“ยอดเยี่ยมไปเลย!”ก็ขณะที่ทั้งสองกำลังลังเลอยู่ จู่ ๆ ก็มีคนอดใจไม่ไหวกินคำหนึ่ง พบว่านี่มันเป็นของสุดยอดในแดนมนุษย์ มิใช่หนึ่งใน เขาโพล่งปากเดี๋ยวนั้นพอทุกคนได้ยิน ยังจะลังเลอะไรอีก รีบลงมือกันทันที กินกันอย่างบ้าคลั่ง“มันคือเลิศรสในแดนดิน อร่อยยิ่งนัก!”“ข้าเกิดมาจนโตขนาดนี้ ไม่เคยกินของอร่อยเท่านี้มาก่อน น่าประทับใจจริง ๆ!”“รู้สึกเหมือนทั้งหมดนี้เป็นความฝัน คิดไม่ถึงว่ายังได้กินอาหารอร่อยๆ ในตอนที่มีชีวิตอยู่อย่างนี้!”.......ทุกคนกินกันจนน้ำตานองหน้า ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกปลื้มใจมากการเปลี่ยนความคิดของคนคนหนึ่งมันยากเหลือเกิน เมื่อสิ่งหนึ่งก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในสมองเขา คิดเปลี่ยนมันมีอยู่แค่วิธีเดียว นั่นก็คือให้เขาไปทดลองด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อมันก็เหมือนกับผู้ชายที่ไม่เคยเจอผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง จู่ ๆ จะให้เขาหลับนอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร และยังจะผลักไสด้วย แต่พอเขาได้สัมผัสสิ่งดี ๆ จากผู้หญิงแล้ว ก็จะเหมือนกับเสพติด ไม่มีวันเลิกได้สิบนาทีให้หลัง ฉินอวิ๋นฟานเรียกหลิวเป้ยพี่น้องสามคนและพวกเซียวหยางรวมหกคนมาท
ครั้นเห็นเหมียวชิงอีและเติ้งซูหมิงในชุดลำลอง สองตาของฉินอวิ๋นฟานก็เบิกโพลงจนทั้งกลมทั้งใหญ่ รูปร่างอ่อนช้อย ผิวพรรณเรียบเนียนปานหิมะนั่น ทำให้คนน้ำลายไหลน่าเสียดาย เหมียวชิงอีใช้ผ้าผืนบางปิดบังใบหน้าตลอด ทำให้คนจินตนาการไม่สิ้นสุด กับสิ่งที่เป็นปริศนา ผู้ชายมักมีความปรารถนาที่จะค้นหา ฉินอวิ๋นฟานแทบอยากกระชากผ้าผืนนั้นเสียเดี๋ยวนี้กอปรกับเขาเพิ่งกินปลาไหลจานโต ฮอร์โมนทรงพลังกำลังเดือดพล่าน ท้องน้อยเร่าร้อนที่สุด“รัชทายาทต้าเฉียน ดึกอย่างนี้แล้วยังต้องการพบข้า ไม่ทราบมีธุระอันใดหรือ?”เหมียวชิงอีเอ่ยปากช้า ๆ“ไม่มีธุระหรือจะมาหาว่าที่ภรรยาของกระหม่อมสักหน่อยไม่ได้หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดหยอก“อ้อ? ท่านมั่นใจว่าจะได้แต่งกับข้าขนาดนั้นเชียวหรือ?”เหมียวชิงอีถามอย่างนึกสนุก“นี่ไม่ใช่เรื่องมั่นใจ แต่กระหม่อมชอบพระองค์แล้ว ดังนั้นกระหม่อมต้องแต่งกับพระองค์ให้ได้ สำหรับเงื่อนไขสองข้อนั้น กระหม่อมมั่นใจเต็มร้อยว่าจะทำสำเร็จ”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ “เพื่อแสดงออกถึงไมตรีที่มีต่อพระองค์ จึงเจาะจงลงมือทำอาหารเลิศรสจำนวนหนึ่งมาถวาย”ว่าแล้วฉินอวิ๋นฟานก็แกะห่อแล้วหยิบปลาไหลผัดพริก
เหมียวชิงอีจดจ้องด้วยความโมโหโทโส ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าเรียบสงบ เขาแค่มาส่งอาหารเลิศรสชั้นยอดที่ทำกับมือให้เหมียวชิงอีเท่านั้น พร้อมมายลโฉมของภรรยาตำหนักใหญ่ในอนาคต ไม่แน่ว่ายังอาจได้ตอดเล็กตอดน้อยอะไรสักหน่อยคิดไม่ถึงว่านางจะตกหลุมพรางในประโยคเดียว ทลายกำแพงของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง ภรรยาที่แน่อย่างแช่แป้ง หากไม่มีแม้แต่สิทธิ์จะเห็นหน้า?ท่าทางสูงส่งของเหมียวชิงอีทำให้ฉินอวิ๋นฟานไม่สบอารมณ์อย่างหนัก ถ้าจากมุมมองของบนเตียง ถูกข่มสักหน่อยกลับไม่เป็นไร แต่การข่มด้านจิตใจแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกเกลียดมากข้อเรียกร้องของแม่เจ้าประคุณที่มีความยากระดับนรก เขารับปากแล้ว แต่จะดูหน้าสักหน่อยไม่ได้หรือไง?จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็มีความรู้สึกเหมือนเป็นสุนัขเลียขา โบราณว่าไว้ หมาเลีย ๆ เลียจนหมดสิ้นทุกอย่างในท้ายที่สุด เขาฉินอวิ๋นฟานจะไม่เป็นสุนัขพันธุ์ปั๊กเพราะความงามของเหมียวชิงอีหรอก“ถ้ากระหม่อมบอกว่า หากพระองค์ไม่เปิดผ้าปิดพระพักตร์ กระหม่อมจะทิ้งแคว้นเหมียวล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปาก“เหอะ ท่านกำลังข่มขู่ข้ารึ? ยังนึกว่าจะทำข้อเรียกร้องสองเรื่องของข้าสำเร็จ?”กับการข่มขู่ของฉินอวิ๋นฟาน เหม
เติ้งซูหมิงเดินไปจะเอาปลาไหลผัดพริกกับปลาไหลน้ำแดงสองจานใหญ่ไปทิ้ง กลับถูกเหมียวชิงอีห้ามเอาไว้“เขายังกล้าทำเลย แล้วไฉนข้าจะไม่กล้ากิน? เขายังไม่กลัวต้องคำสาปเลย ไยข้าต้องกลัว?”พอพูดจบ เหมียวชิงอีก็เตรียมจะหยิบตะเกียบ แต่เติ้งซูหมิงขวางเอาไว้ “ฝ่าบาท เดี๋ยวเพคะ ให้หม่อมฉันใช้เข็มเงินทดสอบก่อนว่ามีพิษหรือไม่!”เติ้งซูหมิงหยิบเข็มเงินประณีตออกมาเล่มหนึ่งแล้วทดสอบกับของในจานหลายครั้ง กลับไม่พบความผิดปกติ เมื่อนั้นเหมียวชิงอีจึงเริ่มกินอย่างวางใจตอนนี้เอง เหมียวชิงอีจึงเอาผ้าปิดหน้าออก ทันทีที่ปลาไหลน้ำแดงเข้าปาก จิตวิญญาณสะท้าน เข้าปากนุ่มลื่น น้ำแกงบำรุงเข้มข้น กระตุ้นต่อมรับรสของนางไม่หยุด ความรู้สึกวิเศษเช่นนั้น ถูกปลาไหลน้ำแดงสยบได้ในพริบตา“สวรรค์! โลกนี้ยังมีอาหารรสเลิศเช่นนี้อยู่อีกหรือ?”เหมียวชิงอีโพล่งปากออกมาด้วยความตกใจ เติ้งซูหมิงใบหน้าสับสน คีบขึ้นมาแบบยากจะเชื่อเล็กน้อย แต่ทันทีที่เข้าปาก นางถูกสยบโดยสมบูรณ์แบบทันทีทันใดแค่ชั่วเดี๋ยวเดียว อาหารปลาไหลสองจานใหญ่ถูกทั้งสองกวาดเรียบ กระทั่งยังอยากลิ้มรสอีก“หมดแล้วหรือ? หมดไปแล้ว?”เหมียวชิงอีมองจานที่สะอาดหมดจนสอง
“เหมือนจะมีเหตุผล...”อู่จ้านขมวดคิ้ว มิน่าเสี่ยวฟานจึงใช้ท่าทีอย่างนี้กับนาง หากวิเคราะห์ดูดี ๆ รู้สึกว่าฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะไม่ธรรมดาอย่างที่คิด“อีกอย่าง แม้แต่หน้าก็ไม่ให้ข้าเห็นก็คิดจะควบคุมข้า ข้าจะสนใจนางทำไม?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้าเมินเฉย “ไป เอาของอร่อยไปให้จางเต้าหลินกัน!”อู่จานไม่เข้าใจ “เอ๋ เอาไปให้เขา? เหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้จักมักจี่อะไรกับเขานี่?”“ไปก็รู้จักเองไม่ใช่หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่พูดอู่จ้านมุมปากกระตุก ในยามปกติระหว่างพวกเขาแทบจะเป็นคนแปลกหน้า กลางดึกกลางดื่นกลับไปส่งอาหารสองจานให้เขาที่บ้าน? บ้านเขาขาดของกินหรือ?มีการมอบของขวัญแบบนี้ที่ไหน? อีกอย่างยังให้ของที่คนขยาดมากอีก ถึงเวลาจะไม่ถูกคนตะเพิดออกมานะ?เมืองต้าเฉียนก็คือเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าเฉียน และเป็นเมืองที่เจริญที่สุดของต้าเฉียน ตอนที่ฉินอวิ๋นฟานกลับมาจากเหมียวชิงอีนั่นก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แต่ตามท้องถนนยังมีแสงไฟสว่างไสว บรรยากาศคึกคักอย่างยิ่งเนื่องจากภัตตาคารต้าเฉียนไม่สามารถรองรับคนสองพันคนกินอาหารได้ในคราวเดียว ดังนั้นจึงจัดวางเก้าอี้ตัวยาวริมถนนละแวกภัตตาคารต้าเฉียนกลิ่
“โอ๊ย เฮ้ย ใครกล้าเล่นสกปรก? กล้าตบข้าจากข้างหลัง?”ถูกคนตบหน้าแบบไม่มีสาเหตุ ซุนฉี่เชาหมุนตัวอยู่กลางอากาศ เหนือศีรษะปรากฏดวงดาวสีทอง เจ็บแสบครึ่งหน้า โมโหจนกัดฟันกรอดแทบจะเต้นเร่า ๆ“ข้าก็แตะต้องเจ้าแล้วนี่ไง เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปาก เดินไปอยู่ตรงหน้าซุนฉี่เชาด้วยใบหน้าเย็นชาทระนง ในดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ มันผู้ใดกล้าลบหลู่มู่หรงจิ่น มันผู้นั้นสมควรตาย!“เจ้า เจ้ามารดามันเป็นใคร กล้าตีข้า? ไม่รู้หรือว่าข้าคือคุณชายใหญ่ของตระกูลซุน?”ซุนฉี่เชาไม่รู้ว่าเป็นฉินอวิ๋นฟาน เห็นว่ามีคนวางก้ามเช่นนั้นโทสะยิ่งปะทุ แต่ตอนนี้เอง ชายหนุ่มในชุดผ้าต่วนรีบกระซิบเตือนเขา “เขา เขาก็คือรัชทายาทรัชกาลปัจจุบัน...”“อะไรนะ? เจ้า เจ้าก็คือฉินอวิ๋นฟาน?”พอรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็คือรัชทายาท ความฉลาดของซุนฉี่เชามาทันที รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ความโอหังกำแหงหายวับไปกว่าครึ่ง“เมื่อกี้ได้ยินใครบอกว่าข้าเป็นแค่ไอ้ปัญญาอ่อน? บอกว่าข้าไม่กล้าแตะขนเจ้าสักเส้น?”ฉินอวิ๋นฟานแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา“ขะ ขะ ข้าเป็นคนพูด แล้วยังไง?”ซุนฉี่เชาฝืนทำใจสงบ ทั้งยังเจอกับรัชท
“อะไรนะ? พนันด้วยภัตตาคาร? เจ้าแน่ใจนะ?”พอได้ยินว่าเดิมพันด้วยภัตตาคารฝั่งตรงข้ามกับหอวั่งเจียง ซุนฉี่เชาก็ตื่นเต้นกระดี๊กระด๊าขึ้นมาทันที บิดาหมายตาภัตตาคารนั้นของตระกูลมู่หรงมานานแล้วเคยขอซื้อด้วยราคาสูงหลายครั้ง แต่มู่หรงซื่อควานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ได้ที่ดินผืนนั้นมา บิดาของเขาคิดจนหัวร้างข้างแตก คิดทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สำเร็จไม่นึกว่าจะมีคนยกภัตตาคารให้ก่อน? นี่มิใช่ขนมอบหล่นมาจากฟ้าที่ทุกคนพูดกันบ่อย ๆ หรือ?“แน่ใจ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง“ได้ ลงชื่อพิมพ์นิ้วมือ!”ซุนฉี่เชาในยามนี้ตื่นเต้นสุดขีด กลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะกลับคำพูด รีบเอาหนังสือสัญญาออกมาแล้วลงชื่อพิมพ์ลายนิ้วมือเดี๋ยวนั้น ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าฉินอวิ๋นฟาน “เจ้าอย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน ถึงตอนนั้นมู่หรงซื่อควานไม่ตกลงก็ต้องตกลง”“วางใจเถอะ!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้าย ลงชื่อและพิมพ์นิ้วมือทันที คนละหนึ่งฉบับ หลังจากได้ไปแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ตบไหล่ซุนฉี่เชาและพูดว่า “พ่อเจ้าไม่เสียทีที่เลี้ยงเจ้าโตมาจนป่านนี้ ต่อไปต้องกตัญญูต่อเขาให้มากด้วยเล่า”“นั่นยังต้องให้พูดอีกหรือ”ซุนฉี่เชายืดตัวตรงพูด “ถ้าถึง
ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานเปิดกล่องอาหาร จางเต้าหลินนัยน์ตาหดเล็ก นี่มิใช่มังกรงูที่ร่ำลือกันหรือ? กลับถูกฉินอวิ๋นฟานเอามาทำเป็นอาหารไปเสียได้?แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ กลับมีรสชาติหอมประหลาด คล้ายมีมนต์เสน่ห์ ทำให้คนน้ำลายสอฉินอวิ๋นฟานยิ้มเอ่ย “จางไท่เว่ย ท่านน่าจะรู้จักเจ้านี่กระมัง?”“มังกรงูในตำนาน!”จางเต้าหลินถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “รัชทายาทไม่ธรรมดาดังคาด แม้แต่ของพรรค์นี้ก็ยังกล้าแตะ ทำให้ข้าต้องมองใหม่จริง ๆ”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “ชิมสักหน่อย?”“รัชทายาทเจาะจงมาจวนข้ากลางดึก หากไม่ลิ้มรสสักหน่อยจะมิเป็นการไม่ไว้หน้ารัชทายาทหรือ? ดมกลิ่นแล้วไม่เลวจริง ๆ”จางเต้าหลินไม่รีรอ หยิบตะเกียบคีบแล้ววางลงในปากทันที ทันทีที่สัมผัสกับรสชาติพิเศษนั้น จางเต้าหลินตัวกระตุก สวรรค์ รสดีเช่นนี้เชียวหรือ?“เจ้า เจ้าของสิ่งนี้รสดีเช่นนี้เลยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มตอบ “มันคาวมาก หากทำไม่ถูกวิธีก็ยากจะกระเดือกลง แต่ข้ามีสูตรพิเศษ ถ้าใช้เป็นอาหารจานเด็ด จางไท่เว่ยคิดว่าจะเป็นอย่างไร?”“ต้องสะเทือนเลือนลั่นเป็นแน่!”จางเต้าหลินโพล่งปากออกมา ประเมินอาหารจากมังกรงูสองจานนี้ของฉินอวิ๋นฟานสูงมาก เข