หนึ่งดาบลงไป ความเจ็บปวดปอดฉีกหัวใจแหลกลาญส่งมาถึง ทำให้ฉินอวิ๋นฟานส่งเสียงร้องโหยหวนปานหมูถูกเชือด ขณะนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้าบิดเบี้ยว ทรมานถึงขีดสุด “ฮ่า ๆ ๆ...”ชายชุดดำหัวเราะเสียงดังเหมือนสติฟั่นเฟือน ฉินอวิ๋นฟานยิ่งทรมาน เขาก็ยังอารมณ์ดี จากนั้นก็ใช้ดาบเฉือนบนตัวอีกสองหน ได้ยินฉินอวิ๋นฟานแผดเสียงร้องในแบบที่จวนจะสิ้นหวัง เขากลับคึกคะนองอย่างไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบได้“ได้เวลาแล้ว ฆ่ามันด้วยกันเถอะ แล้วเดี๋ยวเราไปรายงานด้วยกัน!”ชายชุดดำอีกคนหนึ่งเอ่ยเตือน“อื่ม!”ชายชุดดำสนุกพอแล้วยกยิ้มตรงมุมปาก เผยรอยยิ้มชั่วร้ายหนึ่ง เขาแทงดาบในมือลงไปหมายจะจบชีวิตของฉินอวิ๋นฟาน แต่ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นจากที่ไม่ไกล“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันน่ะ? หยุดนะ!”กลุ่มชายชุดดำหยุดการเคลื่อนไหวฉับพลัน ตามด้วยหันไปมองต้นตอของเสียง เห็นเพียงผู้หญิงร่างเตี้ยเสียงเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งพาสาวใช้อีกคนหนึ่งวิ่งเร็วมาหาพวกเขา“เจ้าเป็นใครน่ะ? ขอเตือนเลยนะ ทางที่ดีเจ้าอย่ายุ่งให้มากนัก!”ชายชุดดำเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เห็นความอยุติธรรมชักดาบช่วยเหลือ เรื่องนี้ข้ายุ่งแน่แล้ว! พว
อีกฝ่ายพิจารณาครู่หนึ่ง “พวกเราแค่ผ่านทางมา ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร และไม่รู้ว่าบ้านของพวกเขาอยู่ที่ไหน ตรงนี้ใกล้กับหอวั่งเจียงมาก ดึกเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็คงเพิ่งออกมาจากที่นั่นนั่นแหละ เจ้ารีบไปแจ้งกับทางหอวั่งเจียงเถอะ”“เจ้าค่ะ!”เฉี่ยวเอ๋อร์วิ่งเร็วไปทางหอวั่งเจียงอย่างไม่ลังเลในความมืด อู๋อีฝานและลิ่งหูชงเห็นเรื่องราวทั้งหมดอู๋อีฝานเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะนางผู้นี้เข้ามาแส่กะทันหัน ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานก็คงกลายเป็นคนตายคนหนึ่งแล้ว ข้าว่านางฝีมือไม่เบา หรือให้ข้าออกโรงจัดการพวกนางซะ?”“เจ้าฆ่านางได้ในการโจมตีเดียวรึ?” ลิ่งหูชงหันไปถาม“ข้ายังไม่รู้ระดับฝีมือของนางที่แน่ชัด แต่ด้วยที่นางแสดงออกมาเมื่อครู่ น่าจะถึงตายในคราเดียวไม่ได้” อู๋อีฝานส่ายหน้าพูด“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คือการลอบสังหารล้มเหลว พวกเรากลับกันเถอะ!”ลิ่งหูชงใบหน้าจนปัญญา หมุนตัวและจากไป“เอ่อ ท่านลิ่งหู ฉินอวิ๋นฟานจะตายอยู่รอมร่อ ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป วันหน้าเกรงว่าจะหาโอกาสเหมาะ ๆ ยากแล้วนะ”อู๋อีฝานรีบตามไปติด ๆ แต่ยังไม่ตายใจ เพราะภารกิจลอบสังหารครั้งนี้สำคัญกับองค์ชายรองอย่างยิ่งยวด ตอนนี้ใกล้จะสำ
หญิงที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นด้วยความตกตะลึง “เขา...ก็คือรัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน?”ระยะนี้ทั้งเมืองหลวงมีใครไม่รู้จักชื่อฉินอวิ๋นฟานบ้าง? ไม่เพียงแต่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน ยิ่งเป็นอัจฉริยะโดดเด่นคนหนึ่ง พรสวรรค์โคลงกลอนตลอดจนท่วงทำนองอะไรก็เชี่ยวชาญไปหมด สุดยอดกลอนคู่และบทกลอนพูดกันปากต่อปาก แพร่หลายไปทุกหย่อมหญ้า นางชอบอู่เหลียงเย่ที่ฉินอวิ๋นฟานหมักที่สุด แทบจะต้องดื่มเป็นเพื่อนบิดาเฒ่าสองจอกทุกวัน กินร่วมกันปลาไหลผัดพริกและปลาไหลน้ำแดงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองช่วยระหว่างทางจะเป็นบุคคลซึ่งเป็นตำนานของต้าเฉียน?”“ถูกต้อง! ขอบคุณแม่นางที่ยื่นมือเข้าช่วยมาก หอวั่งเจียงซาบซึ้งใจยิ่งนัก”หวงต้าหยวนค้อมตัวคำนับนางและกล่าว “ไม่ทราบแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร? บ้านอยู่ที่ไหน? เอาไว้รักษารัชทายาทแล้ว พวกเราจะไปเยือนถึงที่บ้าน”“เอ่อ ข้าชื่อจางอวี่ม่อ ท่านเรียกข้าว่าอวี่ม่อก็พอ สำหรับการเยือนถึงบ้านก็ช่างเถอะ พ่อของข้ารักสงบ ไม่ชอบถูกรบกวน”จางอวี่ม่อยิ้มหวานพลางพูด “ช่วยคนลำบากเพียงยกมือ[1]เท่านั้น พวกท่านรีบช่วยคนเถอะ พวกเราจะไปก่อนแล
“หา?! รัชทายาทถูกคนลอบสังหารรึ?!”ในตำหนักเหยียนเหนียน เฉาเจิ้งฉุนหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน คลานลงมาจากเตียงนอนแล้วถามด้วยใบหน้าเย็นชาทันที “พูด! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ในฐานะที่เฉาเจิ้งฉุนเป็นหัวหน้าขันทีและหัวหน้าหน่วยบูรพา ภักดีต่อราชวงศ์ต้าเฉียนตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรือตำแหน่งล้วนเป็นตัวตนที่อยู่ยอดพีระมิดของต้าเฉียน ทุกความเคลื่อนไหวของราชวงศ์เกี่ยวข้องกับเขาอย่างยิ่งยวดฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินแห่งต้าเฉียน อยู่ในต้าเฉียน ฐานะเรียกได้ว่าพิเศษมาก ย่างเท้าไปอีกเพียงหนึ่งก็คือตำแหน่งสูงสุดของต้าเฉียนแล้ว และจะเป็นนายคนใหม่ที่เขาต้องรับใช้ทั้งชีวิตด้วยหากฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง เช่นนั้นน่ากลัวว่าฟ้าของต้าเฉียนจะเปลี่ยนแปลงแล้ว!ครั้นตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง เฉาเจิ้งฉุนไม่กล้ารีรออีก รีบลุกจากเตียงแล้วฟังการรายงานอย่างละเอียดจากผู้ใต้บังคับบัญชาทันที!“เมื่อครู่นี้เอง รัชทายาทสนุกอยู่ที่หอวั่งเจียงจนดึก ๆ ดื่น ๆ ระหว่างทางกลับเจอกับการดักฆ่ากะทันหัน เนื่องจากฝีมือต่างกันมาก รัชทายาทกับองครักษ์อู่จ้านไม่ใช่คู่ต่อสู้จึงบาดเจ็บสาหัส หมดสติยังไ
ไท่ซั่งหวงวาวโรจน์สุดขีด โกรธจนหนวดสีขาวของเขากระพือจนยุ่งเหยิง เขาผ่านมรสุมใหญ่มาทั้งชีวิต จิตใจของเขาถึงระดับที่ภูเขาไท่ซันพังทลายก็ยังหน้านิ่งนานแล้ว แต่เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานถูกลอบสังหารทำให้เขาควบคุมไม่อยู่จริง ๆก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงท่าทีแข็งกร้าวมาแล้ว ในศึกชิงบัลลังก์จะต้องต่อสู้กันอย่างยุติธรรม ห้ามมิให้องค์ชายใช้เล่ห์กลแผนร้าย ใช้ลูกไม้อุบาย ยิ่งไม่อนุญาตให้เข่นฆ่ากันเองและการที่เขาทำเช่นนี้มีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นคือคัดสรรองค์ชายผู้แข็งแกร่งขึ้นเป็นฮ่องเต้ นอกจากนั้นยังเพื่อป้องกันไม่ให้ราชวงศ์ต้าเฉียนเกิดเหตุนองเลือดในวังหลวง องค์ชายเข่นฆ่ากันเองไม่คิดถึง นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรก็เกิดเรื่องรัชทายาทถูกลอบสังหารแล้ว?“ไท่ซั่งหวง ทรงอย่าเพิ่งกริ้วให้มากเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่งผลต่อพระพลานามัยแล้วจะไม่ดี ยามนี้รัชทายาทกำลังรักษาตัวฉุกเฉินอยู่ที่หอวั่งเจียง น่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนวิเคราะห์ “แต่เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ธรรมดา เมื่อครู่คนข้างล่างรายงานว่าคนที่ลอบสังหารรัชทายาทมีทั้งหมดสิบห้าคน ล้วนมีฝีมือวิถียุทธ์ระดับเก้าทั้งหมด มิได้แตะต้องเส้นเขตระหว่างราชวงศ
“หึ ขืนฟ้าของต้าเฉียนยังไม่เปลี่ยนอีก เช่นนั้นใครก็ลอบฆ่ารัชทายาทของต้าเฉียนได้แล้วสิ? คนบางคน สุดท้ายก็คือฉลาดจนถูกความฉลาดทำร้ายตัวเอง ต่อไปคิดจะหลับให้สนิทคงจะยากแล้ว!”หวงต้าหยวนหรี่ดวงตาทั้งสอง พูดกลั้วหัวเราะอย่างเย็นชา“พี่อวิ๋นฟาน ท่าน ท่านเป็นอะไรไปน่ะ?!”ฉินอวิ๋นฟานไม่กลับมาสักที มู่หรงจิ่นกระวนกระวายไม่สงบ นางรู้ดีว่าหอวั่งเจียงคือสถานที่เช่นไร ที่นี่ก็คือเครื่องมือล่อลวงผู้ชาย การเปลี่ยนใจก็เริ่มจากการยั่วยวนเช่นนี้นี่แหละนางรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีปณิธานและเป้าหมายยิ่งใหญ่ยาวไกล หอวั่งเจียงมีความหมายพิเศษอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟาน แม้นางจะสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะต้านทานการเย้ายวนไม่ไหว ได้ใหม่ลืมเก่าแต่จังหวะที่เห็นบรรดาขันทีส่งตัวฉินอวิ๋นฟานกลับตำหนักรัชทายาทด้วยรูปแบบนี้ มู่หรงจิ่นใบหน้าแตกตื่น สองมือสั่นระริกไม่หยุด ทั้งคนอยู่ในภาวะตะลึงงันโดยสมบูรณ์“พระชายารัชทายาทมิต้องกังวลไปขอรับ รัชทายาทพ้นขีดอันตรายแล้ว แค่พักฟื้นอย่างสงบก็พอ ท่านไม่ต้องวิตกไป”เฉาเจิ้งฉุนเห็นมู่หรงจิ่นเป็นห่วงฉินอวิ๋นฟานขนาดนี้จึงรีบอธิบาย“ได้ ได้ ข้ารู้แล้ว”พ
หลังจากได้รับการชี้แนะจากพ่อตา องค์ชายใหญ่ถือว่าทำงานใช้สมองแล้ว รู้จักตั้งใจวิเคราะห์ภาพสถานการณ์ การร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย ดังนั้นเรื่องลาภลอยนี้ เขาย่อมชอบฟังยินดีเห็น“คังเอ๋อร์ เจ้าพูดอย่างนี้ความจริงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่...ความคิดของเจ้ายังตื้นเขินไปหน่อย”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก“หา? ยังตื้นเขินไป? สภาพการณ์ของพวกเราพี่น้องก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ? คนที่กล้าลงมือกับน้องเจ็ดและมีความสามารถที่จะลงมือกับเขามีไม่มาก พวกเราจะนิ่งไปจนกว่าเรื่องจะกระจ่าง นั่งภูชมพยัคฆ์สู้[1] ท่านเป็นคนสอนข้าเองไม่ใช่หรืออย่างไร?”ฉินอวิ๋นคังพูดอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย“คังเอ๋อร์ นั่งภูชมพยัคฆ์สู้เป็นแค่รูปแบบหนึ่ง บางครั้งเราสามารถสร้างโอกาสบางอย่างให้ตัวเองได้ตามสถานการณ์ ก็เหมือนกับครั้งนี้ พวกเราสามารถสร้างโอกาสได้!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย“อ้อ? สร้างโอกาส? สร้างยังไง?”ฉินอวิ๋นคังดวงตาเป็นประกาย นึกสนุกทันที ขนาดเขาไม่ทำอะไรก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าเป็นเหมือนกับที่พ่อตาพูดจริง สร้างโอกาสบางอย่างให้ตัวเอง นั่นมิต้องได้ประโยชน์มากกว่าเดิมหรือ?“การลอบสังหาร
“เรียนเสด็จอา จากสถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียน ข้าคิดว่าเป็นฝีมือของพี่รอง เรื่องหัวหนูเมื่อก่อนหน้านี้มีเงาของเขาอยู่เบื้องหลัง และเขาคือคนที่แค้นฉินอวิ๋นฟานที่สุด มีความมั่นใจกล้าเอาชีวิตฉินอวิ๋นฟานที่สุดด้วย”องค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่างตอบคำถาม“อื่ม เจ้าทายถูก ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ น่าจะเป็นผลงานขององค์ชายรองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เจ้าคิดว่าไท่ซั่งหวงจะเปิดศึกใหญ่กับองค์ชายรองเพราะเรื่องนี้หรือไม่?”ฉินอ้าวถามต่อ“ข้าคิดว่าไท่ซั่งหวงจะไม่ทำเช่นนั้น”ฉินอวิ๋นกว่างตั้งใจวิเคราะห์ “ประการแรก พี่รองคือคนที่มีอิทธิพลแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาองค์ชาย และเป็นคนที่เชี่ยวชาญการวางแผนใช้อุบายที่สุด ประการที่สอง พี่รองมีผู้ติดตามในต้าเฉียนมาก ตระกูลเหอยิ่งเป็นตระกูลเก่าแก่สี่ศตวรรษ มีกำลังน่ากลัวมาก ไม่มีทางแตะต้องเขาได้”“ทันทีที่เปิดศึกใหญ่ ต้าเฉียนต้องพังทลายแน่ ความโกลาหลภายในเพิ่มระดับ สถานการณ์หลุดจากการควบคุมโดยสิ้นเชิง!”ฟังการวิเคราะห์ของฉินอวิ๋นกว่าง ฉินอ้าวหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้าพึงพอใจจากนั้นจึงถามขึ้นอีกครั้ง “โบราณว่าไว้กำแพงล้มคนยากจะดัน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง องค์ชายรองก็คง
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ