“อย่างนี้นี่เอง!”เมื่อนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงเข้าใจ มิน่าในสมองของเขาจึงมีความฝันอันเลือนรางหนึ่งมาโดยตลอด เด็กหญิงวัยหกเจ็ดขวบอุ้มเขาทั้งวัน ปลอบโยนเขา เรียกเขาว่าเสี่ยวฟานฟาน...ที่แท้เหลียงจื่อฝูก็คือเด็กหญิงคนนั้น หรือก็คือเสด็จน้าสิบสามของเขา มิน่าตอนที่นางเห็นเขาถึงไม่รู้สึกห่างเหินสักนิด ซ้ำยังกล้าแกล้งเขาเช่นนี้อีก“จริงสิ เจ้าห้ามถามเรื่องการแต่งงานและลูกกับนางเด็ดขาด นี่คือข้อห้ามของนาง”อู่จ้านรีบเตือน“หา? นางอายุมากขนาดนั้นแล้ว น่าจะแต่งงานนานแล้วมิใช่หรือ? มีอะไรที่ถามไม่ได้กัน? ในฐานะที่เป็นเด็ก จะเป็นห่วงเป็นใยถามหน่อยไม่ได้เลย?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วถาม“ไม่ได้!”อู่จ้านปฏิเสธเด็ดขาด“เอ่อ... หรือว่ายังมีอะไรพิเศษอีก?”อู่จ้านสะกิดต่อมอย่างรู้ของฉินอวิ๋นฟานอีกครั้ง เมื่อเติบโตระดับหนึ่ง การแต่งงานไม่ใช่เรื่องธรรมดามากหรือ? ทำไมถึงถามไม่ได้?ทุกครั้งที่เจอผู้ใหญ่ เรื่องนี้คือเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยงในการสนทนา แต่อาจ้านกลับบอกว่าห้ามพูดถึง?“ข้าจะบอกเจ้าแล้วกัน เจ้าต้องรู้กาลเทศะเล่า!”อู่จ้านเล่าแบบระมัดระวังมาก “ที่นางจะยี่สิบหกแต่ยังอยู่ตัวคนเดียว นั่นเพราะว่าน
“ก๊อก ๆ ๆ...”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังคุยเรื่องเหลียงจื่อฝูกับอู่จ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จวนเจ้าเมืองมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ทั้งยังมียอดฝีมือจากตระกูลเซี่ยงมากถึงสิบคน คนทั่วไปจะไม่สามารถเข้าใกล้ห้องของฉินอวิ๋นฟานได้ การที่มีคนเคาะประตูกะทันหัน จะต้องเป็นคนสนิทอู่จ้านเพิ่งเปิดประตูก็เห็นเซียวหยาง หลิวเป้ยและหานซิ่นยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางตึงเครียด อู่จ้านรีบถาม “ดึกอย่างนี้แล้ว พวกเจ้าสามคนมีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือ?”“ถูกต้อง พี่อู่ ท่านดูนี่สิ!”หลิวเป้ยไม่กล้ารีรอ รีบยื่นกระดาษแถบถึงตรงหน้าอู่จ้านทันที ครั้นอู่จ้านเห็นตัวอักษรบนนั้น ใบหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน เขาพูดขึ้น “รีบเชิญเข้าห้องเร็วเถอะ!”“มีอะไรหรือ? ทำไมถึงเครียดอย่างนั้นล่ะ?”เห็นเซียวหยาง หลิวเป้ย หานซิ่นหน้าตาเคร่งเครียด ฉินอวิ๋นฟานจึงขมวดคิ้วถาม“เสี่ยวฟาน เจ้าดูนี่สิ!”อู่จ้านรีบส่งกระดาษแถบให้ฉินอวิ๋นฟานทันที ครั้นฉินอวิ๋นฟานเห็นเนื้อหาในนั้นแล้ว คิ้วก็มัดเป็นปมพูดว่า “ระวังองค์ชายใหญ่? ใครส่งเจ้านี่มาน่ะ? คงไม่ได้เล่นสนุกกระมัง?”“เป็นเด็กคนหนึ่งส่งมาขอรับ คนข้างหลังไม่รู้ว่าไปไหนนานแล้ว แต่พวกเร
“แหม เป็นเด็กเป็นเล็กรู้จักเอาใจห่วงคนแล้ว น้าสิบสามไม่ได้รักคนผิดจริง ๆ”เหลียงจื่อฝูยิ้มพรายพลางพูด “ในเมื่อฟานเอ๋อร์ห่วงใยพี่สาวเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็มาคุ้มครองความปลอดภัยอยู่ข้างตัวข้าดีกว่า นอกจากเจ้า ข้าไม่เชื่อใครทั้งนั้น เป็นอย่างไร?”“เอ่อ...”ฉินอวิ๋นฟานศิโรราบต่อการกระเซ้าเย้าแหย่ของเหลียงจื่อฝูอีกครั้ง แม่นี่ดูไม่เหมือนคนดีเลยแฮะ ยั่วคนโจ่งแจ้ง ยังจะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ถ้าไม่ใช่เพราะมีสายเลือดเดียวกัน รับรองว่าจะจับนางมาเผด็จศึกแน่ ไม่อย่างนั้นจะผิดต่อท้องน้อยที่กำลังร้อนรุ่มและอารมณ์ที่กำลังพุ่งกระฉูด“เอ่อคือ... เสด็จน้าสิบสาม ข้ากำลังพูดเรื่องจริงจังกับท่านอยู่นะ”ฉินอวิ๋นฟานหน้าตาบูดบึ้ง“ฮี่ ๆ พอเจ้าจริงจังขึ้นมาก็น่ารักเชียว หน้าเริ่มแดงแล้วนะ”เหลียงจื่อฝูหัวเราะเย้าแหย่ “ข้ายังมีธุระต้องทำจะไปสมาคมการค้าต้าเหลียง และข้าก็มีองครักษ์คุ้มครองโดยเฉพาะอยู่แล้ว น่าจะไม่มีปัญหา แต่... ถ้าเกิดเรื่องในถิ่นของเจ้า เจ้าต้องรับผิดชอบข้านะ”เหลียงจื่อฝูทิ้งลูกหยอดเอาไว้คำหนึ่งก่อนจะหมุนตัวจากไป มอบเค้าโครงสรีระสมบูรณ์แบบไว้ให้ ฉินอวิ๋นฟานเห็นแล้วพาลให้หัวใจคันยิบ
พอหลิวเป้ยเตือนสติเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็คิดขึ้นมาได้ทันที พี่ใหญ่มีทหารส่วนมากอยู่ในมือ พ่อตาของเขาคือแม่ทัพฝ่ายขวาระดับหนึ่งของราชสำนัก ท่านผู้เฒ่าตระกูลเริ่นคืออดีตแม่ทัพใหญ่ระดับหนึ่งของต้าเฉียน เรียกได้ว่ามีกำลังอยู่ในต้าเฉียนน่ากลัวอย่างยิ่งยวดผู้ที่สามารถใช้ทหารก่อกบฏได้ ทั้งต้าเฉียนก็มีแต่พี่ใหญ่และขั้วอิทธิพลเบื้องหลังของเขาเท่านั้น มิน่าเมื่อวานถึงได้รับกระดาษแถบลึกลับแผ่นนั้น ดูท่ามีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ แต่ทำไมถึงปิดข่าวมิดชิดอย่างนี้นะ ทำไมเขาถึงไม่ระแคะระคายอะไรเลย?“เสี่ยวฟาน ข้ามักรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้ไม่ธรรมดา”เวลานี้อู่จ้านมีสีหน้ากังวลเหมือนกัน กว่าพวกเขาจะสร้างผลงานได้สักหน่อย ก่อตั้งขุมกำลังเล็ก ๆ ของตัวเอง หรือต้องจบลงทั้งอย่างนี้แล้ว?“ถ้าบอกว่าเมืองหลวงยังสั่นสะเทือนหนักขนาดนี้ เรื่องนี้ต้องร้ายแรงกว่าที่พวกเราคิดแน่ และต้องอยู่เหนือขอบเขตความสามารถของเราด้วย”ฉินอวิ๋นฟานพูดหน้าขรึม “ที่พวกเราต้องทำในเวลานี้คือจัดการงานในเมืองอู่โจวให้เรียบร้อยก่อน ขอเพียงพี่ใหญ่อยู่ที่นี่ ทุกอย่างยังเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเกิดก่อกบฏในเมืองหลวงจริง เรื่องนี้จะไม่ใช่เ
“อ้อ? เจ้าหอหวงก็มาแล้วหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว ตอกย้ำข้อสันนิษฐานของตัวเองมากกว่าเดิม ไม่ทันได้คิดอะไรมาก เขาเอ่ยเสียงหนัก “นำทาง!”เพิ่งถึงห้อง หวงต้าหยวนคลี่ยิ้มจาง ๆ ให้ นางหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูด “รัชทายาท ไม่นึกว่าเราจะได้พบกันเร็วอย่างนี้นะ”“เจ้าหอหวง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะโอภาปราศรัย คิดว่าเจ้าน่าจะรู้เรื่องในเมืองหลวงแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานพูดหน้าเข้ม“นอกจากข้าจะรู้ ที่เมืองหลวงเตรียมการป้องกันก็รู้ไปทั่วแล้วเหมือนกัน ที่ข้ามาเมืองอู่โจวด้วยตัวเองก็เพื่อจะบอกกับท่าน ไท่ซั่งหวงลงมือแล้ว”หวงต้าหยวนกล่าวอย่างจริงจัง“อ้อ? เสด็จปู่ของข้าลงมือแล้ว? หรือว่ามีคนจะก่อกบฏจริง?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วจนย่นยู่ บนใบหน้าคือความวิตก นี่คือผลลัพธ์ที่เขาไม่อยากเห็นที่สุด ไม่นึกว่าสุดท้ายก็ยังกลายเป็นความจริงไปได้?“พอเมื่อคืนรู้ข่าวก็ตรงดิ่งมาเมืองอู่โจวในคืนนั้นเลย”หวงต้าหยวนพูดลงน้ำหนักเสียง “สำหรับการก่อกบฏที่ท่านกล่าวถึง ข้ากลับไม่ได้ข่าวอะไรที่เกี่ยวข้องเลย จากประสบการณ์หลายปีของข้า อาจมีโอกาสเกิดการก่อกบฏจริง แต่น่าจะไม่ใช่สิ่งที่การเตรียมการมานาน แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทั
ฉินอวิ๋นฟานเป็นคนละเอียดรอบคอบเหมือนกัน หลังจากหวงต้าหยวนวิเคราะห์เช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมากเช่นกัน พร้อมกันนั้นก็รู้สึกทึ่งกับฝีมือร้ายกาจของเสด็จปู่ด้วยในเมื่อนี่คือบททดสอบพวกเขาสามคน เช่นนั้นไท่ซั่งหวงไม่จำเป็นต้องเตือนเขา อีกอย่าง ภาพรวมในเมืองหลวงอยู่ในกำมือของเสด็จปู่หมด ยิ่งไม่ต้องเตือนเขาไปกันใหญ่สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนก็ยิ่งทดสอบความสามารถของคนคนหนึ่งในเมื่อเสด็จปู่ต้องการเลือกองค์ชายผู้เยี่ยมยอดที่สุดขึ้นครองราชย์ เขาจะไม่บอกใบ้อะไรใครทั้งนั้น แล้วใครกันที่เตือนเขาอยู่ข้างหลัง?“หรือเพราะช่วงนี้ข้าทำความดีมากเกินไป มีคนทำใจเห็นข้าประสบเคราะห์ไม่ได้ ก็เลยตั้งใจเตือนข้าสักหน่อย?”ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานสบายใจขึ้นมาก ในเมื่อคิดแล้วแต่ไม่เข้าใจ เช่นนั้นก็ไม่คิดมันเสียเลย อย่างไรมีคนช่วยเหลืออยู่ข้างหลังก็คือเรื่องดี ที่อีกฝ่ายไม่ยินดีเปิดเผย ย่อมต้องมีเหตุผล สืบสาวราวเรื่องไปก็ไม่มีความหมาย“แต่ข้าได้แต่พูดว่า คนที่มีความสามารถเช่นนี้มีน้อยเพียงหยิบมือ แล้วอีกฝ่ายต้องประทับใจท่านมากแน่ มิเช่นนั้นจะไม่เสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงมาเตือนท่าน”หวงต้าหยวนเอ่ย“เจ้าพูดไม่ผิด คนที
ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานเบิกบานใจยิ่งนัก เขาพูดอย่างฉับไวว่า “ว่ามาเถอะ เจ้าอยากให้ข้าตอบแทนเจ้ายังไง? แม้ต้องมอบตัวถวายใจข้าก็จะไม่ปฏิเสธ!”เห็นฉินอวิ๋นฟานทุบอกรับประกัน หวงต้าหยวนทำหน้าแขยง เจ้าหมอนี่จะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง? ข้าช่วยท่านถึงขนาดนี้ ท่านกลับไม่ตายใจ ยังอยากได้ตัวข้าอีก?นางยอมรับว่าตัวเองชื่นชอบฉินอวิ๋นฟานอยู่ไม่น้อย ชื่นชมความสามารถและความเก่งกาจของฉินอวิ๋นฟานมาก แต่นางหวงต้าหยวนก็ไม่ได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน? จะสมัครใจอยู่ใต้ร่างบุรุษคนหนึ่งอย่างไร้เหตุผลได้อย่างไร?“ทำไม? ท่านไม่กลัวว่าใต้ผ้าปิดหน้าผืนนี้จะเป็นใบหน้าอัปลักษณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้หรือ?”หวงต้าหยวนพูดพลางทำหน้ายั่วยุ“เอ่อ...”ครั้นได้ฟังคำพูดนี้ ฉินอวิ๋นฟานสะอึกทันที เรื่องอย่างการเปิดกล่องสุ่มเช่นนี้มีความเสี่ยงสูง เปิดผิดชีวิตเปลี่ยนทันที ไม่มีทางให้หันหลังกลับ ก็หวงต้าหยวนเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ เสียที่ไหน!ปากพล่อยก็แล้วไปเถอะ อย่าแกว่งตีนหาเสี้ยน มิเช่นนั้นหากไปถึงขั้นที่แก้ไขไม่ได้ นั่นจะได้จบเห่จริง ๆ แล้ว“ข้าแค่ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานฉีกยิ้ม “ว่ามาเถอะ เจ้ามีความต้องการอะไรก็พูดมาได้
หวงต้าหยวนจ้องฉินอวิ๋นฟานอยู่นาน รู้สึกทึ่งอย่างหนัก แม้ผ่านไปนานแล้วแต่จิตใจยังมิอาจสงบ หากคำพูดนี้ออกมาจากปากของคนอื่น นางจะไม่เชื่อเด็ดขาดสำหรับผู้รวมอำนาจ สร้างภาพลักษณ์จอมปลอม ตั้งตัวละครขึ้นมา เป็นนกสองหัว แลกเปลี่ยนสกปรกต่าง ๆ นานาลับหลัง เป้าหมายที่แท้จริงก็เพื่อทำความปรารถนาที่จะปกครองให้สำเร็จทันทีที่บรรลุเป้าหมายก็จะเผยธาตุแท้อันชั่วช้าโสมมในพริบตาทว่าถ้อยคำนี้กลับออกมาจากปากของฉินอวิ๋นฟาน นางจึงเชื่อสนิทใจนับจากฉินอวิ๋นฟานรับเมืองจัวที่เป็นดังนรกบนดินมา เขาก็ทำคำปฏิญาณของตัวเองให้สำเร็จมาโดยตลอด ทั้งยังทำเพื่อประโยชน์ของปวงประชา ยอมมีปากเสียงกับฝูงขุนนางในราชสำนัก กระทั่งควักกระเป๋าตัวเองเพื่อลดภาระของชาวบ้านเขาก็คือชายที่การพูดตรงกับการกระทำ หรือนี่ก็คือมนตร์เสน่ห์ของเขา?ใครจะสงสัยคนที่ทำงานเพื่อประชาชนจากใจจริงได้?“ที่ท่านขายเกลือบริโภคไปทั่วโลก ความจริงแล้วก็เพื่อช่วยชาวบ้านพวกนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นชาวแคว้นไหน ที่ท่านให้ความสำคัญจริง ๆ ก็คือสภาพแวดล้อมในการอยู่รอดของผู้อ่อนแอ”แม้หวงต้าหยวนจะเป็นคนพูดออกมาเอง และเข้าใจจิตใจมหาสมุทรรวมร้อยนทีนั้นของฉินอวิ๋
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว