ระหว่างนั่งรับประทานมื้อเช้าด้วยกัน น้ำตาลก้มมองมือถือที่หน้าจอสว่างวาบในมือเป็นครั้งที่สาม ชื่อคนโทรมาทำให้เธอคิดหนักว่าจะทำอย่างไรดี
“มีอะไรรึเปล่าตาล” ภูริวัฒน์ถามเมื่อสังเกตว่าเธอดูอึดอัด
น้ำตาลมองหน้าชายหนุ่ม นึกสงสัยว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้ารู้ว่าเธอกำลังคุยกับผู้ชายคนอื่นอยู่ตั้งแต่สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา มั่นใจได้เลยว่าคงไม่ดีแน่ แต่ว่าไม่มีทางที่เขาจะรู้เรื่องนี้หรอก
“เปล่าค่ะ แค่ที่ทำงานโทรมา ตาลลืมโทรไปลางานเพิ่ม” น้ำตาลเองก็เพิ่งจะนึกได้เหมือนกันว่าเธอลืม ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอลางานไว้
“ตาลทำงานอะไรเหรอ”
“ตาลเป็นผู้จัดการแบงก์ค่ะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมอง “หืม เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะ เครียดแต่โชคดีที่มีเพื่อนร่วมงานดี”
“ตาลอยู่ที่พะเยามาตลอดเลยเหรอ”
“ค่ะ”
“พี่ขอโทษ” ภูริวัฒน์ยกมือขึ้นเสยผม “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกใส่ตาล พี่แค่…รู้สึกว่าตัวเองเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่อง ตลอดสามปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าตาลอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง หรือลำบากอะไรรึเปล่า ตาล…” เขาโน้มหน้ามาหาเธอ “พี่เป็นสามีตาลนะ และมันเป็นหน้าที่ของพี่ที่ต้องดูแลตาล พี่อยากดูแลตาลให้ดีที่สุด”“ค่ะ” น้ำตาลพยักหน้าและจ้องเข้าไปในดวงตาคู่ที่เคยเจิดจ้าที่บัดนี้ดูอ่อนล้าทั้งสองคนจ้องตากัน น้ำตาลไล่สายตาสำรวจใบหน้าชายหนุ่ม เขาดูเหนื่อยล้าจนเธอสงสัยว่าเขาได้พักผ่อนเพียงพอรึเปล่า หรือเป็นเพราะความเครียด หรือเป็นเพราะการที่เขามาเจอเธออีกครั้ง ภูริวัฒน์เป็นคนที่หน้าตาหล่อมากอยู่แล้ว สันกรามคมแกร่ง ดวงตาสีดำที่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน ลูกกระเดือกที่ขับเน้นความเป็นชาย พอเลื่อนสายตากลับขึ้นมา เห็นเขาไล่สายตามองเธอเช่นกัน จากแก้ม ลงมาถึงริมฝีปาก…น้ำตาลกระแอมเรียกสติก่อนที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้“ไปกันเถอะค่ะ”“อืม” ชายหนุ่มรับในลำคอแล้วหันหน้ากลับ
“อย่าโหมงานหนักเกินไปไอ้ลูกชาย เพราะมันจะสายเกินก่อนที่ลูกจะตระหนักถึง ไปสนุกกับชีวิตบ้าง ใช้เวลากับคนที่ลูกรัก”ภูริวัฒน์นึกถึงคำพูดของพ่อที่บอกกับเขาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต มันเป็นเพียงแค่หนึ่งวันก่อนที่ท่านจะหัวใจวายตาย และเขาไม่เคยลืมเลยใช้เวลากับคนที่ลูกรักแน่นอน เขารู้ว่าพ่อหมายถึงภรรยาเขา ก่อนที่เธอจะหนีไป พ่อเป็นคนที่รู้จักเขาดีที่สุด เขาคิดว่าพ่อรู้สึกผิดที่เขาเดินตามรอยตนเองโดยการเลือกที่จะเป็นหมอ และสุดท้ายเขาก็พบว่าภรรยาตัวเองหนีไปแล้ว หน้าที่การงานเขาเจริญรุ่งเรืองดีมาก แต่นั่นก็ต้องแลกมากับการอุทิศตนอย่างมากเช่นกันการได้เจอน้ำตาลอีกครั้งทำให้ภูริวัฒน์เปลี่ยนไป ตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาจมอยู่กับความโมโห โมโหเธอ โมโหคนทั้งโลก โมโหตัวเอง เขาอยู่อย่างเป็นทุกข์ในแต่ละวัน ก็เลยโหมงานหนักเพื่อที่จะได้ไม่นึกถึงแต่ว่าตอนนี้ เขาไม่ต้องการสิ่งใดอีก นอกจากการเป็นสามีของน้ำตาล
“ตาลเป็นไงบ้าง”เขาอยากบอกว่าคิดถึงเธอ แล้วก็ย้อนนึกไปถึงอดีต เขาเคยโทรหาเธอระหว่างวันแบบนี้บ้างรึเปล่า“ก็ดีค่ะ เอ่อ…ตาลกำลังดูเสื้อผ้าเก่า ๆ ไม่คิดว่าพี่ภูยังเก็บไว้อยู่”ตอนนั้นแม่เขาเป็นคนเข้ามาแพ็คข้าวของของน้ำตาลเพื่อที่จะทิ้ง แต่เขาเป็นคนไปเก็บมาซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม มันทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเธอยังอยู่กับเขา และมันก็ทำให้แม่โมโหเขามาก“ตาลไม่ได้ค้นของพี่เลยนะคะ” เสียงหวานรีบแก้ตัวเมื่อชายหนุ่มเงียบไปนาน “เอ่อ…ก็นิดหน่อยค่ะ”ภูริวัฒน์ได้ยินเสียงหัวเราะเจื่อน ๆ เขาจินตนาการหน้าเธอตอนนี้ได้เลย คงเหมือนเด็กซน ๆ ที่ทำผิดแล้วถูกจับได้ทำให้เขายิ้มออกมา“ไม่เป็นไรหรอกตาลเพราะนั่นเป็นของตาล” และเขาอยากบอกต่อว่าเขาก็เป็นของเธอ เขากระแอมหนึ่งครั้งแล้วจึงพูดต่อ “ตาลคืนนี้พี่อยากพาตาลไปดินเนอร์”“ดินเนอร์ ที่ไหนคะ”“อืม ไม่
ภูริวัฒน์พาภรรยาสาวมาที่ร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรู ทั้งคู่เพิ่งสั่งอาหารเสร็จ น้ำตาลสังเกตเห็นว่าภูริวัฒน์มองไปที่มือถือของตัวเป็นรอบที่สามแล้ว และสีหน้าเขาดูกังวลแต่เขาไม่ยอมพูดอะไร“มีอะไรรึเปล่าคะพี่ภู”“เปล่าหรอก”“พี่ภูคะ” น้ำตาลยิ้มให้ เพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นไร จะบอกว่าเธอชินเหรอ ที่เวลาของเขาไม่เคยเป็นของเธอ“ตาลพี่ขอโทษ พี่ขอไปโทรศัพท์แป๊บเดียว เดี๋ยวพี่มา” สีหน้าเขาแสดงความรู้สึกผิดอย่างชัดเจน“ค่ะ” น้ำตาลตอบพร้อมยกไวน์ขึ้นจิบ ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ“เดี๋ยวพี่มานะ” เขาบอกอีกครั้งแล้วจึงลุกขึ้นยืน เดินผ่านโต๊ะอื่น ๆ ออกไปที่ระเบียงหน้าร้านในระยะที่น้ำตาลสามารถมองเห็นเขาได้น้ำตาลรู้สึกแปลก ๆ ที่มาออกเดตกับชายหนุ่มในครั้งนี้ นั่นอาจเป็นเพราะให้คำนิยามกับความสัมพันธ์ตอนนี้ไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ดีหรือร้าย เป็นเหตุว่าทำไมเธอถึงลังเลตอนที่เขาชวน
น้ำตาลมองกาแฟสีดำเข้มที่กำลังไหลลงแก้ว กลิ่นหอมเข้มของกาแฟชั้นดีตลบอบอวลทั่วห้องครัว เครื่องชงกาแฟที่บ้านของภูริวัฒน์ดีมาก และเธอชอบมากวันนี้ตอนเธอตื่นก็พบว่าที่นอนด้านข้างว่างเปล่าแล้ว แต่เขาทิ้งโน้ตไว้ว่าเขาจะรีบกลับ เมื่อคืนกว่าที่เธอกับเขาจะกลับถึงบ้านก็เกือบห้าทุ่ม เนื่องจากการทำคลอดใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าปกติ แต่โชคดีที่สุดท้ายแล้วทั้งแม่และเด็กปลอดภัย เธอรู้ว่าเขารู้สึกผิดต่อเธอ เขาอยากเอาใจเธอแต่ก็ไม่สามารถทิ้งหน้าที่ไปได้ แต่เธอบอกให้เขาสบายใจว่าไม่เป็นไร เธอไม่ได้โกรธเขาจริง ๆ แต่เธอกำลังใช้เวลาทบทวนตัวเอง“ทำไรอยู่เหรอตาล” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังทำให้น้ำตาลหันไปมองภูริทัตกำลังยืนพิงโต๊ะกินข้าว เขาสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีดำ“กำลังซักผ้าอยู่” เธอแกล้งยวนก่อนที่จะถามดี ๆ “นายจะเอากาแฟมั้ย”“อืม ขอแก้วนึง”น้ำตาลยิ้มให้เพื่อน รินกาแฟใส่ถ้วยแล้วเดินมานั่งลงข้างเขา ซึ่งยังหน้า
ส่วนภูริวัฒน์ก็พาตัวเองมานั่งข้างภรรยาสาว หยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลขึ้นมา เปิดออกเป็นกุหลาบขาวหนึ่งช่อ ยื่นส่งให้“นี่สำหรับตาล” เขาพูดเสียงนุ่มน้ำตายิ้มกว้างพร้อมยื่นมือออกไปรับ เขารู้ว่าเธอชอบกุหลาบขาว “ขอบคุณนะคะ”ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ขณะมองมาที่เธอ“ถ้าจะหวานกันแบบนี้ต้องจูบโชว์กันหน่อย” ภูริทัตเอ่ยแทรกน้ำตาลย่นจมูกใส่เพื่อน เขาไม่รู้ว่าเธอกับพี่ชายเขายังไม่เคยจูบกันเลยสักครั้งตั้งแต่เจอกัน“ตาลเพิ่งชงกาแฟเสร็จ พี่ภูจะรับสักแก้วมั้ยคะ” เธอถามเมื่อชายหนุ่มนั่งลงเพื่อกินมื้อเช้า“ครับ”น้ำตาลลุกขึ้นไปรินกาแฟมาให้เขาถ้วยหนึ่ง รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังทำหน้าที่ของภรรยา“ขอบคุณครับตาล” เสียงทุ้มบอก“วันนี้ผมนัดไปปาร์ตี้กับเพื่อน” ภูริทัตเกริ่นขณะกำลังรับประทานอาหาร “พี่ภู
ภูริวัฒน์ขับรถมาถึงโรงพยาบาล พอจอดรถเสร็จก็รีบเดินอ้อมมาเปิดประตูอีกข้าง น้ำตาลมองมือใหญ่ที่ยื่นออกมาตรงหน้า ตัดสินใจรักษาน้ำใจเขาด้วยการวางมือตัวเองลงไป แต่พอออกจากรถแล้วเขากลับไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังประสานนิ้วกับนิ้วเธออีก การกระทำของเขาดูเป็นธรรมชาติมากราวกับว่าเขาทำมันเป็นปกติทุกวัน น้ำตาลรู้สึกหัวใจพองฟู อดยิ้มไม่ได้เลยหันหน้าไปทางอื่นไม่ให้เขาเห็น“โห ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะเลยค่ะพี่ภู” เธอหยุดมองด้านหน้าอาคารที่ทาสีขาวใหม่ทั้งหลัง และยังมีส่วนต่อเติมเพิ่มอีกทำให้ดูใหญ่โตกว่าเดิม“เพิ่งรีโนเวทไปเมื่อปีที่แล้วน่ะ” ภูริวัฒน์บอกขณะเดินจูงมือเธอเข้าไปด้านใน“ดูสวยและทันสมัยมากค่ะ”“สวัสดีค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยเมื่อมีคนเดินเข้ามา แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มให้ “อ้าว คุณหมอภู” จากนั้นก็เลื่อนสายตามองหญิงสาวที่ยืนข้างคุณหมอหนุ่มด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ปิดไม่มิด“สวัสดีครับคุณโบว์ วันนี้มีอะไรมั้ย” ภูริวัฒน์ทัก
“ตาลเป็นภรรยาพี่”เขาย้ำด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ เบียดกายเข้าหาร่างบาง ค่อย ๆ โน้มหน้าลงมาจนกระทั่งริมฝีปากสัมผัสกัน น้ำตาลหลับตา ยกมือคล้องคอเขา รู้สึกเหมือนพลุนับร้อยกำลังพุ่งทะยานกระจายแต่งแต้มทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน เหมือนครั้งแรกที่จูบกับเขาวินาทีนั้นน้ำตาลรู้ตัวแล้วว่าไม่เคยต้องการใครมากขนาดนี้มาก่อน มันนานเหลือเกินที่ไม่ได้รับสัมผัสวิเศษจากผู้ชายคนนี้ เธออยากรู้สึกถึงสัมผัสจากเขาไปทั่วเรือนร่าง เธอลืมไปได้อย่างไรว่าความรู้สึกที่ได้อยู่ในวงแขนคู่นี้มันดีแค่ไหนจูบเริ่มลึกซึ้งขึ้น ภูริวัฒน์สอดลิ้นเข้ามาหาความหวานในปาก น้ำตาลส่งเรียวลิ้นไปเกี่ยวกระหวัด แลกเปลี่ยนจูบกันไปมา ราวกับว่าทั้งคู่กำลังจูบชดเชยช่วงเวลาที่สูญเสียไป…ก๊อก ๆ ๆเสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ สองร่างจึงรีบผละออกจากกัน แล้วประตูก็ถูกผลักเข้ามาโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตน้ำตาลยืดตัวขึ้น แต่ร่างสูงยังประคองเ
ญาติของภูริวัฒน์นิสัยดีทุกคน และก็สนิทกัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูริวัฒน์ที่จู่ ๆ ภรรยาก็หายไป“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ…” เขารีบบอกเมื่อเห็นน้ำตาลเงียบ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับพี่ภูมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน แต่เรากำลังแก้ปัญหากันอยู่” น้ำตาลบอกอย่างตรงไปตรงมา“ผมดีใจด้วยนะครับ อ้อ คุณน่าจะมาที่บ้านเราในช่วงสงกรานต์นี้นะครับ พี่ทัตมาทุกปี ส่วนพี่ภู รายนั้นถ้าไม่ติดงานก็นาน ๆ มาที”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้มให้ เธอไม่คิดปฏิเสธเพราะเห็นความจริงใจของคนเชิญ“ตอบตกลงแล้วห้ามเบี้ยวนะครับ ผมจะไปประกาศในไลน์กลุ่มครอบครัว”น้ำตาลหัวเราะ ขณะเดียวกันภูริวัฒน์ก็เดินออกจากห้องตรวจมาพอดี เขาหยุดคุยกับนางพยาบาลก่อนที่จะสังเกตเห็นเธอ การได้ประสานสายตากับชายหนุ่มเพียงเสี้ยววินาทีกลับทำให้น้ำตาลรู้สึกประหม่าแต่ก็ยิ้มบาง ๆ ให้ สีหน้าของเขาดูประหลาดใจไม่น้อย เขายิ้มกว้างให้เธอแล้วรีบเดินตรงมา
หลังออกจากร้านอาหารที่นัดกับแม่สามีไว้ น้ำตาลเดินมาตามถนนเรื่อย ๆ เธอไม่ได้รู้สึกหิวมากแม้ว่าจะใกล้เที่ยงแล้วเพราะเธอกินแซนด์วิชมาแล้วขณะอยู่บนเครื่องบิน เธอเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเลยตัดสินใจแวะ ตลอดทางยังคิดถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่สามีที่หล่อนบอกว่าลูกชายหล่อนต้องเลือกหล่อนอยู่แล้ว ทั้งยังบอกว่าคนที่เหมาะสมกับภูริวัฒน์คือธรรมิกา ยังคงเป็นเช่นเดิมอยู่อย่างนั้นสินะ ถึงจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่มันก็ยากที่จะไม่ให้คำพูดหล่อนทำร้ายเธอ เมื่อก่อนเธอพยายามขบคิดว่าเธอไปทำอะไรไว้หล่อนถึงเกลียดเธอได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่เป็นเพราะเธอ แต่เป็นเพราะฝ่ายนั้นต่างหากขณะที่กำลังกินมื้อกลางวันอยู่ น้ำตาลก็คิดจะโทรหาภูริวัฒน์เพื่อบอกว่าเธออยู่ไหน ประมาณว่าเธอจะเซอร์ไพรส์เขา แต่ก็อีกนั่นแหละ เธอกับเขาไม่ได้พูดกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว บางทีมันอาจไม่ใช่เซอร์ไพรส์ก็ได้ แล้วเรื่องเซอร์ไพรส์หนหลังของทั้งคู่ก็จบลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคนที่ผิดเต็ม ๆ เลยคือเธอที่โมโหใส่เขาน้ำตาลถอนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือ เปิดรายชื่อผู้ติดต่
อีกฝ่ายไม่เอ่ยอะไรน้ำตาลเลยพูดต่อ“ตาลว่าถึงเวลาแล้วค่ะที่เราสองคนจะต้องคุยกันจริงจังซะที จะได้เคลียร์กันให้จบ ๆ ตาลรู้ว่าคุณเกลียดตาล แต่ไม่รู้ว่าทำไม”“แล้วการที่เธอทิ้งลูกชายฉันไปโดยไม่บอกกล่าวเป็นเหตุผลได้มั้ยล่ะ”น้ำตาลยิ้มหยัน “คุณเกลียดตาลก่อนหน้านั้นอีก ตั้งแต่แรกเลย ตาลไม่โง่นะคะ อย่ามาดูถูกตาล”หล่อนจ้องน้ำตาลเขม็ง “เธอเกิดนึกสนใจอะไรขึ้นมา ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาถามเรื่องนี้”“ตาลแค่คิดอะไรบางอย่างได้ก็แค่นั้น”“อ้อเหรอ อะไรล่ะ”“คุณกับตาลยังไงก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ มันเป็นความต้องการของพี่ภูที่อยากให้แม่กับเมียอยู่ร่วมกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้”“แล้วไง เธอเลยมาขอร้องฉันเพราะรู้ว่าจะเสียภูไปงั้นสิ” แม่สามีกระหยิ่มใจ แต่น้ำตาลยิ่งเห็นแล้วยิ่งรังเกียจน้ำตาลยิ้มให้ เป็นยิ้มการค้าที่ไม่ได้อ
น้ำตาลมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนสายของวันรุ่งขึ้น เธอตั้งใจมาแค่วันเดียวจึงจองตั๋วกลับไว้ตอนกลางคืน การมาครั้งนี้ของเธอก็เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าคือแม่ของเขา แผนการของเธอนั้นง่าย ๆ ไม่มีอะไรมาก คือการพูดคุยกับหล่อนอย่างตรงไปตรงมา และมันต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก แต่เธอต้องทำ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อลูกของเธอเธอนัดเจอแม่เขาที่ร้านอาหาร ซึ่งภูริทัตเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้ เพราะรู้ว่าหล่อนจะระมัดระวังตัวและรักษาภาพลักษณ์เวลาอยู่นอกบ้าน อย่างน้อยเธอจะได้ใช้จุดนี้ควบคุมหล่อนได้เมื่อมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้ น้ำตาลเดินเข้าไป มองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นเป้าหมายนั่งอยู่ที่โต๊ะทางด้านขวามือ เธอเดินตรงเข้าไปโดยไม่รอช้า แม่ของภูริวัฒน์ไม่ได้สังเกตเห็นเธอตั้งแต่แรก จนกระทั่งเธอไปหยุดยืนข้างโต๊ะนั่นแหละถึงหันหน้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ผู้หญิงตรงหน้าในวัยหกสิบต้น ๆ แต่ยังแต่งตัวกระชากวัยด้วยชุดกระโปรงสีดำ ทับด้วยเสื้อแขนระบายสีเหลือง เธอไม่เห็นว่าหล่อนใส่รองเท้าอะไร แต่กล้าพนันได้เลยว่าต้องเป็นรองเท
คืนนี้เป็นคืนงามพรอมสำหรับนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นม.6 น้ำหวานในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงดูสวยและเจิดจรัสมาก แค่เห็นน้ำตาลก็อยากร้องไห้ ในที่สุดน้องน้อยของเธอก็โตเป็นผู้ใหญ่ เธออยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเธอตอนนี้จริง ๆ แม่จะต้องดีใจและภูมิใจมาก เธอพยายามไม่นึกถึงว่าหลังจากนี้น้องสาวกำลังจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียในอีกไม่กี่เดือน เธอดีใจที่น้องได้ทุน แต่ตัวเธอเองยังไม่ได้เตรียมใจ“พี่ตาลร้องให้ทำไม” น้ำหวานถามแล้วหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้“พี่ขอโทษ” น้ำตาลรับกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา พยายามกลั้นสะอื้นไปด้วย “พี่แค่…น้องสาวพี่โตแล้ว”คนเป็นน้องหัวเราะแล้วแกล้งพูด “พี่ตาลเพิ่งรู้เหรอ”น้ำตาลยิ้ม ยังมีหยดน้ำตาที่หางตา “พี่อยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเราจัง แม่จะต้องดีใจและภูมิใจในตัวหวานมาก”“โธ่พี่ตาล…พอได้แล้วค่ะ อย่างเพิ่งทำซึ้ง เดี๋ยวหวานก็ร้องไห้ตามหรอก”“ก็ได้ ๆ ไม่ร้องแล้ว”
ภูริทัตเคาะประตูหน้าห้อง สักพักประตูก็เปิดออก สภาพของภูริวัฒน์ที่เดินมาเปิดประตูดูแทบไม่ได้ เขาสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว ขอบใต้ตาคล้ำเป็นวง ผมเผ้ายุ่งเหยิง“ทัต นายมาได้ไง แล้วรู้ได้ไงว่าพี่อยู่ที่นี่” ภูริวัฒน์ตะลึงไปพักหนึ่งเมื่อเห็นน้องชายภูริทัตไม่สนใจที่จะตอบ“แม่เป็นห่วงพี่มากจนเกือบจะไปแจ้งความคนหายแล้วพี่รู้มั้ย” เขาไม่ได้โกหกไปซะทั้งหมด เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านแม่ดูเป็นห่วงและแกล้งทำท่าจะแจ้งความจริง แต่เขาดูออกว่าอย่างหลังเป็นการเล่นละครโอเวอร์ตามประสาแม่“พี่อยากอยู่คนเดียว”ภูริวัฒน์บอกแล้วจะปิดประตูใส่ แต่น้องชายไวกว่า ยันมือไว้ทัน แล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าเปล่าประโยชน์ ภูริวัฒน์จึงปิดประตู เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มาหนึ่งกระป๋อง แล้วค่อยไปนั่งที่โซฟาภูริทัตไปหยิบเบียร์มาให้ตัวเองบ้าง แล้วกลับมานั่งสำรวจพี่ชาย เขาเห็นภูริวัฒน์อยู่ในสภาพนี้ครั้งสุดท้าย
ภูริทัตเดินเข้ามาในโรงพยาบาลที่ปกติไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่วันนี้ไม่ใช่ วันนี้เขามีภารกิจที่สำคัญมาก คือหาตัวพี่ชายให้พบ แล้วจับมาเขกกะโหลกสักทีภายในห้องรอมีบรรดาพ่อแม่กับเด็ก ๆ ที่บ้างกำลังส่งเสียงร้องจ้า บ้างกำลังเล่นของเล่น เขาไม่สนใจ เดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับ แล้วแจ้งความประสงค์ทันที“สวัสดีครับ ผมมาพบหมอภู”“ขอโทษค่ะ ตอนนี้คุณหมอไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณได้นัดไว้ก่อนรึเปล่าคะ”“ผมชื่อภูริทัต เป็นน้องชายเขา ผมต้องการเจอเขา วันนี้เขาได้เข้ามารึยังครับ”“วันนี้คุณหมอยังไม่เข้ามาเลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”“ทัต”ภูริทัตหันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียก ธรรมมิกากำลังเดินตรงมาหาเขา“สวัสดีมิกา”คุณหมอสาวยิ้มให้เขา “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”“ผมกำลังหาพี่ภูอ
“พี่ภูอย่าเป็นแบบนี้สิคะ”“พี่เป็นอะไร”“นนท์เขาไปประชุมที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาเมื่อวาน ตาลไม่ได้เจอเขาเลยจนกระทั่งวันนี้ ตาลกำลังจะบอกเขาเรื่องของเรา แต่พี่ดันโผล่มาซะก่อน” เธอพยายามอธิบายภูริวัฒน์ส่ายหน้าผิดหวัง “ตาลยังทำแบบนี้อยู่อีกเหรอ”“ตาลทำอะไรคะ”“ปิดบังพี่”“ตาลขอโทษ ตาลไม่รู้นี่ว่าต้องรายงานพี่ทุกเรื่องที่ตาลทำ”“ตาลรู้ว่าพี่ไม่ได้ความแบบนั้น ตาลต้องคิดได้สิ ถ้าตาลบอกให้พี่รู้ เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”“ถ้าพี่บอกว่าพี่จะมาเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเหมือนกัน“พี่แค่อยากทำตัวโรแมนติกแบบคนอื่นเขาบ้าง อยากมาเซอร์ไพรส์ตาล แต่…” เขาส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “กลายเป็นว่าพี่เป็นฝ่ายผิดซะเอง”น้ำตาลสะอึก รู้ว่าตัวเองทำกับเขาไม่ถูก มันไม่แฟร์กับเขาที่ไปกล่าวโทษเขาทั้งหมด
หายนะ! บอกได้คำเดียวว่านี่มันหายนะชัด ๆ !น้ำตาลได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ภูริวัฒน์เหมือนสวมวิญญาณผีบ้า ประเคนหมัดใส่ชายหนุ่มอีกคนหลุน ๆ ทางด้านชานนท์แม้จะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรก แต่พอตั้งตัวได้ก็ซัดกลับไปไม่ยิ่งหย่อนไม่กว่ากัน“พี่ภู!”เมื่อได้สติน้ำตาลรีบพาตัวเองเข้าไปแทรกกลาง เธอกางแขนออกหันหน้าไปทางสามี“หยุดได้แล้วค่ะ!” เธอสั่ง มองหน้าภูริวัฒน์ที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า และรู้สึกว่าเขาไม่ได้โมโหแค่ชานนท์คนเดียว เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาสุภาพอ่อนโยนเสมอ ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใคร“พี่ภูเข้าไปรอตาลในบ้านก่อนนะคะ” เธอส่งสายตาขอร้อง“ตาล” เขาทำท่าไม่ยอม“ตาลขอร้อง” เธอบอกอีกครั้งสามีหนุ่มลังเล จ้องผู้ชายอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตใส่ชานนท์ที่จ้องเขากลับเช่นกัน