ถูกตระกูลเซี่ยงปฏิเสธ หน้าฉินอวิ๋นฟานกลายเป็นสีตับหมูทันที เดิมนึกว่าบอกฐานะแล้วผู้นำตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเส้าหลงจะออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ไม่นึกว่านอกจากจะไม่เจอคน ยังถูกเด็กรับใช้หน้าประตูขับไล่อีกในฐานะที่เป็นรัชทายาทต้าเฉียน มีความเหนือกว่าขั้นสุด และเขายังมาพร้อมกับผลประโยชน์มหาศาล ไม่นึกว่าจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอยู่นอกประตูอย่างไร้ไมตรี รู้สึกพ่ายแพ้ยับเยิน ทำให้ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกหมดแรงเป็นเท่าตัว“เอ่อ คือว่า สหายน้อยท่านนี้ ที่รัชทายาทมาเยือนตระกูลเซี่ยงครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะหารือจริง ๆ จะไปรายงานอีกสักครั้งได้หรือไม่?”ตลอดทางฉินอวิ๋นฟานบอกเล่าแผนการกับอู่จ้าน อู่จ้านย่อมรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู เสียหน้า แต่ถ้าเทียบกับความสำคัญของเรื่องนี้ เขายังอยากพยายามสักหน่อยอย่างไรเสีย ตระกูลเซี่ยงจัดว่าอยู่ในยุทธภพ ไม่อยู่ในระบบขุนนางของต้าเฉียน โดยมากแล้วพวกเขายึดถือคุณธรรมและการฝึกวิถียุทธ์ ไม่ทำตัวโดดเด่นมาก ไม่เข้าร่วมกับพรรคพวกฝ่ายใด เพราะวิถียุทธ์มีความพิเศษ ทันทีที่เข้าร่วมกับขั้วอิทธิพลใหญ่ จะต้องถูกอำนาจของราชวงศ์สะกดข่มแน่ดังนั้นนี
“อื่ม ข้ารู้แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น “เจ้าไปรายงานผู้นำตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเส้าหลงอีกครั้ง บอกว่าข้าฉินอวิ๋นฟานรักษาโรคของท่านผู้เฒ่าได้ ถ้าไม่หายยินดีชดใช้ด้วยชีวิต”“หา? ท่าน ท่านรักษาเป็นรึ?”เด็กรับใช้หน้าประตูตกตะลึง สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทแห่งราชวงศ์ผู้สูงส่งเชียวนะ จะเชี่ยวชาญการแพทย์ได้อย่างไร?“ฟานเอ๋อร์ เจ้า เจ้าบ้าไปแล้วรึ? นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ”พออู่จ้านได้ยินฉินอวิ๋นฟานพูดก็ตกใจครึ่งตาย แข้งขาอ่อน วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วกึ่งหนึ่ง เรื่องรักษาโรคมีความเสี่ยงมากเป็นทุนเดิม ฉินอวิ๋นฟานกลับกล้าให้คำมั่นอย่างนี้?กำลังตระกูลเซี่ยงล้ำลึกมิอาจคาดเดา ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานเป็นรัชทายาท ถ้าพวกเขาบ้าขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาก็กล้าเอาดาบจ๊วกฉินอวิ๋นฟานเหมือนกัน“ไม่เป็นไร เจ้าไปทำตามที่ข้าบอกก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพูดอย่างมั่นใจ “หมอเทวดาหัวที่พวกเจ้าเชิญมารักษาท่านผู้เฒ่าไม่หายหรอก แถมยังจะหนักกว่าเดิมจนทำให้ท่านผู้เฒ่าตาย ถ้าอยากให้ท่านผู้เฒ่ารอด ก็ให้เซี่ยงเส้าหลงออกมาต้อนรับข้าเร็ว ๆ”ด้วยท่าทีแข็งกร้าวและความมั่นใจซึ่งล้นทะลักออกมาจากใบหน้าขอ
“ผู้นำตระกูลเซี่ยง ช่วยคนมิใช่เรื่องเกมเด็ก ข้าคือรัชทายาทต้าเฉียน จะเอาชีวิตของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงมาล้อเล่นได้หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนักแม้เขาจะไม่ใช่หมอมืออาชีพ แต่ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษสุดยอด จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการรักษาพื้นฐานและวิธีการรักษาฉุกเฉิน และอาการของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงอยู่ในกรอบที่เขามั่นใจตัวยาที่เขาพูดมาทั้งหมดคือยาที่ใช้ลดอักเสบและลดไข้ ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษสุดยอดคนหนึ่ง อาจเกิดสงครามได้ทุกเมื่อ บาดเจ็บคือเรื่องธรรมดา เชี่ยวชาญวัตถุดิบยาเหล่านี้จึงเป็นหนึ่งในทักษะที่พวกเขาต้องมีสำหรับเขา การรักษาท่านผู้เฒ่าเซี่ยงง่ายอย่างพลิกฝ่ามืออู่จ้านในขณะนี้ตกใจจนหน้าเขียวแล้ว ฝีมือของเซี่ยงเส้าหลงอยู่ในตำนานเสมอ อีกทั้งยังมีความกตัญญูกตเวทีอย่างยิ่ง ถ้าเกิดปัญหาจะเป็นเรื่องร้ายแรงถึงชีวิต ฉินอวิ๋นฟานกลับกล้าทำเรื่องนี้?แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่ตามหลังฉินอวิ๋นฟานติด ๆหลังจากได้รับคำตอบหนักแน่นมีพลังของฉินอวิ๋นฟาน เซี่ยงเส้าหลงตะลึงงันไปทั้งคน เพื่อช่วยบิดา เขาถึงขั้นจนตรอกแล้ว จำต้องขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์บัดนี้ฉินอวิ๋น
ฉินอวิ๋นเซินทำท่าทำทางน่าสงสาร แต่ความจริงคือสร้างความดีความชอบให้ฉินอวิ๋นฮุยต่อหน้าเซี่ยงเส้าหลง เพื่อให้ตระกูลเซี่ยงติดค้างน้ำใจพวกเขา แบบนี้จะเท่ากับได้สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยงแล้ว ต่อไปติดต่อกันหลาย ๆ ครั้งก็รวบตระกูลเซี่ยงเข้าพวกกับพวกเขาเสียเลย“องค์ชายแปด ท่านเกรงใจไปแล้ว ท่านปู่คือชีวิตของพวกเราตระกูลเซี่ยง ใช้เงินเท่าไรก็คุ้ม อีกอย่าง ท่านพาหมอเทวดาหัวมารักษาให้ท่านปู่ด้วยตัวเอง เทียนเวิ่นซาบซึ้งใจยิ่งนัก ไหนเลยจะกล้ารับเงิน?”เซี่ยงเทียนเวิ่นก้าวขึ้นหน้าพูด“คุณชายเทียนเวิ่น ข้าจะไม่รับเงินนี้เด็ดขาด ถ้าท่านจะให้จริง ๆ ก็รออีกสองสามวันท่านผู้เฒ่าหายดีแล้วค่อยมอบให้พี่รองข้าต่อหน้าเองเถอะ ข้าไม่กล้ารับเงินนี่หรอก ไม่อย่างนั้นพี่รองได้ตีข้าก้นลายแน่”ฉินอวิ๋นเซินอยู่ข้างกายองค์ชายรองหลายปี เขาเชี่ยวเรื่องมนุษยสัมพันธ์พื้นฐาน เพื่อดึงตระกูลเซี่ยง เรียกได้ว่ารอบคอบทุกฝีก้าว วางแผนอย่างละเอียด และเซี่ยงเทียนเวิ่นก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย“ได้ ในเมื่อองค์ชายแปดกล่าวเช่นนี้ ข้าจะรับเงินนี่ไว้ เทียนเวิ่น เอาไว้ปู่เจ้าหายดีแล้วต้องไปขอบคุณองค์ชายรองต่อหน้าด้วยล่ะ”เซี่ยงเส้าหลงร
“คุณชายเซี่ยง เจ้าไม่จำเป็นต้องหัวเสียเช่นนั้น เพราะพี่เจ็ดข้าคนนี้โอหังหยิ่งผยองแบบนี้เสมอแหละ แถมนิสัยยังแข็งกร้าว ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้เสด็จปู่ข้าอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอยู่ดี”เห็นฉินอวิ๋นฟานยั่วโมโหเซี่ยงเทียนเวิ่น ฉินอวิ๋นเซินรีบคว้าโอกาส ตีไข่ใส่นม เซี่ยงเทียนเวิ่นมีอคติกับฉินอวิ๋นฟานยิ่งมากก็ยิ่งดีสำหรับเขา นี่คือโอกาสแสดงออกที่ดียิ่งที่เขามาตระกูลเซี่ยงก็เพื่อละลายความคิดและสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยง ถ้าเวลานี้สามารถทำให้ตระกูลเซี่ยงเกลียดชังฉินอวิ๋นฟานได้ นั่นมิใช่สมบูรณ์ดีงามทั้งสองเรื่องหรือ?ช่วงนี้พอได้ยินชื่อฉินอวิ๋นฟานสามคำก็เหมือนกับถูกเหยียบหาง พวกเขากัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธถึงขีดสุด นับจากฉินอวิ๋นฟานสังหารองค์ชายห้า ก็ทำให้พวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกันสิ้นเชิง ไม่ตายไปข้างจะไม่รามือ“เหอะ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา? นี่ต้องมีฝีมือจึงจะทำได้นะ ไม่อย่างนั้นก็คือรนหาที่ตาย”ทีแรกเซี่ยงเทียนเวิ่นก็ไม่พอใจกับความโอหังหยิ่งผยองของฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว บวกกับการตีไข่ใส่นมของฉินอวิ๋นเซิน ทำให้ความโกรธของเขาเพิ่มเท่าทวีคูณหัวปิ่นคือคนเจ้าเล่ห์
หัวปิ่งไม่เพียงแต่ใช้ยาไม่ถูกกับโรค ยังฝืนกระตุ้นจุดชีพจร การกระตุ้นชีพจรสามารถกระตุ้นศักยภาพและทำให้เส้นสายเดินสะดวกก็จริง แต่จะได้ผลมหัศจรรย์กับอาการโรคพิเศษบางโรค ทว่าเห็นชัดว่าวิธีการนี้ไม่เหมาะสมกับท่านผู้เฒ่าเซี่ยงอย่างยิ่ง“เหลวไหลสิ้นดี!”หัวปิ่งเดือดแล้ว โมโหจนเคราแพะกระจุกหนึ่งกระพือพั่บ ๆ ทั่วทั้งต้าเฉียน ยังไม่มีใครกล้าสงสัยระดับวิชาแพทย์ของเขา ไม่นึกว่าฉินอวิ๋นฟานจะว่าเขาเป็นหมอบ้าน ๆ แค้นนี้จะกระเดือกลงได้อย่างไร? เอ่ยเสียงเข้ม “รู้หรือไม่ว่าข้าใช้วิธีฝังเข็มแบบไหนยังกล้าสามหาวต่อหน้าข้า?”“แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการมอง ถาม ดมฟังและจับที่สุด การฝังเข็มลึกล้ำ มีความรู้สูงส่ง สำหรับเจ้าใช้วิธีการฝังเข็มอะไรข้าไม่รู้หรอก แต่ระดับวิชาแพทย์ของเจ้ามันห่วยแตกจริง จุดนี้ ข้ากลับเห็นชัด”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“เจ้า เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม น่าโมโหนัก!”หัวปิ่งในยามนี้ถูกฉินอวิ๋นฟานยั่วโมโหจนไฟโกรธโจมตีหัวใจ หน้าแดงหูแดง จะสงสัยอะไรเขาก็ได้ แต่สงสัยวิชาแพทย์ของเขา เขาทนไม่ได้!เขาพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวที่สุด “นี่คือเข็มหยินหยางคืนวิญญาณที่หายสาบสูญไปนาน และเป็นวิชาสุดยอดที่ผู้เฒ่า
“พอที!”ก็ตอนที่เซี่ยงเทียนเวิ่นกำลังจะระเบิดอารมณ์ เซี่ยงเส้าหลงตวาดทีหนึ่ง ยับยั้งพฤติกรรมวู่วามของบุตรชาย ในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลเซี่ยง เซี่ยงเส้าหลงย่อมมีสติปัญญาและความสามารถในการมองคนระดับหนึ่งเขาไม่พูดไม่หมายความว่าไม่มีความคิดเห็น เพียงแต่อาการป่วยของท่านผู้เฒ่ายังไม่หายดี ทุกอย่างยังมืดมน ไม่ว่าจะเป็นทางไหนเขาก็ไม่สามารถล่วงเกินได้ทั้งนั้นเขาเอ่ยเสียงหนักหน้าเครียด “เวิ่นเอ๋อร์ ผู้ที่มาคือแขก ห้ามเสียมารยาท”เซี่ยงเส้าหลงรู้ความต้องการที่แท้จริงขององค์ชายแปด ขณะเดียวกัน เขารู้ความขัดแย้งระหว่างฉินอวิ๋นฟานกับองค์ชายรองด้วย เขาไม่อยากเป็นทวนด้ามหนึ่งในมือขององค์ชายรอง ยิ่งไม่อยากล่วงเกินฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆองค์ชายแปดกำลังได้ใจเห็นหัวหน้าตระกูลเซี่ยงออกหน้าไกล่เกลี่ย อดเซ็งเล็กน้อยไม่ได้ เขาหันไปพูด “หมอเทวดาหัว ท่านรักษาท่านผู้เฒ่าเซี่ยงต่อเถอะ ให้พี่เจ็ดข้าได้ประจักษ์ความร้ายกาจของเข็มหยินหยางคืนวิญญาณกับตาสักหน่อย ตอกหน้าเขาให้หนัก!”“ได้!”หัวปิ่งยกยิ้มมุมปาก ยกเข็มสุดท้ายขึ้นมาด้วยใบหน้ามั่นใจ ฝังลงไปตรงจุดเหมยกงของท่านผู้เฒ่าเซี่ยง หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเข็มหยินห
“เจ้า...”หัวปิ่งถูกคำพูดหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด ตอนนี้เอง ฉินอวิ๋นเซินลุกขึ้นมาและพูดอย่างดูแคลน “พี่เจ็ดก็ยังมีนิสัยเน่า ๆ เหมือนเดิม บางเรื่องมีหนึ่งมีสองไม่มีสาม ไม่มีใครตามใจนิสัยแย่ ๆ นี้ของท่านตลอดหรอก บางเรื่องท่านพูดแล้วแต่ไม่นับ”“ก็นั่นนะสิ! บางคนน่าจะคิดสักหน่อยว่าจะเดินออกจากตระกูลเซี่ยงยังไง ไม่ใช่มาข่มขู่คนอื่น!”ตอนนี้เอง เซี่ยงเทียนเวิ่นหน้าขมึงทึงเดินมา สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยความอึมครึม หัวปิ่งช่วยให้ปู่ของเขาฟื้น เขาก็คือผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตระกูลเซี่ยงถ้าผู้มีพระคุณถูกข่มขู่ซึ่งหน้าที่ตระกูลเซี่ยง และเขาซึ่งเป็นคนตระกูลเซี่ยงกลับนิ่งดูดาย นั่นมิใช่พวกลืมบุญคุณผิดต่อคุณธรรมหรือ?ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้ย่อมตกเป็นศัตรูร้ายของตระกูลเซี่ยง เซี่ยงเทียนเวิ่นลุกขึ้นยืนอยู่ข้างหลังหัวปิ่งอย่างไม่ลังเลสักนิด ให้ท้ายหัวปิ่งเต็มกำลัง แม้ว่าที่เขาเผชิญหน้าอยู่คือรัชทายาทแห่งต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟานก็ตามอู่จ้านเห็นดังนั้นจึงรีบมาบังอยู่ด้านหน้าฉินอวิ๋นฟานทันที“ท่านผู้เฒ่าเซี่ยงแค่ฟื้นขึ้นมา ไม่ได้รักษาหายสักหน่อย เจ้าตื่นเต้นอะไร?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าว
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ