“ฮะ?! ทำไม ทำไมถึงมีทหารมากขนาดนี้ล่ะ!!!”จังหวะที่โจรคนหนึ่งร้องอุทานด้วยความตกใจ อึ้งจังงังตาค้าง รอบตัวกลับมีเงาดำนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดฉุนคละคลุ้ง ไม่ต้องใช้สมองก็รู้ได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น!“สวรรค์! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?”“พวกเราถูกลอบโจมตีแล้ว ไปตามคนมาเร็วเข้า!!!”......ชั่วขณะหนึ่ง บรรดาโจรสะดุ้งตื่นขึ้นมากันหมด พวกเขามองรอบ ๆ ด้วยความตื่นตะลึงตาค้าง แม้พวกเขาจะกรีดร้องส่งเสียงขอความช่วยเหลือแต่ก็ไร้ผล ชิ้ง!!!!เสียงกระบี่แหลมคมดังขึ้นอีกครั้ง เพียงชั่วเสี้ยววินาที โจรหลายร้อยคนถูกสังหารเรียบ ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว ฉินอวิ๋นฮุยและคนอื่น ๆ ปฏิบัติการเด็ดขาดฉับไวปานสายฟ้าแลบในสถานการณ์ที่ไม่เสียกำลังคนแม้แต่คนเดียว กำจัดกองโจรทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ยอดเยี่ยม!”ฉินอวิ๋นฮุยมุมปากกระตุกและพูด “เอาไว้กลับไปแล้ว ตกรางวัลทุกคนสามร้อยตำลึง!”“ขอบคุณองค์ชายรอง!”เมื่อเหล่าทหารได้ยินพลันดีใจลิงโลด ตื่นเต้นที่สุด สำหรับพวกเขา สามร้อยตำลึงคือรายรับก้อนโต เทียบเท่ากับเบี้ยหวัดสามปีของพวกเขาเลยทีเดียว“ทุกคนรีบตรวจสอบกับดัก ทำสัญลักษณ์เอาไว้ให้ดี แล้ว
เมื่อได้ยินสายรายงาน จางหมาจื่อผุดลุกขึ้นยืนทันที สีหน้ามืดสว่างสลับสับเปลี่ยน ลางร้ายแวบเข้ามาในสมองไม่รอให้เขาทันตอบสนอง สมุนโจรคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมา ปากตะโกนไม่หยุด “แย่แล้ว ค่ายหลัก เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”ครั้นจางหมาจื่อได้ยินการรายงานน่าตกใจนี้ก็นิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว เขาสาวเท้าออกไปคว้าคอเสื้อของลูกสมุนผู้นั้นและตะคอกถามว่า “พูด! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ลูกสมุนผู้นั้นตกใจขวัญเสีย ตอบติดอ่าง “ทัพ ทัพ ทัพใหญ่มาแล้ว อย่างมากอีกหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็จะถึงหมู่บ้านแล้วขอรับ!”“ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ?!”จางหมาจื่อเซไปเล็กน้อย เกือบก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น พวกเขาเตรียมตัวพร้อมขนาดนี้ ในเวลาสำคัญอย่างนี้ ทำไมจู่ ๆ ก็เกิดช่องโหว่ได้ล่ะ? เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ!“น้องรองล่ะ! เขาอยู่ที่ไหน!”จางหมาจื่อตะคอกกับทุกคนที่กำลังแตกตื่น ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของรองหัวหน้า ก้มหน้างุด สั่นพั่บ ๆ ไม่มีใครกล้าปริปาก “มีอะไรหรือพี่ใหญ่ เรื่องใหญ่แค่ไหนกันเชียว? ต้องโมโหขนาดนี้เลย?”ตอนนี้เอง รองหัวหน้าเดินเข้ามาด้วยใบหน้าอิ่มเอม สองขาอ่อนเปลี้ย เขาไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังนั่งไขว่ห้าง
หมาป่าศึกคือสัตว์ร้ายยอดนักรบที่หมู่บ้านเฮยเฟิงเจาะจงฝึกขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาจำนวนคนทำศึกในป่ามีไม่เพียงพอพวกมันคือลูกที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างราชาหมาป่ากับสัตว์ร้ายสายพันธุ์บริสุทธิ์ที่สุดในป่า พวกมันไม่เพียงแต่สืบทอดความป่าเถื่อนและการรวมฝูงของราชาหมาป่า ขณะเดียวกันก็สืบทอดความดุร้ายของฉางอ๋าว[1]มีแต่การฝึกจากผู้ฝึกเฉพาะ พวกมันจึงจะฟังคำสั่ง มักล่าสัตว์ป่าเป็นอาหาร กระหายเลือดและมีร่างใหญ่กำยำ พลังรบน่าทึ่ง หมาป่าศึกหนึ่งตัวสามารถสังหารวัยรุ่นทั่วไปได้สามคนสบาย ๆเพื่อดักฆ่าทัพใหญ่ห้าหมื่นคนที่ฉินอวิ๋นฮุยพามา พวกเขาจัดวางกับดักสามแห่ง แห่งแรกคือการจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว โยนหินสังหารเป็นบริเวณกว้าง ข่มขวัญทัพใหญ่ของฉินอวิ๋นฮุยแห่งที่สองก็คือหลุมลึกในป่าทึบ บวกกับลูกศรใหญ่ที่ซุกซ่อนรอบทิศ การโจมตีเป็นบริเวณกว้าง สามารถบั่นทอนกำลังทัพใหญ่ของฉินอวิ๋นฮุยได้มาก ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวต่อป่าทึบ ทำลายแนวป้องกันในใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิงแห่งที่สามก็คือหมาป่าศึก สำหรับสัตว์ร้ายกระหายเลือดที่ฝึกพิเศษเหล่านี้ บนตัวทหารที่ฉินอวิ๋นฮุยพามามีแต่เลือด สามารถกระตุ้นสันดานกระหายเลือดในตัวห
ชัยชนะอยู่เบื้องหน้า บรรดาทหารออกเดินทางด้วยความกล้าหาญเป็นระเบียบ ความอยากสงครามของทุกคนถูกกระตุ้นออกมาจนหมด หากพวกเขากลับไม่รู้ว่าหมาป่าศึกมิใช่สุนัขป่าธรรมดาทั่วไป ระดับความเหี้ยมโหดเหนือจินตนาการ“เสี่ยวฮุย ระวังไว้ก่อน!”ขอเพียงเป็นเรื่องที่ไม่รู้ เหอเหวินเย่าจะระแวดระวังอยู่เสมอ ท่าทีไม่ยี่หระของฉินอวิ๋นฮุยทำให้เขากังวลมาก เพื่อความปลอดภัย เขายังต้องเข้าไปเตือน“น้าสาม ท่านวางใจเถอะ ทหารพวกนี้ของเราผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ยังจะกลัวหมาป่าไม่กี่ตัวหรือ? อีกอย่าง ทุกคนมีอาวุธครบมือ ยังต้องกลัวอะไร?”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยความมั่นใจเป็นล้นพ้น“องค์ชายรอง อย่าได้ประมาทเด็ดขาด หมาป่าศึกพวกนี้ดุร้ายนัก ต้องจริงจังกับพวกมันจึงจะดี!”ผังซื่อเต๋อเห็นฉินอวิ๋นฮุยไม่ใส่ใจเลย เขารีบเตือนอีกครั้ง แม้เขาไม่เคยเห็นหมาป่าศึกกับตาตัวเองมาก่อน หากได้ยินชื่อเสียงความดุร้ายมาไม่น้อย มิใช่สุนัขทั่วไปเด็ดขาด“เสี่ยวฮุย ท่านผู้นำตระกูลผังพูดถูก พวกเขากำลังทำศึก ต้องระวังรอบคอบเอาไว้”เหอเหวินเย่ารีบพูดกว่าจะทำลายกับดักที่พวกโจรวางเอาไว้ได้ ถ้าประมาทเลินเล่อ ทำเสียแผนเสียเองจะมิต้องเสียใจหรอกหรือ?
“แม่งเอ๊ย นี่ก็คือหมาป่าศึกที่ว่ากันหรือ?! จะเหี้ยมเกินไปแล้วกระมัง?!แค่ชั่ววูบเดียว ฝูงหมาป่าศึกกรูใส่กลุ่มคน เปิดโหมดฉีกทึ้งอย่างบ้าคลั่ง พวกมันทุกตัวต่างเล็งกัดตรงลำคอ ทั้งน่าสยดสยองและโหดเหี้ยมพวกทหารเคยเห็นสภาพการณ์อย่างนี้ที่ไหน? ตกใจขวัญกระเจิง ไม่นานกองทัพที่เป็นระเบียบเรียบร้อยอลหม่าน ทุกคนหลบหลีกวิ่งหัวซุกหัวซุน ไม่คิดจะสู้กับหมาป่าศึกแม้แต่น้อยร่างกำยำแข็งแรงนั้น ความไวดังเงาสวย กอปรกับพลังรบ ความกระหายเลือดและความโหดร้าย ทุกสิ่งนี้ล้วนทำให้คนนึกถึงสุนัขร้ายที่คลานขึ้นมาจากขุมนรกอเวจี พวกเขาไร้กำลังต่อต้าน!“เชี่ย สู้มันสิ! แม่งเอ๊ย วิ่งหนีอะไรกัน?!”ฉินอวิ๋นฮุยเห็นสารรูปขี้ขลาดตาขาวของบรรดาทหารพลันบันดาลโทสะปานอสนีบาต คนหลายหมื่นคนกลัวหมาป่าศึกจนขวัญหนีดีฝ่อ? ยามนี้เขาโมโหพลุ่งพล่าน แทบอยากสับคนพวกนี้ให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น“บ้าเอ๊ย! ไปรับศึกเดียวนี้นะ! ไม่อย่างนั้น ตาย!”เหอซินก็โมโหโกรธากับทหารที่ผ่านการฝึกฝนอย่างมีระเบียบแบบแผนเหล่านี้จนแทบกระอักเลือดเหมือนกัน เพิ่งลงสนามก็ขี้หดตดหายแล้ว ศึกหลังจากนี้ยังจะสู้อย่างไรได้อีก? ไฟโกรธปะทุโดยสิ้นเชิง ตวัดดาบศึกฟันหมาป่าศ
เหอเซินนำเหล่าทหารลุยไปอีกครั้ง สิบกว่านาทีให้หลัง สงครามยุติ ฝ่ายฉินอวิ๋นฮุยคว้าชัยชนะอย่างบอบช้ำ“รีบเก็บกวาดพื้นที่เร็ว วันนี้ข้าฉินอวิ๋นฮุยต้องใช้เลือดล้างหมู่บ้านเฮยเฟิง กวาดล้างกองโจรหมาจนตรอกพวกนี้ให้สิ้นซาก คนเดียวก็อย่าได้เหลือ!”ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยจิตใจฮึกเหิม ไฟโทสะทะยานฟ้า วันนี้เขาจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องจัดการให้เสร็จในรวดเดียว กำจัดโจรถ่อยพวกนี้ให้หมด!“รับทราบ!”......เป็นเวลาเดียวกัน จางหมาจื่อมาถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง หลัวเทียนเป้าก็มาถึงพร้อมกลุ่มคนจำนวนหนึ่งด้วย หัวหน้าทหารฮั่วจื้อจวินซึ่งเป็นคนที่ฉินอวิ๋นคังเชื่อถือที่สุดก็อยู่ในนั้น“จางหมาจื่อ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? กองทัพของฉินอวิ๋นฮุยมิใช่ปักหลักอยู่กับที่หรือ? ทำไมจู่ ๆ ก็บุกไปถึงค่ายใหญ่ของพวกเจ้าเร็วอย่างนั้นล่ะ?”เห็นจางหมาจื่อมาถึง หลัวเทียนเป้าก็พูดอย่างหัวเสียทันที“เอ่อ น้องรองข้าประมาทเลินเล่อเกินไป ทำให้การป้องกันกับดักที่สองหย่อนยาน ถูกทัพใหญ่ของฉินอวิ๋นฮุยใช้ช่องโหว่ ดังนั้นจึงถูกพวกมันบุกโจมตีมาได้ง่าย ๆจางหมาจื่อพูดหน้ามุ่ย“เศษสวะฝูงหนึ่ง ช่างเถอะ! เดิมก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับไอ้พวกงี่เ
“เหอะ ข้าควรชื่นชมว่าท่านฉลาด หรือบอกว่าท่านขาดแคลนปัญญาดี?”หลัวเทียนเป้าพูดด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “สถานการณ์ในราชสำนักของต้าเฉียนพวกท่านเละตุ้มเป๊ะอย่างนี้แล้ว ยังไม่รีบกำจัดฝ่ายอื่นเพื่อประกันให้ฉินอวิ๋นคังขึ้นครองราชย์อีก จะรอให้ฉินอวิ๋นฮุยแข็งแกร่งมากขึ้นหรือยังไง?”“ครั้งนี้คือโอกาสดีฟ้าประทาน พลาดไปจะไม่มีแล้วนะ แค่ฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นฟานต่อสู้กับพวกโจรและตายอยู่บนเขา ใครจะสืบสาวเรื่องมาถึงเราได้?”“ท่านต้องรู้นะ ความร่วมมือของเราในครั้งนี้มีความเสี่ยงสูง แล้วเหตุใดจึงไม่ทำงานให้เด็ดขาด สำเร็จในคราวเดียว? คงไม่ต้องให้ข้าบอกผลของการปล่อยเสือเข้าป่ากระมัง?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลัวเทียนเป้า ฮั่วจื้อจวินหวั่นไหวอย่างหนัก กระนั้นกลับฉายสีหน้าปั้นยาก แววตาสับสน ด้านหนึ่งคือสถานการณ์ตึงเครียด ต้องตัดสินใจเด็ดขาดทันที ด้านหนึ่งคือกลยุทธ์ที่กำหนดไว้แต่แรก“ข้า ข้าคิดว่ายังต้องสอบถามองค์ชายใหญ่สักหน่อยก่อนจะดีกว่า บุ่มบ่ามตัดสินใจเรื่องสำคัญเช่นนี้อาจต้องโทษประหารได้”หลังจากต่อสู้กับความคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายฮั่วจื้อจวินจึงเลือกอย่างหลัง ใช่ว่าเขาไม่กล้าเดิมพันครั้งใหญ่ หากสิ่งที่ต้
“เหอะ เอาเถอะ ลองดูสักตั้ง ไม่มีทางเลือกแล้วนี่!”ฮั่วจื้อจวินส่ายหน้าพูดอย่างจนปัญญาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ทัพของทั้งสองฝ่ายรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว แต่งตัวเป็นโจรทั้งหมด อีกทั้งทั้งสองฝ่ายยังคัดเลือกแต่ยอดฝีมือที่มีกำลังรบน่าทึ่ง ผ่านสมรภูมิมามากมาย “สนับสนุนค่ายต่าง ๆ เร็วเข้า ซุ่มตัวให้ดี!”จางหมาจื่อที่กลับมาถึงสั่งการออกไปทันที คำสั่งแล้วคำสั่งเล่า แบ่งทัพใหญ่สี่หมื่นกว่าคนไปยังสี่แห่ง เมื่อรวมกับเหล่ากองโจร ไม่นานพวกเขาก็เตรียมตัวโจมตีพร้อมแล้ว“ฆ่ามัน!!!”“ฆ่ามัน!!!”......ขณะนี้ ทัพใหญ่ของฉินอวิ๋นฮุยบุกมาด้วยความเร็ว สถานการณ์รบตึงเครียดเปิดฉากในพริบตา ทันทีที่ทัพใหญ่ของฉินอวิ๋นฮุยมาถึงจุดแรกก็พบกับความผิดปกติทันที ทว่ามันสายไปแล้ว“แย่แล้ว มีกับดัก!”สิ้นเสียง โจรนับไม่ถ้วนกรูออกมาจากสี่ทิศแปดทางบุกโจมตีพวกเขา ล้อมเหล่าทหารเอาไว้ทันที กลายเป็นการปิดประตูตีสุนัข“นี่ นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย? ไหนว่ากองโจรไม่กี่พันไง? นี่มันมีมากกว่าเห็น ๆ!”เมื่อหัวหน้าทหารคนหนึ่งเห็นพลันตกตะลึง อีกฝ่ายมีมากมายก่ายกอง เห็นชัดว่าพวกเขาติดกับแล้ว ยังจะสู้อะไรอีก! รีบหาทางหนีเอาตัวร
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ