย่างด
“นะ นี่ นี่ ภู! หัดลืมตามองซะบ้าง มันไม่คิดถึงลูกเลย ถ้ามันรักลูกจริงมันจะไม่ทิ้งลูกแล้วปล่อยให้ลูกเสียใจแบบนี้”ภูริวัฒน์ยอมรับว่ากำลังไม่พอใจย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าออกยาว ๆ เพื่อข่มกลั้นอารมณ์ เขาไม่พูดอะไรกับแม่อีก เขาเดินกลับมาที่ห้องที่สองพี่น้องกำลังนั่งคุยอะไรบางอย่างอยู่บนเตียง“เราะจะไปเช่าโรงแรมนอนกัน” เขาบอกภรรยาใบหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียด น้ำตาลเข้าใจได้ทันที เธอพยักหน้า แล้วหันไปสั่งน้องสาว “หวานไปเก็บของ”“ค่ะ” น้ำหวานเข้าใจสถานการณ์ รีบไปทำตามที่พี่สั่ง“พี่ภูเป็นอะไรมั้ยคะ” น้ำตาลดึงมือเขามาจับไว้ บีบเบา ๆ ให้กำลังใจภูริวัฒน์ไม่ตอบ แต่สีหน้าอ่อนล้าบอกได้เป็นอย่างดี ดวงตาเขาจ้องที่ริมฝีปากอิ่ม ใช้สองแขนโอบกอดรอบร่างบางแล้วดึงเข้าหาเพื่อที่จะได้จูบเธอ เขาจูบเธออย่างลึกซึ้งหนักหน่วง เพื่อระบายความเหนื่อยอ่อน ผิดหวังและความโมโหที่มีต่อมารดาน้ำตาล
ภูริวัฒน์กระวนกระวายใจ และยังอึ้งไม่หายที่จู่ ๆ แม่กลับบ้านก่อนกำหนด ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขากับน้ำตาลมีช่วงเวลาที่พิเศษกันมาก แต่พอแม่ปรากฏกาย การกระทำและการพูดจาของหล่อนทำให้เขาขบคิดเรื่องที่น้ำตาลบอก“ภูยอมให้นังเด็กชั้นต่ำนั่นกลับเข้ามาในชีวิตลูกได้ยังไง” แม่ตะคอกเมื่อเห็นหน้าเขา“แม่ครับ แม่ไม่ควรพูดถึงตาลแบบนี้นะครับ ตาลเป็นภรรยาผม” เขาไม่ชอบใจที่แม่จิกหัวเรียกภรรยารักแบบนี้ เขาพยายามอดกลั้นให้ถึงที่สุดเพราะไม่อยากแสดงความไม่เคารพบุพการี“ลูกยังเรียกมันว่าเมียอีกเหรอ มันทิ้งลูกไปตั้งสามปีแล้ว ไม่ใช่แค่สามวันหรือสามเดือน แต่นี่สามปี มันไม่เหลียวตาแลลูกเลยว่าลูกจะเป็นยังไงบ้าง แล้วลูกยังยอมให้มันกลับเข้ามาง่าย ๆ ได้ยังไง”“ตาลเป็นภรรยาผมครับ” สันกรามภูริวัฒน์ขบกันแน่น เขายังยืนยันคำเดิม“มันไม่ใช่เมียลูกตั้งแต่ตอนที่มันทิ้งลูกไปแล้ว เหลือแค่ให้มันเซ็นใบหย่าให้ลูกซะนั่นแหละ คิดดูดี ๆ นะภู”