“เช่นนี้นี่เอง!”เมื่อนั้นหวังจื้อจึงกระจ่างใจ หรือนี่ก็คือคนเขลาวางงาน คนฉลาดวางแผนที่คนโบราณกล่าว?เทียบกับองค์ชายใหญ่ที่ร่วมมือกับหลัวเทียนเป้า วางตาข่ายฟ้ากับฉินอวิ๋นฟานและฉินอวิ๋นฮุย กลับไม่สู้บอกว่านี่คือแผนเพื่ออนาคตต้าเฉียนที่ท่านอาจารย์ร่วมกันวางกับไท่ซั่งหวงเทียบกับท่านอาจารย์ เขายังอ่อนหัดเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมสถานการณ์หรือว่าวิสัยทัศน์ สุดท้ายก็ยังห่างอีกหลายขุม!“สถานการณ์ในราชสำนักเปลี่ยนแปลงง่าย วันนี้เจ้าก็เข้าไปหลบอยู่เบื้องหลังเถอะ ต่อไปต้องขยันหมั่นเพียรเรียนรู้ให้มาก”ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงหนัก“ขอรับ!”หวังจื้อพยักหน้าพูดด้วยความเคารพ......ขณะเดียวกัน เมืองอู่โจวครึกครื้นผิดปกติ องค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยสวมชุดเกราะสีเงิน มือถือกระบี่บัญชาการ ทรงอาชางามอยู่บนลานกว้าง สร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารห้าหมื่นนายที่กำลังจะออกเดินทาง!“วันนี้ ข้าผู้เป็นองค์ชายจะคุมทัพออกศึกด้วยตัวเอง พาทุกคนไปทลายรังโจร ศึกนี้ต้องชนะเท่านั้น ประกาศฤทธานุภาพของต้าเฉียน ให้พวกโจรกระจอกไม่มีที่จะให้ซุกหัว!”ฉินอวิ๋นฮุยโบกกระบี่บัญชาการในมือ เปล่งเสียงดังสร้างความฮึกเหิม“ต้องช
ฉินอวิ๋นฮุยกระโดดลงมาจากหลังม้า ค้อมตัวลงต่ำกับชาวบ้านก่อนจะพูด “วันนี้ ข้าขอให้สัญญากับทุกคน การทลายรังโจรหนนี้ ไม่สำเร็จไม่เลิกรา ต้องคืนชีวิตผาสุกของทุกคนอย่างแน่นอน คืนผืนฟ้าอันสดใสให้กับต้าเฉียนเรา!”ฉินอวิ๋นฮุยทุบอกรับประกันต่อหน้าประชาชน เพิ่มภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของตัวเองแบบไม่มีขีดจำกัด ในสายตาของเขา เขาไม่ยี่หระกับการทลายรังโจรสักนิด ทัพใหญ่ห้าหมื่นคนของเขาจะต้องรวบโจรพวกนั้นได้แบบน้ำหลากแน่นอนกลับไม่รู้... นี่คือเส้นทางที่ไม่หวนคืน!“ดี! พวกเราชาวบ้านจะขออวยพรให้กับการเดินทางขององค์ชายรอง ของให้องค์ชายรองได้ชัยชนะ กวาดล้างโจรให้สิ้นซาก!”ชายมีอายุซึ่งดูมีชื่อเสียงคนหนึ่งในท้องที่เอ่ยเสียงดัง ชาวบ้านทุกคนต่างประสานเสียง“ดี! ภายในเจ็ดวัน ข้าฉินอวิ๋นฮุยจะต้องมอบผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบให้กับทุกคน พวกเจ้ารอดูเถอะ!”นาทีนี้ฉินอวิ๋นฮุยมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ตวัดกระบี่ในมือแล้วเดินทางเข้าสู่พงไพร สถานการณ์ในภูเขาซับซ้อนยิ่งนัก น่ากลัวกว่าที่จินตนาการมากขณะที่พวกเขาขี่ม้ามาถึงป่าเชิงเขาก็ถูกป่าทึบตรงหน้าขวางการเดินทาง หากคิดจะเข้าป่าทึบต่อจำเป็นต้องเดินเท้า มิเช่นนั้นไม่มีทางจะ
“ทางที่ตัวเองเลือก แม้กลั้นน้ำตาก็ต้องเดินให้ถึงที่สุด”ฉินอวิ๋นฮุยพูดทั้งหน้าตาเศร้าสร้อย “เฮ้อ! ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าทางเขามันจะเดินลำบากขนาดนี้ รู้แต่แรกข้าก็ไม่อวดเก่งแล้ว ทำไมต้องมากวาดล้างโจรเองด้วยนะ?!”ตอนนี้ฉินอวิ๋นฮุยนึกเสียใจแล้ว แต่เขาไม่มีทางให้หันหลังกลับ ทันทีที่หันหลัง จะต้องส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจทหารแน่ และจะเป็นผลเสียต่อการทลายรังโจรครั้งนี้บวกกับเขาปากกล้าโพนทะนาออกไปแล้ว ทันทีที่หันหลังกลับ พี่ใหญ่กับฉินอวิ๋นฟานมิต้องหัวเราะจนฟันร่วงหรือ? แถมการเดินทางครั้งนี้ผู้มีอำนาจระดับสูงของต้าเฉียนกำลังจับตาดูอยู่ ถึงตอนนั้นได้ขายหน้าจริง ๆ แล้วคิดแล้วก็ช่างเถอะ มีแต่ต้องแข็งใจเดินหน้าต่อไปเท่านั้น!“เสี่ยวฮุย การกวาดล้างโจรครั้งนี้เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้พิสูจน์ตัวเอง ต้องอดทนไว้จึงจะดี แค่เราทำงานนี้สำเร็จ การเดินทางมาเมืองอู่โจวครั้งนี้ เจ้ามีผลงานไม่น้อยไปกว่าฉินอวิ๋นฟาน”เหอเหวินเย่าพูดเป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆฉินอวิ๋นฮุยหรือจะไม่รู้เหตุผลนี้ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงอาทิตย์คล้อยไปทางทิศตะวันตก ถูกใบหน้าพุ่มใหญ่บังไปกว่าครึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ ตกลงสู้ป่าทึบแห่งสารทฤดู
“อ๊า ๆ ๆ...”“ช่วยด้วย ข้ายังไม่อยากตาย”“ไสหัวไปนะ ข้าหาต้นนี้เจอก่อน”......เพียงหนึ่งครู่ ก้อนหินโจมตีฝูงชน เนื่องจากทหารเบียดเสียดเกินไป แม้พวกเขาจะพยายามหลบสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ไม่เกิดผล ภายใต้การบุกโจมตีของหิน เหล่าทหารแตกกระจายไปหมดแล้ว ส่งเสียงร้องโหยดังระงม บาดเจ็บล้มตายหนักช่วงยามเย็น ท่ามกลางป่าทึบ เสียงโหยหวนปอดฉีกหัวใจแหลกลาญดังมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ทหารห้าหมื่นที่ผ่านการฝึกอย่างมีระเบียบแบบแผนกลายเป็นเม็ดทรายกระจัดกระจาย ขวัญกำลังใจไม่มีเหลือแค่ครึ่งชั่วยาม ทหารบาดเจ็บล้มตายเกลื่อนกลาด ฉินอวิ๋นฮุยมองภาพอเนจอนาถตรงหน้า ใบหน้าอึมครึมจนแทบหยดเป็นน้ำ ความสิ้นหวังแผ่ขยายทั่วหัวใจให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง การกวาดล้างโจรครั้งแรกของเขากลับไม่ราบรื่น? เพิ่งจะครึ่งทางก็ถูกกองโจรไม่กี่พันคนเล่นงานไม่มีชิ้นดี พังพินาศย่อยยับแล้ว?“โถ่เว้ย บ้าจริง ๆ!!!”ฉินอวิ๋นฮุยสะกดเพลิงโกรธในใจไม่ไหวอีกครั้ง แหงนหน้าคำรามกับฟ้า“เสี่ยวฮุย พวกเราประมาทโจรพวกนี้เกินไป อีกฝ่ายร้ายกว่าที่พวกเราคิดมาก!”เหอเหวินเย่าหน้าดำคร่ำเครียดเหมือนกัน“เหอเซิน รีบจัดระเบีย
ในป่า จู่ ๆ ก็มีเสียงเยาะเย้ยเหยียดหยันดังมา อีกทั้งคนหน้าตาเป็นอย่างไรก็มองไม่เห็น นาทีนี้ฉินอวิ๋นฮุยเต้นเร่า ๆ หนักกว่าเดิม โกรธจนหน้าแดงก่ำเขาชี้ไปทางหมู่บ้านเฮยเฟิงและตะคอกด่า “ไอ้บัดซบจางหมาจื่อ แน่จริงเจ้าก็อย่าซ่อนตัวสิ ไสหัวออกมา ข้าต้องสับเจ้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้นแน่!”“เจ้าลูกชาย ดีแต่ใช้ฝีปากใครไม่เป็นบ้าง? แต่จะทำได้หรือไม่นั่นอีกเรื่อง ทางที่ดีตอนนี้เจ้ารีบเหน็บหางไสหัวกลับไปซะ มิเช่นนั้นข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าให้หมด แล้วแขวนอยู่บนประตูเมืองอู่โจวให้ขายขี้หน้าไปเลย นี่จะอนาถกว่าเดิมนะ!”มีเสียงท้าทายดังออกมาจากในป่าอีกครั้ง จางหมาจื่อมองท่าทางเลือดขึ้นหน้าทำเสียงานของฉินอวิ๋นฮุยอย่างเย็นชา แต่ที่มีมากกว่าคือย่ามใจ ถ้าไม่เสียดสีฉินอวิ๋นฮุยให้หนัก ดีไม่ดีเจ้าลูกเต่านี่จะเผ่นไปจริง ๆเพื่อทำภารกิจที่ตระกูลหลัวมอบหมายให้สำเร็จ เขาต้องทำทุกวิถีทางรั้งตัวฉินอวิ๋นฮุยเอาไว้ ทำให้เรื่องใหญ่เท่าไรก็ยิ่งดี หากสามารถจุดชนวนสงครามของสองแคว้นได้ นั่นจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ!ถึงพวกเขาต้าเยียนจะร่วมมือกับฉินอวิ๋นคัง แต่พวกเขาซึ่งเป็นฝ่ายตัวตั้งตัวตีก็มีความคิดและแผนการของตัวเอง เรียกได้ว่าต่างฝ่
ฉินอวิ๋นฮุยรูม่านตาหดเล็ก สงบสติในพริบตา นาทีนี้ เขาตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของเรื่องเกือบถูกจางหมาจื่อจูงจมูกแล้วนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เพราะความโกรธ แข็งชนแข็งกับฉินอวิ๋นฟาน สุดท้ายตระกูลสายหลักของพวกเขาถูกสังหารไปจำนวนมาก อีกทั้งตระกูลเหอยังต้องสูญเสียมหาศาลจึงยุติเรื่องนั้นได้ ความตายของน้องชายก็ได้แต่ปล่อยวางอย่างจนปัญญา!สถานการณ์ในยามนี้คล้ายคลึงกับก่อนหน้า ถูกอารมณ์ครอบงำ หนำซ้ำการทลายรังโจรหนนี้ถือเป็นการทำศึกจริง ทันทีที่ตกหลุมพรางของศัตรู ดีไม่ดีต้องเอาชีวิตไปทิ้งเขารีบพูด “น้าสาม ดีที่ท่านเตือนสติข้า ไม่อย่างนั้นข้าต้องทำผิดใหญ่หลวงแล้ว ท่านว่าตอนนี้เราควรทำยังไงดี?”“ข้ากำลังคิด เขาเป็นโจรเล็ก ๆ เอาความกล้าที่ไหนมางัดข้อซึ่งหน้ากับทหารห้าหมื่นของเรา? แล้วยังเห็นได้ชัดว่าอยากยุให้เปิดศึก”เหอเหวินเย่าหรี่ตาทั้งคู่และเอ่ย “จะมีใครอยู่เบื้องหลังสนับสนุนพวกเขาหรือเปล่า?”ฟังการวิเคราะห์จากเหอเหวินเย่า ฉินอวิ๋นฮุยพลันตกตะลึง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นเขาก็ตกหลุมพรางแล้วจริงสิ กระทั่งว่ากำลังเผชิญกับมหันตรายด้วย!เขาพูดด้วยสีหน้าปั้นยากกว่าปกติ “นี่คงไม
“พี่ใหญ่ ท่านคิดมากไปแล้วกระมัง?”ยามนี้รองหัวหน้าแห่งหมู่บ้านเฮยเฟิงมั่นใจเต็มเปี่ยม พูดอย่างกำแหง “ทหารกุ้งแม่ทัพปูของฉินอวิ๋นฮุยอย่างกับสวะฝูงหนึ่ง ข้าบี้พวกมันง่ายอย่างกับพลิกฝ่ามือ ทำไมท่านต้องกลัวขนาดนั้นด้วย? ข้ารับรองว่าจะจับเป็นฉินอวิ๋นฮุยยังไม่ได้อีกหรือ?”“ไม่ได้!”จางหมาจื่อหน้าเครียด ปฏิเสธเด็ดขาด “ฉินอวิ๋นฮุยคือองค์ชายรองของต้าเฉียน ต้องซุ่มยอดฝีมืออยู่รอบตัวเยอะแน่ เจ้าไปตอนนี้ก็เท่ากับไปตาย!”“รีบเตรียมการโจมตีรอบสองและการสู้แบบยืดเยื้อรอบสามให้ดีเถอะ แกล้งจนพวกมันไม่มีใจคิดต่อสู้แล้ว กองหนุนพวกเราก็น่าจะถึง และตอนนั้นต้องเผด็จศึกพวกมันได้แน่!”“เอ่อ ก็ได้!”......ยามดึก แม้เหล่าทหารจะกินอาหารมากมาย แต่สิ่งที่ประสบเมื่อตอนเย็นยังติดตาอยู่ ดังนั้นสภาพจิตใจของทุกคนจึงไม่สู้ดีนัก ยังขวัญเสียไม่หาย เพราะท่ามกลางป่ากลางเขามีสิ่งที่ไม่คาดคิดมากมาย อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อเหอเหวินเย่าส่งยอดฝีมือในยุทธภพสองคนออกไป พวกเขาสวมชุดสีดำ กลืนไปกับม่านราตรีอย่างเงียบเชียบ!“อะไรนะ? พี่รองถูกซุ่มโจมตี?!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานได้ข่าวก็ผุดลุกขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความประห
เหลียงจื่อฝูในชุดกระโปรงผ้าไหมสีแดงปลอด บิดร่างอรชรอ้อนแอ้นยุรยาตรเดินเข้าห้องโถงใหญ่ทันทีที่เห็นเหลียงจื่อฝูแต่งตัวอย่างประณีต ฉินอวิ๋นฟานรูม่านตาหดเล็ก ดึกดื่นอย่างนี้ ทำไมนางต้องแต่งตัวสวยเช้งขนาดนี้ด้วย? ภายใต้การขับเน้นของกระโปรงผ้าไหมสีแดง แสดงสรีระสมบูรณ์แบบและท่วงทำนองหยิ่งผยองของนางออกมาจนหมดสิ้นฉินอวิ๋นฟานยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนก็ตกตะลึงกับการแต่งกายในวันนี้ของเหลียงจื่อฝูแล้ว“เอ่อ เสด็จน้าสิบสาม ดึกเช่นนี้แล้ว ท่านมีธุระอะไรหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานทักทายกับเหลียงจื่อฝูด้วยความเคารพ“ก็ต้องมีธุระสำคัญจะพูดอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะมาหาเจ้ายามวิกาลเช่นนี้หรือ?”เหลียงจื่อฝูยิ้มสวย ตามด้วยนั่งลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานอย่างไม่เกรงใจ หัวเราะเอิ๊ก ๆ ก่อนจะพูด “ข้างามหรือไม่? ข้าเห็นเจ้าตาโตเชียว!”“เอ่อ...”เมื่อนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้ตัวว่าเสียกิริยา เขารีบปรับท่าทีอย่างรวดเร็ว ยกกาน้ำชาขึ้นแล้วเทให้เหลียงจื่อฝูถ้วยหนึ่งแบบใจสั่น ยิ้มพูดอย่างเขินอาย “เสด็จน้าสิบสาม เชิญดื่มน้ำชา!”เหลียงจื่อฝูงอน “เชอะ ถือว่าคนผีทะเลอย่างเจ้ายังพอมีตาอยู่บ้าง!”ถึงจะถูกเหลียงจื่อฝูก่นด่า แต่ฉินอวิ๋นฟ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว