Share

บทที่ 419

Author: ไห่ตงชิง
last update Last Updated: 2024-10-29 18:00:01
สายตาของทั้งคู่ต่างสบตากัน

แม้ว่าจะไม่มีการแลกเปลี่ยนคำพูดสักคำ แต่ในฐานะคนสนิทของเฉียนซื่อเหยียน เก๋อผิงอี้ก็เข้าใจถึงการข่มขู่ด้วยท่าทางที่น่ากลัวนั้นแล้ว

เก๋อผิงอี้กัดฟันไม่ยอมพูดอะไร

เขารู้ว่าตัวเองจบเห่แล้ว

แต่ว่าเขายังมีครอบครัว

หากเขาขายเฉียนซื่อเหยียน เฉียนซื่อเหยียนก็มีหลายวิธีในการจัดการกับครอบครัวของเขา

หากมีจุดจบสองอย่าง เขาจะเลือกทางที่อันตรายน้อยกว่า เก๋อผิงอี้ไม่กล้าเสี่ยงชีวิตทั้งครอบครัวของเขา

ฉากนี้ล้วนอยู่ในสายตาของหลี่เฉิน

เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “เก๋อผิงอี้ หากเจ้าไม่พูด ทุกอย่างก็จะจบลงที่เจ้า”

ก่อนที่เฉียนซื่อเหยียนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ได้ยินหลี่เฉินพูดต่อว่า “และเจ้าจะต้องรับผิดทุกอย่าง เจ้าดูหมิ่นกฎหมายของต้าฉิน ทำลายกฎเกณฑ์และข้อบังคับของต้าฉิน สิ่งนี้นับเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง มันเพียงพอที่ข้าจะสั่งลงโทษตระกูลเจ้าได้”

“เจ้าเป็นรองเสนาบดีกรมยุติธรรมฝ่ายขวา ไหนลองบอกข้ามาสิ การลงโทษแบ่งออกเป็นกี่ระดับ?”

เก๋อผิงอี้หน้าซีดเผือด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากลำบากว่า “แบ่งออกตามความรุนแรงได้สามระดับ ระดับหนึ่ง การมั่วสุมก่อ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 420

    คำพูดของหลี่เฉินทำลายการป้องกันของเก๋อผิงอี้อย่างสิ้นเชิงเขาไม่กล้าจินตนาการว่า หากภรรยาและบุตรสาวของตัวเองนั้นตกอยู่ในมือของหน่วยบูรพาแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอีกต่อไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นและร้องว่า “ได้โปรดไว้ชีวิตครอบครัวของกระหม่อมด้วยเถิด พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้ายอมพูดแล้ว”เมื่อเฉียนซื่อเหยียนซึ่งถูกหลี่เฉินเตะลงกับพื้นเห็นสิ่งนี้ ก็เกิดความกล้าขึ้นมา พยายามลุกขึ้นจากพื้นและดึงดาบที่เอวของผู้คุมที่อยู่ข้างๆ ออกมา และแทงไปที่เก๋อผิงอี้“ไอ้สุนัขนี่ พอใกล้ตายก็คิดจะแว้งกัดคน?”ดวงตาของเฉียนซื่อเหยียนดูดุร้าย เขาแทงดาบไปที่ลำคอของเก๋อผิงอี้ ตั้งใจที่จะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเฉียนซื่อเหยียนพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิต แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะได้สัมผัสกับเก๋อผิงอี้ ซานเป่าก็บีบดาบไว้ด้วยมือเปล่าเฉียนซื่อเหยียนมองซานเป่าที่ใช้มือเปล่าๆ บีบใบดาบด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดาบเหล็กในมือของเขาถูกบดขยี้จนแหลกเหลว ทำให้หัวใจของเฉียนซื่อเหยียนเต้นผิดจังหวะเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ใต้หล้านี้จะมีคนที่สามารถรับดาบด้วยมือเปล่าได้จริงๆ แถมวรยุทธ์ยั

    Last Updated : 2024-10-29
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 421

    แม้ว่าเฉียนซื่อเหยียนจะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเสนาบดีกรมยุติธรรมเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนก็ทำงานอยู่ในกรมยุติธรรมมาโดยตลอดกรมยุติธรรมในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของจักรวรรดิ ย่อมมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชายสองคนนี้ใช้อำนาจของตนเพื่อแทรกแซงคดีต่างๆ หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจกฎหมายอาญาเพื่อล้างแค้นเรื่องส่วนตัว ซึ่งเป็นคดีนับไม่ถ้วนตราบใดที่มีเงิน ไม่ว่าจะก่ออาชญากรรมร้ายแรงแค่ไหน แต่คนสองคนนี้ก็สามารถใช้วิธีการต่างๆ เพื่อยุติคดีได้ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อาชญากรรมที่พวกเขาก่อนั้นมีมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้ “พาคนสองคนนี้ รวมถึงรายชื่อคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปที่เรือนจำหน่วยบูรพา” หลี่เฉินซึ่งสูญเสียความไว้วางใจกรมยุติธรรมอย่างสิ้นเชิงได้ออกคำสั่งโดยตรงกับซานเป่า“ใครก็ตามที่ขัดขวางจะถูกดำเนินการในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด” ซานเป่ารับคำสั่งในทันที “พาสวีฉังชิงกลับไปรักษาตัวให้ดี” เมื่อหลี่เฉินพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อและเดินออกจากคุกอันมืดมิดของกรมยุติธรรมในวันแรกของเดือนแรก ตำหนักบูรพาได้จัดระเบียบกรมยุติธรรม เฉียนซื่อเหยียน เสนาบดีก

    Last Updated : 2024-10-29
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 422

    ข้อเสนอของหลี่เฉิน ทำให้ซูเจิ้นถิงแสดงสีหน้าตกตะลึง ไม่ใช่ว่าท่านจิ้งจือมีคุณสมบัติไม่พอ แต่...“ฝ่าบาท ท่านจิ้งจือมีชื่อเสียงเกริกก้องไปทั่วโลกใต้หล้า ในช่วงปีแรกๆ องค์จักรพรรดิเคยเชิญเขาให้รับราชการอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธ ความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้อยู่ในราชสำนัก แต่อยู่ในกระท่อมมุงจาก และสนใจเรื่องภูเขาธารา”“ชื่อเสียงของท่านจิ้งจือนั้นสูงส่งมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นปราชญ์ขงจื๊อที่ยังมีชีวิต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ราชสำนักก็ไม่สามารถใช้กำลังบังคับเขาได้”“ดังนั้น หากฝ่าบาทต้องการแนวทางใหม่เช่นนี้จริงๆ ก็อย่าทรงคาดหวังมากนัก”ซูเจิ้นถิงพยายามใช้ถ้อยคำแบบอ้อมๆ แต่ก็ยังคงกังวลว่าคำพูดของเขาจะทำให้หลี่เฉินหงุดหงิด และต้องการให้เขาไปพาตัวท่านจิ้งจือมา และถ้าหากจัดการไม่ดี องค์รัชทายาทก็จะกลายเป็นเป้าหมายถูกวิจารณ์ทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษรจากนักวิชาการทั่วใต้หล้า นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับองค์รัชทายาทอย่างแน่นอนหลี่เฉินเห็นความกังวลของซูเจิ้นถิง จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้เรื่องนี้ดี เมื่อพูดถึงความมั่นใจ ถึงแม้ว่าข้าจะมั่นใจอยู่หลายส่วน แต่ก็รู้ด้วยว่าท่านจิ้งจือนั้นโน้มน้าวได้ย

    Last Updated : 2024-10-29
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 423

    “สำหรับหนิงอ๋องแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่แผนการล้มเหลว แต่ความสำเร็จถูกกำหนดด้วยโชคชะตา หากล้มเหลวสักครั้งก็หาโอกาสใหม่อีกได้ หากเขาไม่มีความอดทน คงไม่อยู่รอจนถึงตอนนี้ เขาสามารถรอได้”“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ยากที่สุดที่จะเข้าใจในโลกนี้ก็คือ จิตใจของมนุษย์ มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หากคิดจะเดาใจคน ก็ต้องพร้อมที่จะยอมรับความล้มเหลว”หลี่เฉินจ้องไปที่โจวผิงอันแล้วพูดเบาๆ “เขากำลังรออะไร?”โจวผิงอันหลุบตาต่ำกล่าวว่า “รอโอกาสที่จะครองโลก” หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “หนิงอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์ และยังเป็นอ๋องข้าราชบริพารที่ชายแดนซึ่งทรงพลังและสูงส่งท่านหนึ่ง เขาภักดีต่อราชสำนักมาหลายทศวรรษ และปกป้องชายแดนโดยไม่มีความผิดพลาดใดๆ ทำให้แดนตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิไม่ถูกรบกวนโดยพวกถู่ซือ หากคำพูดของเจ้าหลุดออกไป เจ้าจะถูกตัดศีรษะ”โจวผิงอันโค้งคำนับหลี่เฉินและกล่าวว่า “หากเป็นความผิดฐานตัดศีรษะ ฝ่าบาทก็ทรงตัดศีรษะของกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ”หลี่เฉินยืนขึ้น เดินไปหาโจวผิงอันซึ่งยังคงค้อมตัวอยู่ในท่าคำนับ และพูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ว่า “เจ้าฉลาดมาก พูดได้เลยว่าเป็นหนึ่งในคนที่ฉลาดที่ส

    Last Updated : 2024-10-30
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 424

    “กระหม่อมโจวผิงอัน ขอบพระทัยฝ่าบาท”โจวผิงอันไม่สะทกสะท้านกับความโปรดปราน หลังจากโขกศีรษะขอบคุณ ก็ตอบด้วยความเคารพหลี่เฉินมองไปที่โจวผิงอันแล้วกล่าวว่า “พระราชโองการนี้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในภายหลัง และจะมีการประกาศให้ใต้หล้าได้รับรู้ในเวลาเดียวกัน หลังจากศาลาว่าการเริ่มทำงานในปีใหม่ เจ้าก็สามารถเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้ ก่อนหน้านี้ ข้าได้ส่งคนของข้าเข้าไปในกรมยุติธรรมแล้ว พวกเขาจะมาหาเจ้า และให้ความร่วมมือกับเจ้า”“งานราชการของกรมยุติธรรม จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่ในเมื่อข้าได้จัดให้เจ้าไปอยู่ในกรมยุติธรรม และดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี ดังนั้นเจ้าต้องสร้างความสำเร็จบางอย่างเพื่อแสดงให้ข้าเห็น” โจวผิงอันตอบอย่างสงบ “กระหม่อมทราบ”หลี่เฉินมองโจวผิงอันด้วยสายตายิ้มคล้ายไม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตำแหน่งนี้ ในตอนแรกข้าไม่คิดจะมอบให้กับเจ้า แต่คนอื่นๆ นั้น หากไม่ขาดความสามารถ ก็น่ากังวลในด้านของความภักดี หากบุ่มบ่ามสนับสนุนใครสักคนในราชสำนัก เกรงว่าคงจะไร้ประโยชน์ ในทางกลับกันเจ้าคือสามัญชนคนธรรมดา เมื่อเข้ารับตำแหน่งคงจะทำให้สำนักราชเลขาสับสนอยู่สักพัก แต่พวกเขาจะพุ่งเป้ามา

    Last Updated : 2024-10-30
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 425

    หลังออกจากเมืองหลวง ก็เข้าสู่เขตจังหวัดซุ่นเทียน ใช้ถนนหลักทางใต้สู่เทียนจินเว่ย จากนั้นก็อ้อมไปทางทิศตะวันออกไปตามอ่าวป๋อไห่ ผ่านจังหวัดชิงโจว จังหวัดไหลโจว และจังหวัดเติ้งโจว ในที่สุดหลี่เฉินก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเขา เวยไห่เว่ยนอกเหนือจากยอดฝีมือห้าสิบอันดับแรกของหน่วยบูรพาและซานเป่าแล้ว ยังมีองครักษ์อวี่หลินจำนวนสามร้อยนายติดตามขบวนมาด้วย พวกเขาปลอมตัวและกระจายตัวออกไปในรัศมีสิบลี้จากรถม้าของหลี่เฉินทั้งหน้าและหลัง หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น องครักษ์อวี่หลินทั้งสามร้อยนายก็สามารถมาถึงได้ภายในหนึ่งเค่อ พวกเขามีอาวุธครบมือและยังพกหน้าไม้ศักดิ์สิทธิ์มาด้วย เพียงแค่แยกส่วนออกเพื่อความสะดวกในการพกพา สามารถรับมือกับการเผชิญหน้าแบบสงครามย่อยๆ ได้ บวกกับองครักษ์เสื้อแพรระดับแนวหน้าถึงห้าสิบนาย ความปลอดภัยของหลี่เฉินนั้นอาจกล่าวได้ว่าไร้ความกังวลซูจิ่นพ่าซึ่งมาพร้อมกับหลี่เฉิน ไม่สนใจการขบวนป้องกันที่หรูหราเช่นนี้“ถูกงูกัดครั้งหนึ่ง กลัวเชือกไปสิบปี กรณีรวมถึงเจ้าด้วยหรือเปล่า?”“อยู่ในเมืองหลวง เรียกลมเรียกฝน กลืนภูเขาแม่น้ำนับหมื่นลี้ดุจพยัคฆ์ได้ พอออกจากเมืองหลวง ก็ให้องค

    Last Updated : 2024-10-30
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 426

    หลี่เฉินหัวเราะ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ นี่คือสิ่งที่เสด็จพ่อ อ๋องข้าราชบริพาร หรือแม้แต่ข้าก็ต้องการมากที่สุดในตอนนี้! ที่ยืนอยู่เบื้องหลังของท่านจิ้งจือนั้นคือนักวิชาการจากทั่วทุกมุมโลก และเป็นนักวิชาการที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด เทียบเท่ากับนักปราชญ์มีชีวิต หากเขาเลือกเรา เราจะได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการของใต้หล้า และผู้มีความสามารถก็จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ สิ่งที่ตำหนักบูรพาขาดแคลนมากที่สุดไม่ใช่อำนาจหรือเงินทอง แต่เป็นคนที่มีความสามารถ!”“กล่าวโดยสรุปคือ หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ตำหนักบูรพาก็จะมีอิทธิพลในหมู่ประชาชนอย่างที่สำนักราชเลขาทำได้แค่ฝันถึง!”“ถึงแม้ว่าสำนักราชเลขาจะยังคงมีอำนาจในราชสำนัก แต่ด้วยการสนับสนุนจากนักวิชาการในใต้หล้า กฤษฎีกาของตำหนักบูรพาก็ไม่มีใครกล้าเพิกเฉย”หลี่เฉินหรี่ตาลงและพูดเบาๆ ว่า “นี่คือมีดที่สามารถสังหารจ้าวเสวียนจีได้!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซูจิ่นพ่าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นางต้องการจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ารถม้าเริ่มช้าลง จากนั้นก็มีเสียงของซานเป่าดังมาจากด้านนอก“ฝ่าบาท ด้านหน้ามีคนทะเลาะกัน”หลี่เฉินขมวดคิ้

    Last Updated : 2024-10-30
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 427

    “ท่านครับ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่จ่ายภาษี แต่ภาษีนั้นมากเกินไปและเข้มงวดเกินไป พวกเราชาวประมงต้องอาศัยสภาพอากาศเป็นหลักในการดำรงชีวิต มันเป็นเรื่องปกติที่คนหลายคนจะเสียชีวิตจากการออกทะเล อาจกล่าวได้ว่าเอาหัวพาดเอว หาอาหารก็ได้ พวกเราออกทะเล ทางราชการก็เก็บภาษี ตกปลากลับมา ไม่ว่าจะได้อะไร ก็จะเก็บภาษีประมงสามส่วน เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายเดือนและภาษีรายหัวทุกปี”“แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเราก็กัดฟันทนมาเรื่อยๆ แต่ปีนี้วันหยุดประจำปียังไม่สิ้นสุดลงด้วยซ้ำ แต่เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็มาเก็บภาษีอะไรสักอย่าง เมื่อไม่กี่วันก่อน มารดาวัยแปดสิบของข้าล้มป่วย ข้าฆ่าไก่ที่เหลืออยู่ตัวเดียวในบ้านเพื่อบำรุงรักษามารดา แต่เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็จะเอาไก่ไปครึ่งตัว บีบคั้นกันขนาดนี้ แล้วจะให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างไร?”ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา ชาวประมงกลุ่มนั้นก็โกรธขึ้นมา แต่ละคนล้วนชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่ทุกคนซูจิ่นพ่าที่ออกมาตามหลังได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเย็นชาเล็กน้อย นางมองเจ้าหน้าที่เหล่านั้นด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทางด้านซานเป่าก็ตะคอกใส่ว่า “จะโวยวายอะไร? เงียบเดี๋ยวนี้!”การเก็บภาษี

    Last Updated : 2024-10-31

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 670

    คำถามนี้ทำให้สีหน้าของซูผิงเป่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่ซูเจิ้นถิง ผู้เงียบขรึมมาโดยตลอดก็ขมวดคิ้ว ดวงตาสะท้อนความเคร่งเครียดออกมาหากจะพูดกันตามตรง การบัญชาการศึกตลอดทั้งแผนการของซูผิงเป่ยนั้นถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้ที่เพิ่งได้รับมอบหมายให้คุมศึกขนาดกลางครั้งแรกก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วแต่ในสนามรบ ไม่มีใครไร้ข้อผิดพลาด และซูผิงเป่ยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดของเขาอยู่ที่การรบในทุ่งราบภูเขาฝูหู่ ก่อนศึกใหญ่กับตงอิ๋งเพื่อยุติสงครามให้รวดเร็ว ซูผิงเป่ยเลือกเปิดศึกตัดสินโดยพลการซึ่งส่งผลให้กลยุทธ์ของเราถูกฝ่ายตงอิ๋งจับไต๋ได้ และใช้แผนลวงตอบโต้กลับจนกองทัพกลางที่ซูผิงเป่ยบัญชาการถูกล้อมตี ทำให้กองทัพปีกซ้ายและขวาต้องละทิ้งเป้าหมายเดิมเพื่อหันกลับมาช่วยการถอยทัพเพื่อช่วยเหลือกองทัพกลางเช่นนี้ ทำให้แผนการเดิมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จากการเป็นฝ่ายครอบงำตงอิ๋งกลับกลายเป็นการต้องช่วยชีวิตกองทัพกลางแทนแม้ว่าสุดท้ายสถานการณ์จะพลิกกลับมาได้ แต่กองทัพของเราก็สูญเสียอย่างหนัก ซูผิงเป่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสผลลัพธ์สุดท้ายอาจถือว่าเป็นชัยชนะ แต่หากนำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 669

    หลี่เฉินกล่าวคำประกาศเพียงหนึ่งประโยค แต่กลับดุจดั่งบัญชาสวรรค์ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีผู้หนึ่งที่มีเสียงดังที่สุดขานประกาศออกมาอย่างกึกก้องการขานประกาศนั้นเป็นเพียงพิธีกรรมเบื้องหน้า แต่มีผู้วิ่งเหยาะๆ ไปเรียกซูผิงเป่ย ผู้ที่รออยู่ด้านนอกพระที่นั่งให้เข้ามาตำแหน่งของซูผิงเป่ยยังไม่สูงพอที่จะเข้าร่วมการประชุมเช้ายามปกติ แต่วันนี้มีแผนที่จะพระราชทานรางวัลแก่เขา การที่เขามารออยู่ด้านนอกจึงเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วอย่างไรก็ตาม ซูผิงเป่ยไม่คาดคิดเลยว่า ก่อนจะได้พูดถึงเรื่องรางวัลสำหรับเขา กลับมีเสียงจากภายในกล่าวถึงการลงโทษเขาแทนเสียงจากในพระที่นั่งดังมาก และเขาที่รออยู่ด้านนอกได้ยินชัดเจนทุกคำซูผิงเป่ยก้าวเข้าพระที่นั่งด้วยท่วงท่าองอาจราวมังกรและพยัคฆ์ แสดงให้เห็นถึงบุคลิกของแม่ทัพที่โดดเด่น เขาคุกเข่าลงตรงกลางพระที่นั่ง ประสานหมัดกล่าวว่า "กระหม่อม ซูผิงเป่ย ขอคารวะองค์รัชทายาท ขอองค์รัชทายาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "มีบางประเด็นที่เสนาบดีกรมยุทธนาการต้องการเผชิญหน้ากับเจ้าโดยตรง จงตอบคำถามของเขาให้ละเอียด""พ่ะย่ะค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 668

    แม้แต่ขุนนางหน้าใหม่ในราชสำนักยังรู้ว่าควรรักษาคำพูดไว้บ้าง กล่าวอย่างพอดีเจ็ดในสิบส่วน ทิ้งสามส่วนไว้เผื่อโอกาสต่อไปแต่หลิวถงปี้ผู้เป็นแม่ทัพกลับมีอารมณ์ร้อนแรงดั่งเพลิง ไม่เพียงแต่ด่าซั่งกวนเจาอย่างรุนแรง ยังพูดจาตรงไปตรงมาจนเผยให้เห็นจุดอ่อนของซั่งกวนเจาอย่างชัดเจนคราวนี้ ซั่งกวนเจาทนไม่ไหวเช่นกันใบหน้าของเขาแดงก่ำราวตับหมูและตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ “หลิวถงปี้! เจ้าพูดจาใส่ร้ายเช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าคำพูดที่เลินเล่ออาจนำภัยมาสู่ตัว!”“ภัย?”หลิวถงปี้หัวเราะเยาะ “ข้าเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุสิบหก ตอนอายุสิบเก้าก็ฆ่าทหารฮั่นได้สี่สิบคนด้วยมือเปล่า ในสนามรบล้วนเต็มไปด้วยลมฝนเลือดเนื้อ ข้าผ่านการต่อสู้นับไม่ถ้วนและได้รับตำแหน่งมาด้วยความสามารถของตัวเอง ข้ารู้แค่ว่าคำพูดของคนต้องมีความซื่อสัตย์ จะให้ข้ากลัวภัยจากคำพูด? น่าขำสิ้นดี!”“แต่เจ้าซั่งกวนเจา กลับกล่าวหาซูผิงเป่ยอย่างไร้เหตุผลราวกับว่าเขาเป็นคนทรยศชาติ เจ้าไม่กลัวหรือว่าทหารทั้งหลายที่เห็นต่างจะไปเคาะประตูบ้านเจ้าในยามค่ำคืน และฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้าเสีย?”ถ้าก่อนหน้านี้ยังเป็นการด่าทั่วไป ตอนนี้หลิวถงปี้พูดจาข่มขู่ก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 667

    คำกล่าวของซั่งกวนเจาทำให้บรรยากาศที่เงียบสงบอยู่แล้วในพระที่นั่งไท่เหอกลับกลายเป็นความเงียบที่แทบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจสิ่งเดียวที่สามารถได้ยิน คือเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเหล่าขุนนางไม่มีใครคาดคิดว่า ซั่งกวนเจา ซึ่งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมยุทธนาการด้วยการสนับสนุนของจ้าวเสวียนจี และมักทำตัวเงียบๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จะเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบไม่ไว้หน้าซูผิงเป่ยคือใคร?เขาคือหลานชายของเทพเจ้าแห่งสงคราม และเป็นบุตรชายของซูเจิ้นถิงที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาคือคนสนิทขององค์รัชทายาทหลี่เฉิน และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในชัยชนะครั้งใหญ่ของสงครามนี้ในขณะที่ตำหนักบูรพากำลังวางแผนจะมอบรางวัลให้ซูผิงเป่ยเพื่อยกย่องและผลักดันเขาให้กลายเป็นตัวแทนของตำหนักบูรพาในแวดวงทหารแต่ซั่งกวนเจากลับเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบตรงๆนี่เป็นความบ้า…หรือความมั่นใจอย่างถึงที่สุดกันแน่?สายตาส่วนใหญ่ในที่ประชุมหันไปมองจ้าวเสวียนจีแต่จ้าวเสวียนจีกลับนิ่งเฉย ราวกับกำลังฟังเรื่องที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาซั่งกวนเจากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “สิ่งที่กระหม่อมกล่าวหาแม่ทัพซูผิงเป่ยนั้น มีทั้งพยานบุคคล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 666

    ในเช้าวันที่สดใส หลี่เฉินที่กำลังครุ่นคิดเรื่องพัฒนาปืนไฟ เดินทางไปยังพระที่นั่งไท่เหอ หลังจากเสวยมื้อเช้าแบบง่ายๆวันนี้คือวันประชุมเช้าซึ่งหลี่เฉินมีประเด็นสำคัญหลายเรื่องที่ต้องผ่านมติในที่ประชุม เพื่อออกเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการของราชสำนักหนึ่งในเรื่องสำคัญคือการมอบรางวัลและการเลื่อนตำแหน่งให้กับกองทัพผู้ชนะนอกจากจะเป็นการยกย่องเหล่าทหารที่เสียสละชีวิตเพื่อบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นโอกาสที่หลี่เฉินจะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกองทัพ และขยายอิทธิพลของตำหนักบูรพาในแวดวงการทหารเมื่อแสงแรกของวันพาดผ่านเมฆหมอก สะท้อนแสงอันงดงามบนสะพานทองหน้าพระที่นั่งไท่เหอ เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ทยอยเดินข้ามสะพานทองเข้าสู่ลานหน้าพระที่นั่งบนลานกว้างเหนือขั้นบันไดของพระที่นั่งไท่เหอ ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีคนหนึ่งยืนถือแส้สำหรับประกาศความสงบในมือเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!...เสียงป่าวร้องของขันทีดังขึ้นอย่างหนักแน่น "เข้า…เฝ้า!"ขุนนางฝ่ายบุ๋นนำโดยจ้าวเสวียนจี และฝ่ายบู๊นำโดยซูเจิ้นถิงฝ่ายบุ๋นอยู่ทางซ้าย ฝ่ายบู๊อยู่ทางขวา ขุนนางนับสิบคนที่มีคุณสมบัติเข้าเฝ้าต่างเดินเรียงแถวเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 665

    เมื่อกงฮุยอวี่พูดจบ นางก็หลับตาลงพักผ่อนอีกครั้งโดยไม่สนใจหลี่เฉินแต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ลืมตาขึ้นแอบมองเล็กน้อย และเห็นหลี่เฉินทำหน้าหม่นหมองอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างพึงพอใจ มันเป็นรอยยิ้มที่แม้จะเบาบาง แต่ก็แสดงความลำพองได้ชัดเจน“องค์ชาย!”เสียงของวั่นเจียวเจียวที่ดังขึ้นอย่างจงใจ ทำลายความเงียบบนหลังคา“ถึงเวลาเสวยมื้อเช้าแล้วเพคะ เสร็จแล้วต้องเสด็จไปประชุมเช้าเพคะ”วั่นเจียวเจียวมองกงฮุยอวี่ที่นั่งอยู่ข้างหลี่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ ในใจนางคิดว่า (นางจิ้งจอกนี่ เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ!)(ผู้หญิงที่ไหนจะไม่หลงเสน่ห์องค์ชายกัน!)(หน้าไม่อาย!)“มาแล้ว”หลี่เฉินลุกขึ้น ปัดฝุ่นออกจากชุดแล้วปีนลงจากบันได“จริงสิ”หลี่เฉินที่อยู่กลางบรรไดเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้นพูดกับกงฮุยอวี่ “ส่งข่าวไปบอกเจ้าสำนักของเจ้าให้ไปฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหยินหยางที่ตงอิ๋งเสีย”กงฮุยอวี่ยังคงนิ่งเฉย แต่ในใจรู้สึกว่าหลี่เฉินช่างไร้เดียงสา นางคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้หมุนรอบคำสั่งขององค์รัชทายาทคำขอเช่นนี้ช่างไร้สาระนัก“ไม่เช่นนั้น ราชสำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 664

    กงฮุยอวี่ยิ้มบางๆ ก่อนตอบเรียบๆ “การบรรลุถึงระดับเซียนบนดินนั้น พรสวรรค์สำคัญกว่าความพยายาม และที่สำคัญยิ่งกว่าพรสวรรค์ คือโชคชะตา การฝึกฝนเพียงลำพังไม่อาจพาให้เข้าสู่ระดับนี้ได้ หากสวรรค์ไม่มอบโอกาส หรือหากตนเองไขว่คว้าโอกาสนั้นไว้ไม่ได้ ไม่ว่าจะฝึกหนักเพียงใดก็ไม่มีทางไปถึง และเจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันของสำนักบัวขาว ก็คือผู้ที่บรรลุถึงระดับเซียนบนดิน”“ในระดับนี้ เขาสามารถอยู่ในสภาพที่คมดาบและหอกธรรมดาทำอะไรไม่ได้ ใช้ดอกไม้หรือใบไม้เป็นอาวุธสังหารได้ทุกชนิด เพียงแค่ปล่อยแรงกดดันจากพลังลมปราณออกมาก็สามารถสังหารผู้อื่นได้”คำอธิบายของกงฮุยอวี่ทำให้หลี่เฉินรู้สึกถึงภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่ในทันที เขาชี้ไปที่เหล่าองครักษ์เสื้อแพรที่ยืนคุ้มกันอยู่โดยรอบก่อนถาม “ถ้าหากเจ้าสำนักของเจ้ามาที่นี่ เหล่าองครักษ์เหล่านี้จะสามารถต้านทานเขาได้กี่คน?”กงฮุยอวี่ดูเหมือนจะรู้ว่าหลี่เฉินคิดอะไร นางตอบเสียงเรียบว่า “หากเป็นเพียงนักยุทธ์ธรรมดา ต่อให้มาหลายร้อยก็เป็นเพียงการมอบชีวิต แต่หากเป็นกองทัพที่มีการฝึกอย่างดีและครบเครื่อง ทั้งกำลังพลและอาวุธ เพียงไม่กี่พันก็สามารถทำให้เซียนบนดินต้องจบชีวิตได้”เมื่อไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 663

    เป็นที่พิสูจน์ว่า หากต้องการยั่วโทสะหญิงสาว เพียงแค่เรียกนางด้วยชื่อที่ไม่น่าฟังเท่านั้นก็เพียงพอแม้ว่ากงฮุยอวี่จะเป็นคนเยือกเย็นปานใด แต่นางก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่เซียนที่ลอยอยู่เหนือวิถีแห่งโลกียะ และยิ่งถ้าหากแม้แต่เซียนจริงๆ ได้ยินคำเรียกเช่นนี้จากหลี่เฉิน ก็คงอดที่จะเกิดโทสะไม่ได้เมื่อเห็นแววตาขุ่นเคืองของกงฮุยอวี่ หลี่เฉินหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “ทำไม เจ้าโปรดปรานการนั่งอยู่บนหลังคามากนักหรือ?”กงฮุยอวี่ส่งเสียงฮึเบาๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะหลับตาลงนั่งสมาธิต่อ โดยไม่สนใจหลี่เฉินหลังจากนางหลับตา หลี่เฉินกลับเงียบไปอย่างน่าประหลาดเดิมที กงฮุยอวี่คิดว่าหลี่เฉินคงเบื่อและเดินจากไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา และลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับเห็นหลี่เฉินสั่งให้คนยกบันไดขึ้นมา และเขากำลังปีนบันไดขึ้นมาบนหลังคากงฮุยอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูหลี่เฉินที่กำลังปีนขึ้นมา และเริ่มชั่งใจว่าควรจะลุกออกไปจากที่นี่หรือไม่แต่ก่อนที่นางจะตัดสินใจ หลี่เฉินก็ขึ้นมาถึงบนหลังคาแล้ว“บนนี้ วิวทิวทัศน์ดีไม่น้อยเลยทีเดียว”ตำหนักบูรพาตั้งอยู่ในที่สูงอยู่แล้ว และเมื่อขึ้นมาบนหล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 662

    ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “ท่านอ๋อง ข้ามั่นใจว่าสวีเว่ยต้องมีปัญหาแน่นอน เขาออกจากจวนบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผล และทุกครั้งก็หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย แม้เขาจะมีข้อแก้ตัวเสมอ แต่ข้ากล้าพูดได้ว่ามันต้องเป็นข้อแก้ตัวที่โกหก!”หลี่อิ๋นหู่มองชายชราอย่างไม่พอใจ ก่อนกล่าวว่า “เรื่องที่เขาเลี้ยงดูหญิงงามคนหนึ่ง ข้ารู้ดีอยู่แล้ว ผู้ชายจะมีผู้หญิงคนที่ชอบมันก็ธรรมดา หากเป็นเจ้า เจ้าออกไปหาผู้หญิงเจ้าจะป่าวประกาศให้ใครๆ รู้หรือไม่?”คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ทำให้ชายชราพูดไม่ออก แต่เขายังยืนกรานว่า “โปรดให้เวลาข้าอีกสักนิด ข้าสัญญาว่าจะสืบหาความจริงเกี่ยวกับเขาให้ได้!”“เจ้าสืบเรื่องอ๋องแห่งแคว้นที่สนับสนุนหลงไหวอี้ให้ได้ก่อนเถอะ”หลี่อิ๋นหู่โบกมืออย่างรำคาญ “เอาเถอะ ออกไปซะ วันๆ เอาแต่ทำให้ข้าหนักใจ”ชายชราเปิดปากเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ ถอนหายใจ แล้วออกจากห้องไปคืนนั้น หลี่เฉินถูกปลุกขึ้นจากการนอนอีกครั้งแม้ว่าดวงตาจะล้าจนร้อนผ่าว แต่เขายังรับรายงานลับสุดยอดจากเฉินทงมาพิจารณาเมื่ออ่านรายงานที่สวีเว่ยส่งมา หลี่เฉินถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้งรายงานแบ่งเป็นสองส่วน

DMCA.com Protection Status