“นั่นสิ พี่จ้านสมกับที่เป็นลูกผู้ชายแท้ ๆ พลังรบแข็งแกร่งยิ่ง พวกเราพี่น้องสู้ไม่ได้เลย”......ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะเรียกอู่จ้านกลับ ไม่นึกว่าเขาจะเมามันเช่นนี้ ผ่านไปสองชั่วยามกว่าแล้ว กลับยังไม่เสร็จ?พอได้ยินสองนางในห้องยอมจำนน ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่ยิ้มเจื่อน ดูท่าหลายปีนี้อาจ้านคงอัดอั้นแย่แล้วแค่ก ๆ ๆ...ฉินอวิ๋นฟานกระแอมกระไอสองทีอยู่หน้าห้อง แม้ความบันเทิงจะสำคัญ แต่การไปตระกูลเซี่ยงสำคัญกว่า เขาจึงได้แต่รบกวนเรื่องดีของอาจ้านแล้ว“หา มาแล้ว มาแล้ว!”อู่จ้านได้ยินเสียงของฉินอวิ๋นฟานจึงรีบกระโดดลงจากเตียงทันที ใส่เสื้อผ้าด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นก็เปิดประตูพรวด หน้าแดงเถือกไปถึงคอ เหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด พูดแบบเขิน ๆ “ฟานเอ๋อร์ พวกเราจะไปกันแล้วใช่ไหม!”“อาจ้านสนุกสมใจแล้วหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานถามอู่จ้านเกาหัวตอบ “สมใจ สมใจมาก สมกับที่เป็นหอวั่งเจียง บริการดีจริง สาว ๆ จิ้มลิ้ม มิน่าขุนนางใหญ่โตพวกนั้นถึงวิ่งหน้าตั้งมาที่หอวั่งเจียง”“เช่นนั้นก็ดี ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญมาก ๆ ต้องทำ จำต้องขัดจังหวะอาจ้าน รีบจะไปตระกูลเซี่ยงแน่ะ”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“หา? ไปตระกูลเซี่ยง
ถูกตระกูลเซี่ยงปฏิเสธ หน้าฉินอวิ๋นฟานกลายเป็นสีตับหมูทันที เดิมนึกว่าบอกฐานะแล้วผู้นำตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเส้าหลงจะออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ไม่นึกว่านอกจากจะไม่เจอคน ยังถูกเด็กรับใช้หน้าประตูขับไล่อีกในฐานะที่เป็นรัชทายาทต้าเฉียน มีความเหนือกว่าขั้นสุด และเขายังมาพร้อมกับผลประโยชน์มหาศาล ไม่นึกว่าจะถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอยู่นอกประตูอย่างไร้ไมตรี รู้สึกพ่ายแพ้ยับเยิน ทำให้ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกหมดแรงเป็นเท่าตัว“เอ่อ คือว่า สหายน้อยท่านนี้ ที่รัชทายาทมาเยือนตระกูลเซี่ยงครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญจะหารือจริง ๆ จะไปรายงานอีกสักครั้งได้หรือไม่?”ตลอดทางฉินอวิ๋นฟานบอกเล่าแผนการกับอู่จ้าน อู่จ้านย่อมรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ถึงฉินอวิ๋นฟานจะถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู เสียหน้า แต่ถ้าเทียบกับความสำคัญของเรื่องนี้ เขายังอยากพยายามสักหน่อยอย่างไรเสีย ตระกูลเซี่ยงจัดว่าอยู่ในยุทธภพ ไม่อยู่ในระบบขุนนางของต้าเฉียน โดยมากแล้วพวกเขายึดถือคุณธรรมและการฝึกวิถียุทธ์ ไม่ทำตัวโดดเด่นมาก ไม่เข้าร่วมกับพรรคพวกฝ่ายใด เพราะวิถียุทธ์มีความพิเศษ ทันทีที่เข้าร่วมกับขั้วอิทธิพลใหญ่ จะต้องถูกอำนาจของราชวงศ์สะกดข่มแน่ดังนั้นนี
“อื่ม ข้ารู้แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น “เจ้าไปรายงานผู้นำตระกูลเซี่ยงเซี่ยงเส้าหลงอีกครั้ง บอกว่าข้าฉินอวิ๋นฟานรักษาโรคของท่านผู้เฒ่าได้ ถ้าไม่หายยินดีชดใช้ด้วยชีวิต”“หา? ท่าน ท่านรักษาเป็นรึ?”เด็กรับใช้หน้าประตูตกตะลึง สงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทแห่งราชวงศ์ผู้สูงส่งเชียวนะ จะเชี่ยวชาญการแพทย์ได้อย่างไร?“ฟานเอ๋อร์ เจ้า เจ้าบ้าไปแล้วรึ? นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ”พออู่จ้านได้ยินฉินอวิ๋นฟานพูดก็ตกใจครึ่งตาย แข้งขาอ่อน วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วกึ่งหนึ่ง เรื่องรักษาโรคมีความเสี่ยงมากเป็นทุนเดิม ฉินอวิ๋นฟานกลับกล้าให้คำมั่นอย่างนี้?กำลังตระกูลเซี่ยงล้ำลึกมิอาจคาดเดา ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานเป็นรัชทายาท ถ้าพวกเขาบ้าขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาก็กล้าเอาดาบจ๊วกฉินอวิ๋นฟานเหมือนกัน“ไม่เป็นไร เจ้าไปทำตามที่ข้าบอกก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพูดอย่างมั่นใจ “หมอเทวดาหัวที่พวกเจ้าเชิญมารักษาท่านผู้เฒ่าไม่หายหรอก แถมยังจะหนักกว่าเดิมจนทำให้ท่านผู้เฒ่าตาย ถ้าอยากให้ท่านผู้เฒ่ารอด ก็ให้เซี่ยงเส้าหลงออกมาต้อนรับข้าเร็ว ๆ”ด้วยท่าทีแข็งกร้าวและความมั่นใจซึ่งล้นทะลักออกมาจากใบหน้าขอ
“ผู้นำตระกูลเซี่ยง ช่วยคนมิใช่เรื่องเกมเด็ก ข้าคือรัชทายาทต้าเฉียน จะเอาชีวิตของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงมาล้อเล่นได้หรือ?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนักแม้เขาจะไม่ใช่หมอมืออาชีพ แต่ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษสุดยอด จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการรักษาพื้นฐานและวิธีการรักษาฉุกเฉิน และอาการของท่านผู้เฒ่าเซี่ยงอยู่ในกรอบที่เขามั่นใจตัวยาที่เขาพูดมาทั้งหมดคือยาที่ใช้ลดอักเสบและลดไข้ ในฐานะที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษสุดยอดคนหนึ่ง อาจเกิดสงครามได้ทุกเมื่อ บาดเจ็บคือเรื่องธรรมดา เชี่ยวชาญวัตถุดิบยาเหล่านี้จึงเป็นหนึ่งในทักษะที่พวกเขาต้องมีสำหรับเขา การรักษาท่านผู้เฒ่าเซี่ยงง่ายอย่างพลิกฝ่ามืออู่จ้านในขณะนี้ตกใจจนหน้าเขียวแล้ว ฝีมือของเซี่ยงเส้าหลงอยู่ในตำนานเสมอ อีกทั้งยังมีความกตัญญูกตเวทีอย่างยิ่ง ถ้าเกิดปัญหาจะเป็นเรื่องร้ายแรงถึงชีวิต ฉินอวิ๋นฟานกลับกล้าทำเรื่องนี้?แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่ตามหลังฉินอวิ๋นฟานติด ๆหลังจากได้รับคำตอบหนักแน่นมีพลังของฉินอวิ๋นฟาน เซี่ยงเส้าหลงตะลึงงันไปทั้งคน เพื่อช่วยบิดา เขาถึงขั้นจนตรอกแล้ว จำต้องขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์บัดนี้ฉินอวิ๋น
ฉินอวิ๋นเซินทำท่าทำทางน่าสงสาร แต่ความจริงคือสร้างความดีความชอบให้ฉินอวิ๋นฮุยต่อหน้าเซี่ยงเส้าหลง เพื่อให้ตระกูลเซี่ยงติดค้างน้ำใจพวกเขา แบบนี้จะเท่ากับได้สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยงแล้ว ต่อไปติดต่อกันหลาย ๆ ครั้งก็รวบตระกูลเซี่ยงเข้าพวกกับพวกเขาเสียเลย“องค์ชายแปด ท่านเกรงใจไปแล้ว ท่านปู่คือชีวิตของพวกเราตระกูลเซี่ยง ใช้เงินเท่าไรก็คุ้ม อีกอย่าง ท่านพาหมอเทวดาหัวมารักษาให้ท่านปู่ด้วยตัวเอง เทียนเวิ่นซาบซึ้งใจยิ่งนัก ไหนเลยจะกล้ารับเงิน?”เซี่ยงเทียนเวิ่นก้าวขึ้นหน้าพูด“คุณชายเทียนเวิ่น ข้าจะไม่รับเงินนี้เด็ดขาด ถ้าท่านจะให้จริง ๆ ก็รออีกสองสามวันท่านผู้เฒ่าหายดีแล้วค่อยมอบให้พี่รองข้าต่อหน้าเองเถอะ ข้าไม่กล้ารับเงินนี่หรอก ไม่อย่างนั้นพี่รองได้ตีข้าก้นลายแน่”ฉินอวิ๋นเซินอยู่ข้างกายองค์ชายรองหลายปี เขาเชี่ยวเรื่องมนุษยสัมพันธ์พื้นฐาน เพื่อดึงตระกูลเซี่ยง เรียกได้ว่ารอบคอบทุกฝีก้าว วางแผนอย่างละเอียด และเซี่ยงเทียนเวิ่นก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย“ได้ ในเมื่อองค์ชายแปดกล่าวเช่นนี้ ข้าจะรับเงินนี่ไว้ เทียนเวิ่น เอาไว้ปู่เจ้าหายดีแล้วต้องไปขอบคุณองค์ชายรองต่อหน้าด้วยล่ะ”เซี่ยงเส้าหลงร
“คุณชายเซี่ยง เจ้าไม่จำเป็นต้องหัวเสียเช่นนั้น เพราะพี่เจ็ดข้าคนนี้โอหังหยิ่งผยองแบบนี้เสมอแหละ แถมนิสัยยังแข็งกร้าว ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้เสด็จปู่ข้าอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอยู่ดี”เห็นฉินอวิ๋นฟานยั่วโมโหเซี่ยงเทียนเวิ่น ฉินอวิ๋นเซินรีบคว้าโอกาส ตีไข่ใส่นม เซี่ยงเทียนเวิ่นมีอคติกับฉินอวิ๋นฟานยิ่งมากก็ยิ่งดีสำหรับเขา นี่คือโอกาสแสดงออกที่ดียิ่งที่เขามาตระกูลเซี่ยงก็เพื่อละลายความคิดและสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยง ถ้าเวลานี้สามารถทำให้ตระกูลเซี่ยงเกลียดชังฉินอวิ๋นฟานได้ นั่นมิใช่สมบูรณ์ดีงามทั้งสองเรื่องหรือ?ช่วงนี้พอได้ยินชื่อฉินอวิ๋นฟานสามคำก็เหมือนกับถูกเหยียบหาง พวกเขากัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธถึงขีดสุด นับจากฉินอวิ๋นฟานสังหารองค์ชายห้า ก็ทำให้พวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกันสิ้นเชิง ไม่ตายไปข้างจะไม่รามือ“เหอะ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา? นี่ต้องมีฝีมือจึงจะทำได้นะ ไม่อย่างนั้นก็คือรนหาที่ตาย”ทีแรกเซี่ยงเทียนเวิ่นก็ไม่พอใจกับความโอหังหยิ่งผยองของฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว บวกกับการตีไข่ใส่นมของฉินอวิ๋นเซิน ทำให้ความโกรธของเขาเพิ่มเท่าทวีคูณหัวปิ่นคือคนเจ้าเล่ห์
หัวปิ่งไม่เพียงแต่ใช้ยาไม่ถูกกับโรค ยังฝืนกระตุ้นจุดชีพจร การกระตุ้นชีพจรสามารถกระตุ้นศักยภาพและทำให้เส้นสายเดินสะดวกก็จริง แต่จะได้ผลมหัศจรรย์กับอาการโรคพิเศษบางโรค ทว่าเห็นชัดว่าวิธีการนี้ไม่เหมาะสมกับท่านผู้เฒ่าเซี่ยงอย่างยิ่ง“เหลวไหลสิ้นดี!”หัวปิ่งเดือดแล้ว โมโหจนเคราแพะกระจุกหนึ่งกระพือพั่บ ๆ ทั่วทั้งต้าเฉียน ยังไม่มีใครกล้าสงสัยระดับวิชาแพทย์ของเขา ไม่นึกว่าฉินอวิ๋นฟานจะว่าเขาเป็นหมอบ้าน ๆ แค้นนี้จะกระเดือกลงได้อย่างไร? เอ่ยเสียงเข้ม “รู้หรือไม่ว่าข้าใช้วิธีฝังเข็มแบบไหนยังกล้าสามหาวต่อหน้าข้า?”“แพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการมอง ถาม ดมฟังและจับที่สุด การฝังเข็มลึกล้ำ มีความรู้สูงส่ง สำหรับเจ้าใช้วิธีการฝังเข็มอะไรข้าไม่รู้หรอก แต่ระดับวิชาแพทย์ของเจ้ามันห่วยแตกจริง จุดนี้ ข้ากลับเห็นชัด”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย“เจ้า เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม น่าโมโหนัก!”หัวปิ่งในยามนี้ถูกฉินอวิ๋นฟานยั่วโมโหจนไฟโกรธโจมตีหัวใจ หน้าแดงหูแดง จะสงสัยอะไรเขาก็ได้ แต่สงสัยวิชาแพทย์ของเขา เขาทนไม่ได้!เขาพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวที่สุด “นี่คือเข็มหยินหยางคืนวิญญาณที่หายสาบสูญไปนาน และเป็นวิชาสุดยอดที่ผู้เฒ่า
“พอที!”ก็ตอนที่เซี่ยงเทียนเวิ่นกำลังจะระเบิดอารมณ์ เซี่ยงเส้าหลงตวาดทีหนึ่ง ยับยั้งพฤติกรรมวู่วามของบุตรชาย ในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลเซี่ยง เซี่ยงเส้าหลงย่อมมีสติปัญญาและความสามารถในการมองคนระดับหนึ่งเขาไม่พูดไม่หมายความว่าไม่มีความคิดเห็น เพียงแต่อาการป่วยของท่านผู้เฒ่ายังไม่หายดี ทุกอย่างยังมืดมน ไม่ว่าจะเป็นทางไหนเขาก็ไม่สามารถล่วงเกินได้ทั้งนั้นเขาเอ่ยเสียงหนักหน้าเครียด “เวิ่นเอ๋อร์ ผู้ที่มาคือแขก ห้ามเสียมารยาท”เซี่ยงเส้าหลงรู้ความต้องการที่แท้จริงขององค์ชายแปด ขณะเดียวกัน เขารู้ความขัดแย้งระหว่างฉินอวิ๋นฟานกับองค์ชายรองด้วย เขาไม่อยากเป็นทวนด้ามหนึ่งในมือขององค์ชายรอง ยิ่งไม่อยากล่วงเกินฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆองค์ชายแปดกำลังได้ใจเห็นหัวหน้าตระกูลเซี่ยงออกหน้าไกล่เกลี่ย อดเซ็งเล็กน้อยไม่ได้ เขาหันไปพูด “หมอเทวดาหัว ท่านรักษาท่านผู้เฒ่าเซี่ยงต่อเถอะ ให้พี่เจ็ดข้าได้ประจักษ์ความร้ายกาจของเข็มหยินหยางคืนวิญญาณกับตาสักหน่อย ตอกหน้าเขาให้หนัก!”“ได้!”หัวปิ่งยกยิ้มมุมปาก ยกเข็มสุดท้ายขึ้นมาด้วยใบหน้ามั่นใจ ฝังลงไปตรงจุดเหมยกงของท่านผู้เฒ่าเซี่ยง หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเข็มหยินห
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั
“เจ้า...!”ฉินอวิ๋นฮุยมาถึงก็พูดแทงใจดำของเขา ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยเลือดขึ้นหน้า กลับไร้กำลังโต้ตอบ นาทีนี้เขาแทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น“นี่คือท้องพระโรง คือสถานที่หารือเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มิใช่สถานที่ให้พวกท่านมาอวดเก่ง แต่ละคนกัดข้าไม่ปล่อยกับแค่เรื่องที่ข้ามาสายครึ่งชั่วยาม? พวกท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานกวาดสายตามอง ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีแข็งกระด้าง “มีความสามารถก็ทำการทำงานให้มากหน่อย มิใช่ใช้เล่ห์กลอุบาย อวดเก่งแต่ขี้เกียจ ถ้าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปเสีย ปลดเกษียณกลับบ้านเกิด อย่าครองส้วมแล้วไม่ขี้ คนที่อยากแทนที่ตำแหน่งพวกเจ้ามีถมเถไป!”เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันเบิกตาโต ทีแรกนึกว่าจะหาเรื่องฉินอวิ๋นฟาน ไม่นึกว่าเพิ่งเริ่มก็แพ้ย่อยยับแล้ว ในทางกลับกัน ยังถูกฉินอวิ๋นฟานเหยียดหยามอย่างหนักอีก ทำเอาทุกคนตัวชาไปทั้งคนหลังจากองค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังรู้เรื่องตระกูลเริ่น จนถึงตอนนี้ก็ยังผวาไม่หาย อกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก จากนั้นจึงเลือกเก็บตัวเงียบ ๆ ทันที ดังนั้นขณะฉินอวิ๋นฟานถูกทุกคนเปิดฉากสงครามน้ำลาย เขาจึงเลือกเงียบงัน“ดี ในเมื่อน้องเจ็ดพูดถึงขั้นนี้แล้ว เช่น
ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงหลีกเลี่ยงการหาเรื่องของอู๋ต้าไห่ มิหนำซ้ำยังเลือกเผชิญหน้าอย่างแข็งกร้าว คราวนี้ทำเอาทุกคนไปต่อไม่เป็นแล้วเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง ทำผิดแล้วยังอวดเก่งเช่นนี้อีก? โอหังขนาดนี้เชียว? ก็คงจะมีแต่เจ้าฉินอวิ๋นฟานนี่แหละ!“แค่ยึดอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ มาได้ก็ทำให้รัชทายาทลำพองใจจนลืมตัวเช่นนี้เลยหรือ?”อู๋ต้าไห่เห็นฉินอวิ๋นฟานเหิมเกริมเช่นนี้จึงโต้กลับด้วยโทสะทันที “แม่ทัพใหญ่ทุกท่านของต้าเฉียนต่างสร้างผลงานการศึกให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมากมาย ยังไม่เคยเห็นใจวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเช่นนี้มาก่อน รัชทายาทจะเห็นเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเหยียดยิ้มมุมปาก เหน็บแนมกลับทันที “แม่ทัพคนอื่น ๆ สร้างผลงานการศึกเพื่อต้าเฉียน ข้ายังพอเข้าใจได้ แต่ข้าขอถามหน่อย เกี่ยวอันใดกับเจ้าอู๋ต้าไห่ด้วย?”“ท่าน ท่านเถียงข้าง ๆ คู ๆ ข้ากำลังกล่าวถึงเรื่องสร้างผลงานกับท่านอยู่ ท่านกลับไร้เหตุผลกัดไม่ปล่อย?”อู๋ต้าไห่ถูกคำพูดประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานตอกหน้าจนหน้าเขียวปัด แต่ในฐานะที่เขาเป็นรองเจ้ากรมพิธีการฝ่ายซ้าย คือยอดฝีมือในการใช้ภาษาแก้ต่าง ชำนิชำน
ถูกฉินอวิ๋นฟานเอาใจเช่นนี้ สามดรุณีหน้าแดงระเรื่อด้วยความสุข ฉินอวิ๋นฟานประทับจูบลงบนริมฝีปากแดงชาดของพวกนางสามพี่น้องแรง ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะลุกจากเตียง......“ไม่มีระเบียบ ไม่มีระเบียบ!”“ก็นั่นนะสิ! ประชุมขุนนางเริ่มมาครึ่งชั่วยามแล้ว รัชทายาทกลับยังไม่ถึง? ไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตาเลย ช่างไม่เห็นกฎระเบียบอยู่ในสายตา!”“สร้างผลงานเข้าหน่อยก็เมินระเบียบของราชสำนักแล้วหรือ? ก็ทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ? บังอาจยิ่งนัก!”......ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางเริ่มเปิดฉากด่าทอต่าง ๆ นานาต่อพฤติกรรมมาสายของฉินอวิ๋นฟานด้วยไฟโกรธเต็มทรวงและถ้อยคำแข็งกร้าว เดิมพวกเขาก็ไม่มีภาพจำดีอะไรต่อฉินอวิ๋นฟานอยู่แล้ว กอปรกับการกระทำของฉินอวิ๋นฟานเมื่อวาน ชัดเจนว่ากำลังท้าทายบรรดาผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ในเมื่อเช้ามาฉินอวิ๋นฟานก็เปิดช่องโหว่ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยไปเป็นธรรมดา ต่อให้การมาสายมิใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ก็จะไม่ละเว้นฉินอวิ๋นฟานเด็ดขาดบนบัลลังก์มังกร ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วหันไปกล่าวกับเฉาเจิ้งฉุน “ส่งคนไปตามฟานเอ๋อร์แล้วหรือ?”“ทูลไท่ซั่งหวง ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนกระซิบ “แต่ดูเหมื
“ฮ่า ๆ ๆ...มา ชนแก้ว!”ภายใต้แสงขมุกขมัว ทั้งสี่จรดสุราหมดจอก ฉินอวิ๋นฟานที่หิวไส่กิ่วสวาปามราวกับพายุ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็กวาดอาหารโอชาบนโต๊ะไปกว่าครึ่งเวลานี้มู่หรงจิ่น หลู่เซียงหลิงและเสี่ยวจวี๋ก็ดื่มจนแก้มแดงก่ำแล้ว งดงามอ้อนแอ้นจนอยากจะเด็ดมาดอมดม พวกนางกระดากใจยิ่งหนัก หลังจากอิ่มเอมกับสุราอาหารแล้ว ฉินอวิ๋นฟานก็ไม่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านอีกต่อไป โอบสองดรุณีไปยังเตียงทันที“สุดที่รักของข้า ข้าคิดถึงพวกเจ้าจะตายอยู่แล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กระโจนใส่พวกนางโดยตรง สองดรุณีราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจ ส่งเสียงร้อง “อ๊ะ” ออกมาทีหนึ่งจึงรีบมุดเข้าไปอยู่ด้านในของเตียง ยิ่งพวกนางเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งคึก“แหะ ๆ ร้องใช่ไหม คืนนี้จะให้พวกเจ้าร้องไห้เสียงแหบเสียงแห้งไปเลย!”ฉินอวิ๋นฟานเลียริมฝีปาก ความปรารถนาปะทุขึ้นโดยสิ้นเชิง เบื้องล่างท้องน้อยเร่าร้อนยากจะทานทนนานแล้ว ‘แควก’ ทีหนึ่ง เครื่องนุ่งห่มบนตัวฉีกขาด เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงทั่วร่าง กลิ่นอายบุรุษเข้มข้นทำให้ลมหายใจของสามดรุณีกระชั้น กระนั้นกลับมิอาจสะกด ฉินอวิ๋นฟานเสือตะครุบอีกหน คว้าเท้าเล็กของหลู่เซียงหลิงเอาไว
ฉินอวิ๋นฟานตบบ่าหวังอันสือเบา ๆ แล้วกล่าวคำพูดจากใจ “ขุนนางในอนาคตของต้าเฉียนจะกระจ่างใสได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”“รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”หวังอันสือตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ถ้อยคำสวยงามใดก็มิอาจบรรยายความรู้สึกในขณะนี้ของเขา ในที่สุดก็มีเวทีแสดงปณิธานซึ่งมีอยู่เต็มอกของเขาแล้ว ในโลกอันขุ่นมัวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้แสดงฝีมือสักทีและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีคือ เขาได้พบกับป๋อเล่อ ผู้มีจุดมุ่งหมายและทิศทางปณิธานเดียวกับเขา มอบโอกาสพลิกชะตาให้กับเขาครั้งหนึ่งเมื่อได้รับคำตอบยืนยันของหวังอันสือ ฉินอวิ๋นฟานคลี่ยิ้มพึงพอใจ จึงออกไปจากห้องและตรงไปยังตำหนักรัชทายาท...“พี่อวิ๋นฟาน ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งกลับมาถึงตำหนักที่พัก จิ่นเอ๋อร์ก็รีบเดินมาต้อนรับ ส่วนเสี่ยวจวี๋และเซียงหลิงต่างประกบอยู่ทางซ้ายและทางขวาจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกว่าตำหนักที่พักต่างออกไปจากปกติ ปกติจะมีนางกำนัลรับใช้อยู่ในจวนอย่างน้อยสี่คน ทว่าวันนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งตำหนักมีเพียงผู้หญิงสามคนเท่านั้น คือจิ่นเอ๋อร์ เซียงหล
“รัชทายาท ท่านจะหารือเรื่องใหญ่กับข้าน้อยหรือขอรับ?!”เห็นท่าทางจริงใจของฉินอวิ๋นฟาน หวังอันสือร่างสะท้านเล็กน้อย ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนผู้สูงส่ง กลับมีเรื่องจะหารือกับเขา? มันมิควรเป็นคำสั่งหรือ?ฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำให้หวังอันสือสงบใจไม่ได้อยู่นาน ท่าทางเข้าหาได้ง่ายของฉินอวิ๋นฟานกับรัชทายาทผู้แข็งกร้าวราวกับเทพสังหารสถิตร่างที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ต่างกันโดยสิ้นเชิงฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน “ถูกต้อง หากจะพูดกันจริง ๆ ก็คือข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า!”“มี มีเรื่องขอร้องข้าน้อย?”หวังอันสือสับสนมากกว่าเดิม เขาเป็นแค่ขุนนางระดับหก อาจารย์ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่ว่าคนใดในเมืองหลวงที่ถูกบีบตายได้ง่าย ๆ น่ากลัวว่าจะมีอิทธิพลและฐานะเหนือเขา ฉินอวิ๋นฟานจะมีเรื่องขอร้องเขาได้อย่างไร?“หวังอันสือ ข้าได้ตรวจสอบเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาคร่าว ๆ ทั้งหมดแล้ว เจ้าคือผู้มีความสามารถที่ข้าต้องการจริง”ฉินอวิ๋นฟานเข้าประเด็นทันที “เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ต้าเฉียนเป็นยังไง ถึงภายนอกดูสงบ แต่ความจริงคือคลื่นใต้น้ำ บรรดาองค์ชายและขั้วอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังต่อสู้กันจน
หลู่หนีสีหน้าเคร่งขรึม แสดงท่าทีอีกครั้ง เขารู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเป็นคนเด็ดขาดฉับไว ในเมื่อฉินอวิ๋นฟานมอบงานนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเขาหมดหัวใจอยู่แล้วอีกทั้งเรื่องนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อฉินอวิ๋นฟาน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือทำงานนี้ให้สำเร็จ สิ่งของเงินทองฉินอวิ๋นฟานทุ่มทุนมาก“เวลากระชั้นชิด พรุ่งนี้พวกท่านก็ออกเดินทางไปเมืองจัวเถอะ เรื่องนี้ต้องทำที่เมืองจัว หลิวเป้ยจะให้ความช่วยเหลือมอบความสะดวกทั้งหมดกับพวกท่านเอง ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ พวกท่านแค่ทุ่มเทกายใจทำงานก็พอ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวเสียงหนัก“เมีองจัว?”หลู่หนีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็ดี เมืองจัวเป็นคนของรัชทายาทเกือบทั้งหมด พวกเราแค่ทุ่มเทกายใจกับการผลิตก็พอ เช่นนี้จะลดอุปสรรคลงด้วย”......หลังจากกำชับทุกเรื่องเสร็จก็ดึกมาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานลากร่างอันอ่อนล้ามายังที่รักษาตัวของพวกหวังอันสือ หลังจากทำความเข้าใจ ฉินอวิ๋นฟานพบว่าหวังอันสือคนนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหวังอันสือในสมัยซ่งเหนือบางส่วนดังนั้นฉินอวิ๋นฟานจึงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาเพราะเวลานี้เขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการคน หากหวังอันสือเป็นเหมือนกับหวังอันสือในประวัต
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านในตอนนี้ดี”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ความจริงไม่ว่าข้าจะอธิบายกับพวกท่านยังไงก็เข้าใจยากอยู่ดี เพราะนี่คือการปฏิรูปอุตสาหกรรมล้ำยุค ในอดีตทุกคนต่างเรียกมันว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก”หลู่หนีถามด้วยใบหน้างุนงง “ปฏิวัติอุตสาหกรรม? นั่นคือสิ่งใดหรือขอรับ?”“อื่ม! จะว่ายังไงดีล่ะ?”ฉินอวิ๋นฟานลูบคางพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ข้าจะยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน ในสังคมศักดินาที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ในตอนที่ชาวบ้านรดน้ำ ส่วนมากแล้วจะใช้กำลังคนเป็นสำคัญ ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำ หนำซ้ำยังต้องใช้แรงงานเยอะมาก”“ทว่านับจากท่านหลู่ปันคิดค้นกังหันน้ำและระหัดวิดน้ำขึ้นมาก็เพิ่มประสิทธิภาพในการรดน้ำสูงขึ้น ทั้งยังประหยัดแรงงานไปเยอะ นี่ก็คือการพัฒนาทักษะในการเพาะปลูก และสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเกษตรกรรม”“ดังนั้นเครื่องจักรนี้ของข้าซับซ้อนกว่าระหัดวิดน้ำมากกว่า แต่ปริมาณบรรจุขนส่งและแรงขับเคลื่อนของมันมีมากกว่ารถม้ามหาศาล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำการค้าสูงขึ้น นี่ก็คือการปฏิวัติอย่างหนึ่งของการค้าและการเดินทาง ข้าเรียกมันว่าการปฏิวัติ