“จะมีปัญหาหรือไม่ ยังต้องดูที่เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป!”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วพูด “จริงสิ พวกท่านพอรู้สถานการณ์รายละเอียดของพวกกองโจรหรือไม่?”“รู้ พวกเขาคือกลุ่มจางหมาจื่อ กองโจรที่แข็งแกร่งที่สุดในละแวกเมืองอู่โจว!” หลิวเป้ยตอบ “แต่ไหนแต่ไรจางหมาจื่อมักทำงานประเจิดประเจ้อ ทั้งยังโหดเหี้ยมถึงที่สุด ปกติพอปล้นเสร็จมักจะทิ้งคำพูดท้าทาย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เป็นพวกจางหมาจื่อแน่นอน!”“อ้อ? จางหมาจื่อ?”เมื่อได้ยินชื่อนี้สีหน้าของฉินอวิ๋นฟานก็แปลกประหลาดไปในทันที นี่ไม่ใช่ชื่อพระเอกเรื่องคนท้าใหญ่ในตอนนั้นหรอกหรือ? เขาคือคนดีที่ปล้นคนรวยช่วยคนจน ไม่เกรงกลัวอิทธิพลเลยนะ!“ถูกต้อง! ในสมาคมการค้าต่าง ๆ ของเมืองอู่โจว หากพูดถึงจางหมาจื่อทุกคนจะเปลี่ยนสีหน้าทันที! คนผู้นี้มีโจรลูกสมุนกล้าตายหลายพันคนเต็ม ๆ ปักหลักอยู่ที่หมู่บ้านเฮยเฟิงป่าลึกทึบของเมืองอู่โจว เป็นกองโจรที่ดุร้ายและแข็งแกร่งที่สุดในแถบนี้”หลิวเป้ยเอ่ย“อ้อ? หลายปีอย่างนี้แล้ว ไม่มีคนกำราบพวกเขาได้เลยหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ก็แค่กองโจรกลุ่มเดียว คิดจะทลายรังใช้กำลังแค่ปรบมือมิใช่หรือ? ทำไมถึงปล่อยใ
“รัชทายาท ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ไม่ทราบว่าควรพูดหรือไม่”ก็ขณะที่ทุกคนกำลังวิเคราะห์และอนุมานสถานการณ์ จู่ ๆ เซียวหยางกลับพูดข้อสงสัยฉินอวิ๋นฟานตอบอย่างอยากรู้เล็กน้อย “ตอนนี้พวกเรากำลังวิเคราะห์และอนุมานอยู่ มีอะไรก็ว่ามาเถอะ ไม่จำเป็นต้องอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ”“เช่นนี้ขอรับ ในเมื่อองค์ชายใหญ่ต้องสงสัยมาก และยังอาจมีเจตนาก่อกบฏ นี่คือเรื่องต้องห้ามของราชวงศ์ ทว่าจากสภาพการณ์ปัจจุบัน ไท่ซั่งหวงน่าจะทรงทราบข้อมูลประมาณหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงควบคุมเมืองหลวงอย่างเข้มงวด”เซียวหยางขมวดคิ้วมุ่น ถามอย่างไม่เข้าใจ “แต่ทำไมไท่ซั่งหวงไม่ลงมือกับองค์ชายใหญ่โดยตรงเล่า? แม้จะเป็นคำสั่งลับก็สามารถให้พวกเรารวมทหารกับองค์ชายรอง ควบคุมตัวองค์ชายใหญ่น่าจะง่ายดังพลิกฝ่ามือกระมัง?”ครั้นได้ฟังข้อสงสัยของเซียวหยาง ฉินอวิ๋นฟานกลับหัวเราะ ถ้าบอกว่าเมื่อกี้เขามั่นใจกับการสันนิษฐานของตัวเองห้าส่วน หลังจากเซียวหยางพูดให้คิด เขากลับมั่นใจเจ็ดส่วน“เซียวหยาง จะว่าไปแล้วเจ้าถามได้ดีมาก กลับทำให้ข้าเข้าใจประเด็นสำคัญข้อหนึ่งขึ้นมา”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพูด “เจ้ากับพวกหลิวเป้ยไม่เคยเป็นขุนนางมาก่อน และแทบไม่เคยสัม
“ดังนั้นข้าอยากให้เจ้าแอบซื้อตัวโจรกลุ่มหนึ่ง หรือไม่ก็ส่งคนที่ไว้ใจได้เข้าไปอยู่กับพวกกลุ่มโจร จากนั้นก็วางแผนให้ดี จัดการพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียว!”หลิวเป้ยดวงตาเป็นประกาย “รัชทายาทแผนยอด ข้าน้อยเติบโตอยู่ในเมืองจัวตั้งแต่เล็ก มีเส้นสายสัมพันธ์กว้างขวาง เคยรู้จักสหายไม่เลวคนหนึ่ง เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เห็นว่าเขาเคยสนิทสนมกับคนหนึ่งในองค์กรโจร ไม่อย่างนั้น.... ให้ข้าน้อยลองไปหยั่งเชิงหน่อยไหมขอรับ?”“อ้อ ถ้าเป็นเช่นนี้ได้จะยิ่งดี จะเข้าไปอยู่ในวงศัตรูได้เร็วขึ้น ได้แผนที่บนภูเขาและสถานการณ์โดยรวมเร็วยิ่งขึ้น”พอฉินอวิ๋นฟานได้ฟัง นี่มิใช่ข่าวดีสุดยอดมิใช่หรือ? ถ้าทุกอย่างราบรื่นดี การจะทลายรังโจรพวกนี้ไม่ง่ายดังพลิกฝ่ามือ?“หานซิ่น เลี้ยงทหารพันวันใช้ทหารหนึ่งครา อาวุธลับของเราสมควรได้ใช้แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “สถานการณ์ในภูเขาซับซ้อนมาก มีตัวแปรเยอะ พวกเราต้องกำจัดพวกเขาด้วยความเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ”“รับทราบ! ข้าน้อยจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้ขอรับ!”หลังจากมอบหมายงานเสร็จก็เป็นเวลายามสี่ ฉินอวิ๋นฟานหายง่วงแล้ว ดวงจันทร์คล้อยไปทางทิศตะวันตก เทียบเท่ากับตีสี่โดยประมาณใ
ฉินอวิ๋นฟานกลั้นลมหายใจ สังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในห้อง ใต้ท้องน้อยร้อนรุ่มยากจะทานทนนานแล้ว พร้อมกันนั้นเขาได้เห็นตัวตนสตรีหินของเสด็จน้าสิบสามแจ่มแล้วว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่“ที่แท้สถานการณ์สตรีหินของเสด็จน้าสิบสามไม่ได้ร้ายแรงนี่ ก็แค่ผนังด้านนอกค่อนข้างหนา ลักษณะแบบนี้ผ่าตัดนิดหน่อยก็กลับมาเป็นปกติได้ แต่ทำได้แต่เรื่องระหว่างชายหญิงนะ มีลูกไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานตกใจพูด “อย่าใช้แตงกวา ใช้มะเขือสิ! นางใช้ได้แต่นิ้วเท่านั้น! เฮ้อ! บาปก๊รรมบาปกรรม! ถ้าแหกม่านประเพณีลงมือช่วยนางเองได้จะดีสักแค่ไหน! ”ฉินอวิ๋นฟานถ้ำมองครึ่งชั่วยามเต็ม ๆ ดูจนเมื่อยตาแล้ว ขืนดูอีกต่อไปต้องควบคุมตัวเองไม่อยู่แน่ เขาจึงได้แต่ซอยเท้าย่องออกไปเสียโบราณกล่าว ดูให้ตายอินทรีย์หิวโซ ที่พูดถึงก็คือฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้นี่แหละ! ฉินอวิ๋นฟานออกมาแล้วก็หันกลับไปมองอีกทีอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นจึงลาลับเมื่อตะวันไขแสง ฉินอวิ๋นฟานก็พาอู่จ้านและคนอื่น ๆ ตรงดิ่งไปยังเครือต้าเฉียนเหิงไท่ กินอาหารเช้าระหว่างทาง ในใจหวานชื่น แต่เขารู้ดี มรสุมกำลังจะมาถึง ถึงเวลาแสดงฝีมือเด็ดขาดของเขาแล้วดังคาด ในตอนที่เขาเพิ่งถึงเครือต้า
วิธีการของฉินอวิ๋นฟานทำให้หัวใจของพวกเขาอบอุ่นใจยิ่งนัก พร้อมกันนั้นก็สลายวิกฤตของพวกเขาด้วย“รัชทายาทต้าเฉียน ที่ท่านว่ามาเป็นความจริงหรือ?!”หนานกงเซิ่งยังเหลือเชื่อเล็กน้อย สอบถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง อย่างไรก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของทุกคนในตระกูล และพวกเขาก็คือพ่อค้า ย่อมให้ความสำคัญต่อสัจจะของฉินอวิ๋นฟาน“ต้าเฉียนเราเพิ่งได้เมืองอู่โจว จะตระบัดสัตย์เสียความน่าเชื่อถือได้หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดจริงจัง “ข้าฉินอวิ๋นฟานรักษาคำพูดเสมอ จะล้อเล่นกับเรื่องสำคัญเช่นนี้กับพวกท่านได้ยังไง? พวกท่านไปคิดคำนวณให้ดีเถอะ ข้าฉินอวิ๋นฟานจะรับผิดชอบทั้งหมด!”“จริงสิ เงินชดเชยคนที่ถูกสังหาร ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะจ่ายให้เป็นสามเท่า และข้าขอสัญญาอย่างจริงจังกับพวกท่านว่า ข้าจะกวาดล้างกองโจรให้หมดภายในหนึ่งเดือน คืนสภาพแวดล้อมการค้าขายที่ปลอดภัยให้กับทุกท่าน!”เมื่อได้รับการการันตีจากฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนต่างดีใจลิงโลดมือโบกเท้ารำ การเหมาความรับผิดชอบของฉินอวิ๋นฟาน ทำให้พวกเขาซาบซึ้งใจยิ่งนักทีแรกพวกเขายังคิดว่าต้องขอท่านปู่ร้องท่านย่า คุกเข่าอ้อนวอนฉินอวิ๋นฟานคืนความเป็นธรรมให้กับพวกเขา แต่ฉินอวิ๋น
“อ้อ? ไม่ยอม? ไหนข้าดูหน่อยสิว่าใครกันที่กำแหงขนาดนี้ กล้าโวยวายต่อหน้าข้าผู้เป็นรัชทายาท?”ก็ขณะที่สมาชิกของบรรดาสมาคมการค้าโดยมีต้าเยียนเป็นผู้นำกำลังชุมนุมเอะอะโวยวายอยู่หน้าเครือต้าเฉียนเหิงไท่ ฉินอวิ๋นฟานสองมือไพล่หลัง สายตาคมกริบ ย่างเท้ามาถึงตรงหน้าทุกคน!เมื่อทุกคนเห็นฉินอวิ๋นฟานวางอำนาจเช่นนี้ ความโอหังไฟเร่าร้อนลดฮวบลงไปกว่าครึ่ง โดยเฉพาะซือหม่าเจาที่ติดต่อกับราชวงศ์ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่ต่าง ๆ การก้มหัวค้อมเอว บริการเยี่ยมสุนัขคือท่าทีที่เขาต้องมีในชีวิตประจำวันแม้ฉินอวิ๋นฟานไม่ใช่นายของเขา กลับเป็นราชนิกุลผู้สูงส่งมีอำนาจ ฐานะและชื่อเสียงโด่งดัง ต่อให้เขาโวยวายหนักอย่างไร แต่เมื่อฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัวอย่างทรงอำนาจแล้ว เขามักหดหัวตามนิสัย“ฉิน ฉินอวิ๋นฟาน เมื่อคืนนี้สินค้าของสมาคมเราหลายสมาคมถูกปล้นในพื้นที่ดูแลเมืองอู่โจว มีคนถูกฆ่าตั้งหลายคน ไม่ว่ายังไงต้าเฉียนของเจ้าก็ต้องให้คำอธิบายกระมัง?!”ซือหม่าเจาแววตาวูบไหว น้ำเสียงสั่นเครือ พูดแบบขลาด ๆ“ก็ ก็นั่นนะสิ ฉินอวิ๋นฟาน แต่ละปีสมาคมการค้าใหญ่ของพวกเราจ่ายภาษีให้ต้าเฉียนพวกเจ้าไม่น้อย พวกเจ้ามีความรับผิดชอบ มีหน้าท
“ในเมื่อรับกับอารมณ์เหม็น ๆ เช่นนี้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไสหัวไปเถอะ เมืองอู่โจวไม่ขาดพ่อค้า!”ฉินอวิ๋นฟานทำหน้าไม่แยแส พูดเสียดสีทันที“หา...นี่...”เมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดคำนี้ออกมา หมู่ผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าเอ๋อรับประทาน สมองขาวโพลนไปเลย ทีแรกนึกว่าจะใช้วิธีนี้กดดันฉินอวิ๋นฟาน ให้ฉินอวิ๋นฟานถอยสักหน่อย ไม่นึกว่าฉินอวิ๋นฟานจะไล่ให้พวกเขาไสหัว คราวนี้มันไม่สนุกแล้วนะ!ผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าทั้งหลายเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ทุกคนปราศจากความคิดโดยสิ้นเชิง ลมปากที่เพิ่งพ่นออกไปจะเก็บกลับคืนก็ไม่ได้กระมัง?“ทำไม? พวกเจ้ายังจะยืนบื้อทำไม?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก แสยะยิ้มและพูด “ยังไม่รีบกลับไปเก็บข้าวของของพวกเจ้าแล้วไสหัวไปอีก ไว้หน้าพวกเจ้าแล้วใช่ไหม? อย่าบีบให้ข้าต้องตบพวกเจ้าออกไปนะ!”คราวนี้ซือหม่าเจาและคนอื่น ๆ งงเป็นไก่ตาแตก ยามนี้ขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงยาก ฉินอวิ๋นฟานไม่เกรงใจพวกเขาสักนิด เห็นชัดว่าต้องการขับไล่พวกเขา ทันใดนั้นทุกคนตื่นตระหนก!“เอ่อ... รัชทายาทต้าเฉียน พวกเรา...”“หุบปาก!”หนานไป่เวยเพิ่งอ้าปากก็ถูกฉินอวิ๋นฟานตวาดกลับ ดวงตาวาวโรจน์จดจ้อง เอ่ยเสียงกร้าว “ข้าบอกให้
ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงชายร่างกำยำสวมกวานหยกม่วงบนศีรษะ คิ้วดาบตาดารา อยู่ในชุดผ้าไหมแพรพรรณคนหนึ่งกำลังเดินมาทางฉินอวิ๋นฟานพร้อมผู้ติดตามกลุ่มหนึ่ง แค่ดูก็รู้ว่าต้องมีฐานะสูงส่งยิ่งแน่“เสี่ยวฟาน องค์ชายใหญ่มาแน่ะ”เห็นองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังปรากฏตัวในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ อู่จ้านรู้สึกว่าการสันนิษฐานเมื่อคืนน่ากลัวว่าจะเป็นความจริง เวลานี้ไม่ว่าเสี่ยวฟานจะจัดการงานในเมืองอู่โจวอย่างไร องค์ชายใหญ่ก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง แต่เขากลับแสดงตัวออกมาแล้ว“เหอะ พี่ใหญ่คือมีป่ามีใจทะยานอยากดังคาด!”ฉินอวิ๋นฟานมองฉินอวิ๋นคังที่กำลังเดินมาหาตนเอง สายตาเหี้ยม ขณะเดียวกันก็ยืนยันการสันนิษฐานของเขาด้วย แผนชั่วทั้งหมดนี้ฉายอยู่ในหัวของฉินอวิ๋นฟานแล้ว เรื่องราวดำเนินไปรอยทางที่เขาคิดเอาไว้แทบจะทั้งหมดเริ่มจากกองโจรจางหมาจื่อก่อเรื่อง ตามด้วยสมาคมการค้าต่าง ๆ หาเรื่องด้วยเหตุผลอันสมควร ต้องการคำอธิบาย สร้างสถานการณ์และให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากนั้นพี่ใหญ่ก็เข้าฉากต่อจากนี้น่าจะเป็นฉากทลายรังโจรสินะ? พวกโจรปะทะกับทหารทางการ รัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานสู้ศึกเคราะห์ร้ายเสียชีวิต?แผนกา
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว