แชร์

บทที่ 425

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-30 18:00:01
หลังออกจากเมืองหลวง ก็เข้าสู่เขตจังหวัดซุ่นเทียน ใช้ถนนหลักทางใต้สู่เทียนจินเว่ย จากนั้นก็อ้อมไปทางทิศตะวันออกไปตามอ่าวป๋อไห่ ผ่านจังหวัดชิงโจว จังหวัดไหลโจว และจังหวัดเติ้งโจว ในที่สุดหลี่เฉินก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเขา เวยไห่เว่ย

นอกเหนือจากยอดฝีมือห้าสิบอันดับแรกของหน่วยบูรพาและซานเป่าแล้ว ยังมีองครักษ์อวี่หลินจำนวนสามร้อยนายติดตามขบวนมาด้วย พวกเขาปลอมตัวและกระจายตัวออกไปในรัศมีสิบลี้จากรถม้าของหลี่เฉินทั้งหน้าและหลัง

หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น องครักษ์อวี่หลินทั้งสามร้อยนายก็สามารถมาถึงได้ภายในหนึ่งเค่อ พวกเขามีอาวุธครบมือและยังพกหน้าไม้ศักดิ์สิทธิ์มาด้วย เพียงแค่แยกส่วนออกเพื่อความสะดวกในการพกพา สามารถรับมือกับการเผชิญหน้าแบบสงครามย่อยๆ ได้

บวกกับองครักษ์เสื้อแพรระดับแนวหน้าถึงห้าสิบนาย ความปลอดภัยของหลี่เฉินนั้นอาจกล่าวได้ว่าไร้ความกังวล

ซูจิ่นพ่าซึ่งมาพร้อมกับหลี่เฉิน ไม่สนใจการขบวนป้องกันที่หรูหราเช่นนี้

“ถูกงูกัดครั้งหนึ่ง กลัวเชือกไปสิบปี กรณีรวมถึงเจ้าด้วยหรือเปล่า?”

“อยู่ในเมืองหลวง เรียกลมเรียกฝน กลืนภูเขาแม่น้ำนับหมื่นลี้ดุจพยัคฆ์ได้ พอออกจากเมืองหลวง ก็ให้องค
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 426

    หลี่เฉินหัวเราะ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ นี่คือสิ่งที่เสด็จพ่อ อ๋องข้าราชบริพาร หรือแม้แต่ข้าก็ต้องการมากที่สุดในตอนนี้! ที่ยืนอยู่เบื้องหลังของท่านจิ้งจือนั้นคือนักวิชาการจากทั่วทุกมุมโลก และเป็นนักวิชาการที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด เทียบเท่ากับนักปราชญ์มีชีวิต หากเขาเลือกเรา เราจะได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการของใต้หล้า และผู้มีความสามารถก็จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ สิ่งที่ตำหนักบูรพาขาดแคลนมากที่สุดไม่ใช่อำนาจหรือเงินทอง แต่เป็นคนที่มีความสามารถ!”“กล่าวโดยสรุปคือ หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ตำหนักบูรพาก็จะมีอิทธิพลในหมู่ประชาชนอย่างที่สำนักราชเลขาทำได้แค่ฝันถึง!”“ถึงแม้ว่าสำนักราชเลขาจะยังคงมีอำนาจในราชสำนัก แต่ด้วยการสนับสนุนจากนักวิชาการในใต้หล้า กฤษฎีกาของตำหนักบูรพาก็ไม่มีใครกล้าเพิกเฉย”หลี่เฉินหรี่ตาลงและพูดเบาๆ ว่า “นี่คือมีดที่สามารถสังหารจ้าวเสวียนจีได้!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซูจิ่นพ่าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นางต้องการจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ารถม้าเริ่มช้าลง จากนั้นก็มีเสียงของซานเป่าดังมาจากด้านนอก“ฝ่าบาท ด้านหน้ามีคนทะเลาะกัน”หลี่เฉินขมวดคิ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-30
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 427

    “ท่านครับ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่จ่ายภาษี แต่ภาษีนั้นมากเกินไปและเข้มงวดเกินไป พวกเราชาวประมงต้องอาศัยสภาพอากาศเป็นหลักในการดำรงชีวิต มันเป็นเรื่องปกติที่คนหลายคนจะเสียชีวิตจากการออกทะเล อาจกล่าวได้ว่าเอาหัวพาดเอว หาอาหารก็ได้ พวกเราออกทะเล ทางราชการก็เก็บภาษี ตกปลากลับมา ไม่ว่าจะได้อะไร ก็จะเก็บภาษีประมงสามส่วน เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายเดือนและภาษีรายหัวทุกปี”“แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเราก็กัดฟันทนมาเรื่อยๆ แต่ปีนี้วันหยุดประจำปียังไม่สิ้นสุดลงด้วยซ้ำ แต่เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็มาเก็บภาษีอะไรสักอย่าง เมื่อไม่กี่วันก่อน มารดาวัยแปดสิบของข้าล้มป่วย ข้าฆ่าไก่ที่เหลืออยู่ตัวเดียวในบ้านเพื่อบำรุงรักษามารดา แต่เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็จะเอาไก่ไปครึ่งตัว บีบคั้นกันขนาดนี้ แล้วจะให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างไร?”ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา ชาวประมงกลุ่มนั้นก็โกรธขึ้นมา แต่ละคนล้วนชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่ทุกคนซูจิ่นพ่าที่ออกมาตามหลังได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเย็นชาเล็กน้อย นางมองเจ้าหน้าที่เหล่านั้นด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทางด้านซานเป่าก็ตะคอกใส่ว่า “จะโวยวายอะไร? เงียบเดี๋ยวนี้!”การเก็บภาษี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-31
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 428

    ด้วยการแทรกแซงของหน่วยบูรพา เจ้าหน้าที่ก็ถูกแยกตัวออกไปบางส่วน เพื่อนำกลุ่มชาวบ้านที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจากไปพวกเขาทุกคนดูมีความสุขมาก แม้จะต้องติดคุกสามวันก็ยังคงมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเมื่อกลุ่มชาวบ้านจากไปแล้ว หลี่เฉินก็มองไปที่เจ้าหน้าที่และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ใครคือผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ย?”เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าก็รีบตอบไปว่า “ผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ยของพวกเราคือ เจิ้งเป่าหรง”หลี่เฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็นึกไม่ออก“ซานเป่า”หลี่เฉินตะโกนเรียก “ส่งองครักษ์เสื้อแพรสองคนติดตามเจ้าหน้าที่คนนี้ไป และพาเจิ้งเป่าหรงมาพบข้าที่สถานบันกวนไห่”สถานบันกวนไห่ เป็นที่พักอาศัยอันเงียบสงบของท่านจิ้งจือในเวยไห่เว่ยหลี่เฉินจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย และตรวจทานความสะอาดให้แน่ใจว่าไม่เลอะโคลน แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน แต่ก็ไม่กล้าถามอยู่ดี แค่คิดว่าคนของหน่วยบูรพาจะตามตัวเองกลับไป พวกเขาก็รู้ว่าผู้ว่าราชการของตัวเองนั้นเจอปัญหาเข้าแล้ว ไม่แน่ว่าหมวกบนหัวน่าจะรักษาไว้ไม่ได้หลังจากคิดเรื่องนี้ จู่ๆ ความคิดก็พลันกระจ่างขึ้นมา เจ้าหน้าที่คนนั้นยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับอย่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-31
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 429

    “ไม่เพียงเท่านั้น เวยไห่เว่ยยังมีเงินเสริมสร้างการป้องกันทางชายฝั่ง ชาวประมงที่อื่นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปหาปลาในทะเลได้ เพราะมีนโยบายห้ามออกทะเล แต่ถ้าเป็นแถวชายฝั่งก็ยังไปได้ แต่ในหนึ่งปี ชาวประมงสามารถออกไปชายฝั่งได้เพียง 100 วันเท่านั้น แต่มีเพียงชาวประมงเวยไห่เว่ยเท่านั้นที่สามารถออกทะเลได้มากกว่า 200 วันต่อปี เป็นเพราะเวยไห่เว่ยใช้เงินเพื่อรักษาแนวป้องกันทางชายฝั่ง ทำให้พวกตงอิ๋งเรียนรู้ที่จะอ้อมเวยไห่เว่ยไป”หลี่เฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้หากสิ่งที่ซูจิ่นพ่าพูดเป็นความจริง ภาษีเบ็ดเตล็ดของเวยไห่เว่ยก็ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับความโลภของเจิ้งเป่าหรง“ทำไมเจ้าถึงรู้ชัดเจนขนาดนี้ล่ะ?” หลี่เฉินถามซูจิ่นพ่าหัวเราะแล้วพูดว่า “เมื่อครั้งที่เจิ้งเป่าหรงบริจาคเงินให้กับทางการ เขาเคยขอพบบิดาของข้าผ่านทางญาติห่างๆ แต่ท่านพ่อปฏิเสธในตอนแรก แต่แล้วเขาก็คุกเข่าที่หน้าประตูเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน และท่านพ่อก็เขียนจดหมายแนะนำอย่างไม่เต็มใจ ส่งถึงกรมขุนนางและกรมครัวเรือน”“ไม่อย่างนั้นตำแหน่งผู้ว่าราชการจัดหวัดหนึ่ง ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีใครในตำแหน่งสูงๆ แนะนำ มีเงินก็ซื้อไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-31
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 430

    “ยังกล้าพูดแบบนั้นอีกเหรอ!?”สตรีนางนั้นตวาดอย่างเหลืออด “ใช่ เราได้เสริมกำลังการป้องกันชายฝั่งและทำเงินได้ แต่แล้วเงินที่ได้รับล่ะ? สุดท้ายแล้วมันก็ถูกเจ้าเรียกเก็บไปตามข้ออ้างต่างๆ ไม่ใช่เหรอ? แม้แต่บ้านของเจ้าเองและบ้านของภรรยาเจ้าก็ไม่เคยได้รับการยกเว้น แม้กระทั่งเลือกลงดาบที่บ้านของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เจ้า เจิ้งเป่าหรง ช่างมีอนาคตที่ดีจริงๆ!”“เจ้ารู้ไหมว่าคนข้างนอกเรียกเจ้าว่าเจิ้งปาผี แม้แต่คนรวยก็ยังด่าลับหลังเจ้าว่าไอ้ลูกชายไม่มีก้น!?”เจิ้งเป่าหรงโกรธจัด ขณะที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาอยู่นั้น ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะออกไปตรวจสอบ เจ้าหน้าที่หลายคนก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรเตะเข้าไปในห้อง“เจ้าคือเจิ้งเป่าหรงใช่ไหม?” องครักษ์เสื้อแพรมองดูเจิ้งเป่าหรงที่ยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปถามอย่างเย็นชาเจิ้งเป่าหรงรีบตอบทันทีว่า “ใช่ แล้วพวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต? เจ้ารู้ไหมว่าข้าสามารถสั่งให้คนจับพวกเจ้า...”ก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรก็โยนป้ายแขวนเอวของไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย “ธุระขององครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ข้ามา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-31
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 431

    ซูจิ่นพ่าสะดุ้ง จิตใต้สำนึกสั่งให้นางหลบโดยไม่รู้ตัว“อย่าขยับ”หลี่เฉินกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้ซูจิ่นพ่าไม่กล้าเคลื่อนไหวหลี่เฉินจับปลายผมที่ปลิวไสวไปตามลมทะเลตรงข้างขมับของซูจิ่นพ่าไปทัดที่หลังหูของนาง เมื่อเห็นซูจิ่นพ่ายืนตัวแข็งทื่อ หลี่เฉินก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงเกร็งขนาดนี้ กลัวว่าข้าจะกินเจ้าหรือ?”ซูจิ่นพ่าคาดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะแสดงความอ่อนโยนออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว แก้มของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย ก่อนจะหันศีรษะไปอีกด้านแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ใครจะรู้ว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร”“ไปกันเถอะ พวกเราสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ตลอดเวลา มาสถานบันกวนไห่ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกทีเมื่อไหร่?”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็พาซูจิ่นพ่าไปที่ลานบ้านขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลลานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพง ที่ทางเข้าหลักมีตัวอักษรที่ทรงพลังอยู่สี่ตัวนั่นก็คือ “สถานบันกวนไห่”หลังจากทิ้งผู้ติดตามไว้เบื้องหลัง หลี่เฉินก็มาถึงทางเข้าหลักของสถานบันกวนไห่ โดยมีเพียงซูจิ่นพ่าและซานเปาที่ตามหลังมาเรื่องอย่างการเคาะประตูก็เป็นหน้าที่ของซานเป่าตามปกติหลังจากเคาะประตู ประตูไม้ก็เปิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-01
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 432

    เมื่อหลี่เฉินได้ยินดังนั้น เขาก็ก้าวผ่านประตูเข้าไปก่อนซูจิ่นพ่ากลืนสิ่งที่กำลังจะพูดกลับคืนมา และกระทืบเท้าวิ่งตามไป นางทำได้เพียงอธิษฐานขอให้ทั้งสองคนไม่ขัดแย้งกันขึ้นมาเมื่อเดินเข้ามาในประตูหลัก ผ่านกำแพงกว้าง เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องโถงหลัก เมื่อหลี่เฉินและกลุ่มของเขาเดินเข้ามา ก็เห็นชายชราหนวดเคราสีขาวเดินออกจากห้องโดยสวมเพียงถุงเท้านี่เป็นการพบกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกระหว่างหลี่เฉินและท่านจิ้งจืออีกฝ่ายมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง ดูกำยำล่ำสันมาก แม้จะอายุเกินเจ็ดสิบปีไปแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงอยู่ ผิวหน้าคล้ำแดด ดวงตาเป็นประกาย ถ้าสามารถเปลี่ยนผมขาวเป็นผมดำได้ บางคนอาจจะเชื่อว่าเขาอายุสี่สิบหรือห้าสิบปีเมื่อเห็นเขาไม่สวมแม้แต่ถุงเท้า ก็ทำให้หลี่เฉินอดประหลาดใจไม่ได้ “ฮ่าๆ!”ท่านจิ้งจือหัวเราะเสียงดัง และกล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “นางหนูตระกูลซู เจ้าพาผู้แต่ง มาด้วยหรือ?”เสียงหัวเราะนี้ดูห้าวหาญ คล้ายกับคนในยุทธภพมากกว่านักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกวรรณกรรมหลี่เฉินรู้สึกว่าท่านจิ้งจือตรงหน้าเขา ดูแตกต่างจากปราชญ์ผู้อาวุโสในจินตนาการของเขามาก วาจาเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-01
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 433

    ถ้อยคำในบทกวี เป็นศูนย์รวมของพรสวรรค์และอุดมคติของนักวิชาการเมื่อหลี่เฉินเปิดปากท่องกลอนวรรคล่างออกมา กลอนสั้นๆ สองประโยคนี้ สามารถสร้างพายุขึ้นมาจากพื้นดิน และกลืนกินพื้นที่หลายพันลี้ได้ท่านจิ้งจือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาซึ่งจ้องมองไปที่หลี่เฉินก็มีความความหมายลึกซึ้งมากขึ้น ตอนนี้เอง หลี่เฉินก็โน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของจิ่นพ่า หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกวรรคหนึ่ง ซักผ้าในลำห้วยชิงเจียง วาดจิ่นพ่าคิ้วดำ”การจู่โจมนี้มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยเมื่อถูกลมหายใจร้อนๆ ของหลี่เฉินเป่ารดติ่งหู ซูจิ่นพ่าก็พลันสะดุ้งแต่พอได้ยินกลอนคู่วรรคล่างบรรดทัดที่สองของหลี่เฉิน ติ่งหูของนางก็พลันแดงระเรื่อ รู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนมีกวางน้อยย่ำกีบไม่หยุดต่อหน้าท่านจิ้งจือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของใต้หล้า คนผู้นี้กล้าดียังไง?แม้จะรู้สึกละอายใจและขุ่นเคือง แต่ความคิดของหญิงสาวกลับซับซ้อนและหลงใหล กลอนคู่ล่างนี้ เมื่อเทียบกับคำพูดแบบอันธพาลตามปกติของหลี่เฉินแล้ว มันน่าฟังกว่าหลายเท่า ซูจิ่นพ่ารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะของท่านจิ้งจือขัดจังหวะการสื่อสารระหว่างหล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-01

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 670

    คำถามนี้ทำให้สีหน้าของซูผิงเป่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่ซูเจิ้นถิง ผู้เงียบขรึมมาโดยตลอดก็ขมวดคิ้ว ดวงตาสะท้อนความเคร่งเครียดออกมาหากจะพูดกันตามตรง การบัญชาการศึกตลอดทั้งแผนการของซูผิงเป่ยนั้นถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้ที่เพิ่งได้รับมอบหมายให้คุมศึกขนาดกลางครั้งแรกก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วแต่ในสนามรบ ไม่มีใครไร้ข้อผิดพลาด และซูผิงเป่ยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดของเขาอยู่ที่การรบในทุ่งราบภูเขาฝูหู่ ก่อนศึกใหญ่กับตงอิ๋งเพื่อยุติสงครามให้รวดเร็ว ซูผิงเป่ยเลือกเปิดศึกตัดสินโดยพลการซึ่งส่งผลให้กลยุทธ์ของเราถูกฝ่ายตงอิ๋งจับไต๋ได้ และใช้แผนลวงตอบโต้กลับจนกองทัพกลางที่ซูผิงเป่ยบัญชาการถูกล้อมตี ทำให้กองทัพปีกซ้ายและขวาต้องละทิ้งเป้าหมายเดิมเพื่อหันกลับมาช่วยการถอยทัพเพื่อช่วยเหลือกองทัพกลางเช่นนี้ ทำให้แผนการเดิมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จากการเป็นฝ่ายครอบงำตงอิ๋งกลับกลายเป็นการต้องช่วยชีวิตกองทัพกลางแทนแม้ว่าสุดท้ายสถานการณ์จะพลิกกลับมาได้ แต่กองทัพของเราก็สูญเสียอย่างหนัก ซูผิงเป่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสผลลัพธ์สุดท้ายอาจถือว่าเป็นชัยชนะ แต่หากนำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 669

    หลี่เฉินกล่าวคำประกาศเพียงหนึ่งประโยค แต่กลับดุจดั่งบัญชาสวรรค์ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีผู้หนึ่งที่มีเสียงดังที่สุดขานประกาศออกมาอย่างกึกก้องการขานประกาศนั้นเป็นเพียงพิธีกรรมเบื้องหน้า แต่มีผู้วิ่งเหยาะๆ ไปเรียกซูผิงเป่ย ผู้ที่รออยู่ด้านนอกพระที่นั่งให้เข้ามาตำแหน่งของซูผิงเป่ยยังไม่สูงพอที่จะเข้าร่วมการประชุมเช้ายามปกติ แต่วันนี้มีแผนที่จะพระราชทานรางวัลแก่เขา การที่เขามารออยู่ด้านนอกจึงเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วอย่างไรก็ตาม ซูผิงเป่ยไม่คาดคิดเลยว่า ก่อนจะได้พูดถึงเรื่องรางวัลสำหรับเขา กลับมีเสียงจากภายในกล่าวถึงการลงโทษเขาแทนเสียงจากในพระที่นั่งดังมาก และเขาที่รออยู่ด้านนอกได้ยินชัดเจนทุกคำซูผิงเป่ยก้าวเข้าพระที่นั่งด้วยท่วงท่าองอาจราวมังกรและพยัคฆ์ แสดงให้เห็นถึงบุคลิกของแม่ทัพที่โดดเด่น เขาคุกเข่าลงตรงกลางพระที่นั่ง ประสานหมัดกล่าวว่า "กระหม่อม ซูผิงเป่ย ขอคารวะองค์รัชทายาท ขอองค์รัชทายาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "มีบางประเด็นที่เสนาบดีกรมยุทธนาการต้องการเผชิญหน้ากับเจ้าโดยตรง จงตอบคำถามของเขาให้ละเอียด""พ่ะย่ะค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 668

    แม้แต่ขุนนางหน้าใหม่ในราชสำนักยังรู้ว่าควรรักษาคำพูดไว้บ้าง กล่าวอย่างพอดีเจ็ดในสิบส่วน ทิ้งสามส่วนไว้เผื่อโอกาสต่อไปแต่หลิวถงปี้ผู้เป็นแม่ทัพกลับมีอารมณ์ร้อนแรงดั่งเพลิง ไม่เพียงแต่ด่าซั่งกวนเจาอย่างรุนแรง ยังพูดจาตรงไปตรงมาจนเผยให้เห็นจุดอ่อนของซั่งกวนเจาอย่างชัดเจนคราวนี้ ซั่งกวนเจาทนไม่ไหวเช่นกันใบหน้าของเขาแดงก่ำราวตับหมูและตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ “หลิวถงปี้! เจ้าพูดจาใส่ร้ายเช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าคำพูดที่เลินเล่ออาจนำภัยมาสู่ตัว!”“ภัย?”หลิวถงปี้หัวเราะเยาะ “ข้าเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุสิบหก ตอนอายุสิบเก้าก็ฆ่าทหารฮั่นได้สี่สิบคนด้วยมือเปล่า ในสนามรบล้วนเต็มไปด้วยลมฝนเลือดเนื้อ ข้าผ่านการต่อสู้นับไม่ถ้วนและได้รับตำแหน่งมาด้วยความสามารถของตัวเอง ข้ารู้แค่ว่าคำพูดของคนต้องมีความซื่อสัตย์ จะให้ข้ากลัวภัยจากคำพูด? น่าขำสิ้นดี!”“แต่เจ้าซั่งกวนเจา กลับกล่าวหาซูผิงเป่ยอย่างไร้เหตุผลราวกับว่าเขาเป็นคนทรยศชาติ เจ้าไม่กลัวหรือว่าทหารทั้งหลายที่เห็นต่างจะไปเคาะประตูบ้านเจ้าในยามค่ำคืน และฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้าเสีย?”ถ้าก่อนหน้านี้ยังเป็นการด่าทั่วไป ตอนนี้หลิวถงปี้พูดจาข่มขู่ก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 667

    คำกล่าวของซั่งกวนเจาทำให้บรรยากาศที่เงียบสงบอยู่แล้วในพระที่นั่งไท่เหอกลับกลายเป็นความเงียบที่แทบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจสิ่งเดียวที่สามารถได้ยิน คือเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเหล่าขุนนางไม่มีใครคาดคิดว่า ซั่งกวนเจา ซึ่งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมยุทธนาการด้วยการสนับสนุนของจ้าวเสวียนจี และมักทำตัวเงียบๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จะเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบไม่ไว้หน้าซูผิงเป่ยคือใคร?เขาคือหลานชายของเทพเจ้าแห่งสงคราม และเป็นบุตรชายของซูเจิ้นถิงที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาคือคนสนิทขององค์รัชทายาทหลี่เฉิน และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในชัยชนะครั้งใหญ่ของสงครามนี้ในขณะที่ตำหนักบูรพากำลังวางแผนจะมอบรางวัลให้ซูผิงเป่ยเพื่อยกย่องและผลักดันเขาให้กลายเป็นตัวแทนของตำหนักบูรพาในแวดวงทหารแต่ซั่งกวนเจากลับเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบตรงๆนี่เป็นความบ้า…หรือความมั่นใจอย่างถึงที่สุดกันแน่?สายตาส่วนใหญ่ในที่ประชุมหันไปมองจ้าวเสวียนจีแต่จ้าวเสวียนจีกลับนิ่งเฉย ราวกับกำลังฟังเรื่องที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาซั่งกวนเจากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “สิ่งที่กระหม่อมกล่าวหาแม่ทัพซูผิงเป่ยนั้น มีทั้งพยานบุคคล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 666

    ในเช้าวันที่สดใส หลี่เฉินที่กำลังครุ่นคิดเรื่องพัฒนาปืนไฟ เดินทางไปยังพระที่นั่งไท่เหอ หลังจากเสวยมื้อเช้าแบบง่ายๆวันนี้คือวันประชุมเช้าซึ่งหลี่เฉินมีประเด็นสำคัญหลายเรื่องที่ต้องผ่านมติในที่ประชุม เพื่อออกเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการของราชสำนักหนึ่งในเรื่องสำคัญคือการมอบรางวัลและการเลื่อนตำแหน่งให้กับกองทัพผู้ชนะนอกจากจะเป็นการยกย่องเหล่าทหารที่เสียสละชีวิตเพื่อบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นโอกาสที่หลี่เฉินจะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกองทัพ และขยายอิทธิพลของตำหนักบูรพาในแวดวงการทหารเมื่อแสงแรกของวันพาดผ่านเมฆหมอก สะท้อนแสงอันงดงามบนสะพานทองหน้าพระที่นั่งไท่เหอ เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ทยอยเดินข้ามสะพานทองเข้าสู่ลานหน้าพระที่นั่งบนลานกว้างเหนือขั้นบันไดของพระที่นั่งไท่เหอ ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีคนหนึ่งยืนถือแส้สำหรับประกาศความสงบในมือเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!...เสียงป่าวร้องของขันทีดังขึ้นอย่างหนักแน่น "เข้า…เฝ้า!"ขุนนางฝ่ายบุ๋นนำโดยจ้าวเสวียนจี และฝ่ายบู๊นำโดยซูเจิ้นถิงฝ่ายบุ๋นอยู่ทางซ้าย ฝ่ายบู๊อยู่ทางขวา ขุนนางนับสิบคนที่มีคุณสมบัติเข้าเฝ้าต่างเดินเรียงแถวเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 665

    เมื่อกงฮุยอวี่พูดจบ นางก็หลับตาลงพักผ่อนอีกครั้งโดยไม่สนใจหลี่เฉินแต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ลืมตาขึ้นแอบมองเล็กน้อย และเห็นหลี่เฉินทำหน้าหม่นหมองอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างพึงพอใจ มันเป็นรอยยิ้มที่แม้จะเบาบาง แต่ก็แสดงความลำพองได้ชัดเจน“องค์ชาย!”เสียงของวั่นเจียวเจียวที่ดังขึ้นอย่างจงใจ ทำลายความเงียบบนหลังคา“ถึงเวลาเสวยมื้อเช้าแล้วเพคะ เสร็จแล้วต้องเสด็จไปประชุมเช้าเพคะ”วั่นเจียวเจียวมองกงฮุยอวี่ที่นั่งอยู่ข้างหลี่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ ในใจนางคิดว่า (นางจิ้งจอกนี่ เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ!)(ผู้หญิงที่ไหนจะไม่หลงเสน่ห์องค์ชายกัน!)(หน้าไม่อาย!)“มาแล้ว”หลี่เฉินลุกขึ้น ปัดฝุ่นออกจากชุดแล้วปีนลงจากบันได“จริงสิ”หลี่เฉินที่อยู่กลางบรรไดเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้นพูดกับกงฮุยอวี่ “ส่งข่าวไปบอกเจ้าสำนักของเจ้าให้ไปฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหยินหยางที่ตงอิ๋งเสีย”กงฮุยอวี่ยังคงนิ่งเฉย แต่ในใจรู้สึกว่าหลี่เฉินช่างไร้เดียงสา นางคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้หมุนรอบคำสั่งขององค์รัชทายาทคำขอเช่นนี้ช่างไร้สาระนัก“ไม่เช่นนั้น ราชสำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 664

    กงฮุยอวี่ยิ้มบางๆ ก่อนตอบเรียบๆ “การบรรลุถึงระดับเซียนบนดินนั้น พรสวรรค์สำคัญกว่าความพยายาม และที่สำคัญยิ่งกว่าพรสวรรค์ คือโชคชะตา การฝึกฝนเพียงลำพังไม่อาจพาให้เข้าสู่ระดับนี้ได้ หากสวรรค์ไม่มอบโอกาส หรือหากตนเองไขว่คว้าโอกาสนั้นไว้ไม่ได้ ไม่ว่าจะฝึกหนักเพียงใดก็ไม่มีทางไปถึง และเจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันของสำนักบัวขาว ก็คือผู้ที่บรรลุถึงระดับเซียนบนดิน”“ในระดับนี้ เขาสามารถอยู่ในสภาพที่คมดาบและหอกธรรมดาทำอะไรไม่ได้ ใช้ดอกไม้หรือใบไม้เป็นอาวุธสังหารได้ทุกชนิด เพียงแค่ปล่อยแรงกดดันจากพลังลมปราณออกมาก็สามารถสังหารผู้อื่นได้”คำอธิบายของกงฮุยอวี่ทำให้หลี่เฉินรู้สึกถึงภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่ในทันที เขาชี้ไปที่เหล่าองครักษ์เสื้อแพรที่ยืนคุ้มกันอยู่โดยรอบก่อนถาม “ถ้าหากเจ้าสำนักของเจ้ามาที่นี่ เหล่าองครักษ์เหล่านี้จะสามารถต้านทานเขาได้กี่คน?”กงฮุยอวี่ดูเหมือนจะรู้ว่าหลี่เฉินคิดอะไร นางตอบเสียงเรียบว่า “หากเป็นเพียงนักยุทธ์ธรรมดา ต่อให้มาหลายร้อยก็เป็นเพียงการมอบชีวิต แต่หากเป็นกองทัพที่มีการฝึกอย่างดีและครบเครื่อง ทั้งกำลังพลและอาวุธ เพียงไม่กี่พันก็สามารถทำให้เซียนบนดินต้องจบชีวิตได้”เมื่อไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 663

    เป็นที่พิสูจน์ว่า หากต้องการยั่วโทสะหญิงสาว เพียงแค่เรียกนางด้วยชื่อที่ไม่น่าฟังเท่านั้นก็เพียงพอแม้ว่ากงฮุยอวี่จะเป็นคนเยือกเย็นปานใด แต่นางก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่เซียนที่ลอยอยู่เหนือวิถีแห่งโลกียะ และยิ่งถ้าหากแม้แต่เซียนจริงๆ ได้ยินคำเรียกเช่นนี้จากหลี่เฉิน ก็คงอดที่จะเกิดโทสะไม่ได้เมื่อเห็นแววตาขุ่นเคืองของกงฮุยอวี่ หลี่เฉินหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “ทำไม เจ้าโปรดปรานการนั่งอยู่บนหลังคามากนักหรือ?”กงฮุยอวี่ส่งเสียงฮึเบาๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะหลับตาลงนั่งสมาธิต่อ โดยไม่สนใจหลี่เฉินหลังจากนางหลับตา หลี่เฉินกลับเงียบไปอย่างน่าประหลาดเดิมที กงฮุยอวี่คิดว่าหลี่เฉินคงเบื่อและเดินจากไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา และลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับเห็นหลี่เฉินสั่งให้คนยกบันไดขึ้นมา และเขากำลังปีนบันไดขึ้นมาบนหลังคากงฮุยอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูหลี่เฉินที่กำลังปีนขึ้นมา และเริ่มชั่งใจว่าควรจะลุกออกไปจากที่นี่หรือไม่แต่ก่อนที่นางจะตัดสินใจ หลี่เฉินก็ขึ้นมาถึงบนหลังคาแล้ว“บนนี้ วิวทิวทัศน์ดีไม่น้อยเลยทีเดียว”ตำหนักบูรพาตั้งอยู่ในที่สูงอยู่แล้ว และเมื่อขึ้นมาบนหล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 662

    ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “ท่านอ๋อง ข้ามั่นใจว่าสวีเว่ยต้องมีปัญหาแน่นอน เขาออกจากจวนบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผล และทุกครั้งก็หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย แม้เขาจะมีข้อแก้ตัวเสมอ แต่ข้ากล้าพูดได้ว่ามันต้องเป็นข้อแก้ตัวที่โกหก!”หลี่อิ๋นหู่มองชายชราอย่างไม่พอใจ ก่อนกล่าวว่า “เรื่องที่เขาเลี้ยงดูหญิงงามคนหนึ่ง ข้ารู้ดีอยู่แล้ว ผู้ชายจะมีผู้หญิงคนที่ชอบมันก็ธรรมดา หากเป็นเจ้า เจ้าออกไปหาผู้หญิงเจ้าจะป่าวประกาศให้ใครๆ รู้หรือไม่?”คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ทำให้ชายชราพูดไม่ออก แต่เขายังยืนกรานว่า “โปรดให้เวลาข้าอีกสักนิด ข้าสัญญาว่าจะสืบหาความจริงเกี่ยวกับเขาให้ได้!”“เจ้าสืบเรื่องอ๋องแห่งแคว้นที่สนับสนุนหลงไหวอี้ให้ได้ก่อนเถอะ”หลี่อิ๋นหู่โบกมืออย่างรำคาญ “เอาเถอะ ออกไปซะ วันๆ เอาแต่ทำให้ข้าหนักใจ”ชายชราเปิดปากเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ ถอนหายใจ แล้วออกจากห้องไปคืนนั้น หลี่เฉินถูกปลุกขึ้นจากการนอนอีกครั้งแม้ว่าดวงตาจะล้าจนร้อนผ่าว แต่เขายังรับรายงานลับสุดยอดจากเฉินทงมาพิจารณาเมื่ออ่านรายงานที่สวีเว่ยส่งมา หลี่เฉินถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้งรายงานแบ่งเป็นสองส่วน

DMCA.com Protection Status