แชร์

บทที่ 412

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
“เจ้าคือหลานชายของใต้เท้าสวีหรือ?”

หลี่เฉินถาม โดยจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ตัวเองนั้นได้เปิดประตูหลังให้หลานชายของสวีฉังชิงไป

การแสดงออกของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนไป เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยสวีจวินโหลว”

“พาข้าเข้าไปพบครอบครัวของใต้เท้าสวีหน่อย”

คำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของหลี่เฉิน ทำให้สวีจวินโหลวขมวดคิ้ว

ในเวลานี้ หากเป็นสหายธรรมดาๆ ส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงเขา แต่หลี่เฉินกลับมีพฤติกรรมที่ไม่ธรรมดา สามารถบอกได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แทนที่จะจากไป เขากลับขอพบสมาชิกในครอบครัวด้วยซ้ำ

นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง

แต่สวีจวินโหลวกลับมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ว่า ตัวเองนั้นไม่ควรปฏิเสธอีกฝ่าย

“เชิญ”

สวีจวินโหลวยกมือขึ้น และเชิญหลี่เฉินกับซานเป่าเข้าไปในห้องโถงด้านใน

ภายในห้องโถง มีสตรีสามคนกำลังเช็ดน้ำตาอยู่

ซานเป่าโน้มเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของหลี่เฉินว่า “สามคนนี้เป็นภรรยาและอนุของสวีฉังชิง คนตรงกลางที่สวมชุดสีม่วงคือฮูหยิน ส่วนอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ คืออนุภรรยา สวีฉังชิงไม่มีลูก ดังนั้นหลานชายที่ชื่อสวีจวินโหลว จึงได้รับการเลี้ยงดูเหมือนลูกชาย”

หลี่เฉินพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเข้าใจแ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 413

    “เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้เงินเดือนจะเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ท้องพระคลังของราชสำนักกลับว่างเปล่า และมักจะค้างชำระเงินเดือน แล้วสามีของข้าทำอะไรได้บ้าง? ข้าที่เป็นภรรยา เอาห้องข้างทั้งสองด้านมาทำเป็นโรงงานเย็บผ้า เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว”“หากคุณชายจะพูดเช่นนี้ ไม่ลองไปถามพวกขุนนางทุจริตที่อยู่ในเขตชั้นในบ้างเล่า ลานของพวกเขาใหญ่โตโอ่โถง มีภาพวาดแกะสลักมากมาย และมีข้ารับใช้นับร้อยคอยปรนนิบัติ แต่ท่านกลับมาถามข้า นี่หมายความว่าอย่างไร?”หลังจากถูกด่าติดต่อกันหลายครั้ง หลี่เฉินก็รู้สึกอับอายซานเป่าเห็นหลี่เฉินรู้สึกอับอาย จึงคิดจะระเบิดอารมณ์ออกมาแต่หลี่เฉินกลับโบกมือห้ามซานเป่าเอาไว้“ถูกต้อง เป็นข้าเองที่เสียมารยาท ต้องขออภัยฮูหยินจริงๆ”หลี่เฉินโค้งคำนับสตรีในชุดม่วง ตอนนี้เอง ผู้หญิงในชุดม่วงก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา“ไม่เป็นไรๆ เป็นข้าที่เสียกริยาไปแล้ว แต่ตอนนี้ครอบครัวของเรากำลังตกต่ำ สามีของข้าคงไม่ได้กลับออกมาอีกแล้ว ข้าไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร”ในระหว่างที่สตรีชุดม่วงพูด นางก็เริ่มร้องไห้ขึ้นมา ตอนนี้เอง สวีจวินโหลวก็เข้ามาพูดกับหลี่เฉ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 414

    ขณะที่หลี่เฉินไปเยี่ยมครอบครัวสวีเพื่อแสดงความเสียใจ จ้าวไท่ไหลก็กำลังประสบกับความน่ากลัวของกฎบ้านตระกูลจ้าวจ้าวไท่ไหลถูกมัดไว้กับม้านั่ง เขากรีดร้องเหมือนหมูถูกฆ่า ในขณะที่แส้เฆี่ยนลงบนร่างกายของเขา“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ! อย่าตีเลยนะ! ได้โปรดอย่าตี!”แม้จะเห็นว่าแผ่นหลังและก้นของจ้าวไท่ไหลถูกตัวเองเฆี่ยนตีจนเนื้อแตก แต่ความโกรธในใจของจ้าวเสวียนจีก็ยังไม่สิ้นสุด“ข้าขอให้เจ้าไปผูกมิตรกับรัฐทายาท ไม่ใช่ให้เจ้าไปเป็นโล่บังธนูให้กับพวกเขา! เจ้ารู้ไหมว่าตำแหน่งผู้นำสมาคมของเจ้า มันจะทำให้ข้าและทั้งตระกูลจ้าวทั้งหมดตายโดยไม่มีที่ฝังศพ! ?” เสียงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวของจ้าวเสวียนจี ทำให้จ้าวไท่ไหลพลันหน้าซีด“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้คิดมากในเรื่องนี้นัก อีกอย่างสมาคมเหวินหยวนแห่งนี้ก็ดูจะดีจริงๆ สมองของข้าเลยตกปากรับคำไป ท่านพ่อได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าจะรีบไปลาออกทันทีตกลงไหม? ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย”จ้าวไท่ไหลกลัวถูกตีจริงๆ เขาจึงอ้อนวอนอย่างขมขื่นจ้าวเสวียนจีแค่นเสียงอย่างเย็นชา โยนแส้ทิ้งแล้วกล่าวเสียงรอดไรฟันว่า “ลาออก? ตำแหน่งผู้นำสมาคมนี้เป็นง่าย แต่ลาออกยาก!”เมื่อเห็นจ้าวไท่ไหลร้องไห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 415

    สีหน้าของจ้าวเสวียนจีพลันอึมครึม สายตาดูหม่นหมองเดิมทีเขาสามารถอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงท่ามกลางพายุ และคอยชักนำให้ตำหนักบูรพากับเหวินอ๋องต่อสู้กัน แต่ตอนนี้ลูกชายกลับตกหลุมพราง ทำให้เขาต้องลงมาเล่นในสนามด้วย เกรงว่าตอนนี้คนที่ได้ประโยชน์ก็คือตำหนักบูรพาตอนนี้เอง จ้าวไท่ไหลก็ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้แล้วเขาไม่ได้คิดถึงข้อต่อภายใน แต่เมื่อมองดูท่าทางโกรธเกรี้ยวของบิดา เขาก็รู้ว่าตัวเองนั้นสร้างปัญญาใหญ่แล้วจริงๆ จ้าวไท่ไหลข่มความเจ็บปวดแล้วกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?”จ้าวเสวียนจีพูดหน้าเครียดว่า “จะทำอะไรได้อีกล่ะ? ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้าน ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า และเจ้ากล้าก้าวออกจากบ้านแม้แต่ครึ่งก้าว ก็อย่าตำหนิที่ข้าจะตัดหางปล่อยวัดเจ้า!”จ้าวไท่ไหลพูดอย่างตื่นตระหนกว่า “ท่านพ่อ ไม่จริงใช่ไหม? ท่านทำเช่นนี้ไม่สู้ฆ่าข้าเสียเลยล่ะ!”“เช่นนั้นก็ตายไปซะ!” จ้าวเสวียนจีพับแขนเสื้อแล้วพูดว่า “ตายไปซะก็ยังดีกว่าปล่อยให้เจ้าก่อหายนะขึ้นมา”พูดจบ เขาก็ไม่อยากเห็นหน้าจ้าวไท่ไหลอีกต่อไป จึงตะคอกใส่ว่า “ไสหัวกลับไปที่เรือน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 416

    “ฝ่าบาท!”เก๋อผิงอี้วิ่งไปหาหลี่เฉินและคุกเข่าลงอีกครั้ง แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ทูลฝ่าบาท เรือนจำของกรมยุติธรรมนั้นเป็นสถานที่ที่เปียกชื้นและสกปรก พระวรกายดั่งทองพันชั่งเช่นฝ่าบาทไม่ควรเข้าไปในนั้น”หลี่เฉินมองเก๋อผิงอี้อย่างเย็นชาและพูดว่า “ไม่ควรเข้าไป? เจ้ากำลังสั่งข้าอยู่งั้นหรือ?” เก๋อผิงอี้ตัวสั่นและรีบตอบว่า “กระหม่อมมิกล้า”“ไม่กล้า?” หลี่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา “หรือว่ามีอะไรน่าอายที่เจ้าไม่กล้าแสดงให้ข้าเห็นหรือเปล่า?”ขณะที่เก๋อผิงอี้กำลังจะพูด ดาบของซานเป่าก็จ่อไปที่คอของเขาแล้ว“ใต้เท้าเก๋อ เรือนจำของกรมยุติธรรมไม่อนุญาตให้คนเข้าไป แต่เรือนจำของหน่วยบูรพายินดีต้อนรับใต้เท้าเก๋อให้เข้าไปดู สงสัยว่าใต้เท้าเก๋ออยากจะไปหรือไม่?”ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมา เก๋อผิงอี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกตอนนี้เอง หลี่เฉินก็เข้าไปในกรมยุติธรรมแล้วหลังจากที่ซานเป่าเก็บดาบ เขาก็เดินตามไป เก๋อผิงอี้เรียกเจ้าหน้าที่คนหนึ่งให้รีบไปตามเสนาบดีกรมยุติธรรมเฉียนซื่อเหยียนให้มาที่นี่โดยเร็วที่สุด จากนั้นก็ติดตามเข้าไปอย่างหวาดกลัวหลี่เฉินเดินไปจนถึงเรือนจำของกรมยุติธรรม เมื่อเข้าไปในคุกที่มืด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 417

    เมื่อหลี่เฉินกล่าวประโยคนี้ เจ้าหน้าที่จากกรมยุติธรรมก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัวเก๋อผิงอี้ก็ร้องขอความเมตตาเช่นกัน แต่องครักษ์เสื้อแพรสองนายก็หามเขาขึ้นมาและโยนเข้าไปในห้องขังภายในห้องขังสกปรกเต็มไปด้วยน้ำที่มีกลิ่นเหม็นและโสโครก เก๋อผิงอี้ที่คุ้นเคยกับชีวิตหรูหราจึงเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา เขาลุกขึ้นและอยากจะหนี แต่ทว่าไม่ทันได้ยืดตัว หัวก็ไปชนกับเพดานคุกแล้วเสียงดังโป๊กดังขึ้น หมวกขุนนางของเก๋อผิงอี้ก็ร่วงลงมา ผมกระเซอะกระเซิงและมีเลือดไหล สภาพดูน่าสังเวชมากเขาไม่สนความเจ็บปวด แต่ตะเกียกตะกายไปหน้าประตูคุก จับเสาเหล็กเอาไว้แล้วอ้อนวอนหลี่เฉิน “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ร้าย กระหม่อมเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น การตำหนิที่รุนแรงเช่นนี้ถูกโยนให้กระหม่อมทั้งหมดได้อย่างไร กระหม่อมไม่ยอม!”เมื่อมีเก๋อผิงอี้เป็นผู้นำ เหล่าเจ้าหน้าที่และขุนนางกรมยุติธรรมคนอื่นๆ ที่กลัวว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นแบบนั้น จึงพากันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ฝ่าบาทโปรดเมตตา”เวลานี้ สวีฉังชิงที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการทรมานมากมายก็รู้สึกเดือดพล่าน แม้จะถูกองครักษ์เสื้อแพรพาตัวออกมา แต่เขาก็ยังพูดเสียงหนักแน่นว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 418

    เมื่อหลี่เฉินออกคำสั่ง ซานเป่าที่ต้องการบีบคอเก๋อผิงอี้ให้ตายก็ปล่อยมือโดยไม่ลังเลหลังจากได้อิสรภาพในการหายใจอีกครั้ง เก๋อผิงอี้ก็เอามือกุมคอแล้วนอนลงกับพื้นพร้อมหอบหายใจ ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าการหายใจเป็นสิ่งที่สวยงามมาก จนกระทั่งเสียงของหลี่เฉินดังขึ้น “เงยหน้าขึ้นมา”หลังจากที่เก๋อผิงอี้ฟื้นความสงบแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉิน“ก็จริงที่เจ้าเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง เรื่องเหล่านี้สาเหตุก็มาจากสำนักราชเลขา แต่ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าคิดว่าการที่ข้าจัดระเบียบกรมยุติธรรม กวาดล้างขุนนางเช่นเจ้า เป็นเพราะว่าข้าอยากจะระบายความโกรธ? หรือต่อสู้แย่งชิงอำนาจ?”คำถามของ ทำให้เก๋อผิงอี้หัวเราะอย่างเย็นชา “หรือว่าไม่ใช่?” “แน่นอนว่าไม่”ดวงตาของหลี่เฉินเย็นลง เขากล่าวเสียงเรียบว่า “เจ้าประเมินข้าต่ำไป”“กรมยุติธรรมบังคับใช้กฎหมายของจักรวรรดิ เป็นตัวแทนของกฎหมายที่ปกครองบ้านเมืองของจักรวรรดิ กฎหมายที่ปกครองบ้านเมืองคืออะไร?”“ดินแดนทั้งหมดของต้าฉิน ราษฎรและขุนนางทั้งหมดของต้าฉินจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎหมายคือสิ่งที่อนุญาตให้ผู้คนในต้าฉินสามารถปฏิบัติได้ มีกฎหมายให้ปฏิบัติตาม หากท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 419

    สายตาของทั้งคู่ต่างสบตากันแม้ว่าจะไม่มีการแลกเปลี่ยนคำพูดสักคำ แต่ในฐานะคนสนิทของเฉียนซื่อเหยียน เก๋อผิงอี้ก็เข้าใจถึงการข่มขู่ด้วยท่าทางที่น่ากลัวนั้นแล้ว เก๋อผิงอี้กัดฟันไม่ยอมพูดอะไร เขารู้ว่าตัวเองจบเห่แล้ว แต่ว่าเขายังมีครอบครัว หากเขาขายเฉียนซื่อเหยียน เฉียนซื่อเหยียนก็มีหลายวิธีในการจัดการกับครอบครัวของเขา หากมีจุดจบสองอย่าง เขาจะเลือกทางที่อันตรายน้อยกว่า เก๋อผิงอี้ไม่กล้าเสี่ยงชีวิตทั้งครอบครัวของเขาฉากนี้ล้วนอยู่ในสายตาของหลี่เฉินเขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “เก๋อผิงอี้ หากเจ้าไม่พูด ทุกอย่างก็จะจบลงที่เจ้า”ก่อนที่เฉียนซื่อเหยียนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ได้ยินหลี่เฉินพูดต่อว่า “และเจ้าจะต้องรับผิดทุกอย่าง เจ้าดูหมิ่นกฎหมายของต้าฉิน ทำลายกฎเกณฑ์และข้อบังคับของต้าฉิน สิ่งนี้นับเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง มันเพียงพอที่ข้าจะสั่งลงโทษตระกูลเจ้าได้”“เจ้าเป็นรองเสนาบดีกรมยุติธรรมฝ่ายขวา ไหนลองบอกข้ามาสิ การลงโทษแบ่งออกเป็นกี่ระดับ?”เก๋อผิงอี้หน้าซีดเผือด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากลำบากว่า “แบ่งออกตามความรุนแรงได้สามระดับ ระดับหนึ่ง การมั่วสุมก่อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 420

    คำพูดของหลี่เฉินทำลายการป้องกันของเก๋อผิงอี้อย่างสิ้นเชิงเขาไม่กล้าจินตนาการว่า หากภรรยาและบุตรสาวของตัวเองนั้นตกอยู่ในมือของหน่วยบูรพาแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มันอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอีกต่อไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นและร้องว่า “ได้โปรดไว้ชีวิตครอบครัวของกระหม่อมด้วยเถิด พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้ายอมพูดแล้ว”เมื่อเฉียนซื่อเหยียนซึ่งถูกหลี่เฉินเตะลงกับพื้นเห็นสิ่งนี้ ก็เกิดความกล้าขึ้นมา พยายามลุกขึ้นจากพื้นและดึงดาบที่เอวของผู้คุมที่อยู่ข้างๆ ออกมา และแทงไปที่เก๋อผิงอี้“ไอ้สุนัขนี่ พอใกล้ตายก็คิดจะแว้งกัดคน?”ดวงตาของเฉียนซื่อเหยียนดูดุร้าย เขาแทงดาบไปที่ลำคอของเก๋อผิงอี้ ตั้งใจที่จะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเฉียนซื่อเหยียนพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิต แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะได้สัมผัสกับเก๋อผิงอี้ ซานเป่าก็บีบดาบไว้ด้วยมือเปล่าเฉียนซื่อเหยียนมองซานเป่าที่ใช้มือเปล่าๆ บีบใบดาบด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดาบเหล็กในมือของเขาถูกบดขยี้จนแหลกเหลว ทำให้หัวใจของเฉียนซื่อเหยียนเต้นผิดจังหวะเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ใต้หล้านี้จะมีคนที่สามารถรับดาบด้วยมือเปล่าได้จริงๆ แถมวรยุทธ์ยั

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 802

    ราตรีล่วงเลยไปโคมไฟที่ถูกจุดขึ้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด เมื่อหลี่เฉินเสร็จสิ้นงานราชการของวันและเงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้าภายนอกก็กลายเป็นสีดำสนิทวั่นเจียวเจียวสั่งให้คนเพิ่มแสงสว่างด้วยการจุดเทียนเพิ่มอีกสองสามเล่ม ก่อนที่นางจะไปนำถ้วยกระเบื้องเคลือบใส่น้ำบ๊วยแช่เย็นมาให้ด้วยตัวเองมือนุ่มขาวสะอาดของนางถือถ้วยกระเบื้องเคลือบส่งให้หลี่เฉิน พร้อมกล่าวว่า“องค์ชาย วันนี้อากาศร้อนขึ้นมาก ดื่มน้ำบ๊วยแช่เย็นสักหน่อยเถอะเพคะ จะได้คลายร้อนและแก้กระหาย”หลี่เฉินรับถ้วยมาดื่มสองอึก รสชาติหวานเย็นสดชื่นช่วยให้ความเหนื่อยล้าของเขาหายไปไม่น้อยเขารู้สึกคุ้นเคยกับการรับใช้ของวั่นเจียวเจียวมากขึ้นเรื่อยๆ จึงถามขึ้นว่า “เจ้ามักออกจากวังไปซื้อหนังสือคำกลอน เจ้าเคยเห็นว่าขายสบู่ในหมู่ชาวบ้านเป็นอย่างไรบ้าง?”วั่นเจียวเจียวที่ตั้งใจจะอธิบายว่าไม่ได้ออกไปบ่อยนัก แต่ก็เลือกตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ขายดีมากเลยเพคะ ตอนนี้ร้านหลานเยว่เสวียน อ้อ ก็คือร้านของตระกูลหลิวที่ทำตามคำสั่งขององค์ชาย ได้พัฒนาสบู่สูตรธรรมดาที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้ ทุกวันนี้บ้านที่มีฐานะในเมืองหลวงก็มักจะซื้อติดบ้านไว้”“บ่าวยังได้ยินม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 801

    เหอคุนไม่ได้พูดอะไรมากนัก ทิ้งเวลาให้เซียวเทียนหนานและสือเซวียนเหว่ยได้ไตร่ตรองทั้งสองมองตากันหลายครั้ง ก่อนจะพบว่าในสายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความลังเลพูดตามตรง เหอคุนพูดถูกในสถานการณ์ตอนนี้ หากมองจากมุมที่กว้างออกไป มันคือคำถามที่มีตัวเลือกเดียวคือตกลง หรือปฏิเสธถ้าตกลง ยังมีโอกาสรอดถ้าปฎิเสธ พวกเขาไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเหอคุนที่ดูเป็นมิตรและรักสหายฝูงจะพลิกโฉมหน้าได้ในทันทีการขึ้นเรือโจรนั้นง่าย แต่จะลงจากเรือนั้นไม่ง่ายเลยท่ามกลางความลังเล เซียวเทียนหนานจึงกระซิบพูดคุยกับสือเซวียนเหว่ยอย่างรวดเร็ว หลังจากสนทนาสั้นๆ เซียวเทียนหนานก็พูดกับเหอคุนว่า “ทองคำ เราขอเพิ่มเป็นสองเท่า!”เหอคุนได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มพร้อมตอบตกลงทันที “ไม่มีปัญหา ทองคำไม่ใช่สิ่งที่ข้าผู้แซ่เหอให้ความสำคัญนัก เดี๋ยวจะส่งมาให้ในทันที”“ตกลง”เซียวเทียนหนานกัดฟันพูด “เจ้าถามมาเถอะ อยากรู้อะไร เราจะบอกทุกอย่าง”พวกเขาคิดว่าเหอคุนจะถามเพียงไม่กี่คำถาม แต่เหอคุนกลับหยิบกระดาษที่เต็มไปด้วยคำถามมากมายออกมา และเริ่มซักถามทีละข้อพร้อมกับจดบันทึก...ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่เฉินมองข้อมูลลับสุดยอดของแคว้นเหลียว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 800

    ไม่ว่าในยุคสมัยใดหรือสถานที่ใด หลักการหลายอย่างก็ยังคงเป็นจริงเสมอ เช่น โลกนี้ไม่มีอาหารกลางวันฟรี และไม่มีโชคหล่นลงมาจากฟ้าเซียวเทียนหนานและสือเซวียนเหว่ยไม่ใช่คนโง่พวกเขารู้ดีว่าเหอคุนต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเขาอย่างแน่นอนเรื่องนี้พวกเขาได้คุยกันมาก่อนแล้วดังนั้นเมื่อเหอคุนเปิดเผยเจตนาออกมา พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะผลประโยชน์ที่เหอคุนยื่นให้มันยากเกินกว่าจะปฏิเสธได้ ทั้งสองจึงตั้งใจฟังว่าเหอคุนต้องการอะไรสำหรับเหอคุน การแสดงละครจัดเต็ม ตั้งแต่การเลี้ยงดูอย่างดี ซื้อของขวัญ พาหญิงสาวมาบริการ และสุดท้ายยังยื่นทองคำให้ทุกอย่างนี้นับว่าเป็นแผนการที่ลงทุนอย่างมากและในที่สุดแผนการนี้ก็มาถึงจุดที่ผลลัพธ์จะปรากฏ เหอคุนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป เหอคุนเรียบเรียงความคิด และตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ“จริงๆ แล้วเรื่องที่ข้าต้องการให้พวกท่านช่วยมันง่ายมาก สำหรับพวกท่านแทบไม่ต้องลงแรง และไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย เพียงแค่บอกข้อมูลเกี่ยวกับแคว้นเหลียว และรายงานการเคลื่อนไหวขององค์รัชทายาทเย่ลู่เสินเสวียนในเมืองหลวงให้ข้าทราบเท่านั้น”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 799

    เมื่อได้พบกับเหอคุนอีกครั้ง เซียวเทียนหนานและสือเซวียนเหว่ยมีท่าทีที่เป็นกันเองมากขึ้น“พอใจ พอใจ พอใจมาก”สือเซวียนเหว่ยหัวเราะเสียงดัง ก่อนขยิบตาให้เหอคุน “ของพวกนี้ คงไม่ถูกใช่หรือไม่?” มารดามันเถอะ ไร้สาระสิ้นดี พวกแม่นางเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง ข้าต้องเสียเงินไปถึงหนึ่งพันตำลึงเงิน แถมยังต้องให้องครักษ์เสื้อแพรจากหน่วยบูรพาไปกดหัวแม่นางเจ้าของหอนางโลมให้ยอมส่งสาวๆ มาที่นี่ ข้าเองยังไม่ได้ลิ้มลองด้วยซ้ำ!”ในใจเหอคุนสบถเงียบๆ แม้ในใจจะคิดเช่นนั้น แต่สีหน้าของเหอคุนกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูใจกว้าง “พูดถึงค่าใช้จ่ายก็ไม่สมควรนัก ในโลกนี้ ความเป็นมิตรภาพระหว่างสหายคือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้”“จริงด้วย จริงด้วย”เซียวเทียนหนานพยักหน้าเห็นด้วย ขณะในใจครุ่นคิดถึงวิธีที่จะขอพาหญิงสาวสองคนนี้กลับไปยังแคว้นเหลียวคนโง่ก็รู้ว่าผู้หญิงที่มีคุณภาพเช่นนี้ไม่ใช่ของราคาถูกการจะพาตัวกลับไปย่อมต้องใช้เงินจำนวนมากแต่หลังจากได้ลิ้มรสความงดงามนี้แล้ว การจะกลับไปหาผู้หญิงที่แข็งแรงเหมือนวัวแกะในแคว้นเหลียวคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเหอคุนมองแวบเดียวก็รู้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 798

    เมื่อเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น จ้าวเสวียนจีก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากต้าสิงฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์เมื่อใดก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หลังจากจัดระเบียบความคิดของตัวเอง จ้าวเสวียนจีก็หันมามองหลี่อิ๋นหู่ แม้ว่าภายในใจจะเบาใจขึ้น แต่สีหน้ากลับยังคงเคร่งเครียด“ดูเหมือนสถานการณ์จะพัฒนาไปในทิศทางที่เลวร้ายที่สุดแล้ว”จ้าวเสวียนจีถอนหายใจยาว สีหน้าที่หม่นหมองของเขาสร้างแรงกดดันให้หลี่อิ๋นหู่มากยิ่งขึ้นเห็นได้ชัดว่า จ้าวเสวียนจีเช่นนี้ ทำให้หลี่อิ๋นหู่กดดันยิ่งกว่าเดิม“ท่านผู้อาวุโส พวกเราไม่สามารถนั่งรอความตายได้!”หลี่อิ๋นหู่กล่าวอย่างเร่งร้อน จ้าวเสวียนจีพยักหน้า “ถูกต้อง เราไม่สามารถนั่งรอเฉยๆ ได้”“จากนี้ไป ข้าจะเริ่มรวบรวมกำลังคน ติดต่อขุนนางและพรรคพวกในแต่ละพื้นที่ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะยกทัพทันที”หลี่อิ๋นหู่รู้สึกหัวใจเต้นแรง ถามด้วยเสียงสั่น “ท่านผู้อาวุโส หมายถึงเมื่อใด?”จ้าวเสวียนจีหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “สิบวันจากนี้ พิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาท”สิบวัน!เหลือเวลาเพียงสิบวันเท่านั้นหลี่อิ๋นหู่กลืนน้ำลาย สีหน้าเริ่มแดงระเรื่อเขารู้สึกตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 797

    กงฮุยอวี่กล่าวเพียงคำเดียว ก่อนวางหนังสือในมือและก้าวออกจากพระที่นั่งสีเจิ้ง ร่างของนางหายไปในพริบตาหลี่เฉินที่รู้สึกถึงกลิ่นหอมบางเบาพัดผ่านใบหน้า และเมื่อกระพริบตาอีกครั้งก็ไม่เห็นร่างของกงฮุยอวี่ ทำให้เขาอดอิจฉาไม่ได้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายล้วนมีความสามารถที่ดูเหมือนจะหายตัวได้ หากเขาไม่ได้ถามซานเป่ามาก่อนว่าการฝึกเช่นนี้ต้องเริ่มตั้งแต่เจ็ดแปดขวบ และใช้เวลาสองสามสิบปีจึงจะสำเร็จ หลี่เฉินคงอยากลองฝึกดูบ้างเมื่อกงฮุยอวี่ออกไป วั่นเจียวเจียวก็รีบวิ่งไปหยิบหนังสือที่กงฮุยอวี่ทิ้งไว้ แล้วซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็วเมื่อหันกลับมาเห็นหลี่เฉินที่มองมาด้วยสายตายิ้มๆ วั่นเจียวเจียวหน้าแดงก่ำจากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่านั่นคือหนังสือที่ตนหามาอย่างยากลำบาก จึงกระทืบเท้าแล้วกล่าวว่า “องค์ชาย ท่านดูสิ หญิงคนนั้น นางชอบแย่งหนังสือของบ่าวไปอ่าน! บ่าวขอคืนนางยังไม่สนใจเลย นางช่างหยิ่งยโสนัก!”หลี่เฉินมองดูวั่นเจียวเจียวที่พยายามฟ้องอย่างน่าสงสาร ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก เขาหัวเราะออกมา “ถ้าเจ้าเก่งจริง ก็ไปแย่งคืนมาเองสิ มาฟ้องข้าไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าเองยังต้องต่อรองกับนางเล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 796

    ความดื้อรั้นของหลี่อิ๋นหู่ทำให้หลี่เฉินเกิดความสงสัยเขาหรี่ตาจ้องมองหลี่อิ๋นหู่ สังเกตเห็นว่าความพยายามของหลี่อิ๋นหู่นั้นย่อมมีจุดประสงค์บางอย่างแต่การพบจ้าวชิงหลานหรือฮ่องเต้ หลี่อิ๋นหู่จะมีจุดประสงค์ใดได้เล่า?หลี่เฉินมิใช่เซียนผู้หยั่งรู้ความคิดคนอื่นได้ แม้จะพยายามคาดเดาหลายประการในใจ แต่ในที่สุดเขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมหลี่อิ๋นหู่ถึงยืนกรานที่จะพบจ้าวชิงหลานและฮ่องเต้เช่นนี้ในเมื่อคิดไม่ออก หลี่เฉินก็ตัดสินใจ...“ข้ากำลังยุ่ง เจ้ากลับไปก่อนเถิด”คำพูดของหลี่เฉินทำให้หัวใจของหลี่อิ๋นหู่ร่วงลงสู่ก้นเหวในสายตาของเขา นั่นหมายความว่าเสด็จพ่อคงเกิดเหตุไม่ดีขึ้นแน่ ไม่เช่นนั้นองค์รัชทายาทคงไม่ขัดขวางเขาเช่นนี้หลี่อิ๋นหู่กัดฟันแน่น ราวกับอยากพูดบางสิ่งแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้าเย็นชาของหลี่เฉิน คำพูดทั้งหมดก็จมหายไป“จ้าวอ๋องมีเรื่องอื่นอีกหรือ?”สายตาเย็นยะเยือกนั้นทำให้คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ถูกกลืนกลับไปเขาก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาหลี่เฉิน ก่อนกล่าวว่า “น้อง ไม่มีเรื่องใดแล้ว”“ถ้าเช่นนั้นก็กลับไปพักผ่อนเสีย”“น้อง...ขอลา”แม้จะรู้สึกไม่พอใจ หลี่อิ๋นหู่ก็ต้องยอมจำนน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 795

    หลี่อิ๋นหู่มีท่าทีตื่นตัวทันที ก่อนกล่าวว่า “น้องเพิ่งไปที่ตำหนักเฟิ่งสี่เพื่อจะเข้าไปถวายบังคมเสด็จแม่ แต่ขันทีที่นั่นกลับกล้าขัดขวางน้อง แถมยังพูดจาไม่เหมาะสม น้องจึงมาขอพระบัญชาองค์ชาย เพื่อให้น้องเข้าไปถวายบังคมเสด็จแม่ พร้อมทั้งลงโทษขันทีผู้นั้นด้วย”หลี่เฉินฟังคำกล่าวโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “จ้าวอ๋องดูจะมีโทสะไม่น้อย เจ้าหมายความว่าขันทีผู้นั้นสมควรตายหรือ? เขาทำสิ่งใดให้เจ้า?”หลี่อิ๋นหู่รีบเสริมว่า “ขันทีผู้นั้นไม่เพียงแต่ขัดขวางน้อง แต่ยังพูดจาเสียดสีน้อง อย่างไรน้องก็คือองค์ชาย เป็นพระญาติราชวงศ์ ไฉนเลยขันทีจะมีสิทธิ์มาดูหมิ่นน้อง? ดังนั้นขอองค์ชายช่วยน้องจัดการเรื่องนี้ด้วย”หลี่เฉินถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าถามว่า เขาดูหมิ่นเจ้าด้วยวิธีใดหรือ? เขาด่าเจ้าหรือ เขาเยาะเย้ยเจ้าหรือ?”หลี่อิ๋นหู่สะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้าของหลี่เฉินที่ไร้อารมณ์ใดๆแม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกว่า หลี่เฉินกำลังโกรธหลี่อิ๋นหู่รู้สึกหวาดกลัวและอึดอัดความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตผุดขึ้นในใจ เขาเคยถูกหลี่เฉินดุด่าจนกลัวหัวหดหลี่เฉินตบโต๊ะอย่างแรง ก่อนดุด่าว่า “คนทั้งตำหนักเฟิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 794

    หลี่อิ๋นหู่เดินออกจากจวนจ้าวด้วยความตื่นเต้นในใจ และมุ่งหน้าสู่พระราชวังหลวงองครักษ์ของพระราชวังหลวงไม่ได้ขัดขวางเขา แต่เมื่อเขาไปถึงตำหนักเฟิ่งสี่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้า“บังอาจนัก!”หลี่อิ๋นหู่ตวาดใส่ขันทีที่ยืนขวางหน้า “เจ้าคนไร้ค่า กล้าขวางทางข้า? ข้าจะเข้าไปถวายบังคมต่อฮองเฮา เจ้าเป็นใครถึงกล้ามาสั่งข้า?”ขันทีค้อมศีรษะด้วยความเคารพ แต่ยังยืนนิ่งไม่ขยับ กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “จ้าวอ๋องโปรดอภัย องค์ชายสั่งไว้ว่า หากไม่มีพระบัญชา ผู้ใดก็มิอาจเข้าเฝ้าฮองเฮาได้ หากท่านอ๋องต้องการเข้า โปรดแสดงพระบัญชาขององค์ชายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”หลี่อิ๋นหู่หรี่ตาลง ขันทีผู้นี้ยกองค์รัชทายาทขึ้นมาเป็นเกราะป้องกัน ทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรเกินเลยหลี่อิ๋นหู่กัดฟันแน่นกล่าวว่า “ข้าเพียงต้องการเข้าไปถวายบังคมต่อเสด็จแม่ และจะออกมาโดยไม่ทำให้เจ้าเดือดร้อน”พูดจบ เขาหยิบตั๋วเงินจากอกเสื้อออกมา ยื่นให้พร้อมกล่าว “กงกง ช่วยอำนวยความสะดวกให้ข้าสักครั้งเถิด”การที่หลี่อิ๋นหู่ในฐานะอ๋องต้องลดตัวลงมาส่งสินบนให้ขันทีนั้นนับเป็นการเสียศักดิ์ศรีอย่างมาก แต่ขันทีกลับถอยหลังคุกเข่าลงทันทีพร้อมกล่าวด้วยความกลัว “ท่านอ๋

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status