“ท่านพ่อ อร่อยมากจริง ๆ!”ว่าแล้วมู่หรงจิ่นก็คีบอีกคำใส่ปาก ภาพนี้ยั่วน้ำลายทุกคนอย่างหนัก มู่หรงซื่อควานจึงชิมคำหนึ่งแบบกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ทันใดนั้นเขาก็สงบไม่ได้แล้ว“สวรรค์ นี่มันรสเทพเซียนอะไร จะอร่อยเกินไปแล้วกระมัง?”มู่หรงซื่อควานยังคำนึงถึงภาพพจน์ได้อีกที่ไหน เริ่มซัดเข้าปากกร้วม ๆ ทันที บรรดาพ่อครัวที่อยู่อีกทางหนึ่งมองจนน้ำลายยืดยาว สลัดความกังวลเมื่อครู่ออกไปทั้งหมด“คือว่า นายท่าน ให้พวกเราชิมบ้างได้หรือไม่ขอรับ?”พ่อครัวบางคนเริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้ว ใครกินก็ว่าอร่อย นี่มันทนความยั่วยวนได้ที่ไหน?“มา ๆ ๆ ทุกคนมาชิมกันให้หมด คนละชิ้นนะ อย่ากินเยอะ ประเดี๋ยวทำตามที่พ่อลูกเขยข้าบอก ทำด้วยกัน อร่อยยิ่งนัก มันหยุดไม่ได้เลย”เวลานี้มู่หรงซื่อควานไม่สนอะไรอีกแล้ว ตักหนึ่งจานใหญ่แบ่งให้ทุกคนอย่าให้พูดเลยว่าตอนนี้มู่หรงซื่อควานดีใจแค่ไหน คำก็ว่าพ่อลูกเขย ๆ แทบจะเห็นฉินอวิ๋นฟานเป็นสมบัติ รัชทายาทตัวโง่งมที่เขาดูแคลนในอดีต บัดนี้กลายเป็นความภาคภูมิใจที่สุดของเขาภาพนี้ฉินอวิ๋นฟานไม่รู้สึกแปลกใจ พลังยั่วยวนของอาหารเลิศรสมันก็อย่างนี้แหละ นี่ก็คือสันดานของมนุษย์!“พ่อลูกเขย เจ้าจะ
ภัตตาคารต้าเฉียนมีไฟสว่างไสว หน้าประตูจัดวางที่นั่นเป็นทิวแถว โต๊ะละสิบคน อลังการงานสร้าง งานเลี้ยงใหญ่โตสำหรับสองพันคนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!ทันทีที่ปลาไหลน้ำแดงและปลาไหลผัดพริกลำเลียงขึ้นโต๊ะ ทุกคนต่างสะดุ้งโหยงถอยหลังกันเป็นแถว ใบหน้าตื่นตระหนก ไม่อยากจะเชื่อว่างานเลี้ยงใหญ่ที่ว่าของรัชทายาทก็คือมังกรงู?“รัชทายาท ท่าน ท่าน จะเลี้ยงพวกเราด้วยเจ้านี่หรือ?”เซียวหยางพูดแบบหน้าเสียสุดขีดกับข้อสงสัยของเซียวหยาง ฉินอวิ๋นฟานหน้าขรึม อยากด่าว่าไอ้เบื๊อก แม่เอ๊ยของดี ๆ วางอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ นายกลับเห็นมันเป็นขี้หมา หิวจนสภาพเป็นอย่างนี้แล้ว ยังจะงมงายอีก?“ถ้าไม่กินก็หิวตาย เจ้าเลือกเอง”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็น ขี้เกียจจะอธิบายจริง ๆ“เอ่อ นี่...”ความเหี้ยมที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้เซียวหยางรับไม่ได้ เขาหันไปมองพี่ใหญ่หลิวเป้ย ถึงไม่พูดอะไร แต่เห็นชัดว่ากำลังสงสัยการเลือกของหลิวเป้ย“ไม่เป็นไร กินเถอะ ยังไงก็ดีกว่าหิวตาย”หลิวเป้ยบ่นอยู่ในใจพักหนึ่ง รัชทายาทในตอนกลางคืนกลับเปลี่ยนเป็นคนละคนกับตอนกลางวัน? ไม่ควรเป็นอย่างนี้นี่ด้านหนึ่งคืองูมังกรรูปรสกลิ่นสีครบครันบนโต๊ะ
“ยอดเยี่ยมไปเลย!”ก็ขณะที่ทั้งสองกำลังลังเลอยู่ จู่ ๆ ก็มีคนอดใจไม่ไหวกินคำหนึ่ง พบว่านี่มันเป็นของสุดยอดในแดนมนุษย์ มิใช่หนึ่งใน เขาโพล่งปากเดี๋ยวนั้นพอทุกคนได้ยิน ยังจะลังเลอะไรอีก รีบลงมือกันทันที กินกันอย่างบ้าคลั่ง“มันคือเลิศรสในแดนดิน อร่อยยิ่งนัก!”“ข้าเกิดมาจนโตขนาดนี้ ไม่เคยกินของอร่อยเท่านี้มาก่อน น่าประทับใจจริง ๆ!”“รู้สึกเหมือนทั้งหมดนี้เป็นความฝัน คิดไม่ถึงว่ายังได้กินอาหารอร่อยๆ ในตอนที่มีชีวิตอยู่อย่างนี้!”.......ทุกคนกินกันจนน้ำตานองหน้า ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกปลื้มใจมากการเปลี่ยนความคิดของคนคนหนึ่งมันยากเหลือเกิน เมื่อสิ่งหนึ่งก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในสมองเขา คิดเปลี่ยนมันมีอยู่แค่วิธีเดียว นั่นก็คือให้เขาไปทดลองด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อมันก็เหมือนกับผู้ชายที่ไม่เคยเจอผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง จู่ ๆ จะให้เขาหลับนอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร และยังจะผลักไสด้วย แต่พอเขาได้สัมผัสสิ่งดี ๆ จากผู้หญิงแล้ว ก็จะเหมือนกับเสพติด ไม่มีวันเลิกได้สิบนาทีให้หลัง ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลิวเป้ยพี่น้องสามคนและพวกเซียวหยางรวมหกคนมาท
ครั้นเห็นเหมียวชิงอีและเติ้งซูหมิงในชุดลำลอง สองตาของฉินอวิ๋นฟานก็เบิกโพลงจนทั้งกลมทั้งใหญ่ รูปร่างอ่อนช้อย ผิวพรรณเรียบเนียนปานหิมะนั่น ทำให้คนน้ำลายไหลน่าเสียดาย เหมียวชิงอีใช้ผ้าผืนบางปิดบังใบหน้าตลอด ทำให้คนจินตนาการไม่สิ้นสุด กับสิ่งที่เป็นปริศนา ผู้ชายมักมีความปรารถนาที่จะค้นหา ฉินอวิ๋นฟานแทบอยากกระชากผ้าผืนนั้นเสียเดี๋ยวนี้กอปรกับเขาเพิ่งกินปลาไหลจานโต ฮอร์โมนทรงพลังกำลังเดือดพล่าน ท้องน้อยเร่าร้อนที่สุด“รัชทายาทต้าเฉียน ดึกอย่างนี้แล้วยังต้องการพบข้า ไม่ทราบมีธุระอันใดหรือ?”เหมียวชิงอีเอ่ยปากช้า ๆ“ไม่มีธุระหรือจะมาหาว่าที่ภรรยาของกระหม่อมสักหน่อยไม่ได้หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดหยอก“อ้อ? ท่านมั่นใจว่าจะได้แต่งกับข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?”เหมียวชิงอีถามอย่างนึกสนุก“นี่ไม่ใช่เรื่องมั่นใจ แต่กระหม่อมชอบพระองค์แล้ว ดังนั้นกระหม่อมต้องแต่งกับพระองค์ให้ได้ สำหรับเงื่อนไขสองข้อนั้น กระหม่อมมั่นใจเต็มร้อยว่าจะทำสำเร็จ”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ “เพื่อแสดงออกถึงไมตรีที่มีต่อพระองค์ จึงเจาะจงลงมือทำอาหารเลิศรสจำนวนหนึ่งมาถวาย”ว่าแล้วฉินอวิ๋นฟานก็แกะห่อแล้วหยิบปลาไหลผัดพริก
เหมียวชิงอีจดจ้องด้วยความโมโหโทโส ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าเรียบสงบ เขาแค่มาส่งอาหารเลิศรสชั้นยอดที่ทำกับมือให้เหมียวชิงอีเท่านั้น พร้อมมายลโฉมของภรรยาตำหนักใหญ่ในอนาคต ไม่แน่ว่ายังอาจได้ตอดเล็กตอดน้อยอะไรสักหน่อยคิดไม่ถึงว่านางจะตกหลุมพรางในประโยคเดียว ทลายกำแพงของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง ภรรยาที่แน่อย่างแช่แป้ง หากไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะเห็นหน้า?ท่าทางสูงส่งของเหมียวชิงอีทำให้ฉินอวิ๋นฟานไม่สบอารมณ์อย่างหนัก ถ้าจากมุมมองของบนเตียง ถูกข่มสักหน่อยกลับไม่เป็นไร แต่การข่มด้านจิตใจแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกเกลียดมากข้อเรียกร้องของแม่เจ้าประคุณที่มีความยากระดับนรก เขารับปากแล้ว แต่จะดูหน้าสักหน่อยไม่ได้หรือไง?จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็มีความรู้สึกเหมือนเป็นสุนัขเลียขา โบราณว่าไว้ หมาเลีย ๆ เลียจนหมดสิ้นทุกอย่างในท้ายที่สุด เขาฉินอวิ๋นฟานจะไม่เป็นสุนัขพันธุ์ปั๊กเพราะความงามของเหมียวชิงอีหรอก“ถ้ากระหม่อมบอกว่า หากพระองค์ไม่เปิดผ้าปิดพระพักตร์ กระหม่อมจะทิ้งแคว้นเหมียวล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปาก“เหอะ ท่านกำลังข่มขู่ข้ารึ? ยังนึกว่าจะทำข้อเรียกร้องสองเรื่องของข้าสำเร็จ?”กับการข่มขู่ของฉินอวิ๋นฟาน เหม
เติ้งซูหมิงเดินไปจะเอาปลาไหลผัดพริกกับปลาไหลน้ำแดงสองจานใหญ่ไปทิ้ง กลับถูกเหมียวชิงอีห้ามเอาไว้“เขายังกล้าทำเลย แล้วไฉนข้าจะไม่กล้ากิน? เขายังไม่กลัวต้องคำสาปเลย ไยข้าต้องกลัว?”พอพูดจบ เหมียวชิงอีก็เตรียมจะหยิบตะเกียบ แต่เติ้งซูหมิงขวางเอาไว้ “ฝ่าบาท เดี๋ยวเพคะ ให้หม่อมฉันใช้เข็มเงินทดสอบก่อนว่ามีพิษหรือไม่!”เติ้งซูหมิงหยิบเข็มเงินประณีตออกมาเล่มหนึ่งแล้วทดสอบกับของในจานหลายครั้ง กลับไม่พบความผิดปกติ เมื่อนั้นเหมียวชิงอีจึงเริ่มกินอย่างวางใจตอนนี้เอง เหมียวชิงอีจึงเอาผ้าปิดหน้าออก ทันทีที่ปลาไหลน้ำแดงเข้าปาก จิตวิญญาณสะท้าน เข้าปากนุ่มลื่น น้ำแกงบำรุงเข้มข้น กระตุ้นต่อมรับรสของนางไม่หยุด ความรู้สึกวิเศษเช่นนั้น ถูกปลาไหลน้ำแดงสยบได้ในพริบตา“สวรรค์! โลกนี้ยังมีอาหารรสเลิศเช่นนี้อยู่อีกหรือ?”เหมียวชิงอีโพล่งปากออกมาด้วยความตกใจ เติ้งซูหมิงใบหน้าสับสน คีบขึ้นมาแบบยากจะเชื่อเล็กน้อย แต่ทันทีที่เข้าปาก นางถูกสยบโดยสมบูรณ์แบบทันทีทันใดแค่ชั่วเดี๋ยวเดียว อาหารปลาไหลสองจานใหญ่ถูกทั้งสองกวาดเรียบ กระทั่งยังอยากลิ้มรสอีก“หมดแล้วหรือ? หมดไปแล้ว?”เหมียวชิงอีมองจานที่สะอาดหมดจนสอง
“เหมือนจะมีเหตุผล...”อู่จ้านขมวดคิ้ว มิน่าเสี่ยวฟานจึงใช้ท่าทีอย่างนี้กับนาง หากวิเคราะห์ดูดี ๆ รู้สึกว่าฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะไม่ธรรมดาอย่างที่คิด“อีกอย่าง แม้แต่หน้าก็ไม่ให้ข้าเห็นก็คิดจะควบคุมข้า ข้าจะสนใจนางทำไม?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าเมินเฉย “ไป เอาของอร่อยไปให้จางเต้าหลินกัน!”อู่จานไม่เข้าใจ “เอ๋ เอาไปให้เขา? เหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้จักมักจี่อะไรกับเขานี่?”“ไปก็รู้จักเองไม่ใช่หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่พูดอู่จ้านมุมปากกระตุก ในยามปกติระหว่างพวกเขาแทบจะเป็นคนแปลกหน้า กลางดึกกลางดื่นกลับไปส่งอาหารสองจานให้เขาที่บ้าน? บ้านเขาขาดของกินหรือ?มีการมอบของขวัญแบบนี้ที่ไหน? อีกอย่างยังให้ของที่คนขยาดมากอีก ถึงเวลาจะไม่ถูกคนตะเพิดออกมานะ?เมืองต้าเฉียนก็คือเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าเฉียน และเป็นเมืองที่เจริญที่สุดของต้าเฉียน ตอนที่ฉินอวิ๋นฟานกลับมาจากเหมียวชิงอีนั่นก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แต่ตามท้องถนนยังมีแสงไฟสว่างไสว บรรยากาศคึกคักอย่างยิ่งเนื่องจากภัตตาคารต้าเฉียนไม่สามารถรองรับคนสองพันคนกินอาหารได้ในคราวเดียว ดังนั้นจึงจัดวางเก้าอี้ตัวยาวริมถนนละแวกภัตตาคารต้าเฉียนกลิ่
“โอ๊ย เฮ้ย ใครกล้าเล่นสกปรก? กล้าตบข้าจากข้างหลัง?”ถูกคนตบหน้าแบบไม่มีสาเหตุ ซุนฉี่เชาหมุนตัวอยู่กลางอากาศ เหนือศีรษะปรากฏดวงดาวสีทอง เจ็บแสบครึ่งหน้า โมโหจนกัดฟันกรอดแทบจะเต้นเร่า ๆ“ข้าก็แตะต้องเจ้าแล้วนี่ไง เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปาก เดินไปอยู่ตรงหน้าซุนฉี่เชาด้วยใบหน้าเย็นชาทระนง ในดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ มันผู้ใดกล้าลบหลู่มู่หรงจิ่น มันผู้นั้นสมควรตาย!“เจ้า เจ้ามารดามันเป็นใคร กล้าตีข้า? ไม่รู้หรือว่าข้าคือคุณชายใหญ่ของตระกูลซุน?”ซุนฉี่เชาไม่รู้ว่าเป็นฉินอวิ๋นฟาน เห็นว่ามีคนวางก้ามเช่นนั้นโทสะยิ่งปะทุ แต่ตอนนี้เอง ชายหนุ่มในชุดผ้าต่วนรีบกระซิบเตือนเขา “เขา เขาก็คือรัชทายาทรัชกาลปัจจุบัน...”“อะไรนะ? เจ้า เจ้าก็คือฉินอวิ๋นฟาน?”พอรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็คือรัชทายาท ความฉลาดของซุนฉี่เชามาทันที รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ความโอหังกำแหงหายวับไปกว่าครึ่ง“เมื่อกี้ได้ยินใครบอกว่าข้าเป็นแค่ไอ้ปัญญาอ่อน? บอกว่าข้าไม่กล้าแตะขนเจ้าสักเส้น?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา“ขะ ขะ ข้าเป็นคนพูด แล้วยังไง?”ซุนฉี่เชาฝืนทำใจสงบ ทั้งยังเจอกับรัชท
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ
“ปืนใหญ่สนามอิตาลี? ชื่อช่างน่ามหัศจรรย์นัก!” หลู่หนีพูดด้วยใบหน้าสับสน!ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้อธิบายมาก เขามองไปทางหลู่หนีแล้วพูดขึ้นอีก “ช่างใหญ่หลู่หนี ท่านทำเจ้าเหล็กนี้เถอะ ต้องระวังให้มาก จะดูแคลนอานุภาพของมันไม่ได้”“อ้อ? นี่คือสิ่งใดหรือ?”หลู่หนีรับภาพที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมา ภาพนี้ไม่ใหญ่ ในนั้นมีแต่วัตถุทรงกลม ข้างบนมีแหวนอันหนึ่ง หลู่หนีเห็นแล้วทำหน้าฉงน“เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าระเบิดมือ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวในยามคับขันจะดีที่สุด ตอนท่านทำต้องป้องกันความปลอดภัย หากไม่เข้าใจอะไรก็มาถามข้าทันที”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“ขอรับ! ข้าน้อยต้องตั้งใจทำแน่นอน!”ติดตามฉินอวิ๋นฟานมานานอย่างนี้ หลู่หนีรู้ดี หากฉินอวิ๋นฟานกำชับเช่นนี้ นั่นแสดงว่ามันต้องไม่ธรรมดา แม้มีขนาดเล็ก แต่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่กล้าประมาทสักนิด!“เอาละ ตอนนี้เหลือเรื่องที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง จำเป็นต้องให้พวกท่านสามคนทำให้สำเร็จ!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ขึงขังขึ้นมา เขาหยิบภาพเจ็ดแปดภาพมากองอยู่ตรงหน้าทุกคน ฉินอวิ๋นฟานวาดภาพพวกนี้เสร็จตั้งแต่อยู่ที่เมืองอู่โจว และสิ่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเขาซึ่งมีค
“นายช่างใหญ่ทั้งสองเกรงใจแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานรีบสองก้าวรวบเป็นหนึ่งไปข้างหน้า คว้ามือของพวกเขาเอาไว้ก่อนจะกล่าวอย่างไมตรีจิต “เป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน ไยต้องยึดติดกับขนบธรรมเนียมพื้น ๆ พวกนี้ด้วย? รีบเชิญข้างในเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานมีไมตรีเช่นนี้ทำให้หลู่เซินและหลู่เหมี่ยวต่างตกใจอย่างไม่เคยประสบ ประทับใจอย่างยิ่ง ส่วนหลู่หนีที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วตาค้างไปเลย พลางตะลึงถอนใจในใจ ‘เจ้าหมอนี่ ไม่เห็นเหมือนเมื่อกี้นี้เลยนี่!’ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องหนังสือ หลังจากสนทนากันอย่างเรียบง่ายประมาณหนึ่งแล้ว การสนทนาของพวกเขาก็เข้าสู่ประเด็นหลัก และนี่ก็คือจุดประสงค์ที่ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลู่หนีมาฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก “ช่างใหญ่หลู่หนี ที่ข้าตามพวกท่านมาเพราะมีงานสำคัญมากงานหนึ่ง และเป็นภารกิจยากเย็นแสนเข็ญจะมอบให้พวกท่าน หวังว่าพวกท่านจะทำสำเร็จได้”“ภารกิจยากเย็นแสนเข็ญ?”เมื่อทั้งสามได้ยินก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นมา ที่พวกเขามาก็เพื่อทำงาน สามารถมีภารกิจสำคัญได้ย่อมเป็นเรื่องดี!“หลังจากดัดแปลงหน้าไม้ของเราแล้ว รูปโฉมก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอเคสี่สิบแปดพัฒนาอานุภาพได้น่ากลัวถึงขีดสุดแ
ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วถาม “ท่านก็รู้ ของที่พวกเราสร้างกันขึ้นมาล้วนเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำ ทันทีที่เล็ดลอดออกไปจะเป็นการโจมตีพวกเราถึงตาย ดังนั้นข้ายอมให้ช้าลงหน่อยก็ไม่กล้าให้คนที่ไม่คุ้นเคยสอดมือยุ่งเรื่องนี้”ฉินอวิ๋นฟานย่อมเชื่อถือหลู่หนีเต็มร้อยอยู่แล้ว เพราะพวกเขาร่วมมือกันหลายเดือนเต็ม ๆ อีกอย่างลูกสาวของหลู่หนีก็กลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่หลู่หนีจะหักหลังแต่คนนอกไม่เหมือนกัน ทันทีที่พวกเขาขโมยเทคโนโลยีหลักของเขาไป นั่นได้เดือดร้อนแล้ว เมื่อเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างเอเคสี่สิบแปดผลิตในบ้านเมืองอื่น เช่นนั้นโลกใบนี้จะบังเกิดกลียุคแล้ว “รัชทายาทวางใจได้ พวกเขาสองคนคือศิษย์พี่หกและศิษย์พี่เจ็ดของข้าน้อย พวกเราสามคนโตมาด้วยกันแต่เล็ก สนิทกันมาก เชื่อได้แน่นอน และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าข้าน้อยด้วย”หลู่หนีทุบอกรับประกัน “อันที่จริงที่อาจารย์ส่งพวกเขามาก็เป็นเพราะข้าน้อยเอ่ยปาก อย่างไรเสีย ลำพังข้าน้อยคนเดียวมีความจำกัดเรื่องความเร็ว ถ้าได้คนที่มีฝีมือดีมาช่วยเหลือ ต้องสำเร็จแบบทุ่นแรงได้มากแน่นอน”“อีกอย่าง อาจารย์ของข้าน้อยจัดเป็นขั้วอิทธิพลยุทธภพ ยึดมั่นกับการประดิษฐ์คิด
“นั่นสิ จุดยืนของฟานเอ๋อร์ในเวลานี้ไม่สู้ดีนัก ข้าก็สนับสนุนเขาโจ่งแจ้งไม่ได้ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้เขาจะต้องเจอกับอะไรสิน่า?”ไท่ซั่งหวงพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “หวังว่าในตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นภาพต้าเฉียนสงบสุขร่มเย็น รุ่งเรืองแข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นข้าก็วางใจหลับตาได้แล้ว!”......หลังจากสะสางงานเสร็จ หวังอันสือและคนอื่น ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฟานเชิญที่ไปจวนรัชทายาท ทั้งเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการรักษาพวกเขาโดยเฉพาะ“รัชทายาท ขอบคุณท่านอีกครั้งที่ช่วยเซียงหลิง...”หลู่หนีเพิ่งตามฉินอวิ๋นฟานเข้าห้องหนังสือมาก็อ้าปากพูดในฐานะที่เป็นคนซึ่งปราศจากตำแหน่งพิเศษ การต่อต้านหน่วยงานใหญ่อย่างสำนักศึกษาหลวงคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย ฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวทันเวลา ทั้งยังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุตรสาว นี่ทำให้หลู่หนีทราบซึ้งใจยิ่งนักในอดีต เขาถูกการประดิษฐ์ของฉินอวิ๋นฟานสยบ ดังนั้นจึงเข้าร่วมกับฉินอวิ๋นฟาน กระนั้นเขาไม่อยากให้บุตรสาวกลายเป็นผู้หญิงของอีกฝ่าย ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้ว ฉินอวิ๋นฟานคือคนที่ควรค่าแก่การฝากฝังเพิ่งจัดการขุนนางทุจริตที่ปกป้องพวกพ้องเดียวกันฝูงหนึ่งเสร็จ ฉินอวิ๋นฟานยังต