ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง “ดังนั้นข้ากล้าพูดได้เลย ความแค้นใหญ่หลวงมิอาจอยู่ร่วมฟ้าระหว่างพวกเจ้าที่ว่า ไม่ใช่ว่าต้องเอาชีวิตอีกฝ่ายให้ได้ เป็นไปได้ว่ามันเป็นแค่ความแค้นของเจ้าเพียงฝ่าย”“ฉะนั้น เวลาที่พวกเจ้าปรนนิบัติผู้ชายที่ชอบคนเดียวกันบนเตียง ยังจะมีความขัดแย้งอะไรที่สลายไม่ได้อีก? และถ้าสลายไม่ได้ นั่นก็มีแค่ความเป็นไปได้เดียว ก็คือพวกเจ้ารักผู้ชายคนนี้ไม่มากพอ”หลังจากฉินอวิ๋นฟานหลอกด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน หวงต้าหยวนอึ้งงันอยู่กับที่ สมองขัดข้องในพริบตา รู้สึกว่าที่ฉินอวิ๋นฟานพูดมาเหมือนจะมีเหตุผลมาก แต่ก็รู้สึกเหมือนไร้สาระด้วย“เจ้าหอหวง เจ้าฉลาดนัก เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ มีทัศนคติ มีความมั่นใจ ข้าเชื่อว่าความแค้นเล็กน้อย จะไม่เป็นอุปสรรคต่อชีวิตของเจ้า ข้าฉินอวิ๋นฟานก็ชื่นชมเจ้ามากนะ”ฉินอวิ๋นฟานเยินยอหวงต้าหยวนแบบไม่ประหยัดคำ และนี่ก็คือความรู้สึกจริงในใจของเขา เขาหักมุมฉับพลัน “เรื่องระหว่างเจ้ากับเหมียวชิงอี ข้าจะไม่ยุ่งและไม่ถาม ข้าเชื่อว่าเจ้าจะจัดการให้เรียบร้อยได้”จู่ ๆ ก็ได้รับคำชมจากฉินอวิ๋นฟาน ทำให้หวงต้าหยวนประทับใจมาก และคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟานก็ตรงใจของนาง นางมอ
“หือ? ไอ้สุนัขรับใช้ เจ้ากล้าเถียงรึ?!”ที่แรกฉินอวิ๋นคังนึกว่าจะเบ่งบารมีกับลูกน้องกลุ่มนี้ของฉินอวิ๋นฟานสักหน่อย จะได้สะดวกเล่นงานคนพวกนี้ แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง พวกหลิวเป้ยกลับแข็งกร้าวเช่นนี้?เขาตะคอกกลับ “ระเบียบของฉินอวิ๋นฟานนับเป็นลมผาย! ต่อหน้าระเบียบของต้าเฉียน เจ้าเอาใครมาอ้างก็ไม่ได้ผลทั้งนั้น ข้าฉินอวิ๋นคังคือองค์ชายใหญ่ของต้าเฉียน ฐานะสูงส่ง เจ้ากล้าไม่ไว้หน้าข้ารึ?!”หลังจากรู้ข่าวว่าฉินอวิ๋นฟานเสียชีวิต ฉินอวิ๋นคังไม่ยำเกรงอะไรแล้ว เขากดดันต่อ แม้การควบคุมฉินอวิ๋นฟานจะลำบากจริง แต่การควบคุมลิ่วล้อพวกนี้ยังง่ายดังพลิกฝ่ามือ!“ฮึ! ท่านคือองค์ชายใหญ่ของต้าเฉียนแล้วยังไง? นายของข้ายังเป็นถึงรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินแน่ะ! ฐานะมิสูงส่งกว่าท่านมากหรือ?”เห็นฉินอวิ๋นคังหาเรื่องไม่เลิก ท่าทางแข็งกร้าวที่สุด หลิวเป้ยจึงหมดความอดทน เขาพูดหน้าขรึม “หน้าตาต้องหามาด้วยตัวเอง ใช่อาศัยผู้อื่นมอบให้ ข้าหลิวเป้ยภักดีต่อรัชทายาทต้าเฉียนเท่านั้น! ท่านนับเป็นตัวอะไร?!”หลิวเป้ยไม่ยำเกรง แม้จะเผชิญหน้ากับองค์ชายใหญ่ของต้าเฉียนผู้กำทหารส่วนใหญ่อยู่ในมือ เขาก็ยังแข็งข้อใส่ซึ่งห
ฉินอวิ๋นคังคิดเอาไว้อยู่แล้ว พอฉินอวิ๋นฟานตายไป เขาต้องยึดอำนาจในการควบคุมเมืองอู่โจวมาทันที ยิ่งพวกหลิวเป้ยต่อต้าน ก็ยิ่งหมายความว่ามีปัญหา ยิ่งบ่งบอกว่างานศพนี้ก็เตรียมไว้เพื่อฉินอวิ๋นฟานนั่นแหละ“บุกเข้าไป? ถ้าข้าไม่หลีกให้ล่ะ?”หลิวเป้ยพูดจบก็มีทหารกลุ่มหนึ่งออกมาล้อมตั้งท่าเตรียมตัวพร้อมปะทะทันทีการชักกระบี่น้าวเกาทัณฑ์กะทันหันทำเอาฉินอวิ๋นคังไปไม่เป็น แม่งเอ๊ย! เป็นแค่เจ้าเมืองจัวเล็ก ๆ ก็วางก้ามอย่างนี้แล้ว?“ฮั่วจื้อจวิน!!!!”ฉินอวิ๋นคังเผยโฉมหน้าที่แท้จริง ตวาดออกไปทันที ทหารกลุ่มหนึ่งตั้งท่าแข็งขัน เตรียมโจมตีจวนเจ้าเมืองอู่โจวทุกเมื่อ!ฉินอวิ๋นฟานที่อยู่จุดไกล ๆ เห็นภาพนี้ทั้งหมด เขาพึงพอใจกับท่าทีแข็งข้อของหลิวเป้ยมาก แม้ในเรื่องสามก๊ก ทุกคนจะมีความคิดเห็นต่อหลิวเป้ยต่าง ๆ นานา บ้างว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมเสแสร้งอะไรแต่ในประวัติศาสตร์ หลิวเป้ยมีความเมตตาและเป็นธรรมต่อใต้หล้า ฉลาดล้ำลึกและเชี่ยวชาญการวางกลยุทธ์ เข้าใจและรู้จักใช้คน มีชื่อเสียงมากเป็นทุนเดิม ส่วนหลิวเป้ยในโลกคู่ขนาน เห็นชัดว่าได้รับการอบรมจากเขา ซื่อสัตย์กล้าหาญ รู้จักวางแผน มีความมั่นใจ เป็นผู้ช่
“เอ่อ นี่...”นาทีนี้ฮั่วจื้อจวินหน้าซีดเผือด ย่ำแย่สุดขั้ว เขาอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก นี่จะให้อธิบายอย่างไร? อธิบายก็ไม่เท่ากับแบไต๋ออกไปหมดหรือ?การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำลายแผนการของฉินอวิ๋นคังโดยสิ้นเชิง การเตรียมการทั้งหมดของเขาเสียเปล่าหมด!“เอ่อ คือว่า นั่นสิ ยินดีด้วยน้องเจ็ด ยินดีด้วย”ฉินอวิ๋นคังพูดหน้าเจื่อน “จู่ ๆ จวนเจ้าเมืองก็จัดงานศพ ข้ายังนึกว่าน้องเจ็ดเกิดเรื่อง ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนนะ”ตอนนี้ฉินอวิ๋นคังอยากหารูที่พื้นแล้วมุดหนีไปให้พ้น ๆ เพื่อแก้เก้อ เขาหมุนตัวจะไปทันที อยากไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดแต่จังหวะที่เขาเตรียมจะจากไป ฉินอวิ๋นฟานกลับตวาดเสียงเย็นขึ้นมา “พี่ใหญ่ อยากจะมาก็มา อยากไปก็ไป นี่จะไม่เหมาะสมกระมัง?”ฉินอวิ๋นคังเพิ่งเดินไปได้สองก้าวก็หยุด เขาหันมายิ้มเลิ่กลั่ก “น้องเจ็ด ดูเจ้าพูดเข้าสิ ข้าเป็นห่วงเจ้าก็เลยมาดูไง ในเมื่อเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าว่าใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นคังในเวลานี้ต่างจากเขาเมื่อครู่ที่ทำท่าแข็งกร้าวราวอย่างกับเป็นคนละคน เขารู้ฝีมือของฉินอวิ๋นฟานดี ถ้าไม่พยายามเผ่นให
รีบฝืนอธิบาย “น้องเจ็ด นี่ก็เผื่อเอาไว้ก่อนอย่างไรเล่า เจ้าก็รู้ความชั่วช้าเจ้าเล่ห์ของหลัวเทียนเป้านี่” “อ้อ เช่นนี้หรือ”ฉินอวิ๋นฟานเบะปากพูด “แต่... หลัวเทียนเป้าพูดถึงพี่ใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ เขาบอกว่าพี่ใหญ่นั่นแหละที่เป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง แถมยังบอกอีกด้วยว่าพี่ใหญ่รับปากจะคืนเมืองอู่โจวให้ต้าเยียน ไม่ทราบว่ามีเรื่องเช่นนี้หรือไม่?”เมื่อสิ้นเสียงฉินอวิ๋นคังพลันหน้าซีดเผือด ในใจลนลานราวกับถูกเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้นเขาจึงรีบอธิบาย “น้องเจ็ด เจ้าอย่าไปเชื่อเขาเป็นอันขาดนะ เขากำลังยุให้เราแตกคอกัน พวกเราพี่น้องมือเท้าสายใยลึกซึ้ง จะทำเรื่องเช่นนี้ได้ยังไง”“อย่างนั้นหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วพลางพูด “แต่... ข้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะหลัวเทียนเป้าคือตระกูลชื่อดังอันดับหนึ่งของต้าเยียน ใคร ๆ ก็รู้ความทะเยอทะยานของพวกเขากันหมด”“ก็นั่นไง คนเยี่ยงหลัวเทียนเป้าเชื่อถือได้เสียที่ไหน?”คำพูดของฉินอวิ๋นฟานทำให้ฉินอวิ๋นคังราวกับปลดภาระหนักหน่วง เขารีบปาดเหงื่อเย็นตรงหน้าผาก กลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะเชื่อคำพูดของหลัวเทียนเป้าจริง เพราะถ้าฉินอวิ๋นฟานสืบสาวราวเรื่องเชิงลึก เกรงว่าจะพบ
“ใช่ ใช่ ใช่ น้องเจ็ดเจ้าทำถูกต้อง รีบฉีกมันทิ้งซะ!”พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานบอกว่าจะฉีกกระดาษแถบ ฉินอวิ๋นคังก็ดีใจลิงโลด รีบพูดสมทบ “กระดาษนี้อัปมงคลเสียจริง เป็นตัวการร้ายที่ส่งผลกระทบต่อสัมพันธ์พี่น้องของเรา”ยามนี้ คนที่รู้จักดูต่างมองออกแล้ว องค์ชายใหญ่ต้องมีปัญหาแน่นอน มิเช่นนั้นเขาจะประหม่าเช่นนี้ได้อย่างไร?ทว่า ณ ที่นี้ก็มีแต่หลิวเป้ยที่รู้ว่ากระดาษแถบเป็นของปลอม นี่ก็คือลูกไม้ที่ฉินอวิ๋นฟานเอาไว้หลอกฉินอวิ๋นคัง ความจริงหลัวเทียนเป้าไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ทั้งนั้นฮั่วจื้อจวินที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วมุ่น ในความทรงจำของเขา ตอนที่ฉินอวิ๋นฟานถูกซัดตกหน้าผา หลัวเทียนเป้ายังไม่ถูกฆ่า หรือก็หมายถึงฉินอวิ๋นฟานไม่มีโอกาสได้คุยกับหลัวเทียนเป้า!แต่เขาไม่กล้าเสี่ยง เพราะนี่คือการแลกเปลี่ยนลับสุดยอด เขายอมเสียบางอย่างเพื่อให้ความลับนี้สูญสลาย จะเปิดเผยกับมวลชนไม่ได้“พี่ใหญ่พูดถูก เก็บของสิ่งนี้ไว้ข้าเองก็ว้าวุ่นใจเหมือนกัน”ฉินอวิ๋นฟานเห็นด้วยพยักหน้า “แต่ข้ายังวางใจไม่ลงอยู่ดี เพราะข้าคือผู้เคราะห์ร้ายรายใหญ่ของเรื่องนี้ ต้องได้รับการชดเชยจึงจะดี มิเช่นนั้นข้าจะรู้สึกไม่เป็นธรรม!”“ชดเชย?
“เจ้า...”ถูกฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ย ฉินอวิ๋นคังหัวฟัดหัวเหวี่ยงหน้าเขียว เขาอยากโต้ตอบมาก แต่คำพูดมาถึงลูกกระเดือกแล้วจำต้องกลืนกลับลงไป เพราะฮั่วจื้อจวินที่อยู่ด้านข้างกระตุกชายเสื้อเขารัว ๆ นี่ไม่ใช่การส่งสัญญาณลับแล้ว แต่เป็นการบอกโต้ง ๆ และบ้าคลั่ง“พี่ใหญ่ ว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน รอคำตอบสุดท้ายจากฉินอวิ๋นคัง ตอนนี้เขามีวิธีเล่นงานฉินอวิ๋นคังถมเถ ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ยอมลงหัว ฉินอวิ๋นฟานก็จะงัดสารพัดวิธีออกมาให้อีกฝ่ายหมอบราบคาบแก้วฉินอวิ๋นคังพูดด้วยท่าทางโอหัง “ฮึ! สามหมื่นเท่านั้น มากกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นไม่ต้องมาพูดกัน!”“ตกลง! พี่ใหญ่ยอมให้ถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็ไม่เอาเรื่องนี้ให้ได้อีก”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มน้อย ๆ เผยอารมณ์กระหยิ่มใจ เขารู้ดีว่าแตกหักกับฉินอวิ๋นคังตอนนี้คือการเลือกที่โง่เขลาสิ้นดี ดังนั้นที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือกอบโกยผลประโยชน์จากฉินอวิ๋นคังสักหน่อยได้ทหารที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างมีระเบียบสามหมื่นคนฟรี ๆ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าที่สุด ไม่เพียงไม่ทำให้ฉินอวิ๋นคังโมโห ทั้งยังบั่นทอนกำลังเขาได้ด้วย สมบูรณ์แบบมาก!กล่าวจบ ฉินอวิ๋นฟานฉีกกระดาษแถบต่อหน้าทุกคนเป็น
“ไอ้หยา! เสด็จน้าสิบสาม ท่านอย่าร้องไห้เลย!”ฉินอวิ๋นฟานทนไม่ได้ที่สุดก็คือผู้หญิงร้องไห้ พอเห็นเหลียงจื่อฝูร้องไห้เสียใจต่อหน้าเขาเช่นนี้ก็พาลให้รู้สึกสงสาร ทำอะไรไม่ถูกชั่วขณะ เก้ ๆ กัง ๆ ไปหมดเขารีบปลอบประโลม “เสด็จน้าสิบสาม เสี่ยวฟานสำนึกผิดแล้ว สำนึกผิดแล้วจริง ๆ ยังไม่ได้อีกหรือ? คราวหน้าข้าต้องไปหาท่านก่อนแน่ ดีหรือไม่?”“คราวหน้า เจ้ายังกล้ามีคราวหน้าอีก?”เหลียงจื่อฝูถลึงตาใส่ฉินอวิ๋นฟานทีหนึ่ง ครั้งนี้ทำนางตกใจขวัญหายไปหมดแล้ว ขืนยังมีครั้งต่อไป นางไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วจริง ๆ“ได้ ๆ ๆ เสด็จน้าสิบสามพูดมีเหตุผล ต่อไปเสี่ยวฟานจะไม่มีคราวหน้าอีก ไม่ว่าเรื่องอะไรจะต้องรายงานต่อเสด็จน้าสิบสามก่อนเลย ได้หรือยัง?”เพื่อปลอบใจเหลียงจื่อฝู ฉินอวิ๋นฟานรีบโอ๋นาง ไม่ว่าอย่างไร เหลียงจื่อฝูก็คือญาติสนิทคนหนึ่งของเขาบนโลกใบนี้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะไม่สนิทสนมกับนางมากนัก แต่จะไม่ดูเบาการมีตัวตนของเหลียงจื่อฝูเด็ดขาด“เจ้าเด็กนี่ ครั้งนี้น้าสิบสามจะให้อภัยเจ้า ครั้งหน้าไม่ละเว้นเด็ดขาด!”เหลียงจื่อฝูสงสารฉินอวิ๋นฟานมาก อายุอานามน้อย ๆ ก็ต้องพยายามสุดชีวิตอย่างนี้แล้ว อยู่ในต้าเฉียนตามล
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว