หลี่เฉินหัวเราะ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ นี่คือสิ่งที่เสด็จพ่อ อ๋องข้าราชบริพาร หรือแม้แต่ข้าก็ต้องการมากที่สุดในตอนนี้! ที่ยืนอยู่เบื้องหลังของท่านจิ้งจือนั้นคือนักวิชาการจากทั่วทุกมุมโลก และเป็นนักวิชาการที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด เทียบเท่ากับนักปราชญ์มีชีวิต หากเขาเลือกเรา เราจะได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการของใต้หล้า และผู้มีความสามารถก็จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ สิ่งที่ตำหนักบูรพาขาดแคลนมากที่สุดไม่ใช่อำนาจหรือเงินทอง แต่เป็นคนที่มีความสามารถ!”“กล่าวโดยสรุปคือ หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ตำหนักบูรพาก็จะมีอิทธิพลในหมู่ประชาชนอย่างที่สำนักราชเลขาทำได้แค่ฝันถึง!”“ถึงแม้ว่าสำนักราชเลขาจะยังคงมีอำนาจในราชสำนัก แต่ด้วยการสนับสนุนจากนักวิชาการในใต้หล้า กฤษฎีกาของตำหนักบูรพาก็ไม่มีใครกล้าเพิกเฉย”หลี่เฉินหรี่ตาลงและพูดเบาๆ ว่า “นี่คือมีดที่สามารถสังหารจ้าวเสวียนจีได้!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซูจิ่นพ่าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นางต้องการจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ารถม้าเริ่มช้าลง จากนั้นก็มีเสียงของซานเป่าดังมาจากด้านนอก“ฝ่าบาท ด้านหน้ามีคนทะเลาะกัน”หลี่เฉินขมวดคิ้
“ท่านครับ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่จ่ายภาษี แต่ภาษีนั้นมากเกินไปและเข้มงวดเกินไป พวกเราชาวประมงต้องอาศัยสภาพอากาศเป็นหลักในการดำรงชีวิต มันเป็นเรื่องปกติที่คนหลายคนจะเสียชีวิตจากการออกทะเล อาจกล่าวได้ว่าเอาหัวพาดเอว หาอาหารก็ได้ พวกเราออกทะเล ทางราชการก็เก็บภาษี ตกปลากลับมา ไม่ว่าจะได้อะไร ก็จะเก็บภาษีประมงสามส่วน เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายเดือนและภาษีรายหัวทุกปี”“แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเราก็กัดฟันทนมาเรื่อยๆ แต่ปีนี้วันหยุดประจำปียังไม่สิ้นสุดลงด้วยซ้ำ แต่เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็มาเก็บภาษีอะไรสักอย่าง เมื่อไม่กี่วันก่อน มารดาวัยแปดสิบของข้าล้มป่วย ข้าฆ่าไก่ที่เหลืออยู่ตัวเดียวในบ้านเพื่อบำรุงรักษามารดา แต่เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็จะเอาไก่ไปครึ่งตัว บีบคั้นกันขนาดนี้ แล้วจะให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างไร?”ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา ชาวประมงกลุ่มนั้นก็โกรธขึ้นมา แต่ละคนล้วนชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่ทุกคนซูจิ่นพ่าที่ออกมาตามหลังได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเย็นชาเล็กน้อย นางมองเจ้าหน้าที่เหล่านั้นด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทางด้านซานเป่าก็ตะคอกใส่ว่า “จะโวยวายอะไร? เงียบเดี๋ยวนี้!”การเก็บภาษี
ด้วยการแทรกแซงของหน่วยบูรพา เจ้าหน้าที่ก็ถูกแยกตัวออกไปบางส่วน เพื่อนำกลุ่มชาวบ้านที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจากไปพวกเขาทุกคนดูมีความสุขมาก แม้จะต้องติดคุกสามวันก็ยังคงมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเมื่อกลุ่มชาวบ้านจากไปแล้ว หลี่เฉินก็มองไปที่เจ้าหน้าที่และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ใครคือผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ย?”เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าก็รีบตอบไปว่า “ผู้ว่าราชการเวยไห่เว่ยของพวกเราคือ เจิ้งเป่าหรง”หลี่เฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็นึกไม่ออก“ซานเป่า”หลี่เฉินตะโกนเรียก “ส่งองครักษ์เสื้อแพรสองคนติดตามเจ้าหน้าที่คนนี้ไป และพาเจิ้งเป่าหรงมาพบข้าที่สถานบันกวนไห่”สถานบันกวนไห่ เป็นที่พักอาศัยอันเงียบสงบของท่านจิ้งจือในเวยไห่เว่ยหลี่เฉินจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย และตรวจทานความสะอาดให้แน่ใจว่าไม่เลอะโคลน แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน แต่ก็ไม่กล้าถามอยู่ดี แค่คิดว่าคนของหน่วยบูรพาจะตามตัวเองกลับไป พวกเขาก็รู้ว่าผู้ว่าราชการของตัวเองนั้นเจอปัญหาเข้าแล้ว ไม่แน่ว่าหมวกบนหัวน่าจะรักษาไว้ไม่ได้หลังจากคิดเรื่องนี้ จู่ๆ ความคิดก็พลันกระจ่างขึ้นมา เจ้าหน้าที่คนนั้นยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับอย่าง
“ไม่เพียงเท่านั้น เวยไห่เว่ยยังมีเงินเสริมสร้างการป้องกันทางชายฝั่ง ชาวประมงที่อื่นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปหาปลาในทะเลได้ เพราะมีนโยบายห้ามออกทะเล แต่ถ้าเป็นแถวชายฝั่งก็ยังไปได้ แต่ในหนึ่งปี ชาวประมงสามารถออกไปชายฝั่งได้เพียง 100 วันเท่านั้น แต่มีเพียงชาวประมงเวยไห่เว่ยเท่านั้นที่สามารถออกทะเลได้มากกว่า 200 วันต่อปี เป็นเพราะเวยไห่เว่ยใช้เงินเพื่อรักษาแนวป้องกันทางชายฝั่ง ทำให้พวกตงอิ๋งเรียนรู้ที่จะอ้อมเวยไห่เว่ยไป”หลี่เฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้หากสิ่งที่ซูจิ่นพ่าพูดเป็นความจริง ภาษีเบ็ดเตล็ดของเวยไห่เว่ยก็ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับความโลภของเจิ้งเป่าหรง“ทำไมเจ้าถึงรู้ชัดเจนขนาดนี้ล่ะ?” หลี่เฉินถามซูจิ่นพ่าหัวเราะแล้วพูดว่า “เมื่อครั้งที่เจิ้งเป่าหรงบริจาคเงินให้กับทางการ เขาเคยขอพบบิดาของข้าผ่านทางญาติห่างๆ แต่ท่านพ่อปฏิเสธในตอนแรก แต่แล้วเขาก็คุกเข่าที่หน้าประตูเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน และท่านพ่อก็เขียนจดหมายแนะนำอย่างไม่เต็มใจ ส่งถึงกรมขุนนางและกรมครัวเรือน”“ไม่อย่างนั้นตำแหน่งผู้ว่าราชการจัดหวัดหนึ่ง ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีใครในตำแหน่งสูงๆ แนะนำ มีเงินก็ซื้อไม่
“ยังกล้าพูดแบบนั้นอีกเหรอ!?”สตรีนางนั้นตวาดอย่างเหลืออด “ใช่ เราได้เสริมกำลังการป้องกันชายฝั่งและทำเงินได้ แต่แล้วเงินที่ได้รับล่ะ? สุดท้ายแล้วมันก็ถูกเจ้าเรียกเก็บไปตามข้ออ้างต่างๆ ไม่ใช่เหรอ? แม้แต่บ้านของเจ้าเองและบ้านของภรรยาเจ้าก็ไม่เคยได้รับการยกเว้น แม้กระทั่งเลือกลงดาบที่บ้านของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เจ้า เจิ้งเป่าหรง ช่างมีอนาคตที่ดีจริงๆ!”“เจ้ารู้ไหมว่าคนข้างนอกเรียกเจ้าว่าเจิ้งปาผี แม้แต่คนรวยก็ยังด่าลับหลังเจ้าว่าไอ้ลูกชายไม่มีก้น!?”เจิ้งเป่าหรงโกรธจัด ขณะที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาอยู่นั้น ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะออกไปตรวจสอบ เจ้าหน้าที่หลายคนก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรเตะเข้าไปในห้อง“เจ้าคือเจิ้งเป่าหรงใช่ไหม?” องครักษ์เสื้อแพรมองดูเจิ้งเป่าหรงที่ยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปถามอย่างเย็นชาเจิ้งเป่าหรงรีบตอบทันทีว่า “ใช่ แล้วพวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต? เจ้ารู้ไหมว่าข้าสามารถสั่งให้คนจับพวกเจ้า...”ก่อนที่เจิ้งเป่าหรงจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรก็โยนป้ายแขวนเอวของไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย “ธุระขององครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพา ข้ามา
ซูจิ่นพ่าสะดุ้ง จิตใต้สำนึกสั่งให้นางหลบโดยไม่รู้ตัว“อย่าขยับ”หลี่เฉินกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้ซูจิ่นพ่าไม่กล้าเคลื่อนไหวหลี่เฉินจับปลายผมที่ปลิวไสวไปตามลมทะเลตรงข้างขมับของซูจิ่นพ่าไปทัดที่หลังหูของนาง เมื่อเห็นซูจิ่นพ่ายืนตัวแข็งทื่อ หลี่เฉินก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงเกร็งขนาดนี้ กลัวว่าข้าจะกินเจ้าหรือ?”ซูจิ่นพ่าคาดไม่ถึงว่าหลี่เฉินจะแสดงความอ่อนโยนออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว แก้มของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย ก่อนจะหันศีรษะไปอีกด้านแล้วกล่าวเสียงแข็งว่า “ใครจะรู้ว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร”“ไปกันเถอะ พวกเราสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ตลอดเวลา มาสถานบันกวนไห่ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกทีเมื่อไหร่?”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็พาซูจิ่นพ่าไปที่ลานบ้านขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลลานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกำแพง ที่ทางเข้าหลักมีตัวอักษรที่ทรงพลังอยู่สี่ตัวนั่นก็คือ “สถานบันกวนไห่”หลังจากทิ้งผู้ติดตามไว้เบื้องหลัง หลี่เฉินก็มาถึงทางเข้าหลักของสถานบันกวนไห่ โดยมีเพียงซูจิ่นพ่าและซานเปาที่ตามหลังมาเรื่องอย่างการเคาะประตูก็เป็นหน้าที่ของซานเป่าตามปกติหลังจากเคาะประตู ประตูไม้ก็เปิ
เมื่อหลี่เฉินได้ยินดังนั้น เขาก็ก้าวผ่านประตูเข้าไปก่อนซูจิ่นพ่ากลืนสิ่งที่กำลังจะพูดกลับคืนมา และกระทืบเท้าวิ่งตามไป นางทำได้เพียงอธิษฐานขอให้ทั้งสองคนไม่ขัดแย้งกันขึ้นมาเมื่อเดินเข้ามาในประตูหลัก ผ่านกำแพงกว้าง เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องโถงหลัก เมื่อหลี่เฉินและกลุ่มของเขาเดินเข้ามา ก็เห็นชายชราหนวดเคราสีขาวเดินออกจากห้องโดยสวมเพียงถุงเท้านี่เป็นการพบกันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรกระหว่างหลี่เฉินและท่านจิ้งจืออีกฝ่ายมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง ดูกำยำล่ำสันมาก แม้จะอายุเกินเจ็ดสิบปีไปแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงอยู่ ผิวหน้าคล้ำแดด ดวงตาเป็นประกาย ถ้าสามารถเปลี่ยนผมขาวเป็นผมดำได้ บางคนอาจจะเชื่อว่าเขาอายุสี่สิบหรือห้าสิบปีเมื่อเห็นเขาไม่สวมแม้แต่ถุงเท้า ก็ทำให้หลี่เฉินอดประหลาดใจไม่ได้ “ฮ่าๆ!”ท่านจิ้งจือหัวเราะเสียงดัง และกล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “นางหนูตระกูลซู เจ้าพาผู้แต่ง มาด้วยหรือ?”เสียงหัวเราะนี้ดูห้าวหาญ คล้ายกับคนในยุทธภพมากกว่านักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกวรรณกรรมหลี่เฉินรู้สึกว่าท่านจิ้งจือตรงหน้าเขา ดูแตกต่างจากปราชญ์ผู้อาวุโสในจินตนาการของเขามาก วาจาเ
ถ้อยคำในบทกวี เป็นศูนย์รวมของพรสวรรค์และอุดมคติของนักวิชาการเมื่อหลี่เฉินเปิดปากท่องกลอนวรรคล่างออกมา กลอนสั้นๆ สองประโยคนี้ สามารถสร้างพายุขึ้นมาจากพื้นดิน และกลืนกินพื้นที่หลายพันลี้ได้ท่านจิ้งจือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาซึ่งจ้องมองไปที่หลี่เฉินก็มีความความหมายลึกซึ้งมากขึ้น ตอนนี้เอง หลี่เฉินก็โน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของจิ่นพ่า หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกวรรคหนึ่ง ซักผ้าในลำห้วยชิงเจียง วาดจิ่นพ่าคิ้วดำ”การจู่โจมนี้มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยเมื่อถูกลมหายใจร้อนๆ ของหลี่เฉินเป่ารดติ่งหู ซูจิ่นพ่าก็พลันสะดุ้งแต่พอได้ยินกลอนคู่วรรคล่างบรรดทัดที่สองของหลี่เฉิน ติ่งหูของนางก็พลันแดงระเรื่อ รู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนมีกวางน้อยย่ำกีบไม่หยุดต่อหน้าท่านจิ้งจือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของใต้หล้า คนผู้นี้กล้าดียังไง?แม้จะรู้สึกละอายใจและขุ่นเคือง แต่ความคิดของหญิงสาวกลับซับซ้อนและหลงใหล กลอนคู่ล่างนี้ เมื่อเทียบกับคำพูดแบบอันธพาลตามปกติของหลี่เฉินแล้ว มันน่าฟังกว่าหลายเท่า ซูจิ่นพ่ารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ฮ่าๆ”เสียงหัวเราะของท่านจิ้งจือขัดจังหวะการสื่อสารระหว่างหล
หวงจี๋เทียนจากไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้น หลี่เฉินก็สะสางภาระงานของวันนี้จนเสร็จเรียบร้อย แต่กลับไม่ได้ไปพักผ่อนเหมือนเช่นเคยวั่นเจียวเจียวเดินเข้ามารินน้ำชาให้หลี่เฉิน พลางกล่าวเสียงเบา "องค์ชาย ควรจะพักผ่อนแล้วเพคะ"หลี่เฉินที่กำลังก้มหน้าดูตำราอยู่ ตอบกลับไปโดยไม่เงยหน้า "วันนี้ต้องอยู่ดึกหน่อย ข้ารอคนคนหนึ่ง""รอคน? องค์ชายต้องการพบท่านใด ให้เขามาพบก็สิ้นเรื่อง ไฉนต้องเป็นองค์ชายที่ต้องรอ?" วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยความไม่พอใจหลี่เฉินหัวเราะเบา "คนผู้นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อใด แต่ที่แน่ๆ เขาต้องมา และเมื่อมาถึง เขาจะต้องนำข่าวคราวของหลี่อิ๋นหู่มาให้ข้าอย่างแน่นอน"วั่นเจียวเจียวกระพริบตา ไม่เข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้ถามต่อหลี่เฉินกวาดตามองไปรอบๆ พระที่นั่งสีเจิ้ง ก่อนจะเอ่ยถาม "ช่วงนี้ไม่เห็นกงฮุยอวี่เลย หายไปไหน?"วั่นเจียวเจียวเบ้ปาก "องค์ชายเองยังไม่รู้ บ่าวจะรู้ได้อย่างไรเพคะ? ช่วงนี้นางทำตัวลึกลับเหลือเกิน ไม่เห็นหน้าเลยสักวัน บางทีอาจจะหนีไปแล้วก็ได้"หลี่เฉินวางตำรา ก่อนจะใช้หนังสือตีลงบนศีรษะของวั่นเจียวเจียวเบาๆ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "เลิกเล่นแง่ได้แล้ว
หลี่เฉินเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้ช่องว่างของข้อมูล เพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สุดหวงจี๋เทียนไม่มีทางรู้ถึงสถานการณ์ที่พลิกผันภายในต้าฉินในขณะนี้ และยิ่งไม่รู้ว่าหลี่เฉินได้ดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอให้วันพรุ่งนี้ประกาศพระราชโองการ เพื่อลบล้างตำแหน่งและอำนาจทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ พร้อมกับขับไล่ออกจากทำเนียบราชวงศ์ดังนั้น บุญคุณตามน้ำนี้ หลี่เฉินจึงยินดีมอบให้โดยไม่ลังเลถึงแม้ว่าภายหลังหวงจี๋เทียนจะรู้ความจริง แต่มันก็สายไปเสียแล้วหวงจี๋เทียนตกตะลึงทันทีไฟไหม้จุดพักแรม ลอบสังหารองค์ชายต่างแคว้น ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นทำให้ท่านอ๋องของแคว้นตนเองถูกปลดจากทุกตำแหน่ง หากลองคิดในมุมของตนเอง หากวันใดวันหนึ่งเขาถูกริบตำแหน่งและลดเป็นสามัญชน นั่นอาจจะเป็นความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีกสิ่งที่ทำให้หวงจี๋เทียนประหลาดใจกว่านั้นก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ตนเองเพิ่งถูกเพลิงไหม้เล่นงานไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ฝ่ายตำหนักบูรพากลับสามารถจับตัวคนร้ายได้ แถมยังมีมาตรการจัดการออกมาเสร็จสรรพแล้วเรื่องนี้ทำให้หวงจี๋เทียนอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่
"องค์รัชทายาทต้าฉิน ครั้งนี้โปรดให้ข้าได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วย!"หวงจี๋เทียนก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่เพียงแค่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ก็มีถ้วยชาลอยหวืดลงมาตกกระทบพื้นข้างเท้าของเขาดังเพล้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หวงจี๋เทียนสะดุ้งโหยงเขาเงยหน้ามองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง พลางคิดว่า หรือว่าหลี่เฉินจะโกรธจนขาดสติแล้วฆ่าตนเสียที่นี่?ทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆหวงจี๋เทียนรู้สึกอัดอั้นเพียงเห็นใบหน้าของหลี่เฉินที่มืดครึ้ม ราวกับกำลังระงับโทสะอย่างเต็มที่ เขาฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนกล่าว "อาเกอสิบสามอย่าเข้าใจผิด ข้าโกรธที่มีคนกล้าหาญชาญชัยถึงขั้นวางเพลิงที่จุดพักแรม ตั้งใจจะลอบสังหารอาเกอสิบสาม แล้วโยนความผิดมาให้ข้า""เรื่องนี้ ข้าได้สืบหาข้อมูลแล้ว และพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่าง ตอนนี้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เพียงแต่ทำให้อาเกอสิบสามต้องตกใจ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ"ความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจของหวงจี๋เทียนพลันถูกความประหลาดใจแทนที่ เขาเอ่ยถาม "เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน องค์ชายรู้ตัวคนร้ายแล้วหรือ?"หลี่เฉินถอนหายใจ ก่อนเผ
คำพูดถูกส่งออกไป ความหมายชัดเจนแจ่มแจ้งหลี่ชางหลานรู้สึกว่าลมหายใจของตนเริ่มร้อนระอุจักรวรรดิต้าฉินมีกฎเกณฑ์ควบคุมเชื้อพระวงศ์อย่างเข้มงวด ฮ่องเต้แต่ละพระองค์ล้วนยึดมั่นในแนวคิดของปฐมจักรพรรดิอย่างเคร่งครัด นั่นคือ ราชสำนักสามารถมอบเงินทองให้เชื้อพระวงศ์ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ไม่อาจมีอำนาจทางการเมืองตลอดสามร้อยกว่าปีของราชวงศ์ต้าฉิน เชื้อพระวงศ์สามารถเข้ารับราชการได้ แต่ตำแหน่งจะไม่เกินระดับสี่ นี่เป็นกฎเหล็ก ส่วนตำแหน่งทางทหาร อย่าได้หวัง แม้แต่จะสมัครเข้ารับราชการก็ยังเป็นไปไม่ได้“เชื้อสายราชวงศ์หลี่ทั้งปวง จะต้องยกย่องพระราชอำนาจเป็นสูงสุด สมควรได้รับความมั่งคั่งรุ่งเรือง แต่สิทธิ์ทางการเมืองต้องชัดเจน ฮ่องเต้มิอาจลำเอียงเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวจนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน”ประโยคที่ปฐมจักรพรรดิทรงทิ้งไว้ ได้ตัดโอกาสของเชื้อพระวงศ์หลี่ในการก้าวเข้าสู่ราชสำนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแทรกแซงการปกครองเลยด้วยซ้ำ และเพราะเหตุนี้เอง การที่หลี่เฉินเสนอที่นั่งในราชวิทยาลัย จึงถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับหลี่ชางหลาน รวมถึงเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ที่อาจได้รับส่วนแบ่งจากโอก
หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"
หลี่เฉินไม่ได้ยืนยันเรียกเขาว่าเสด็จปู่ใหญ่ และก็ไม่ได้เรียกตำแหน่งของเขา แต่เลือกใช้คำว่าผู้อาวุโสหลี่เมื่อปัญหาเรื่องสรรพนามถูกแก้ไขอย่างลงตัว หลี่ชางหลานจึงรับถ้วยชาด้วยสองมือ แล้วยกขึ้นจิบเบาๆหลังจากวางถ้วยชาลง เขากล่าวว่า “ชาดีจริงๆ”หลี่เฉินยิ้มพลางกล่าว “หากผู้อาวุโสหลี่ชอบ ข้าจะให้คนเตรียมไว้ให้ท่านนำกลับไป”หลี่ชางหลานโบกมือ “สุภาพชนไม่แย่งของรักของผู้อื่น ชาดีที่องค์ชายสะสมไว้ ข้าไม่ควรนำไป”“ก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก ก่อนหน้านี้ตอนข้าพระราชทานตำแหน่งท่านอ๋องให้หลี่อิ๋นหู่ เขามอบชานี้มาเป็นของขวัญขอบคุณ”เพียงประโยคเดียว ทำให้มือของหลี่ชางหลานที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มค้างอยู่กลางอากาศเมืองหลวงไม่มีความลับ โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ที่หลี่อิ๋นหู่ขึ้นไปเดินบนภูเขาจิ่งซานเพื่อขอพร แต่กลับเป็นต้นเหตุทำให้ราษฎรหลายพันคนต้องเสียชีวิตเรื่องนี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงปั่นป่วนไปหมดแม้ว่าหลี่ชางหลานจะถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งรีบ แต่เขาก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์รัชทายาทและจ้าวอ๋องได้ขาดสะบั้นลงโดยสิ้นเชิงบัดนี้เมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิ๋นหู่จากปากของหลี่เฉิน เขารู้สึกเหมือนมีดเห
"เมื่อครั้งกระหม่อมกวาดล้างหมู่บ้านเหมียว ก็เป็นเพียงฐานที่มั่นหลักของตระกูลโจวเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหญิงสาวจากตระกูลโจวแต่งงานออกไปมากมายจนยากจะนับได้ บุตรหลานของพวกนางหลายคนต่างก็มีอำนาจในมือ หากโจวสิงเจี่ยเปล่งวาจาเรียกหา พวกมันสามารถรวมกำลังคนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น อย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูหมู่บ้านตระกูลโจวขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน"ซานเป่าอธิบายอย่างละเอียด แต่สีหน้าของหลี่เฉินกลับไร้ความรู้สึกผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่เฉินกล่าวว่า "ปัญหาของเหมียวเจียงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจลงมือโดยพลการได้ในตอนนี้ แต่โจวสิงเจี่ยและหลี่อิ๋นหู่ร่วมมือกันสังหารราษฎรไปนับพัน รวมถึงหลี่อิ๋นหู่ยังฆ่าองค์ชายเก้า เรื่องเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้"น้ำเสียงของหลี่เฉินเรียบเฉย "ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ประกาศจับตัวหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ย หน่วยบูรพาต้องไล่ล่าพวกมันอย่างเต็มกำลัง ผู้ใดพบร่องรอยและรายงานเข้ามาจะได้รับรางวัลใหญ่"ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถาม "แต่ว่าตำแหน่งของจ้าวอ๋อง"การที่ราชสำนักประกาศจับท่านอ๋อง เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์หลี่เฉินกล่าวเรี
ซานเป่ากัดฟันแน่น จำต้องล้มเลิกการไล่ตามหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ยเขากวาดตามองไปรอบๆ พบว่าฝูงแมลงที่หนาแน่นจนมองแทบไม่เห็นพื้นกำลังเริ่มถอยกลับ ทิ้งไว้เพียงซากศพจำนวนมากนับพันในคลื่นแมลงครั้งนี้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่โชคดีหรือมีฝีมือพอจะรอดพ้นจากหายนะได้ ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รวมถึงต้าหลี่ซื่อชิง หวังฟู่ย่ง ต่างก็กลายเป็นวิญญาณใต้ฝูงแมลงไปทั้งหมดเมื่อฝูงแมลงสลายไป สิ่งที่เผยออกมาก็คือซากศพที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ซากศพเหล่านี้ไม่มีเลือดไหลออกมา แต่เนื้อหนังทั้งหมดถูกแมลงกัดแทะจนขาดวิ่นแทบไม่เหลือชิ้นดีที่โชคร้ายที่สุดคงเป็นหวังฟู่ย่ง ศพของเขาตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น แม้แต่เศษเนื้อขนาดฝ่ามือก็ไม่เหลือกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นของแมลงลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ผสานกับภาพของซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบตัว เป็นภาพที่สร้างแรงกระแทกให้จิตใจอย่างรุนแรง ใบหน้าของซานเป่าดำทะมึนจนแทบจะบีบหยดน้ำออกมาได้เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่แล้ว…พระที่นั่งสีเจิ้งหลี่เฉินมองดูซากศพของแมลงสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า กับซานเป่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ใบห
ผู้ที่ซุ่มโจมตีมีความชำนาญอย่างยิ่ง ขณะที่เขาจู่โจมออกมาอย่างกะทันหัน ซานเป่าทำได้เพียงบิดร่างหลบเลี่ยงจุดสำคัญ แต่ก็ยังไม่อาจหนีจากฝ่ามือที่พุ่งเข้ากระแทกไหล่ของเขาเสียงกระแทกหนักหน่วงดังขึ้น ท่ามกลางเสียงอุทานของซานเป่า ร่างทั้งสองแยกออกจากกัน ซานเป่าถูกกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบก้าว เมื่อตกลงสู่พื้นยังต้องถอยหลังอีกสามก้าว แต่ละก้าวหนักแน่นราวขุนเขาถล่ม พื้นดินที่เหยียบย่ำแตกร้าวสะเทือนทันทีที่ซานเป่าตั้งหลักได้ ฝูงแมลงสีดำรอบตัวก็คล้ายได้รับคำสั่ง พวกมันพุ่งโจมตีเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งซานเป่าครางเสียงต่ำ พลังภายในพลุ่งพล่านออกจากร่าง ส่งแรงสั่นสะเทือนกระจายออกไป แมลงที่ไต่ขึ้นบนตัวเขาถูกสังหารจนหมดสิ้น ร่วงหล่นลงบนพื้นแต่ก่อนที่เขาจะทันได้หายใจ โลหิตของแมลงที่ถูกฆ่าล่อให้แมลงจำนวนมากยิ่งกว่าถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซานเป่ารู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อ เขากลืนลมหายใจลงคอ พลังลมปราณรวมศูนย์ในปาก ก่อนจะเปล่งเสียงร้องกึกก้องเสียงคำรามแหลมสูงดั่งระเบิดเสียง สร้างคลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นพลังกระจายออกไปทุกทิศทาง แมลงทุกตัวที่อยู่ในรัศมีของคลื่นพลังสั่นสะ