Share

บทที่ 903

Author: ไห่ตงชิง
แม้เจี้ยว่างจะมีศักดิ์สูงและเป็นยอดฝีมือระดับเซียนบนดิน ไม่ว่าใครในเส้าหลินต่างก็ต้องให้เกียรติเขา

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถตัดสินใจทุกเรื่องแทนเส้าหลินได้

ยังคงมีคนในสำนักที่มีความเห็นต่าง

และหากเรื่องราวดำเนินไปผิดพลาด อาจกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่เหมือนกับการแยกฝ่ายระหว่างเส้าหลินฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือในอดีต

ความฝันตลอดชีวิตของเจี้ยว่างคือการทำให้พุทธศาสนาในเส้าหลินรุ่งเรือง จึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง

แม้จะมีพลังมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถจัดการทุกเรื่องได้

เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของเจี้ยว่าง หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “เงื่อนไขได้ถูกวางไว้แล้ว ท่านอาจารย์จะเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปข้างหน้า หรือจะกลับไปตีไม้ปลุกระฆังอย่างสงบในวัด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเอง”

เจี้ยว่างถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบว่า “เรื่องนี้ยากยิ่งนัก มิใช่สิ่งที่อาตมาจะตัดสินใจได้โดยลำพัง ขอองค์ชายโปรดให้เวลาอาตมาพิจารณา”

“เป็นธรรมดา”

หลี่เฉินพยักหน้า “แต่ข้ามีเวลาให้แค่สามวันเท่านั้น ภายในสามวันนี้ ท่านต้องให้คำตอบ หากไม่มีข่าวใดๆ ข้าจะถือว่าท่านได้ปฏิเสธข้อเสนอของข้าแล้ว”

เจี้ยว่างถอนหายใจอีกครั้งก่อนกล่าวว่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 904

    การปรากฏตัวของเจี้ยว่าง ในที่สุดแล้วก็เป็นเพียงการเพิ่มความเป็นไปได้ที่ดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อหลี่เฉินในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดแต่อะไรก็ยังไม่แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลี่เฉินรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของจิตใจมนุษย์ ซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความไม่แน่นอนเจี้ยว่างดูเหมือนจะมีจิตใจที่ซื่อสัตย์ ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเส้าหลินแต่ปัญหาคือ เส้าหลินฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือแยกกันมากว่าร้อยปีแล้ว แต่ละฝ่ายมีเจ้าอาวาสและระบบการปกครองของตัวเองหากเจี้ยว่างยังคงอยู่ในฐานะที่เป็นดั่งสัญลักษณ์มงคล ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมจะเคารพนับถือแต่ถ้าเขาก้าวขึ้นมาเพื่อจะเป็นผู้นำของทั้งสองฝ่าย นั่นจะกลายเป็นปัญหาที่ไม่ง่ายเลยแม้หลี่เฉินจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เขาก็รู้ว่ามันมีความเสี่ยงสูงดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักเพราะตอนนี้ เขายังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าต้องทำ นั่นคือพิธีอภิเษกสมรสกับซูจิ่นพ่า ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกห้าวันข้างหน้า"เหลือเวลาอีกห้าวัน"ในเช้าวันถัดมา หลี่เฉินเรียกเหอคุนเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้ง “อีกห้าวันก็จะถึงวันอภิเษกแล้ว ของขวัญแสดงความยินดีที

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 905

    หลี่เฉินไม่ได้สนใจหู่ข่ายแต่หันไปมองหีบขนาดใหญ่บนเกวียนแทนโดยปกติ ของขวัญแสดงความยินดีในงานอภิเษกจะมีการตกแต่งอย่างสวยงามบ้างก็ใช้ผ้าแดงคลุม บ้างก็ติดสัญลักษณ์มงคลแต่หีบสีดำใบนี้ดูเรียบง่ายเกินไป แถมเพราะความยาวที่ผิดปกติ จนดูคล้ายกับโลงศพเสียมากกว่าทุกคนที่อยู่ในที่นั้นล้วนเป็นคนมีประสบการณ์ เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่ามีปัญหาของขวัญที่เหวินอ๋องส่งมาไม่ใช่แค่ไม่ใส่ใจ แต่ยังมีเจตนาท้าทายอย่างชัดเจนเหอคุนมองหน้าหลี่เฉิน ก่อนจะตัดสินใจยืนขึ้นมาเผชิญหน้ากับหู่ข่าย “ของขวัญจากเหวินอ๋องมีรายการบรรยายหรือไม่?”หู่ข่ายตอบด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว แถมยังแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยเล็กน้อย “ของขวัญมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่จำเป็นต้องมีรายการบรรยาย”เหอคุนขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจอย่างมากของที่เหวินอ๋องส่งมาชัดเจนว่าไม่ใช่ของดี แต่ในเมื่อองค์รัชทายาทยังไม่พูดอะไร ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา เขาจึงต้องแสดงออกถึงความไม่พอใจแทนเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม้ไม่มีรายการบรรยาย อย่างน้อยก็ควรจะมีการบอกวัตถุประสงค์ ของขวัญในงานอภิเษกสมรสองค์รัชทายาทคือเรื่องที่ทุกคนในแผ่นดินร่วมยินดี การที่บ้านของท่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 906

    ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของหลี่เฉิน หู่ข่ายที่เมื่อครู่ยังดูมั่นใจ กลับรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันทีเขารู้สึกเหมือนองค์รัชทายาทตรงหน้าเป็นเสือโคร่งดุร้าย กำลังเดินย่างกรายเข้ามาใกล้เขาช้าๆเสียงรองเท้าหนังที่ก้าวย่างช้าๆ แต่ละก้าวเหมือนกำลังเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจของหู่ข่ายเมื่อจิตใจเริ่มสั่นคลอน หู่ข่ายก็พยายามระลึกถึงสถานะของตัวเอง ระลึกถึงเหวินอ๋องที่อยู่เบื้องหลัง แล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงแข็ง “องค์ชาย กระหม่อมเพียงปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋อง ท่านอ๋องสั่งอย่างไร กระหม่อมก็ทำตามนั้น”คำพูดนี้แม้จะฟังดูเหมือนการเตือนหลี่เฉินว่ามีเหวินอ๋องอยู่เบื้องหลัง แต่ก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวของหู่ข่ายอย่างชัดเจนหลี่เฉินยืนนิ่งอยู่หน้าเกวียน ที่ตรงนั้นกลิ่นเหม็นเน่ายิ่งรุนแรงขึ้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ดูเหมือนว่าการอภิเษกของข้า จะทำให้บางคนไม่พอใจสินะ”ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดีว่าหมายถึงใครหู่ข่ายกลืนน้ำลาย มองสบตากับผู้ติดตามที่มาด้วยกันพวกเขาเกรงกลัวบารมีของหลี่เฉิน ตอนนี้ต้องการเพียงแค่หนีออกจากตำหนักบูรพาให้เร็วที่สุด“องค์ชาย กระหม่อมทำหน้าที่เสร็จแล้ว ขออนุญาต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1

    จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆวิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมาชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”หลี่เฉิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 2

    เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 3

    เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 4

    หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 5

    หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 906

    ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของหลี่เฉิน หู่ข่ายที่เมื่อครู่ยังดูมั่นใจ กลับรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันทีเขารู้สึกเหมือนองค์รัชทายาทตรงหน้าเป็นเสือโคร่งดุร้าย กำลังเดินย่างกรายเข้ามาใกล้เขาช้าๆเสียงรองเท้าหนังที่ก้าวย่างช้าๆ แต่ละก้าวเหมือนกำลังเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจของหู่ข่ายเมื่อจิตใจเริ่มสั่นคลอน หู่ข่ายก็พยายามระลึกถึงสถานะของตัวเอง ระลึกถึงเหวินอ๋องที่อยู่เบื้องหลัง แล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยออกมาด้วยเสียงแข็ง “องค์ชาย กระหม่อมเพียงปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋อง ท่านอ๋องสั่งอย่างไร กระหม่อมก็ทำตามนั้น”คำพูดนี้แม้จะฟังดูเหมือนการเตือนหลี่เฉินว่ามีเหวินอ๋องอยู่เบื้องหลัง แต่ก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวของหู่ข่ายอย่างชัดเจนหลี่เฉินยืนนิ่งอยู่หน้าเกวียน ที่ตรงนั้นกลิ่นเหม็นเน่ายิ่งรุนแรงขึ้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ดูเหมือนว่าการอภิเษกของข้า จะทำให้บางคนไม่พอใจสินะ”ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดีว่าหมายถึงใครหู่ข่ายกลืนน้ำลาย มองสบตากับผู้ติดตามที่มาด้วยกันพวกเขาเกรงกลัวบารมีของหลี่เฉิน ตอนนี้ต้องการเพียงแค่หนีออกจากตำหนักบูรพาให้เร็วที่สุด“องค์ชาย กระหม่อมทำหน้าที่เสร็จแล้ว ขออนุญาต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 905

    หลี่เฉินไม่ได้สนใจหู่ข่ายแต่หันไปมองหีบขนาดใหญ่บนเกวียนแทนโดยปกติ ของขวัญแสดงความยินดีในงานอภิเษกจะมีการตกแต่งอย่างสวยงามบ้างก็ใช้ผ้าแดงคลุม บ้างก็ติดสัญลักษณ์มงคลแต่หีบสีดำใบนี้ดูเรียบง่ายเกินไป แถมเพราะความยาวที่ผิดปกติ จนดูคล้ายกับโลงศพเสียมากกว่าทุกคนที่อยู่ในที่นั้นล้วนเป็นคนมีประสบการณ์ เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่ามีปัญหาของขวัญที่เหวินอ๋องส่งมาไม่ใช่แค่ไม่ใส่ใจ แต่ยังมีเจตนาท้าทายอย่างชัดเจนเหอคุนมองหน้าหลี่เฉิน ก่อนจะตัดสินใจยืนขึ้นมาเผชิญหน้ากับหู่ข่าย “ของขวัญจากเหวินอ๋องมีรายการบรรยายหรือไม่?”หู่ข่ายตอบด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว แถมยังแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยเล็กน้อย “ของขวัญมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่จำเป็นต้องมีรายการบรรยาย”เหอคุนขมวดคิ้ว รู้สึกไม่พอใจอย่างมากของที่เหวินอ๋องส่งมาชัดเจนว่าไม่ใช่ของดี แต่ในเมื่อองค์รัชทายาทยังไม่พูดอะไร ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา เขาจึงต้องแสดงออกถึงความไม่พอใจแทนเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม้ไม่มีรายการบรรยาย อย่างน้อยก็ควรจะมีการบอกวัตถุประสงค์ ของขวัญในงานอภิเษกสมรสองค์รัชทายาทคือเรื่องที่ทุกคนในแผ่นดินร่วมยินดี การที่บ้านของท่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 904

    การปรากฏตัวของเจี้ยว่าง ในที่สุดแล้วก็เป็นเพียงการเพิ่มความเป็นไปได้ที่ดูเหมือนจะเป็นผลดีต่อหลี่เฉินในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดแต่อะไรก็ยังไม่แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลี่เฉินรู้จักธรรมชาติที่แท้จริงของจิตใจมนุษย์ ซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความไม่แน่นอนเจี้ยว่างดูเหมือนจะมีจิตใจที่ซื่อสัตย์ ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเส้าหลินแต่ปัญหาคือ เส้าหลินฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือแยกกันมากว่าร้อยปีแล้ว แต่ละฝ่ายมีเจ้าอาวาสและระบบการปกครองของตัวเองหากเจี้ยว่างยังคงอยู่ในฐานะที่เป็นดั่งสัญลักษณ์มงคล ทั้งสองฝ่ายก็พร้อมจะเคารพนับถือแต่ถ้าเขาก้าวขึ้นมาเพื่อจะเป็นผู้นำของทั้งสองฝ่าย นั่นจะกลายเป็นปัญหาที่ไม่ง่ายเลยแม้หลี่เฉินจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เขาก็รู้ว่ามันมีความเสี่ยงสูงดังนั้นเขาจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักเพราะตอนนี้ เขายังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าต้องทำ นั่นคือพิธีอภิเษกสมรสกับซูจิ่นพ่า ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกห้าวันข้างหน้า"เหลือเวลาอีกห้าวัน"ในเช้าวันถัดมา หลี่เฉินเรียกเหอคุนเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้ง “อีกห้าวันก็จะถึงวันอภิเษกแล้ว ของขวัญแสดงความยินดีที

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 903

    แม้เจี้ยว่างจะมีศักดิ์สูงและเป็นยอดฝีมือระดับเซียนบนดิน ไม่ว่าใครในเส้าหลินต่างก็ต้องให้เกียรติเขาแต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถตัดสินใจทุกเรื่องแทนเส้าหลินได้ยังคงมีคนในสำนักที่มีความเห็นต่างและหากเรื่องราวดำเนินไปผิดพลาด อาจกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่เหมือนกับการแยกฝ่ายระหว่างเส้าหลินฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือในอดีตความฝันตลอดชีวิตของเจี้ยว่างคือการทำให้พุทธศาสนาในเส้าหลินรุ่งเรือง จึงไม่กล้าที่จะเสี่ยงแม้จะมีพลังมากเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถจัดการทุกเรื่องได้เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของเจี้ยว่าง หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “เงื่อนไขได้ถูกวางไว้แล้ว ท่านอาจารย์จะเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปข้างหน้า หรือจะกลับไปตีไม้ปลุกระฆังอย่างสงบในวัด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเอง”เจี้ยว่างถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบว่า “เรื่องนี้ยากยิ่งนัก มิใช่สิ่งที่อาตมาจะตัดสินใจได้โดยลำพัง ขอองค์ชายโปรดให้เวลาอาตมาพิจารณา”“เป็นธรรมดา”หลี่เฉินพยักหน้า “แต่ข้ามีเวลาให้แค่สามวันเท่านั้น ภายในสามวันนี้ ท่านต้องให้คำตอบ หากไม่มีข่าวใดๆ ข้าจะถือว่าท่านได้ปฏิเสธข้อเสนอของข้าแล้ว”เจี้ยว่างถอนหายใจอีกครั้งก่อนกล่าวว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 902

    "นอกจากนี้ หากชายหญิงผู้มีศรัทธาแรงกล้าประสงค์จะบวช ทางการก็จะไม่ขัดขวาง""และสุดท้าย เส้าหลินสามารถเป็นตัวแทนราชสำนักในการควบคุมบรรดาสำนักในยุทธภพได้"ทันทีที่คำพูดสุดท้ายหลุดจากปาก สีหน้าของเจี้ยว่างที่ดูสงบไม่สะทกสะท้านมาตลอดก็พลันเปลี่ยนไป เขาเงยหน้ามองหลี่เฉินทันทีการตอบสนองของเจี้ยว่างนั้น หลี่เฉินล้วนคาดการณ์ไว้แล้ว เขาไม่กังวลเลยว่าเจี้ยว่างจะไม่สนใจข้อเสนอการได้เป็นผู้นำในยุทธภพเป็นสิ่งที่บรรดาสำนักใหญ่ต่างใฝ่ฝันและแย่งชิงกันมาหลายร้อยปีแม้เส้าหลินจะเป็นสำนักที่มีบารมีสูงส่งในหมู่สำนักต่างๆ แต่หากประกาศตัวเองว่าเป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพ คงถูกบรรดาสำนักอื่นๆ รุมประณามสำนักในยุทธภพล้วนมีประวัติยาวนานเป็นร้อยปี ไม่มีใครยอมรับว่าเส้าหลินเหนือกว่าตนแต่หากราชสำนักมอบตำแหน่งที่มีการรับรองอย่างเป็นทางการให้เส้าหลินในการควบคุมยุทธภพ แม้จะถูกหัวเราะเยาะ แต่ก็คงเป็นเพียงพวกที่อิจฉาเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น สำหรับเส้าหลิน การมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับศิษย์และผู้ศรัทธาใหม่ๆการสืบทอดและการบำรุงศาสนจักร เป็นสิ่งที่เส้าหลินต้องการมากที่สุดในตอนนี้ดังนั้น ข้อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 901

    หลี่เฉินวางถ้วยชาลง มองพระเฒ่าฝั่งตรงข้ามพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผู้ที่บ่อนทำลายบ้านเมือง ไม่เคยเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ในวันสองวัน หรือแม้กระทั่งในรุ่นเดียว บางครั้งจุดเริ่มต้นของเรื่องนั้นอาจมาจากความตั้งใจที่ดี แต่เมื่อเป็นการปกครองโดยมนุษย์ ความผิดพลาดในแนวคิดของผู้สืบทอดย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้”“ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์นี้ ได้ทรงบัญญัติกฎหมายเพื่อควบคุมศาสนาทั่วหล้า ในฐานะทายาทรุ่นหลัง ย่อมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแนวทางนี้ได้โดยง่าย”พระเฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาสัมผัสได้ถึงความยากลำบากของสิ่งที่ตนกำลังจะทำ จากท่าทีของหลี่เฉินแต่เมื่อคิดถึงความเสื่อมถอยของพุทธศาสนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พระเฒ่าก็มีบางคำที่ต้องเอ่ย และบางสิ่งที่ต้องลงมือทำเขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “องค์ชาย ในเมื่อท่านยอมเปิดโอกาสพูดคุยกับอาตมา แสดงว่ายังมีทางอื่นอีก”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “แน่นอนว่าย่อมมีทาง”“ข้าขอถามท่านอาจารย์ว่า ที่ท่านว่ามานั้นเกี่ยวข้องกับเส้าหลินฝ่ายใต้หรือเส้าหลินฝ่ายเหนือ?”พุทธศาสนาในจักรวรรดิต้าฉิน โดยมีเส้าหลินเป็นศูนย์กลาง แต่เส้าหลินนั้นแยกออกเป็นสองฝ่าย คือเส้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 900

    หลี่เฉินยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนจะวางลงและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กฎหมายข้อนี้ แม้จะมีถ้อยคำเพียงไม่กี่ร้อยคำ แต่ก็เหมือนกับคาถาที่รัดคอไว้แน่น พุทธและเต๋าต่างไม่สามารถกลับไปสู่ยุคเฟื่องฟูเช่นราชวงศ์ก่อนหน้านี้ได้ ท่านอาจารย์ที่มาในวันนี้ ก็เพื่อขอให้ข้าเปิดทางให้พวกเจ้าใช่หรือไม่?”พระสงฆ์ตอบตรงไปตรงมา“ใช่”หลี่เฉินยิ้มบาง “ข้าชอบความตรงไปตรงมาของท่าน แต่ท่านคิดว่าข้าจะยอมเปลี่ยนกฎที่บรรพชนตั้งไว้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำหรือ?”“จะบอกให้รู้ไว้ ข้าคิดว่ากฎหมายข้อนี้เป็นกฎหมายที่ยอดเยี่ยม เป็นผลงานชิ้นเอกที่สะท้อนถึงความเฉลียวฉลาดและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของบรรพชน มันช่วยป้องกันปัญหานับไม่ถ้วนที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง และท่านอยากให้ข้าทำลายมันง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”พระสงฆ์ยังคงสงบนิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บรรพชนของพวกเราก็พยายามทำให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเช่นกัน แต่ตลอดกว่า 360 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ นั่นแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของมัน”“องค์ชายเป็นผู้มีปัญญา ย่อมไม่อาจถูกหลอกลวงหรือถูกชักจูง ข้าจึงไม่คิดจะใช้เล่ห์กลกับท่าน ข้ามาเพียงเพื่อขอร้อง ให้ท่านช่วยเปิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 899

    แม้แต่ซานเป่าเองยังรู้สึกว่า ท่าทีขององค์รัชทายาทในวันนี้ค่อนข้างกดดันและคุกคามเกินไปแต่พระสงฆ์ผู้เฒ่าหลังจากที่แสดงความโกรธไปชั่วครู่ กลับสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรอีก เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม “องค์ชายทรงเป็นผู้ที่ผู้คนคาดหวังและยอมรับโดยทั่ว พุทธศาสนาเพียงขอทางรอด ไม่ได้หวังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจทางโลก ขอให้องค์ชายทรงเมตตา”ดวงตาของหลี่เฉินหรี่ลงเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะไม่มีความชอบต่อศาสนาใดๆ แต่เขาไม่เคยปฏิเสธที่จะใช้ประโยชน์จากทุกอย่างที่สามารถนำมาสนับสนุนการปกครองของเขาได้ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเสวียนจียังไม่ได้ถูกกำจัด บรรดาอ๋องต่างแคว้นยังคงจับตาดูอยู่ และการควบคุมจักรวรรดิต้าฉินของเขายังไม่ถึงจุดที่สามารถวางใจได้ การสนับสนุนจากพุทธศาสนาอาจเป็นกองกำลังลับที่ช่วยพลิกสถานการณ์ได้และถึงอย่างไร เขาก็ไม่คิดที่จะผลักพวกพระไปเข้ากับฝ่ายศัตรู"ที่นี่ไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องนี้"หลี่เฉินหันไปสั่งซานเป่า "จัดหาที่ที่เงียบสงบสักแห่ง"ซานเป่ารับคำสั่งและรีบไปดำเนินการสำหรับซานเป่าแล้ว การหาที่เงียบสงบใกล้ๆ ไม่ใช่เรื่องยากเพียงเวลาไม่กี่อึดใจ เขาก็กลับมาพร้อมสถานที่เรียบร้อยเขาเลื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 898

    "ช่างเป็นคำพูดที่ดี”หลี่เฉินหัวเราะเย็นชา "เช่นนั้นก็ลองดูกันสักตั้ง""ซานเป่า"เพียงแค่ได้ยินคำสั่งจากหลี่เฉิน ร่างกายของซานเป่าก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาคำพูดเดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจถอยหลังกลับได้อีกแล้ว และหลี่เฉินก็แสดงเจตนาชัดเจนว่า เขาต้องการให้พระสงฆ์ตรงหน้าได้ลิ้มรสพลังของอำนาจจักรวรรดิถูกต้อง หลี่เฉินตั้งใจจะให้พระเฒ่าผู้นี้ได้ลิ้มรสชาติของอำนาจกษัตริย์ภายใต้ระบอบศักดินาว่าเป็นเช่นไรด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานับพันปี หลี่เฉินรู้ดีว่าการจัดการศาสนาในทุกรูปแบบนั้นต้องใช้ความระมัดระวังไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนาหรือลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นสองศาสนาหลักของแผ่นดินจีน หรือแม้แต่พวกตูลูหรือพระลามะในท้องถิ่น ที่แม้จะเป็นศาสนาสาขาเล็กๆ ก็ยังสามารถระดมศิษยานุศิษย์มาสร้างแนวคิดแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงความคิดกบฏปลอมๆ ได้ดังนั้น หากไม่จำเป็นจริงๆ หลี่เฉินก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสองศาสนาใหญ่เหล่านี้เพราะเหตุใดเล่า? ก็เพราะพวกนี้รับมือยากยิ่งส่วนลัทธิอย่างสำนักบัวขาว ซึ่งเป็นศาสนาเทียมและความเชื่อปลอมๆ นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แยกออกไปแต่พระสงฆ์ตรงหน้ากลับเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเอง และหลี่เฉินก็

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status