หญิงที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นด้วยความตกตะลึง “เขา...ก็คือรัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน?”ระยะนี้ทั้งเมืองหลวงมีใครไม่รู้จักชื่อฉินอวิ๋นฟานบ้าง? ไม่เพียงแต่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน ยิ่งเป็นอัจฉริยะโดดเด่นคนหนึ่ง พรสวรรค์โคลงกลอนตลอดจนท่วงทำนองอะไรก็เชี่ยวชาญไปหมด สุดยอดกลอนคู่และบทกลอนพูดกันปากต่อปาก แพร่หลายไปทุกหย่อมหญ้า นางชอบอู่เหลียงเย่ที่ฉินอวิ๋นฟานหมักที่สุด แทบจะต้องดื่มเป็นเพื่อนบิดาเฒ่าสองจอกทุกวัน กินร่วมกันปลาไหลผัดพริกและปลาไหลน้ำแดงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองช่วยระหว่างทางจะเป็นบุคคลซึ่งเป็นตำนานของต้าเฉียน?”“ถูกต้อง! ขอบคุณแม่นางที่ยื่นมือเข้าช่วยมาก หอวั่งเจียงซาบซึ้งใจยิ่งนัก”หวงต้าหยวนค้อมตัวคำนับนางและกล่าว “ไม่ทราบแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร? บ้านอยู่ที่ไหน? เอาไว้รักษารัชทายาทแล้ว พวกเราจะไปเยือนถึงที่บ้าน”“เอ่อ ข้าชื่อจางอวี่ม่อ ท่านเรียกข้าว่าอวี่ม่อก็พอ สำหรับการเยือนถึงบ้านก็ช่างเถอะ พ่อของข้ารักสงบ ไม่ชอบถูกรบกวน”จางอวี่ม่อยิ้มหวานพลางพูด “ช่วยคนลำบากเพียงยกมือ[1]เท่านั้น พวกท่านรีบช่วยคนเถอะ พวกเราจะไปก่อนแล
“หา?! รัชทายาทถูกคนลอบสังหารรึ?!”ในตำหนักเหยียนเหนียน เฉาเจิ้งฉุนหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน คลานลงมาจากเตียงนอนแล้วถามด้วยใบหน้าเย็นชาทันที “พูด! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ในฐานะที่เฉาเจิ้งฉุนเป็นหัวหน้าขันทีและหัวหน้าหน่วยบูรพา ภักดีต่อราชวงศ์ต้าเฉียนตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรือตำแหน่งล้วนเป็นตัวตนที่อยู่ยอดพีระมิดของต้าเฉียน ทุกความเคลื่อนไหวของราชวงศ์เกี่ยวข้องกับเขาอย่างยิ่งยวดฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินแห่งต้าเฉียน อยู่ในต้าเฉียน ฐานะเรียกได้ว่าพิเศษมาก ย่างเท้าไปอีกเพียงหนึ่งก็คือตำแหน่งสูงสุดของต้าเฉียนแล้ว และจะเป็นนายคนใหม่ที่เขาต้องรับใช้ทั้งชีวิตด้วยหากฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง เช่นนั้นน่ากลัวว่าฟ้าของต้าเฉียนจะเปลี่ยนแปลงแล้ว!ครั้นตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง เฉาเจิ้งฉุนไม่กล้ารีรออีก รีบลุกจากเตียงแล้วฟังการรายงานอย่างละเอียดจากผู้ใต้บังคับบัญชาทันที!“เมื่อครู่นี้เอง รัชทายาทสนุกอยู่ที่หอวั่งเจียงจนดึก ๆ ดื่น ๆ ระหว่างทางกลับเจอกับการดักฆ่ากะทันหัน เนื่องจากฝีมือต่างกันมาก รัชทายาทกับองครักษ์อู่จ้านไม่ใช่คู่ต่อสู้จึงบาดเจ็บสาหัส หมดสติยังไ
ไท่ซั่งหวงวาวโรจน์สุดขีด โกรธจนหนวดสีขาวของเขากระพือจนยุ่งเหยิง เขาผ่านมรสุมใหญ่มาทั้งชีวิต จิตใจของเขาถึงระดับที่ภูเขาไท่ซันพังทลายก็ยังหน้านิ่งนานแล้ว แต่เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานถูกลอบสังหารทำให้เขาควบคุมไม่อยู่จริง ๆก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงท่าทีแข็งกร้าวมาแล้ว ในศึกชิงบัลลังก์จะต้องต่อสู้กันอย่างยุติธรรม ห้ามมิให้องค์ชายใช้เล่ห์กลแผนร้าย ใช้ลูกไม้อุบาย ยิ่งไม่อนุญาตให้เข่นฆ่ากันเองและการที่เขาทำเช่นนี้มีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นคือคัดสรรองค์ชายผู้แข็งแกร่งขึ้นเป็นฮ่องเต้ นอกจากนั้นยังเพื่อป้องกันไม่ให้ราชวงศ์ต้าเฉียนเกิดเหตุนองเลือดในวังหลวง องค์ชายเข่นฆ่ากันเองไม่คิดถึง นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรก็เกิดเรื่องรัชทายาทถูกลอบสังหารแล้ว?“ไท่ซั่งหวง ทรงอย่าเพิ่งกริ้วให้มากเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่งผลต่อพระพลานามัยแล้วจะไม่ดี ยามนี้รัชทายาทกำลังรักษาตัวฉุกเฉินอยู่ที่หอวั่งเจียง น่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนวิเคราะห์ “แต่เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ธรรมดา เมื่อครู่คนข้างล่างรายงานว่าคนที่ลอบสังหารรัชทายาทมีทั้งหมดสิบห้าคน ล้วนมีฝีมือวิถียุทธ์ระดับเก้าทั้งหมด มิได้แตะต้องเส้นเขตระหว่างราชวงศ
“หึ ขืนฟ้าของต้าเฉียนยังไม่เปลี่ยนอีก เช่นนั้นใครก็ลอบฆ่ารัชทายาทของต้าเฉียนได้แล้วสิ? คนบางคน สุดท้ายก็คือฉลาดจนถูกความฉลาดทำร้ายตัวเอง ต่อไปคิดจะหลับให้สนิทคงจะยากแล้ว!”หวงต้าหยวนหรี่ดวงตาทั้งสอง พูดกลั้วหัวเราะอย่างเย็นชา“พี่อวิ๋นฟาน ท่าน ท่านเป็นอะไรไปน่ะ?!”ฉินอวิ๋นฟานไม่กลับมาสักที มู่หรงจิ่นกระวนกระวายไม่สงบ นางรู้ดีว่าหอวั่งเจียงคือสถานที่เช่นไร ที่นี่ก็คือเครื่องมือล่อลวงผู้ชาย การเปลี่ยนใจก็เริ่มจากการยั่วยวนเช่นนี้นี่แหละนางรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีปณิธานและเป้าหมายยิ่งใหญ่ยาวไกล หอวั่งเจียงมีความหมายพิเศษอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟาน แม้นางจะสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะต้านทานการเย้ายวนไม่ไหว ได้ใหม่ลืมเก่าแต่จังหวะที่เห็นบรรดาขันทีส่งตัวฉินอวิ๋นฟานกลับตำหนักรัชทายาทด้วยรูปแบบนี้ มู่หรงจิ่นใบหน้าแตกตื่น สองมือสั่นระริกไม่หยุด ทั้งคนอยู่ในภาวะตะลึงงันโดยสมบูรณ์“พระชายารัชทายาทมิต้องกังวลไปขอรับ รัชทายาทพ้นขีดอันตรายแล้ว แค่พักฟื้นอย่างสงบก็พอ ท่านไม่ต้องวิตกไป”เฉาเจิ้งฉุนเห็นมู่หรงจิ่นเป็นห่วงฉินอวิ๋นฟานขนาดนี้จึงรีบอธิบาย“ได้ ได้ ข้ารู้แล้ว”พ
หลังจากได้รับการชี้แนะจากพ่อตา องค์ชายใหญ่ถือว่าทำงานใช้สมองแล้ว รู้จักตั้งใจวิเคราะห์ภาพสถานการณ์ การร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย ดังนั้นเรื่องลาภลอยนี้ เขาย่อมชอบฟังยินดีเห็น“คังเอ๋อร์ เจ้าพูดอย่างนี้ความจริงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่...ความคิดของเจ้ายังตื้นเขินไปหน่อย”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก“หา? ยังตื้นเขินไป? สภาพการณ์ของพวกเราพี่น้องก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ? คนที่กล้าลงมือกับน้องเจ็ดและมีความสามารถที่จะลงมือกับเขามีไม่มาก พวกเราจะนิ่งไปจนกว่าเรื่องจะกระจ่าง นั่งภูชมพยัคฆ์สู้[1] ท่านเป็นคนสอนข้าเองไม่ใช่หรืออย่างไร?”ฉินอวิ๋นคังพูดอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย“คังเอ๋อร์ นั่งภูชมพยัคฆ์สู้เป็นแค่รูปแบบหนึ่ง บางครั้งเราสามารถสร้างโอกาสบางอย่างให้ตัวเองได้ตามสถานการณ์ ก็เหมือนกับครั้งนี้ พวกเราสามารถสร้างโอกาสได้!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย“อ้อ? สร้างโอกาส? สร้างยังไง?”ฉินอวิ๋นคังดวงตาเป็นประกาย นึกสนุกทันที ขนาดเขาไม่ทำอะไรก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าเป็นเหมือนกับที่พ่อตาพูดจริง สร้างโอกาสบางอย่างให้ตัวเอง นั่นมิต้องได้ประโยชน์มากกว่าเดิมหรือ?“การลอบสังหาร
“เรียนเสด็จอา จากสถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียน ข้าคิดว่าเป็นฝีมือของพี่รอง เรื่องหัวหนูเมื่อก่อนหน้านี้มีเงาของเขาอยู่เบื้องหลัง และเขาคือคนที่แค้นฉินอวิ๋นฟานที่สุด มีความมั่นใจกล้าเอาชีวิตฉินอวิ๋นฟานที่สุดด้วย”องค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่างตอบคำถาม“อื่ม เจ้าทายถูก ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ น่าจะเป็นผลงานขององค์ชายรองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เจ้าคิดว่าไท่ซั่งหวงจะเปิดศึกใหญ่กับองค์ชายรองเพราะเรื่องนี้หรือไม่?”ฉินอ้าวถามต่อ“ข้าคิดว่าไท่ซั่งหวงจะไม่ทำเช่นนั้น”ฉินอวิ๋นกว่างตั้งใจวิเคราะห์ “ประการแรก พี่รองคือคนที่มีอิทธิพลแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาองค์ชาย และเป็นคนที่เชี่ยวชาญการวางแผนใช้อุบายที่สุด ประการที่สอง พี่รองมีผู้ติดตามในต้าเฉียนมาก ตระกูลเหอยิ่งเป็นตระกูลเก่าแก่สี่ศตวรรษ มีกำลังน่ากลัวมาก ไม่มีทางแตะต้องเขาได้”“ทันทีที่เปิดศึกใหญ่ ต้าเฉียนต้องพังทลายแน่ ความโกลาหลภายในเพิ่มระดับ สถานการณ์หลุดจากการควบคุมโดยสิ้นเชิง!”ฟังการวิเคราะห์ของฉินอวิ๋นกว่าง ฉินอ้าวหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้าพึงพอใจจากนั้นจึงถามขึ้นอีกครั้ง “โบราณว่าไว้กำแพงล้มคนยากจะดัน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง องค์ชายรองก็คง
“อวิ๋นฮุย ทั้งหมดเป็นความคิดของข้าคนเดียว เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้”เหอเหวินเย่าพูดด้วยหน้าตาเข้มขรึม “ข้าเป็นคนออกความคิดเปลี่ยนตัวอู๋อีฝานเอง เพราะยอดฝีมือวิถียุทธ์ระดับเก้าสิบห้าคน ฆ่าฉินอวิ๋นฟานง่ายดังพลิกฝ่ามือ ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังของยุทธภพ แบบนี้ยังพอเหลือช่องทางให้พวกเราบ้าง”“ความจริงพิสูจน์แล้ว ที่ข้าทำเช่นนี้มันถูกต้อง! จังหวะสำคัญในการลอบฆ่าดันโผล่ผู้หญิงที่มีวรยุทธ์สูงส่งคนหนึ่ง ถึงอู๋อีฝานจะออกโรงก็ล้มเหลวเหมือนกัน ถึงตอนนั้นเรื่องนี้จะไม่มีทางให้หวนกลับ!”พอได้ฟังการอธิบายของเหอเหวินเย่า สีหน้าของฉินอวิ๋นฮุยดำทะมึนจนน่ากลัว ระยะนี้เดิมเขาก็เก็บกดไฟโกรธไร้รูปอยู่แล้ว แถมไม่ว่าอะไรก็ไม่เป็นดังหวัง นี่ทำให้เขาอึดอัดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ไม่นึกว่าภารกิจลอบฆ่าง่าย ๆ นี้ยังจะล้มเหลวอีก ซวยชะมัด!“งั้นตอนนี้จะทำยังไงดี? จะให้ฉินอวิ๋นฟานขี่อยู่บนหัวข้า อึฉี่ใส่หัวข้าอย่างนี้ตลอดไปรึ?! ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ข้ายังจะชิงบัลลังก์ยังไง?! พวกท่านช่วยนึกถึงหัวอกของข้าในตอนนี้บ้างได้ไหม?!”จิตใจฉินอวิ๋นฮุยพังทลายสิ้นแล้ว ในฐานะที่เป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ทุกสิ่งทุกอย่าง
“ท่าน ท่านความหมายว่าหน่วยบูรพาเคลื่อนไหวแล้วหรือ?”องค์ชายรองมุมปากกระตุก เวลานี้เขาตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องแล้ว เขาเคยได้ยินท่านตาบอกว่าอย่าผูกศัตรูกับหน่วยบูรพาง่าย ๆ ความน่าสะพรึงกลัวของหน่วยบูรพาอยู่เหนือจินตนาการของพวกเขานักหลายปีอย่างนี้ เขาแทบไม่เคยเห็นหน่วยบูรพาเคลื่อนไหวมาก่อน ไม่คิดว่าพอลงมือจะรวดเร็วปานสายฟ้าเช่นนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง!“นี่ยังต้องให้บอกอีกรึ?!”เหอเหวินเย่าสีหน้าอึมครึม “ดูท่าครั้งนี้ไท่ซั่งหวงจะกริ้วแล้วจริง ๆ รีบคิดหาทางแก้ไขเถอะ ข้าต้องรีบกลับไปขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อแล้ว หวังว่าเรื่องราวจะไม่ถึงจัดการให้เรียบร้อยไม่ได้”ช่วงเวลาคับขัน เหอเหวินเย่าไม่กล้าให้เสียเวลาสักนิด รีบวิ่งโร่ไปยังตระกูลเหอทันที“ท่านลิ่งหู พวกเรา พวกเราจะทำยังไงดี?!”ฉินอวิ๋นฮุยจ้องลิ่งหูชงแบบวิญญาณออกจากร่าง ตอนนี้เขานึกเสียใจที่สุด แต่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว ให้เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึง ไท่ซั่งหวงกลับให้หน่วยบูรพาออกโรง หนำซ้ำยังลงมือได้ฉับไวนักทีแรกเขาคิดว่าลองทุ่มหมดหน้าตักเสี่ยงดูสักครั้ง กลับพบว่านี่อาจเป็นหนทางที่ไม่สามารถหวนคืน“เหอะ ทำยังไง
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว