สายตาของทั้งคู่ต่างสบตากันแม้ว่าจะไม่มีการแลกเปลี่ยนคำพูดสักคำ แต่ในฐานะคนสนิทของเฉียนซื่อเหยียน เก๋อผิงอี้ก็เข้าใจถึงการข่มขู่ด้วยท่าทางที่น่ากลัวนั้นแล้ว เก๋อผิงอี้กัดฟันไม่ยอมพูดอะไร เขารู้ว่าตัวเองจบเห่แล้ว แต่ว่าเขายังมีครอบครัว หากเขาขายเฉียนซื่อเหยียน เฉียนซื่อเหยียนก็มีหลายวิธีในการจัดการกับครอบครัวของเขา หากมีจุดจบสองอย่าง เขาจะเลือกทางที่อันตรายน้อยกว่า เก๋อผิงอี้ไม่กล้าเสี่ยงชีวิตทั้งครอบครัวของเขาฉากนี้ล้วนอยู่ในสายตาของหลี่เฉินเขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “เก๋อผิงอี้ หากเจ้าไม่พูด ทุกอย่างก็จะจบลงที่เจ้า”ก่อนที่เฉียนซื่อเหยียนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ได้ยินหลี่เฉินพูดต่อว่า “และเจ้าจะต้องรับผิดทุกอย่าง เจ้าดูหมิ่นกฎหมายของต้าฉิน ทำลายกฎเกณฑ์และข้อบังคับของต้าฉิน สิ่งนี้นับเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง มันเพียงพอที่ข้าจะสั่งลงโทษตระกูลเจ้าได้”“เจ้าเป็นรองเสนาบดีกรมยุติธรรมฝ่ายขวา ไหนลองบอกข้ามาสิ การลงโทษแบ่งออกเป็นกี่ระดับ?”เก๋อผิงอี้หน้าซีดเผือด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากลำบากว่า “แบ่งออกตามความรุนแรงได้สามระดับ ระดับหนึ่ง การมั่วสุมก่อ
คำพูดของหลี่เฉินทำลายการป้องกันของเก๋อผิงอี้อย่างสิ้นเชิงเขาไม่กล้าจินตนาการว่า หากภรรยาและบุตรสาวของตัวเองนั้นตกอยู่ในมือของหน่วยบูรพาแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอีกต่อไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นและร้องว่า “ได้โปรดไว้ชีวิตครอบครัวของกระหม่อมด้วยเถิด พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้ายอมพูดแล้ว”เมื่อเฉียนซื่อเหยียนซึ่งถูกหลี่เฉินเตะลงกับพื้นเห็นสิ่งนี้ ก็เกิดความกล้าขึ้นมา พยายามลุกขึ้นจากพื้นและดึงดาบที่เอวของผู้คุมที่อยู่ข้างๆ ออกมา และแทงไปที่เก๋อผิงอี้“ไอ้สุนัขนี่ พอใกล้ตายก็คิดจะแว้งกัดคน?”ดวงตาของเฉียนซื่อเหยียนดูดุร้าย เขาแทงดาบไปที่ลำคอของเก๋อผิงอี้ ตั้งใจที่จะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเฉียนซื่อเหยียนพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิต แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะได้สัมผัสกับเก๋อผิงอี้ ซานเป่าก็บีบดาบไว้ด้วยมือเปล่าเฉียนซื่อเหยียนมองซานเป่าที่ใช้มือเปล่าๆ บีบใบดาบด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดาบเหล็กในมือของเขาถูกบดขยี้จนแหลกเหลว ทำให้หัวใจของเฉียนซื่อเหยียนเต้นผิดจังหวะเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ใต้หล้านี้จะมีคนที่สามารถรับดาบด้วยมือเปล่าได้จริงๆ แถมวรยุทธ์ยั
แม้ว่าเฉียนซื่อเหยียนจะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเสนาบดีกรมยุติธรรมเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนก็ทำงานอยู่ในกรมยุติธรรมมาโดยตลอดกรมยุติธรรมในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของจักรวรรดิ ย่อมมีอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชายสองคนนี้ใช้อำนาจของตนเพื่อแทรกแซงคดีต่างๆ หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจกฎหมายอาญาเพื่อล้างแค้นเรื่องส่วนตัว ซึ่งเป็นคดีนับไม่ถ้วนตราบใดที่มีเงิน ไม่ว่าจะก่ออาชญากรรมร้ายแรงแค่ไหน แต่คนสองคนนี้ก็สามารถใช้วิธีการต่างๆ เพื่อยุติคดีได้ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา อาชญากรรมที่พวกเขาก่อนั้นมีมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้ “พาคนสองคนนี้ รวมถึงรายชื่อคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไปที่เรือนจำหน่วยบูรพา” หลี่เฉินซึ่งสูญเสียความไว้วางใจกรมยุติธรรมอย่างสิ้นเชิงได้ออกคำสั่งโดยตรงกับซานเป่า“ใครก็ตามที่ขัดขวางจะถูกดำเนินการในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด” ซานเป่ารับคำสั่งในทันที “พาสวีฉังชิงกลับไปรักษาตัวให้ดี” เมื่อหลี่เฉินพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อและเดินออกจากคุกอันมืดมิดของกรมยุติธรรมในวันแรกของเดือนแรก ตำหนักบูรพาได้จัดระเบียบกรมยุติธรรม เฉียนซื่อเหยียน เสนาบดีก
ข้อเสนอของหลี่เฉิน ทำให้ซูเจิ้นถิงแสดงสีหน้าตกตะลึง ไม่ใช่ว่าท่านจิ้งจือมีคุณสมบัติไม่พอ แต่...“ฝ่าบาท ท่านจิ้งจือมีชื่อเสียงเกริกก้องไปทั่วโลกใต้หล้า ในช่วงปีแรกๆ องค์จักรพรรดิเคยเชิญเขาให้รับราชการอยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธ ความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้อยู่ในราชสำนัก แต่อยู่ในกระท่อมมุงจาก และสนใจเรื่องภูเขาธารา”“ชื่อเสียงของท่านจิ้งจือนั้นสูงส่งมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นปราชญ์ขงจื๊อที่ยังมีชีวิต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ราชสำนักก็ไม่สามารถใช้กำลังบังคับเขาได้”“ดังนั้น หากฝ่าบาทต้องการแนวทางใหม่เช่นนี้จริงๆ ก็อย่าทรงคาดหวังมากนัก”ซูเจิ้นถิงพยายามใช้ถ้อยคำแบบอ้อมๆ แต่ก็ยังคงกังวลว่าคำพูดของเขาจะทำให้หลี่เฉินหงุดหงิด และต้องการให้เขาไปพาตัวท่านจิ้งจือมา และถ้าหากจัดการไม่ดี องค์รัชทายาทก็จะกลายเป็นเป้าหมายถูกวิจารณ์ทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษรจากนักวิชาการทั่วใต้หล้า นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับองค์รัชทายาทอย่างแน่นอนหลี่เฉินเห็นความกังวลของซูเจิ้นถิง จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้เรื่องนี้ดี เมื่อพูดถึงความมั่นใจ ถึงแม้ว่าข้าจะมั่นใจอยู่หลายส่วน แต่ก็รู้ด้วยว่าท่านจิ้งจือนั้นโน้มน้าวได้ย
“สำหรับหนิงอ๋องแล้ว แม้จะน่าเสียดายที่แผนการล้มเหลว แต่ความสำเร็จถูกกำหนดด้วยโชคชะตา หากล้มเหลวสักครั้งก็หาโอกาสใหม่อีกได้ หากเขาไม่มีความอดทน คงไม่อยู่รอจนถึงตอนนี้ เขาสามารถรอได้”“ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ยากที่สุดที่จะเข้าใจในโลกนี้ก็คือ จิตใจของมนุษย์ มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หากคิดจะเดาใจคน ก็ต้องพร้อมที่จะยอมรับความล้มเหลว”หลี่เฉินจ้องไปที่โจวผิงอันแล้วพูดเบาๆ “เขากำลังรออะไร?”โจวผิงอันหลุบตาต่ำกล่าวว่า “รอโอกาสที่จะครองโลก” หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “หนิงอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์ และยังเป็นอ๋องข้าราชบริพารที่ชายแดนซึ่งทรงพลังและสูงส่งท่านหนึ่ง เขาภักดีต่อราชสำนักมาหลายทศวรรษ และปกป้องชายแดนโดยไม่มีความผิดพลาดใดๆ ทำให้แดนตะวันตกเฉียงใต้ของจักรวรรดิไม่ถูกรบกวนโดยพวกถู่ซือ หากคำพูดของเจ้าหลุดออกไป เจ้าจะถูกตัดศีรษะ”โจวผิงอันโค้งคำนับหลี่เฉินและกล่าวว่า “หากเป็นความผิดฐานตัดศีรษะ ฝ่าบาทก็ทรงตัดศีรษะของกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ”หลี่เฉินยืนขึ้น เดินไปหาโจวผิงอันซึ่งยังคงค้อมตัวอยู่ในท่าคำนับ และพูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ว่า “เจ้าฉลาดมาก พูดได้เลยว่าเป็นหนึ่งในคนที่ฉลาดที่ส
“กระหม่อมโจวผิงอัน ขอบพระทัยฝ่าบาท”โจวผิงอันไม่สะทกสะท้านกับความโปรดปราน หลังจากโขกศีรษะขอบคุณ ก็ตอบด้วยความเคารพหลี่เฉินมองไปที่โจวผิงอันแล้วกล่าวว่า “พระราชโองการนี้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในภายหลัง และจะมีการประกาศให้ใต้หล้าได้รับรู้ในเวลาเดียวกัน หลังจากศาลาว่าการเริ่มทำงานในปีใหม่ เจ้าก็สามารถเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้ ก่อนหน้านี้ ข้าได้ส่งคนของข้าเข้าไปในกรมยุติธรรมแล้ว พวกเขาจะมาหาเจ้า และให้ความร่วมมือกับเจ้า”“งานราชการของกรมยุติธรรม จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่ในเมื่อข้าได้จัดให้เจ้าไปอยู่ในกรมยุติธรรม และดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี ดังนั้นเจ้าต้องสร้างความสำเร็จบางอย่างเพื่อแสดงให้ข้าเห็น” โจวผิงอันตอบอย่างสงบ “กระหม่อมทราบ”หลี่เฉินมองโจวผิงอันด้วยสายตายิ้มคล้ายไม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตำแหน่งนี้ ในตอนแรกข้าไม่คิดจะมอบให้กับเจ้า แต่คนอื่นๆ นั้น หากไม่ขาดความสามารถ ก็น่ากังวลในด้านของความภักดี หากบุ่มบ่ามสนับสนุนใครสักคนในราชสำนัก เกรงว่าคงจะไร้ประโยชน์ ในทางกลับกันเจ้าคือสามัญชนคนธรรมดา เมื่อเข้ารับตำแหน่งคงจะทำให้สำนักราชเลขาสับสนอยู่สักพัก แต่พวกเขาจะพุ่งเป้ามา
หลังออกจากเมืองหลวง ก็เข้าสู่เขตจังหวัดซุ่นเทียน ใช้ถนนหลักทางใต้สู่เทียนจินเว่ย จากนั้นก็อ้อมไปทางทิศตะวันออกไปตามอ่าวป๋อไห่ ผ่านจังหวัดชิงโจว จังหวัดไหลโจว และจังหวัดเติ้งโจว ในที่สุดหลี่เฉินก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเขา เวยไห่เว่ยนอกเหนือจากยอดฝีมือห้าสิบอันดับแรกของหน่วยบูรพาและซานเป่าแล้ว ยังมีองครักษ์อวี่หลินจำนวนสามร้อยนายติดตามขบวนมาด้วย พวกเขาปลอมตัวและกระจายตัวออกไปในรัศมีสิบลี้จากรถม้าของหลี่เฉินทั้งหน้าและหลัง หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น องครักษ์อวี่หลินทั้งสามร้อยนายก็สามารถมาถึงได้ภายในหนึ่งเค่อ พวกเขามีอาวุธครบมือและยังพกหน้าไม้ศักดิ์สิทธิ์มาด้วย เพียงแค่แยกส่วนออกเพื่อความสะดวกในการพกพา สามารถรับมือกับการเผชิญหน้าแบบสงครามย่อยๆ ได้ บวกกับองครักษ์เสื้อแพรระดับแนวหน้าถึงห้าสิบนาย ความปลอดภัยของหลี่เฉินนั้นอาจกล่าวได้ว่าไร้ความกังวลซูจิ่นพ่าซึ่งมาพร้อมกับหลี่เฉิน ไม่สนใจการขบวนป้องกันที่หรูหราเช่นนี้“ถูกงูกัดครั้งหนึ่ง กลัวเชือกไปสิบปี กรณีรวมถึงเจ้าด้วยหรือเปล่า?”“อยู่ในเมืองหลวง เรียกลมเรียกฝน กลืนภูเขาแม่น้ำนับหมื่นลี้ดุจพยัคฆ์ได้ พอออกจากเมืองหลวง ก็ให้องค
หลี่เฉินหัวเราะ พยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ นี่คือสิ่งที่เสด็จพ่อ อ๋องข้าราชบริพาร หรือแม้แต่ข้าก็ต้องการมากที่สุดในตอนนี้! ที่ยืนอยู่เบื้องหลังของท่านจิ้งจือนั้นคือนักวิชาการจากทั่วทุกมุมโลก และเป็นนักวิชาการที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด เทียบเท่ากับนักปราชญ์มีชีวิต หากเขาเลือกเรา เราจะได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการของใต้หล้า และผู้มีความสามารถก็จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ สิ่งที่ตำหนักบูรพาขาดแคลนมากที่สุดไม่ใช่อำนาจหรือเงินทอง แต่เป็นคนที่มีความสามารถ!”“กล่าวโดยสรุปคือ หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ตำหนักบูรพาก็จะมีอิทธิพลในหมู่ประชาชนอย่างที่สำนักราชเลขาทำได้แค่ฝันถึง!”“ถึงแม้ว่าสำนักราชเลขาจะยังคงมีอำนาจในราชสำนัก แต่ด้วยการสนับสนุนจากนักวิชาการในใต้หล้า กฤษฎีกาของตำหนักบูรพาก็ไม่มีใครกล้าเพิกเฉย”หลี่เฉินหรี่ตาลงและพูดเบาๆ ว่า “นี่คือมีดที่สามารถสังหารจ้าวเสวียนจีได้!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซูจิ่นพ่าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา นางต้องการจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ารถม้าเริ่มช้าลง จากนั้นก็มีเสียงของซานเป่าดังมาจากด้านนอก“ฝ่าบาท ด้านหน้ามีคนทะเลาะกัน”หลี่เฉินขมวดคิ้
สวีเว่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาตอบรับทันทีว่า “กล้า!”หลี่อิ๋นหู่พยักหน้าด้วยความพอใจ พลางกล่าวว่า “ดีมาก”เขาไม่ได้สั่งงานทันที แต่เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงช้าๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้สถานการณ์มันตึงเครียดแค่ไหน? องค์รัชทายาทกับข้า แม้จะเป็นพี่น้อง แต่เขาใจแคบ ย่อมไม่อาจยอมรับการมีอยู่ของข้าได้ และอาจลงมือกับข้าได้ทุกเมื่อ”สวีเว่ยทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ สายตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกใจสีหน้าของเขาเหมาะเจาะกับที่หลี่อิ๋นหู่คาดการณ์ไว้ใครก็ตามที่ได้ยินความลับเช่นนี้เป็นครั้งแรก ย่อมต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้แต่สิ่งที่หลี่อิ๋นหู่ไม่รู้คือ ความตกใจของสวีเว่ยมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เสแสร้ง อีกครึ่งหนึ่งมาจากความจริงที่ว่า หลี่อิ๋นหู่ไว้ใจเขาถึงขนาดบอกความลับสำคัญเช่นนี้“ข้าอยากจะช่วยองค์รัชทายาทอย่างสุดกำลัง แต่เขากลับไม่ไว้ใจข้า สวีเว่ย เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”สวีเว่ยรีบตอบว่า “กระหม่อมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ กระหม่อมรู้เพียงว่า ชีวิตของกระหม่อมเป็นของท่านอ๋อง หากท่านอ๋องต้องการสิ่งใด กระหม่อมย่อมปฏิบัติตาม ไม่ว่าใครคิดจะทำร้ายท่านอ๋อง ก็ต้องข้ามศพกระหม่อมไปก่อน!”หลี่อิ๋
เพียงชั่วครู่ ก่อนหน้านี้นักรบผู้ภักดีที่ยังเคลื่อนไหวอย่างดุดันและต่อสู้กับสวีเว่ยได้อย่างสูสี บัดนี้กลับกลายเป็นศพนอนจมกองเลือดอยู่เบื้องหน้า สวีเว่ยมีสีหน้าตกตะลึง แต่หลี่อิ๋นหู่กลับดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร เหมือนว่านี่เป็นเรื่องปกติหลี่อิ๋นหู่เหลือบมองสวีเว่ยเล็กน้อยก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ตามข้ามา”เขาหันหลังและพาสวีเว่ยเข้าไปยังห้องหนังสือ หลังจากนั่งลง หลี่อิ๋นหู่จึงพูดว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย ความเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นข้าจึงออกคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าใกล้ลานหลักหากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า คนของข้าก็แค่ทำตามคำสั่งนี้”ในขณะที่ภาพนักรบผู้ภักดีที่ฆ่าตัวตายยังติดตา สวีเว่ยสูดลมหายใจลึกและพูดว่า “ท่านอ๋องทรงรอบคอบยิ่งนัก กระหม่อมเสียมารยาทเอง”หลี่อิ๋นหู่โบกมือและกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ บอกข้ามา เจ้ามีเรื่องอะไรจะรายงาน?”สวีเว่ยตกใจเล็กน้อยเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรจะรายงานจริงๆ จุดประสงค์ของเขาคือการสืบหาข้อมูล แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ หากเขาพูดความจริง ตัวเขาเองอาจจะเป็นศพต่อไปในชั่วพริบตา สวีเว่ยคิดหาข้ออ้างและกล่าวขึ้นว่า “กร
สวีเว่ยตั้งใจมาหาเรื่องตั้งแต่แรกอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่ได้ตั้งใจมา หากเจอท่าทีเช่นนี้แล้วเขายังนิ่งเฉย ไม่พูดไม่ทำอะไร และเดินกลับไปอย่างเงียบๆ ตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์ของเขาก็คงไม่มีใครยำเกรงอีกต่อไป ทุกคนจะเหยียบหัวเขาเพื่อแสดงอำนาจ“ข้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ที่ท่านอ๋องแต่งตั้ง เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้!?”สวีเว่ยแสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตะคอกออกไปแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ นักรบผู้ภักดีที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์กลับโต้ตอบอย่างรุนแรงโดยไม่พูดอะไร เขาชักดาบออกมาและฟันลงไปทันทีคมดาบเล็งไปที่ขาของสวีเว่ย แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ตั้งใจจะสังหาร แต่ต้องการข่มขู่ให้ถอยหลังสวีเว่ยแววตาวาวโรจน์ ความโกรธผสมกับความต้องการเอาชนะพุ่งพล่านในหัวเขายกเท้าหลบคมดาบพร้อมกับเหยียบลงบนหลังดาบ เพื่อปัดการโจมตี จากนั้นชักดาบข้างเอวออกมาและฟันกลับไปที่คอของนักรบผู้นั้นทันทีชริ้ง!!!เสียงโลหะปะทะกัน คมดาบสองเล่มกระทบกันกลางอากาศ ประกายไฟเล็กๆ สว่างวูบวาบ เสียงปะทะดังก้องไปไกลทั้งสองสบตากัน เห็นชัดว่าความต้องการเอาชนะในแววตาของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นในพริบตา คมดาบทั้งสองปะทะกันหกถึงเจ็ดครั้ง ร
จวนจ้าวอ๋องในช่วงเวลาที่ได้รับคำถามจากตำหนักบูรพา สวีเว่ยรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าหลี่อิ๋นหู่จะมีท่าทีลึกลับในช่วงนี้ แต่โดยรวมจวนจ้าวอ๋องยังดูสงบ ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆเมื่อสวีเว่ยทราบว่าองค์รัชทายาทต้องการรู้เรื่องการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของหลี่อิ๋นหู่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งที่หลี่อิ๋นหู่เก็บเป็นความลับจากเขาแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหลี่อิ๋นหู่เป็นคนระมัดระวังมานานหลายปี ย่อมไม่เชื่อใจใครได้ง่ายๆ แม้แต่กับสวีเว่ยซึ่งได้รับความไว้วางใจเป็นพิเศษในช่วงนี้ หากเป็นเรื่องสำคัญ หลี่อิ๋นหู่ก็คงจะใช้คนสนิทที่เขาไว้วางใจมาเป็นเวลานานในช่วงที่ผ่านมา สวีเว่ยรู้ว่าหลี่อิ๋นหู่ได้ลอบฝึกคนกลุ่มหนึ่งให้เป็นนักรบผู้ภักดีนักรบเหล่านี้มีที่มาที่ไปลึกลับ พวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกับคนในจวนจ้าวอ๋องคนอื่นๆ แม้แต่สวีเว่ยซึ่งเป็นหัวหน้าองครักษ์ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกส่วนสิ่งที่สวีเว่ยมั่นใจคือ นักรบกลุ่มนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ชาวฮั่น ลักษณะการพูด การใช้ชีวิต และการแต่งกายต่างจากคนในหวาเซี่ยอย่างสิ้นเชิงด้วยความต้องการค้นหาข้อมูล สวีเว่ยจึงเดินไปยังลานหลักของจวนจ้าวอ๋องที่หลี่อิ๋นหู่พักอ
ราตรีล่วงเลยไปโคมไฟที่ถูกจุดขึ้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เมื่อหลี่เฉินเสร็จสิ้นงานราชการของวันและเงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้าภายนอกก็กลายเป็นสีดำสนิทวั่นเจียวเจียวสั่งให้คนเพิ่มแสงสว่างด้วยการจุดเทียนเพิ่มอีกสองสามเล่ม ก่อนที่นางจะไปนำถ้วยกระเบื้องเคลือบใส่น้ำบ๊วยแช่เย็นมาให้ด้วยตัวเองมือนุ่มขาวสะอาดของนางถือถ้วยกระเบื้องเคลือบส่งให้หลี่เฉิน พร้อมกล่าวว่า“องค์ชาย วันนี้อากาศร้อนขึ้นมาก ดื่มน้ำบ๊วยแช่เย็นสักหน่อยเถอะเพคะ จะได้คลายร้อนและแก้กระหาย”หลี่เฉินรับถ้วยมาดื่มสองอึก รสชาติหวานเย็นสดชื่นช่วยให้ความเหนื่อยล้าของเขาหายไปไม่น้อยเขารู้สึกคุ้นเคยกับการรับใช้ของวั่นเจียวเจียวมากขึ้นเรื่อยๆ จึงถามขึ้นว่า “เจ้ามักออกจากวังไปซื้อหนังสือคำกลอน เจ้าเคยเห็นว่าขายสบู่ในหมู่ชาวบ้านเป็นอย่างไรบ้าง?”วั่นเจียวเจียวที่ตั้งใจจะอธิบายว่าไม่ได้ออกไปบ่อยนัก แต่ก็เลือกตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ขายดีมากเลยเพคะ ตอนนี้ร้านหลานเยว่เสวียน อ้อ ก็คือร้านของตระกูลหลิวที่ทำตามคำสั่งขององค์ชาย ได้พัฒนาสบู่สูตรธรรมดาที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้ ทุกวันนี้บ้านที่มีฐานะในเมืองหลวงก็มักจะซื้อติดบ้านไว้”“บ่าวยังได้ยินม
เหอคุนไม่ได้พูดอะไรมากนัก ทิ้งเวลาให้เซียวเทียนหนานและสือเซวียนเหว่ยได้ไตร่ตรองทั้งสองมองตากันหลายครั้ง ก่อนจะพบว่าในสายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความลังเลพูดตามตรง เหอคุนพูดถูกในสถานการณ์ตอนนี้ หากมองจากมุมที่กว้างออกไป มันคือคำถามที่มีตัวเลือกเดียวคือตกลง หรือปฏิเสธถ้าตกลง ยังมีโอกาสรอดถ้าปฎิเสธ พวกเขาไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเหอคุนที่ดูเป็นมิตรและรักสหายฝูงจะพลิกโฉมหน้าได้ในทันทีการขึ้นเรือโจรนั้นง่าย แต่จะลงจากเรือนั้นไม่ง่ายเลยท่ามกลางความลังเล เซียวเทียนหนานจึงกระซิบพูดคุยกับสือเซวียนเหว่ยอย่างรวดเร็ว หลังจากสนทนาสั้นๆ เซียวเทียนหนานก็พูดกับเหอคุนว่า “ทองคำ เราขอเพิ่มเป็นสองเท่า!”เหอคุนได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มพร้อมตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา ทองคำไม่ใช่สิ่งที่ข้าผู้แซ่เหอให้ความสำคัญนัก เดี๋ยวจะส่งมาให้ในทันที”“ตกลง”เซียวเทียนหนานกัดฟันพูด “เจ้าถามมาเถอะ อยากรู้อะไร เราจะบอกทุกอย่าง”พวกเขาคิดว่าเหอคุนจะถามเพียงไม่กี่คำถาม แต่เหอคุนกลับหยิบกระดาษที่เต็มไปด้วยคำถามมากมายออกมา และเริ่มซักถามทีละข้อพร้อมกับจดบันทึก...ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เฉินมองข้อมูลลับสุดยอดของแคว้นเหลียว
ไม่ว่าในยุคสมัยใดหรือสถานที่ใด หลักการหลายอย่างก็ยังคงเป็นจริงเสมอ เช่น โลกนี้ไม่มีอาหารกลางวันฟรี และไม่มีโชคหล่นลงมาจากฟ้าเซียวเทียนหนานและสือเซวียนเหว่ยไม่ใช่คนโง่พวกเขารู้ดีว่าเหอคุนต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเขาอย่างแน่นอนเรื่องนี้พวกเขาได้คุยกันมาก่อนแล้วดังนั้นเมื่อเหอคุนเปิดเผยเจตนาออกมา พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะผลประโยชน์ที่เหอคุนยื่นให้มันยากเกินกว่าจะปฏิเสธได้ ทั้งสองจึงตั้งใจฟังว่าเหอคุนต้องการอะไรสำหรับเหอคุน การแสดงละครจัดเต็ม ตั้งแต่การเลี้ยงดูอย่างดี ซื้อของขวัญ พาหญิงสาวมาบริการ และสุดท้ายยังยื่นทองคำให้ทุกอย่างนี้นับว่าเป็นแผนการที่ลงทุนอย่างมากและในที่สุดแผนการนี้ก็มาถึงจุดที่ผลลัพธ์จะปรากฏ เหอคุนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป เหอคุนเรียบเรียงความคิด และตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ“จริงๆ แล้วเรื่องที่ข้าต้องการให้พวกท่านช่วยมันง่ายมาก สำหรับพวกท่านแทบไม่ต้องลงแรง และไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย เพียงแค่บอกข้อมูลเกี่ยวกับแคว้นเหลียว และรายงานการเคลื่อนไหวขององค์รัชทายาทเย่ลู่เสินเสวียนในเมืองหลวงให้ข้าทราบเท่านั้น”
เมื่อได้พบกับเหอคุนอีกครั้ง เซียวเทียนหนานและสือเซวียนเหว่ยมีท่าทีที่เป็นกันเองมากขึ้น“พอใจ พอใจ พอใจมาก”สือเซวียนเหว่ยหัวเราะเสียงดัง ก่อนขยิบตาให้เหอคุน “ของพวกนี้ คงไม่ถูกใช่หรือไม่?” มารดามันเถอะ ไร้สาระสิ้นดี พวกแม่นางเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง ข้าต้องเสียเงินไปถึงหนึ่งพันตำลึงเงิน แถมยังต้องให้องครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยบูรพาไปกดหัวแม่นางเจ้าของหอนางโลมให้ยอมส่งสาวๆ มาที่นี่ ข้าเองยังไม่ได้ลิ้มลองด้วยซ้ำ!”ในใจเหอคุนสบถเงียบๆ แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่สีหน้าของเหอคุนกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูใจกว้าง “พูดถึงค่าใช้จ่ายก็ไม่สมควรนัก ในโลกนี้ ความเป็นมิตรภาพระหว่างสหายคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้”“จริงด้วย จริงด้วย”เซียวเทียนหนานพยักหน้าเห็นด้วย ขณะในใจครุ่นคิดถึงวิธีที่จะขอพาหญิงสาวสองคนนี้กลับไปยังแคว้นเหลียวคนโง่ก็รู้ว่าผู้หญิงที่มีคุณภาพเช่นนี้ไม่ใช่ของราคาถูกการจะพาตัวกลับไปย่อมต้องใช้เงินจำนวนมากแต่หลังจากได้ลิ้มรสความงดงามนี้แล้ว การจะกลับไปหาผู้หญิงที่แข็งแรงเหมือนวัวแกะในแคว้นเหลียวคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเหอคุนมองแวบเดียวก็รู้
เมื่อเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น จ้าวเสวียนจีก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากต้าสิงฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์เมื่อใดก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หลังจากจัดระเบียบความคิดของตัวเอง จ้าวเสวียนจีก็หันมามองหลี่อิ๋นหู่ แม้ว่าภายในใจจะเบาใจขึ้น แต่สีหน้ากลับยังคงเคร่งเครียด“ดูเหมือนสถานการณ์จะพัฒนาไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุดแล้ว”จ้าวเสวียนจีถอนหายใจยาว สีหน้าที่หม่นหมองของเขาสร้างแรงกดดันให้หลี่อิ๋นหู่มากยิ่งขึ้นเห็นได้ชัดว่า จ้าวเสวียนจีเช่นนี้ ทำให้หลี่อิ๋นหู่กดดันยิ่งกว่าเดิม“ท่านผู้อาวุโส พวกเราไม่สามารถนั่งรอความตายได้!”หลี่อิ๋นหู่กล่าวอย่างเร่งร้อน จ้าวเสวียนจีพยักหน้า “ถูกต้อง เราไม่สามารถนั่งรอเฉยๆ ได้”“จากนี้ไป ข้าจะเริ่มรวบรวมกำลังคน ติดต่อขุนนางและพรรคพวกในแต่ละพื้นที่ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะยกทัพทันที”หลี่อิ๋นหู่รู้สึกหัวใจเต้นแรง ถามด้วยเสียงสั่น “ท่านผู้อาวุโส หมายถึงเมื่อใด?”จ้าวเสวียนจีหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “สิบวันจากนี้ พิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาท”สิบวัน!เหลือเวลาเพียงสิบวันเท่านั้นหลี่อิ๋นหู่กลืนน้ำลาย สีหน้าเริ่มแดงระเรื่อเขารู้สึกตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกั