“รอดูการเปลี่ยนแปลงก่อนเถอะ ถ้าไม่ไหวยังไงถึงตอนนั้นข้าค่อยออกโรงจัดการมันเองก็พอ” อู๋อีฝานเอ่ยเสียงเย็น “อยากตายก็เข้ามาได้เลย! รับรองว่าข้าจะยิงกระจุยในหนึ่งวินาที ให้ข้ายอมแพ้รึ? ไม่มีทางเสียหรอก! ถ้าพวกเจ้าไปเสียตอนนี้ยังอาจมีโอกาสรอด!”ฉินอวิ๋นฟานยังคงเผด็จการเหมือนเดิม ในน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยการข่มขู่ข่มขวัญ เพิ่มความกลัวทางจิตวิทยากับอีกฝ่ายต่อ เขาต้องการให้คนพวกนี้ขวัญกระเจิงแล้วถอยกลับไปแบบรู้สถานการณ์“เอาไงดี?”บรรดาชายชุดดำต่างมองหน้ากัน เผยอารมณ์กระอักกระอ่วน เดินหน้าไปเขาก็คือตาย ไม่เดินหน้าก็เกรงว่าเก้าตายรอดหนึ่ง นี่ทำให้เขาเลือกยาก ครั้นจ้องศพที่อยู่แทบเท้าและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง พวกเขาลนลานโดยสิ้นเชิงแล้วจู่ ๆ กลับมีคนฮึดใจสู้พูดขึ้นมา “ถึงยังไงก็ต้องตาย ถ้าถอยน่ากลัวว่าจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน พวกเรามิสู้ลงมือพร้อมกันเสี่ยงดูสักตั้ง? อย่างไรเสียเราคนหมู่มาก อาวุธลับของเขาร้ายกาจแค่ไหนยังจะสู้การบุกโจมตีของพวกเราทั้งหมดในชั่วขณะได้หรือ?!”พอได้ยินคำพูดนี้ ฉินอวิ๋นฟานหัวใจหล่นตุบ พูดในใจว่าตายแล้ว แผนโจมตีหัวใจล้มเหลว!“ได้!”ทันใดนั้น ชายชุดดำที่เหลืออีกสิบส
“พี่น้องทั้งหลาย เผด็จศึกให้ไว!”ชายชุดดำคนหนึ่งตะเบ็งเสียงจู่ ๆ ชายชุดดำหกคนก็ล้อมอู่จ้านเอาไว้ ทั้งยังลงมือหนักหน่วง แต่ละดาบล้วนโหดเหี้ยมเอาชีวิต ภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรงของทั้งหก อู่จ้านรับมือยากเล็กน้อย“รัชทายาท ก่อนเดินทางยังพาพวกเราแปดคนพี่น้องไปด้วย คุ้มค่าแล้ว!”ชายชุดดำคนหนึ่งตีประชิดฉินอวิ๋นฟานอย่างชั่วร้าย ในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้ก็คือแกะที่รอเชือด ไม่มีกำลังต่อต้านใด ๆฉินอวิ๋นฟานแววตาเย็นเฉียบ ปราศจากความครั่นคร้าม แต่กำลังคิดหาทุกทางเพื่อโต้กลับ อู่จ้านถูกล้อมเอาไว้แล้ว ไม่มีเวลาจะสนใจความเป็นความตายของเขา เขาได้แต่พึ่งตัวเอง“บ้าเอ๊ย! ไสหัวไปนะ! ไสหัวไปให้หมด!”เห็นชายชุดดำคนหนึ่งเข้าใกล้ฉินอวิ๋นฟานช้า ๆ อู่จ้านร้อนรนหมื่นส่วน แต่เขากลับถูกทั้งหกล้อมเอาไว้แน่นหนา มิอาจหลุดออกมาได้ เขาโมโหจนแผดเสียงตะคอกอย่างบ้าคลั่ง กลับมิเกิดผลอันใด“เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลของการสังหารรัชทายาทคืออะไร?!”ฉินอวิ๋นฟานไต่ถามเสียงหนาว“หึ ผล? ทันทีที่พวกเรารับคำสั่งก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว! หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือเราม้วย ไร้หนทางอื่น!”ชายชุดดำรู้ชะตาของตัวเองดี สำเร็จ
หนึ่งดาบลงไป ความเจ็บปวดปอดฉีกหัวใจแหลกลาญส่งมาถึง ทำให้ฉินอวิ๋นฟานส่งเสียงร้องโหยหวนปานหมูถูกเชือด ขณะนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้าบิดเบี้ยว ทรมานถึงขีดสุด “ฮ่า ๆ ๆ...”ชายชุดดำหัวเราะเสียงดังเหมือนสติฟั่นเฟือน ฉินอวิ๋นฟานยิ่งทรมาน เขาก็ยังอารมณ์ดี จากนั้นก็ใช้ดาบเฉือนบนตัวอีกสองหน ได้ยินฉินอวิ๋นฟานแผดเสียงร้องในแบบที่จวนจะสิ้นหวัง เขากลับคึกคะนองอย่างไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบได้“ได้เวลาแล้ว ฆ่ามันด้วยกันเถอะ แล้วเดี๋ยวเราไปรายงานด้วยกัน!”ชายชุดดำอีกคนหนึ่งเอ่ยเตือน“อื่ม!”ชายชุดดำสนุกพอแล้วยกยิ้มตรงมุมปาก เผยรอยยิ้มชั่วร้ายหนึ่ง เขาแทงดาบในมือลงไปหมายจะจบชีวิตของฉินอวิ๋นฟาน แต่ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นจากที่ไม่ไกล“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันน่ะ? หยุดนะ!”กลุ่มชายชุดดำหยุดการเคลื่อนไหวฉับพลัน ตามด้วยหันไปมองต้นตอของเสียง เห็นเพียงผู้หญิงร่างเตี้ยเสียงเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งพาสาวใช้อีกคนหนึ่งวิ่งเร็วมาหาพวกเขา“เจ้าเป็นใครน่ะ? ขอเตือนเลยนะ ทางที่ดีเจ้าอย่ายุ่งให้มากนัก!”ชายชุดดำเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เห็นความอยุติธรรมชักดาบช่วยเหลือ เรื่องนี้ข้ายุ่งแน่แล้ว! พว
อีกฝ่ายพิจารณาครู่หนึ่ง “พวกเราแค่ผ่านทางมา ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร และไม่รู้ว่าบ้านของพวกเขาอยู่ที่ไหน ตรงนี้ใกล้กับหอวั่งเจียงมาก ดึกเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็คงเพิ่งออกมาจากที่นั่นนั่นแหละ เจ้ารีบไปแจ้งกับทางหอวั่งเจียงเถอะ”“เจ้าค่ะ!”เฉี่ยวเอ๋อร์วิ่งเร็วไปทางหอวั่งเจียงอย่างไม่ลังเลในความมืด อู๋อีฝานและลิ่งหูชงเห็นเรื่องราวทั้งหมดอู๋อีฝานเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะนางผู้นี้เข้ามาแส่กะทันหัน ตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานก็คงกลายเป็นคนตายคนหนึ่งแล้ว ข้าว่านางฝีมือไม่เบา หรือให้ข้าออกโรงจัดการพวกนางซะ?”“เจ้าฆ่านางได้ในการโจมตีเดียวรึ?” ลิ่งหูชงหันไปถาม“ข้ายังไม่รู้ระดับฝีมือของนางที่แน่ชัด แต่ด้วยที่นางแสดงออกมาเมื่อครู่ น่าจะถึงตายในคราเดียวไม่ได้” อู๋อีฝานส่ายหน้าพูด“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คือการลอบสังหารล้มเหลว พวกเรากลับกันเถอะ!”ลิ่งหูชงใบหน้าจนปัญญา หมุนตัวและจากไป“เอ่อ ท่านลิ่งหู ฉินอวิ๋นฟานจะตายอยู่รอมร่อ ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป วันหน้าเกรงว่าจะหาโอกาสเหมาะ ๆ ยากแล้วนะ”อู๋อีฝานรีบตามไปติด ๆ แต่ยังไม่ตายใจ เพราะภารกิจลอบสังหารครั้งนี้สำคัญกับองค์ชายรองอย่างยิ่งยวด ตอนนี้ใกล้จะสำ
หญิงที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นด้วยความตกตะลึง “เขา...ก็คือรัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน?”ระยะนี้ทั้งเมืองหลวงมีใครไม่รู้จักชื่อฉินอวิ๋นฟานบ้าง? ไม่เพียงแต่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน ยิ่งเป็นอัจฉริยะโดดเด่นคนหนึ่ง พรสวรรค์โคลงกลอนตลอดจนท่วงทำนองอะไรก็เชี่ยวชาญไปหมด สุดยอดกลอนคู่และบทกลอนพูดกันปากต่อปาก แพร่หลายไปทุกหย่อมหญ้า นางชอบอู่เหลียงเย่ที่ฉินอวิ๋นฟานหมักที่สุด แทบจะต้องดื่มเป็นเพื่อนบิดาเฒ่าสองจอกทุกวัน กินร่วมกันปลาไหลผัดพริกและปลาไหลน้ำแดงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ตัวเองช่วยระหว่างทางจะเป็นบุคคลซึ่งเป็นตำนานของต้าเฉียน?”“ถูกต้อง! ขอบคุณแม่นางที่ยื่นมือเข้าช่วยมาก หอวั่งเจียงซาบซึ้งใจยิ่งนัก”หวงต้าหยวนค้อมตัวคำนับนางและกล่าว “ไม่ทราบแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร? บ้านอยู่ที่ไหน? เอาไว้รักษารัชทายาทแล้ว พวกเราจะไปเยือนถึงที่บ้าน”“เอ่อ ข้าชื่อจางอวี่ม่อ ท่านเรียกข้าว่าอวี่ม่อก็พอ สำหรับการเยือนถึงบ้านก็ช่างเถอะ พ่อของข้ารักสงบ ไม่ชอบถูกรบกวน”จางอวี่ม่อยิ้มหวานพลางพูด “ช่วยคนลำบากเพียงยกมือ[1]เท่านั้น พวกท่านรีบช่วยคนเถอะ พวกเราจะไปก่อนแล
“หา?! รัชทายาทถูกคนลอบสังหารรึ?!”ในตำหนักเหยียนเหนียน เฉาเจิ้งฉุนหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน คลานลงมาจากเตียงนอนแล้วถามด้วยใบหน้าเย็นชาทันที “พูด! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ในฐานะที่เฉาเจิ้งฉุนเป็นหัวหน้าขันทีและหัวหน้าหน่วยบูรพา ภักดีต่อราชวงศ์ต้าเฉียนตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรือตำแหน่งล้วนเป็นตัวตนที่อยู่ยอดพีระมิดของต้าเฉียน ทุกความเคลื่อนไหวของราชวงศ์เกี่ยวข้องกับเขาอย่างยิ่งยวดฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินแห่งต้าเฉียน อยู่ในต้าเฉียน ฐานะเรียกได้ว่าพิเศษมาก ย่างเท้าไปอีกเพียงหนึ่งก็คือตำแหน่งสูงสุดของต้าเฉียนแล้ว และจะเป็นนายคนใหม่ที่เขาต้องรับใช้ทั้งชีวิตด้วยหากฉินอวิ๋นฟานถูกคนลอบสังหารในเมืองหลวง เช่นนั้นน่ากลัวว่าฟ้าของต้าเฉียนจะเปลี่ยนแปลงแล้ว!ครั้นตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง เฉาเจิ้งฉุนไม่กล้ารีรออีก รีบลุกจากเตียงแล้วฟังการรายงานอย่างละเอียดจากผู้ใต้บังคับบัญชาทันที!“เมื่อครู่นี้เอง รัชทายาทสนุกอยู่ที่หอวั่งเจียงจนดึก ๆ ดื่น ๆ ระหว่างทางกลับเจอกับการดักฆ่ากะทันหัน เนื่องจากฝีมือต่างกันมาก รัชทายาทกับองครักษ์อู่จ้านไม่ใช่คู่ต่อสู้จึงบาดเจ็บสาหัส หมดสติยังไ
ไท่ซั่งหวงวาวโรจน์สุดขีด โกรธจนหนวดสีขาวของเขากระพือจนยุ่งเหยิง เขาผ่านมรสุมใหญ่มาทั้งชีวิต จิตใจของเขาถึงระดับที่ภูเขาไท่ซันพังทลายก็ยังหน้านิ่งนานแล้ว แต่เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานถูกลอบสังหารทำให้เขาควบคุมไม่อยู่จริง ๆก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงท่าทีแข็งกร้าวมาแล้ว ในศึกชิงบัลลังก์จะต้องต่อสู้กันอย่างยุติธรรม ห้ามมิให้องค์ชายใช้เล่ห์กลแผนร้าย ใช้ลูกไม้อุบาย ยิ่งไม่อนุญาตให้เข่นฆ่ากันเองและการที่เขาทำเช่นนี้มีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นคือคัดสรรองค์ชายผู้แข็งแกร่งขึ้นเป็นฮ่องเต้ นอกจากนั้นยังเพื่อป้องกันไม่ให้ราชวงศ์ต้าเฉียนเกิดเหตุนองเลือดในวังหลวง องค์ชายเข่นฆ่ากันเองไม่คิดถึง นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรก็เกิดเรื่องรัชทายาทถูกลอบสังหารแล้ว?“ไท่ซั่งหวง ทรงอย่าเพิ่งกริ้วให้มากเลยพ่ะย่ะค่ะ ส่งผลต่อพระพลานามัยแล้วจะไม่ดี ยามนี้รัชทายาทกำลังรักษาตัวฉุกเฉินอยู่ที่หอวั่งเจียง น่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนวิเคราะห์ “แต่เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ธรรมดา เมื่อครู่คนข้างล่างรายงานว่าคนที่ลอบสังหารรัชทายาทมีทั้งหมดสิบห้าคน ล้วนมีฝีมือวิถียุทธ์ระดับเก้าทั้งหมด มิได้แตะต้องเส้นเขตระหว่างราชวงศ
“หึ ขืนฟ้าของต้าเฉียนยังไม่เปลี่ยนอีก เช่นนั้นใครก็ลอบฆ่ารัชทายาทของต้าเฉียนได้แล้วสิ? คนบางคน สุดท้ายก็คือฉลาดจนถูกความฉลาดทำร้ายตัวเอง ต่อไปคิดจะหลับให้สนิทคงจะยากแล้ว!”หวงต้าหยวนหรี่ดวงตาทั้งสอง พูดกลั้วหัวเราะอย่างเย็นชา“พี่อวิ๋นฟาน ท่าน ท่านเป็นอะไรไปน่ะ?!”ฉินอวิ๋นฟานไม่กลับมาสักที มู่หรงจิ่นกระวนกระวายไม่สงบ นางรู้ดีว่าหอวั่งเจียงคือสถานที่เช่นไร ที่นี่ก็คือเครื่องมือล่อลวงผู้ชาย การเปลี่ยนใจก็เริ่มจากการยั่วยวนเช่นนี้นี่แหละนางรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานมีปณิธานและเป้าหมายยิ่งใหญ่ยาวไกล หอวั่งเจียงมีความหมายพิเศษอย่างยิ่งกับฉินอวิ๋นฟาน แม้นางจะสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าเขาจะต้านทานการเย้ายวนไม่ไหว ได้ใหม่ลืมเก่าแต่จังหวะที่เห็นบรรดาขันทีส่งตัวฉินอวิ๋นฟานกลับตำหนักรัชทายาทด้วยรูปแบบนี้ มู่หรงจิ่นใบหน้าแตกตื่น สองมือสั่นระริกไม่หยุด ทั้งคนอยู่ในภาวะตะลึงงันโดยสมบูรณ์“พระชายารัชทายาทมิต้องกังวลไปขอรับ รัชทายาทพ้นขีดอันตรายแล้ว แค่พักฟื้นอย่างสงบก็พอ ท่านไม่ต้องวิตกไป”เฉาเจิ้งฉุนเห็นมู่หรงจิ่นเป็นห่วงฉินอวิ๋นฟานขนาดนี้จึงรีบอธิบาย“ได้ ได้ ข้ารู้แล้ว”พ