“มิผิด!”เหลียงจื่อฝูเท้าความด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “สองปีก่อนเสด็จตาของเจ้าพระพลานามัยไม่สู้ดีนัก กอปรกับศึกภายในของราชวงศ์เหลียงรุนแรง ทำให้พระองค์ไม่สบายพระทัย ตอนนี้มิอาจลงจากแท่นบรรทมได้แล้ว!”“หา?! เสด็จตาของข้าลงจากแท่นบรรทมไม่ได้?”จังหวะที่ฉินอวิ๋นฟานได้ยินข่าวนี้ก็รู้ว่าแย่แล้ว สำหรับชายชราสูงวัยคนหนึ่ง ทันทีที่ลงจากเตียงนอนไม่ได้ เกรงว่าจะห่างจากวันที่วิญญาณออกจากร่างไม่ไกลแล้วแม้ฮ่องเต้ราชวงศ์ต้าเหลียงจะเป็นเสด็จตาที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อน แต่อย่างไรเลือดข้นกว่าน้ำ ในความทรงจำมารดาจากไปเร็ว ไม่ว่าอะไรเขาก็ต้องรับกับสายสัมพันธ์นี้ และถือว่าแบกรับความรับผิดชอบแทนเจ้าของร่างด้วย!“ถูกต้อง!”เหลียงจื่อฝูส่ายหน้าอย่างจนใจ “พระองค์โปรดปรานเสด็จแม่ของเจ้ามาก ถึงเสด็จแม่ของเจ้าจะอภิเษกมาต้าเฉียนแล้ว แต่พระองค์มักคิดถึงอยู่เสมอ พอรู้ว่าเสด็จแม่ของเจ้าจากไปก็เศร้าโศกเสียพระทัยนัก ยังประชวรหนักหนหนึ่งอีก”“เวลานี้เจ้ามีความสามารถแล้ว ในตอนที่ยังมีพระชนม์อยู่ เสด็จตาของเจ้าอยากเจอเจ้าสักครั้ง และถือว่าทำความปรารถนาให้สำเร็จ”ฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญกับมิตรภาพและจิตใจเสมอ เมื่อรู้ข
เหลียงจื่อฝูมองไปทางฉินอวิ๋นฟาน ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉา จุปากเนือง ๆฉินอวิ๋นฟานเห็นดังนั้นพลันชะงักงันอยู่กับที่ มุมปากกระตุกน้อย ๆ เดิมเสด็จน้าสิบสามก็เป็นสตรีผู้มีท่วงทำนองผู้ใหญ่เต็มเปี่ยม สาวใช้ก็เด็ดดวงเหมือนกัน นางคงไม่ได้ผิดปกติหรอกนะ?ยามนี้ จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็มีความคิดหาญกล้าผุดขึ้นในใจ เสด็จน้าสิบสามคงไม่ใช่...“หลานชายอวิ๋นฟาน เจ้าเป็นอะไรไป?”เห็นฉินอวิ๋นฟานใจลอย เหลียงจื่อฝูจึงรีบขยับเข้าไปถามใกล้ ๆกลิ่นหอมฉุนปะทะมา ฉินอวิ๋นฟานตัวกระตุกตื่นพลัน ขวยเขินใบหน้าแดงซ่าน จากนั้นจึงรีบอธิบาย “เปล่า ไม่มีอะไร”“อย่างนั้นหรือ? ตอนที่ข้าพูดถึงสาวทำไมเจ้ากลับไม่มีปฏิกิริยาเลยเล่า? เจ้าคงไม่ใช่ว่าไม่สนใจผู้หญิงหรอกนะ?”เหลียงจื่อฝูมองฉินอวิ๋นฟานด้วยสีหน้าแปลกประหลาดพลางเอ่ยถาม“จะ จะเป็นไปได้ยังไง! ข้าคือผู้ชายทั้งแท่งเลยนะ มีหรือจะไม่สนใจผู้หญิง? ท่านอย่าพูดเลื่อนเปื้อน!”ฉินอวิ๋นฟานรีบอธิบาย“ออ? แล้วทำไมมู่หรงจิ่นอยู่กับเจ้ามาสองปีกว่า จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ตั้งครรภ์? หรือว่าเจ้าไม่ไหว?”เหลียงจื่อฝูบีบคั้นต่อ“หา! เสด็จน้าสิบสาม ท่านพูดเพ้อเจ้ออะไร? ข้าอายุยังหนุ่มยั
เช้ามาเหอเซินก็จัดระเบียบทหารอยู่บริเวณเนินหิน จัดแถวทหารสี่หมื่นกว่าคนที่เหลือใหม่ ฝึกซ้อมหนักขึ้นอยู่กับที่ รอฟังข่าวเคลื่อนพล!การรอคอยนี้ดำเนินไปหนึ่งวันเต็ม ๆ พวกฉินอวิ๋นฮุยไม่อนาทรร้อนใจและไม่ได้ทำอะไร กลับพักผ่อนกันเสียอย่างนั้น นี่ทำเอาพวกจางหมาจื่อสับสนงงงวยกันเป็นแถว“พี่ใหญ่ ท่านว่าเจ้าฉินอวิ๋นฮุยนี่มันยังไงกัน ปักหลักอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน คงไม่ใช่ว่ากลัวเราแล้วกระมัง?”รองหัวหน้าของหมู่บ้านเฮยเฟิงถามด้วยความร้อนใจเล็กน้อย“ข้าก็ว่าแปลกเหมือนกัน พวกมันปักหลักอยู่กับที่มันหมายความว่ายังไงกันแน่? ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นแผนที่เราเตรียมไว้ให้พวกมันก็ไม่ได้ใช้สิ?”จางหมาจื่อขมวดคิ้วพูดจางหมาจื่อก็สับสนเหมือนกัน ตามหลัก ฉินอวิ๋นฮุยถูกเขาหยามเกียรติแล้วน่าจะอายจนโกรธแล้วมุ่งหน้ามาสิ? ทำไมเฉยไปเสียได้?“เช่นนั้นตอนนี้เราจะทำยังไงดี? รอต่อหรือว่าจะโจมตีก่อน?”รองหัวหน้าร้อนใจนิด ๆ“โจมตีก่อน? เจ้าอยากตายรึ? ตอนนี้ฉินอวิ๋นฮุยยึดเนินหิน นอกจากจะมีวิสัยทัศน์กว้างขวาง ยังมีสิ่งกำบังเยอะ พวกเราบุกเข้าไปไม่ได้หรอก”จางหมาจื่อเอ่ยเสียงหนัก “อีกอย่าง ถ้าปะทะซึ่งหน้าพวกเราจะไม่ใช่คู่ต่อส
ขณะเดียวกัน ฉินอวิ๋นฮุย เหอเหวินเย่า เหอเซินและบุคคลฐานะไม่แน่ชัดอีกสี่คนกำลังนั่งอยู่ในกระโจม สีหน้าเคร่งขรึม กำลังฟังการรายงานของชายคนหนึ่งในนั้น“องค์ชายรอง หลังจากพวกเราพี่น้องสืบอย่างลับ ๆ หลายวันนี้ พบว่าหมู่บ้านเฮยเฟิงอยู่บนผาแห่งหนึ่ง มิดชิดมาก ค้นหาลำบากที่สุด”ชายวัยกลางคนลึกลับรายงาน “นี่เป็นแค่แหล่งกบดานแห่งเดียวของพวกเขา ละแวกนั้นยังมีอีกสามแห่ง เป็นลักษณะขนาบข้าง ระวังสังเกตกันและกัน มีคนเฝ้ายามมาก รูปร่างใหญ่กำยำ รู้สภาพในภาพเขาละเอียดลึกดุจฝ่ามือ รักษาง่าย โจมตียาก”“บ้าเอ๊ย! ไอ้โจรสมควรตายพวกนี้นี่ รอบคอบขนาดนี้เชียว แหล่งกบดานซ่อนเสียมิดชิด!”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยสีหน้าแค้นเคือง“ใช่ขอรับ ข้าน้อยยังเห็นว่าพวกเขาวางกับดักไว้ระหว่างทางที่เราจะไปหลายจุดด้วย ขุดหลุมมากมาย ถ้าตกลงไปต้องตายแน่นอน!”ขายวัยกลางคนผู้นั้นกล่าวต่อ“ฮะ?! ข้างหน้ายังมีกับดักอีก?”เมื่อได้ยินว่าข้างหน้ายังมีกับดัก หนังตาของฉินอวิ๋นฮุยกระตุกรัว ๆ เดิมพวกเขาก็ไม่รู้สภาพการณ์บนภูเขาอยู่แล้ว การมีกับดักอยู่ทั่วแทบจะเป็นฝันร้ายของพวกเขา“น้าสาม ตอนนี้ท่านมีความคิดอะไรดี ๆ หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฮุยได้
“ยอด ยอดมาก!”ฉินอวิ๋นฮุยตื่นเต้นพูด “แผนนี้เรียกว่าการทำให้ศัตรูชะล่าใจ ทันทีที่พวกเขาผ่อนความระวัง พวกเราก็ฉวยตอนที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัวโจมตีกะทันหัน พวกเขาต้องทำอะไรไม่ถูกแน่ ชัยชนะมิใช่แน่อย่างแช่แป้งหรือ?”ฉินอวิ๋นฮุยในตอนนี้ดีใจอย่างคาดไม่ถึง อดทนมานานอย่างนี้ ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว!“เสี่ยวฮุย ปกติเจ้าคุ้นเคยกับหัวหน้าทหารพวกนี้ดี ประเดี๋ยวตอนกินข้าว เจ้าก็มอบหมายงานกับพวกเขาเองเถอะ เลือกมือดีที่สุดสองพันคนลอบโจมตี ทหารคนอื่น ๆ นอนต่อ รอถึงวันพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยเคลื่อนทัพไปโจมตีส่วนหลัก!”เหอเหวินเย่าเอ่ยเสียงหนัก“ได้ ข้ารู้แล้ว”ฉินอวิ๋นฮุยพยักหน้า“เพื่อป้องกันความผิดพลาด ท่านผู้นำตระกูลผัง ท่านต้องทำทุกวิถีทางคุ้มครองความปลอดภัยขององค์ชายรองให้ดี เรื่องนี้ต้องสำเร็จเท่านั้น เข้าใจหรือไม่?”เหอเหวินเย่าหันไปมองทางชายวัยกลางคนด้านข้างและเอ่ยเสียงเข้มชายวัยกลางคนผู้นี้มีชื่อเรียกว่าผังซื่อเต๋อ ผู้นำตระกูลผังอันเป็นตระกูลวิถียุทธ์เลื่องชื่อในยุทธภพเมืองจัว ความสามารถน่ากลัวอย่างยิ่ง เมื่อฉินอวิ๋นฮุยเพิ่งถึงเมืองจัว เขาก็อารักขาอยู่ข้างกายฉินอวิ๋นฮุยตลอดเวลา ประกันควา
ยามดึก!ฉินอวิ๋นฮุยถูกสาวใช้ในอ้อมกอดปลุกตื่น ถึงยังงัวเงียไม่ยินยอมมาก แต่เขาก็ยังฝืนใจลุกขึ้น เพราะเรื่องนี้ใหญ่หลวงนักยามนี้ หัวหน้าทหารร่างกำยำสิบคนรวมถึงเหอเซินยืนรออยู่หน้ากระโจมแล้ว“ให้พวกเจ้าแต่ละคนพาทหารฝีมือดีสองร้อยคนไปด้วย พวกเจ้าเตรียมพร้อมแล้วหรือ?”ฉินอวิ๋นฮุยที่มาถึงนอกกระโจมสติแจ่มชัดแล้ว ศึกนี้มีความหมายกับเขามาก ขอเพียงจับกุมโจรพวกนี้ได้ก็จะเป็นผลงานใหญ่ของเขา“เรียนองค์ชาย เตรียมพร้อมแล้วขอรับ รอแต่ท่านออกคำสั่ง!”เหอเซินพูดเสียงเบา กลัวทำให้ทหารคนอื่นตื่นและทำให้สายสืบของพวกโจรสังเกตเห็น“ออกเดินทาง!”ฉินอวิ๋นฮุยพูดเสียงเบาเหมือนกันกล่าวจบ ทหารฝีมือดีสองพันคนสวมชุดลำลอง พกอาวุธคล่องมือ พวกเขาเดินไปตามริมผนังหินป้องกันคนเห็นท่ามกลางราตรีมืดมิดไม่นานพวกเขาก็มาถึงทางไส้แกะ ด้วยการนำของหัวหน้าทหารสิบคน พวกเขาเร็วดังกระสวย แค่ครึ่งชั่วยามก็มาถึงจุดซุ่มโจมตีแล้วครอกฟี้ ๆ...พวกฉินอวิ๋นฮุยเพิ่งมาถึงละแวกนั้นก็ได้ยินเสียงกรนดังสะเทือนเลือนลั่นดังมาเป็นระยะจากในป่า ไม่ว่าใครก็รู้ว่ามันคืออะไร!ใกล้จะยามห้าแล้ว เป็นเวลาที่ทุกคนง่วงเหงาหาวนอนที่สุด คนที่เฝ้า
“ฮะ?! ทำไม ทำไมถึงมีทหารมากขนาดนี้ล่ะ!!!”จังหวะที่โจรคนหนึ่งร้องอุทานด้วยความตกใจ อึ้งจังงังตาค้าง รอบตัวกลับมีเงาดำนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดฉุนคละคลุ้ง ไม่ต้องใช้สมองก็รู้ได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น!“สวรรค์! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”“พวกเราถูกลอบโจมตีแล้ว ไปตามคนมาเร็วเข้า!!!”......ชั่วขณะหนึ่ง บรรดาโจรสะดุ้งตื่นขึ้นมากันหมด พวกเขามองรอบ ๆ ด้วยความตื่นตะลึงตาค้าง แม้พวกเขาจะกรีดร้องส่งเสียงขอความช่วยเหลือแต่ก็ไร้ผล ชิ้ง!!!!เสียงกระบี่แหลมคมดังขึ้นอีกครั้ง เพียงชั่วเสี้ยววินาที โจรหลายร้อยคนถูกสังหารเรียบ ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว ฉินอวิ๋นฮุยและคนอื่น ๆ ปฏิบัติการเด็ดขาดฉับไวปานสายฟ้าแลบในสถานการณ์ที่ไม่เสียกำลังคนแม้แต่คนเดียว กำจัดกองโจรทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ยอดเยี่ยม!”ฉินอวิ๋นฮุยมุมปากกระตุกและพูด “เอาไว้กลับไปแล้ว ตกรางวัลทุกคนสามร้อยตำลึง!”“ขอบคุณองค์ชายรอง!”เมื่อเหล่าทหารได้ยินพลันดีใจลิงโลด ตื่นเต้นที่สุด สำหรับพวกเขา สามร้อยตำลึงคือรายรับก้อนโต เทียบเท่ากับเบี้ยหวัดสามปีของพวกเขาเลยทีเดียว“ทุกคนรีบตรวจสอบกับดัก ทำสัญลักษณ์เอาไว้ให้ดี แล้ว
เมื่อได้ยินสายรายงาน จางหมาจื่อผุดลุกขึ้นยืนทันที สีหน้ามืดสว่างสลับสับเปลี่ยน ลางร้ายแวบเข้ามาในสมองไม่รอให้เขาทันตอบสนอง สมุนโจรคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมา ปากตะโกนไม่หยุด “แย่แล้ว ค่ายหลัก เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”ครั้นจางหมาจื่อได้ยินการรายงานน่าตกใจนี้ก็นิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว เขาสาวเท้าออกไปคว้าคอเสื้อของลูกสมุนผู้นั้นและตะคอกถามว่า “พูด! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ลูกสมุนผู้นั้นตกใจขวัญเสีย ตอบติดอ่าง “ทัพ ทัพ ทัพใหญ่มาแล้ว อย่างมากอีกหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็จะถึงหมู่บ้านแล้วขอรับ!”“ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ?!”จางหมาจื่อเซไปเล็กน้อย เกือบก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น พวกเขาเตรียมตัวพร้อมขนาดนี้ ในเวลาสำคัญอย่างนี้ ทำไมจู่ ๆ ก็เกิดช่องโหว่ได้ล่ะ? เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ!“น้องรองล่ะ! เขาอยู่ที่ไหน!”จางหมาจื่อตะคอกกับทุกคนที่กำลังแตกตื่น ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของรองหัวหน้า ก้มหน้างุด สั่นพั่บ ๆ ไม่มีใครกล้าปริปาก “มีอะไรหรือพี่ใหญ่ เรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว? ต้องโมโหขนาดนี้เลย?”ตอนนี้เอง รองหัวหน้าเดินเข้ามาด้วยใบหน้าอิ่มเอม สองขาอ่อนเปลี้ย เขาไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังนั่งไขว่ห้าง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว