หญิงที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นด้วยความตกตะลึง “เขา...ก็คือรัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน?”ระยะนี้ทั้งเมืองหลวงมีใครไม่รู้จักชื่อฉินอวิ๋นฟานบ้าง? ไม่เพียงแต่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน ยิ่งเป็นอัจฉริยะโดดเด่นคนหนึ่ง พรสวรรค์โคลงกลอนตลอดจนท่วงทำนองอะไรก็เชี่ยวชาญไปหมด สุดยอดกลอนคู่และบทกลอนพูดกันปากต่อปาก แพร่หลายไปทุกหย่อมหญ้า นางชอบอู่เหลียงเย่ที่ฉินอวิ๋นฟานหมักที่สุด แทบจะต้องดื่มเป็นเพื่อนบิดาเฒ่าสองจอกทุกวัน กินร่วมกันปลาไหลผัดพริกและปลาไหลน้ำแดงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองช่วยระหว่างทางจะเป็นบุคคลซึ่งเป็นตำนานของต้าเฉียน?”“ถูกต้อง! ขอบคุณแม่นางที่ยื่นมือเข้าช่วยมาก หอวั่งเจียงซาบซึ้งใจยิ่งนัก”หวงต้าหยวนค้อมตัวคำนับนางและกล่าว “ไม่ทราบแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร? บ้านอยู่ที่ไหน? เอาไว้รักษารัชทายาทแล้ว พวกเราจะไปเยือนถึงที่บ้าน”“เอ่อ ข้าชื่อจางอวี่ม่อ ท่านเรียกข้าว่าอวี่ม่อก็พอ สำหรับการเยือนถึงบ้านก็ช่างเถอะ พ่อของข้ารักสงบ ไม่ชอบถูกรบกวน”จางอวี่ม่อยิ้มหวานพลางพูด “ช่วยคนลำบากเพียงยกมือ[1]เท่านั้น พวกท่านรีบช่วยคนเถอะ พวกเราจะไปก่อนแล
“หา?! รัชทายาทถูกคนลอบสังหารรึ?!”ในตำหนักเหยียนเหนียน เฉาเจิ้งฉุนหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน คลานลงมาจากเตียงนอนแล้วถามด้วยใบหน้าเย็นชาทันที “พูด! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ในฐานะที่เฉาเจิ้งฉุนเป็นหัวหน้าขันทีและหัวหน้าหน่วยบูรพา ภักดีต่อราชวงศ์ต้าเฉียนตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรือตำแหน่งล้วนเป็นตัวตนที่อยู่ยอดพีระมิดของต้าเฉียน ทุกความเคลื่อนไหวของราชวงศ์เกี่ยวข้องกับเขาอย่างยิ่งยวดฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินแห่งต้าเฉียน อยู่ในต้าเฉียน ฐานะเรียกได้ว่าพิเศษมาก ย่างเท้าไปอีกเพียงหนึ่งก็คือตำแหน่งสูงสุดของต้าเฉียนแล้ว และจะเป็นนายคนใหม่ที่เขาต้องรับใช้ทั้งชีวิตด้วยหากฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง เช่นนั้นน่ากลัวว่าฟ้าของต้าเฉียนจะเปลี่ยนแปลงแล้ว!ครั้นตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง เฉาเจิ้งฉุนไม่กล้ารีรออีก รีบลุกจากเตียงแล้วฟังการรายงานอย่างละเอียดจากผู้ใต้บังคับบัญชาทันที!“เมื่อครู่นี้เอง รัชทายาทสนุกอยู่ที่หอวั่งเจียงจนดึก ๆ ดื่น ๆ ระหว่างทางกลับเจอกับการดักฆ่ากะทันหัน เนื่องจากฝีมือต่างกันมาก รัชทายาทกับองครักษ์อู่จ้านไม่ใช่คู่ต่อสู้จึงบาดเจ็บสาหัส หมดสติยังไ
ไท่ซั่งหวงวาวโรจน์สุดขีด โกรธจนหนวดสีขาวของเขากระพือจนยุ่งเหยิง เขาผ่านมรสุมใหญ่มาทั้งชีวิต จิตใจของเขาถึงระดับที่ภูเขาไท่ซันพังทลายก็ยังหน้านิ่งนานแล้ว แต่เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานถูกลอบสังหารทำให้เขาควบคุมไม่อยู่จริง ๆก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงท่าทีแข็งกร้าวมาแล้ว ในศึกชิงบัลลังก์จะต้องต่อสู้กันอย่างยุติธรรม ห้ามมิให้องค์ชายใช้เล่ห์กลแผนร้าย ใช้ลูกไม้อุบาย ยิ่งไม่อนุญาตให้เข่นฆ่ากันเองและการที่เขาทำเช่นนี้มีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นคือคัดสรรองค์ชายผู้แข็งแกร่งขึ้นเป็นฮ่องเต้ นอกจากนั้นยังเพื่อป้องกันไม่ให้ราชวงศ์ต้าเฉียนเกิดเหตุนองเลือดในวังหลวง องค์ชายเข่นฆ่ากันเองไม่คิดถึง นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรก็เกิดเรื่องรัชทายาทถูกลอบสังหารแล้ว?“ไท่ซั่งหวง ทรงอย่าเพิ่งกริ้วให้มากเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่งผลต่อพระพลานามัยแล้วจะไม่ดี ยามนี้รัชทายาทกำลังรักษาตัวฉุกเฉินอยู่ที่หอวั่งเจียง น่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนวิเคราะห์ “แต่เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ธรรมดา เมื่อครู่คนข้างล่างรายงานว่าคนที่ลอบสังหารรัชทายาทมีทั้งหมดสิบห้าคน ล้วนมีฝีมือวิถียุทธ์ระดับเก้าทั้งหมด มิได้แตะต้องเส้นเขตระหว่างราชวงศ
“หึ ขืนฟ้าของต้าเฉียนยังไม่เปลี่ยนอีก เช่นนั้นใครก็ลอบฆ่ารัชทายาทของต้าเฉียนได้แล้วสิ? คนบางคน สุดท้ายก็คือฉลาดจนถูกความฉลาดทำร้ายตัวเอง ต่อไปคิดจะหลับให้สนิทคงจะยากแล้ว!”หวงต้าหยวนหรี่ดวงตาทั้งสอง พูดกลั้วหัวเราะอย่างเย็นชา“พี่อวิ๋นฟาน ท่าน ท่านเป็นอะไรไปน่ะ?!”ฉินอวิ๋นฟานไม่กลับมาสักที มู่หรงจิ่นกระวนกระวายไม่สงบ นางรู้ดีว่าหอวั่งเจียงคือสถานที่เช่นไร ที่นี่ก็คือเครื่องมือล่อลวงผู้ชาย การเปลี่ยนใจก็เริ่มจากการยั่วยวนเช่นนี้นี่แหละนางรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีปณิธานและเป้าหมายยิ่งใหญ่ยาวไกล หอวั่งเจียงมีความหมายพิเศษอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟาน แม้นางจะสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะต้านทานการเย้ายวนไม่ไหว ได้ใหม่ลืมเก่าแต่จังหวะที่เห็นบรรดาขันทีส่งตัวฉินอวิ๋นฟานกลับตำหนักรัชทายาทด้วยรูปแบบนี้ มู่หรงจิ่นใบหน้าแตกตื่น สองมือสั่นระริกไม่หยุด ทั้งคนอยู่ในภาวะตะลึงงันโดยสมบูรณ์“พระชายารัชทายาทมิต้องกังวลไปขอรับ รัชทายาทพ้นขีดอันตรายแล้ว แค่พักฟื้นอย่างสงบก็พอ ท่านไม่ต้องวิตกไป”เฉาเจิ้งฉุนเห็นมู่หรงจิ่นเป็นห่วงฉินอวิ๋นฟานขนาดนี้จึงรีบอธิบาย“ได้ ได้ ข้ารู้แล้ว”พ
หลังจากได้รับการชี้แนะจากพ่อตา องค์ชายใหญ่ถือว่าทำงานใช้สมองแล้ว รู้จักตั้งใจวิเคราะห์ภาพสถานการณ์ การร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย ดังนั้นเรื่องลาภลอยนี้ เขาย่อมชอบฟังยินดีเห็น“คังเอ๋อร์ เจ้าพูดอย่างนี้ความจริงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่...ความคิดของเจ้ายังตื้นเขินไปหน่อย”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก“หา? ยังตื้นเขินไป? สภาพการณ์ของพวกเราพี่น้องก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ? คนที่กล้าลงมือกับน้องเจ็ดและมีความสามารถที่จะลงมือกับเขามีไม่มาก พวกเราจะนิ่งไปจนกว่าเรื่องจะกระจ่าง นั่งภูชมพยัคฆ์สู้[1] ท่านเป็นคนสอนข้าเองไม่ใช่หรืออย่างไร?”ฉินอวิ๋นคังพูดอย่างอึดอัดใจเล็กน้อย“คังเอ๋อร์ นั่งภูชมพยัคฆ์สู้เป็นแค่รูปแบบหนึ่ง บางครั้งเราสามารถสร้างโอกาสบางอย่างให้ตัวเองได้ตามสถานการณ์ ก็เหมือนกับครั้งนี้ พวกเราสามารถสร้างโอกาสได้!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย“อ้อ? สร้างโอกาส? สร้างยังไง?”ฉินอวิ๋นคังดวงตาเป็นประกาย นึกสนุกทันที ขนาดเขาไม่ทำอะไรก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าเป็นเหมือนกับที่พ่อตาพูดจริง สร้างโอกาสบางอย่างให้ตัวเอง นั่นมิต้องได้ประโยชน์มากกว่าเดิมหรือ?“การลอบสังหาร
“เรียนเสด็จอา จากสถานการณ์ในปัจจุบันของต้าเฉียน ข้าคิดว่าเป็นฝีมือของพี่รอง เรื่องหัวหนูเมื่อก่อนหน้านี้มีเงาของเขาอยู่เบื้องหลัง และเขาคือคนที่แค้นฉินอวิ๋นฟานที่สุด มีความมั่นใจกล้าเอาชีวิตฉินอวิ๋นฟานที่สุดด้วย”องค์ชายหกฉินอวิ๋นกว่างตอบคำถาม“อื่ม เจ้าทายถูก ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ น่าจะเป็นผลงานขององค์ชายรองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เจ้าคิดว่าไท่ซั่งหวงจะเปิดศึกใหญ่กับองค์ชายรองเพราะเรื่องนี้หรือไม่?”ฉินอ้าวถามต่อ“ข้าคิดว่าไท่ซั่งหวงจะไม่ทำเช่นนั้น”ฉินอวิ๋นกว่างตั้งใจวิเคราะห์ “ประการแรก พี่รองคือคนที่มีอิทธิพลแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาองค์ชาย และเป็นคนที่เชี่ยวชาญการวางแผนใช้อุบายที่สุด ประการที่สอง พี่รองมีผู้ติดตามในต้าเฉียนมาก ตระกูลเหอยิ่งเป็นตระกูลเก่าแก่สี่ศตวรรษ มีกำลังน่ากลัวมาก ไม่มีทางแตะต้องเขาได้”“ทันทีที่เปิดศึกใหญ่ ต้าเฉียนต้องพังทลายแน่ ความโกลาหลภายในเพิ่มระดับ สถานการณ์หลุดจากการควบคุมโดยสิ้นเชิง!”ฟังการวิเคราะห์ของฉินอวิ๋นกว่าง ฉินอ้าวหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้าพึงพอใจจากนั้นจึงถามขึ้นอีกครั้ง “โบราณว่าไว้กำแพงล้มคนยากจะดัน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง องค์ชายรองก็คง
“อวิ๋นฮุย ทั้งหมดเป็นความคิดของข้าคนเดียว เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้”เหอเหวินเย่าพูดด้วยหน้าตาเข้มขรึม “ข้าเป็นคนออกความคิดเปลี่ยนตัวอู๋อีฝานเอง เพราะยอดฝีมือวิถียุทธ์ระดับเก้าสิบห้าคน ฆ่าฉินอวิ๋นฟานง่ายดังพลิกฝ่ามือ ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังของยุทธภพ แบบนี้ยังพอเหลือช่องทางให้พวกเราบ้าง”“ความจริงพิสูจน์แล้ว ที่ข้าทำเช่นนี้มันถูกต้อง! จังหวะสำคัญในการลอบฆ่าดันโผล่ผู้หญิงที่มีวรยุทธ์สูงส่งคนหนึ่ง ถึงอู๋อีฝานจะออกโรงก็ล้มเหลวเหมือนกัน ถึงตอนนั้นเรื่องนี้จะไม่มีทางให้หวนกลับ!”พอได้ฟังการอธิบายของเหอเหวินเย่า สีหน้าของฉินอวิ๋นฮุยดำทะมึนจนน่ากลัว ระยะนี้เดิมเขาก็เก็บกดไฟโกรธไร้รูปอยู่แล้ว แถมไม่ว่าอะไรก็ไม่เป็นดังหวัง นี่ทำให้เขาอึดอัดใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ไม่นึกว่าภารกิจลอบฆ่าง่าย ๆ นี้ยังจะล้มเหลวอีก ซวยชะมัด!“งั้นตอนนี้จะทำยังไงดี? จะให้ฉินอวิ๋นฟานขี่อยู่บนหัวข้า อึฉี่ใส่หัวข้าอย่างนี้ตลอดไปรึ?! ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ข้ายังจะชิงบัลลังก์ยังไง?! พวกท่านช่วยนึกถึงหัวอกของข้าในตอนนี้บ้างได้ไหม?!”จิตใจฉินอวิ๋นฮุยพังทลายสิ้นแล้ว ในฐานะที่เป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ทุกสิ่งทุกอย่าง
“ท่าน ท่านความหมายว่าหน่วยบูรพาเคลื่อนไหวแล้วหรือ?”องค์ชายรองมุมปากกระตุก เวลานี้เขาตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องแล้ว เขาเคยได้ยินท่านตาบอกว่าอย่าผูกศัตรูกับหน่วยบูรพาง่าย ๆ ความน่าสะพรึงกลัวของหน่วยบูรพาอยู่เหนือจินตนาการของพวกเขานักหลายปีอย่างนี้ เขาแทบไม่เคยเห็นหน่วยบูรพาเคลื่อนไหวมาก่อน ไม่คิดว่าพอลงมือจะรวดเร็วปานสายฟ้าเช่นนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง!“นี่ยังต้องให้บอกอีกรึ?!”เหอเหวินเย่าสีหน้าอึมครึม “ดูท่าครั้งนี้ไท่ซั่งหวงจะกริ้วแล้วจริง ๆ รีบคิดหาทางแก้ไขเถอะ ข้าต้องรีบกลับไปขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อแล้ว หวังว่าเรื่องราวจะไม่ถึงจัดการให้เรียบร้อยไม่ได้”ช่วงเวลาคับขัน เหอเหวินเย่าไม่กล้าให้เสียเวลาสักนิด รีบวิ่งโร่ไปยังตระกูลเหอทันที“ท่านลิ่งหู พวกเรา พวกเราจะทำยังไงดี?!”ฉินอวิ๋นฮุยจ้องลิ่งหูชงแบบวิญญาณออกจากร่าง ตอนนี้เขานึกเสียใจที่สุด แต่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว ให้เขาคิดยังไงก็คิดไม่ถึง ไท่ซั่งหวงกลับให้หน่วยบูรพาออกโรง หนำซ้ำยังลงมือได้ฉับไวนักทีแรกเขาคิดว่าลองทุ่มหมดหน้าตักเสี่ยงดูสักครั้ง กลับพบว่านี่อาจเป็นหนทางที่ไม่สามารถหวนคืน“เหอะ ทำยังไง