Share

บทที่ 240

Penulis: ไห่ตงชิง
“เจ้าแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ แต่ข้าตั้งใจจะสู้ตาย ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าได้ทำผิด!”

คนรุ่นเดียวกันก้มหน้ามองคอเสื้อของตัวเองที่ถูกกระชาก เวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับเช่นไรดี แต่ตอนนั้นเองซานเป่าก็มาถึง

ซานเป่าเฆี่ยนม้าเร็วอย่างว่องไว แทบจะเหาะมายังที่เกิดเหตุ

และตามมาด้วยองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพากลุ่มใหญ่

“ข้าน้อยพบท่านกวางกง!”

ท่ามกลางเสียงทักทายดังเซ็งแซ่ ซานเป่าก็เดินหน้าอึมครึมมาหาต้วนจิ่นเจียง

ต้วนจิ่นเจียงรู้ว่าเจ้านายตัวจริงกำลังมา เขาจึงปล่อยหัวหน้าคนนั้นไป

ทั้งสองสบตากันชั่วครู่ แต่จู่ๆ ซานเป่าก็ยิ้มออกมา

เขาชี้ไปที่บาดแผลบนหน้าผากแล้วพูดว่า “ใต้เท้าต้วน ท่านเห็นนี่ไหม?”

ต้วนจิ่นเจียงพูดอย่างเย็นชา “ไปพาลูกชายของข้าออกมา!”

ซานเป่าคล้ายกับว่าไม่ได้ยิน เขาถามเองตอบเองว่า “ฝ่าบาททรงใช้หนังสือปาใส่”

“ไปพาลูกชายของข้าออกมา!!” ต้วนจิ่นเจียงขึ้นเสียง ความอดทนของเขาถึงขีดสุด

สิ้นเสียงของเขา เหล่าผู้คุ้มกันคนสนิทหลายสิบนาย ก็ชักอาวุธออกมา

องครักษ์เสื้อแพรเห็นดังนั้นก็รีบตีวงล้อมทันที แต่ละคนต่างวางมือที่ดาบข้างเอว

สถานการณ์ตึงเครียดทุกขณะ

ซานเป่ายกมือขึ้น เพื่อให้องครัก
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 241

    แม้เขาจะรู้ว่าลูกชายของตัวเองโชคร้ายมากกว่าดี แต่ต้วนจิ่นเจียงก็ยังไม่อยากจะยอมรับ แม้ว่าหลี่เฉินจะยืนยันด้วยตัวเองก็ตามเขาหลั่งน้ำตา และทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องที่น่าสังเวชออกมา ร่างกายสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดหลี่เฉินมองดูต้วนจิ่นเจียงอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เขาร้องไห้จนเสร็จแล้วพูดว่า “คนตายไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ ขอแสดงความเสียใจกับใต้เท้าต้วนด้วย”ต้วนจิ่นเจียงเงยหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นถึงกระดูก และเต็มไปด้วยน้ำตาพลางพูดว่า “ลูกชายข้าอยู่ในคุก ฝ่าบาททรงรับปากข้าว่าเขาจะปลอดภัย!” “ใต้หล้านี้ ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ จ้าวเสวียนจีควบคุมราชสำนักมาหลายปี การจะแทรกตัวหมากสักตัวเข้ามาในหน่วยบูรพา มันเป็นเรื่องยากจริงหรือ?” หลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบเรื่องเช่นนี้ นอกจากจ้าวเสวียนจีแล้ว หลี่เฉินก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครที่มีแรงจูงใจและความสามารถทำเช่นนั้นได้เขาต้องการกำจัดต้วนจิ่นเจียงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงจัดการตนเองด้วยการสังหารต้วนจั่งเหมียนนั้น ทำให้ต้วนจิ่นเจียงคลุ้มคลั่งและหาทางแก้แค้นเขายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เป็นแผนการที่รวดเร็วและได้ผลโดยพลันพยัคฆ์แก่ตัวนี้หมอ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 242

    ทหารเดนตายสามพันนายการข่มขู่นี้ ทั้งน่ากลัวและตรงไปตรงมายิ่งกว่าคำขู่อื่นๆ อย่างแน่นอนต้วนจิ่นเจียงดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเคียดแค้น เขาพูดว่า “ตระกูลต้วนของข้าสิ้นสุดลงแล้ว อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ! สามารถลากคนอื่นๆ ลงหลุมตามไปด้วยมากมาย ข้าต้วนจิ่นเจียงหรือลูกชายของข้าต้วนจั่งเหมียน ก็จะทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์!”หลี่เฉินหรี่ตาและตะโกนเรียกอย่างเย็นชา “ซานเป่า!”ด้านนอก ซานเป่าผู้ที่ไม่กล้าจะออกห่างจากประตูแม้แต่ชุ่นเดียวก็พุ่งเข้ามา เขาคุกเข่าต่อหน้าหลี่เฉินอย่างนอบน้อม และเอาหัวโขกศีรษะด้วยท่าทางที่ถ่อมตัว ต้วนจิ่นเจียงมองเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา และแสดงท่าทางไม่สนใจในความคิดของเขา ตัวเองนั้นก็เหมือนตายไปแล้ว ไม่ว่าหลี่เฉินจะทำอะไร เขาก็ไม่กลัวทั้งนั้นหากผู้คนไม่แสวงหา ก็จะไม่มีความปรารถนา และจะไม่มีช่องโหว่การประนีประนอมก่อนหน้านี้ของต้วนจิ่นเจียงนั้นก็เพื่อช่วยชีวิตต้วนจั่งเหมียนลูกชายของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงทรยศต่อจ้าวเสวียนจี และส่งเสริมการสืบสวนคดีโศกนาฎกรรมด่านอวี้เหมินอย่างแข็งขัน เพราะรู้ว่าหลี่เฉินต้อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 243

    คำพูดของหลี่เฉินแทบจะทำให้ต้วนจิ่นเจียงเปลือยเปล่าอันที่จริง หลังจากที่ลูกชายเกิดเรื่อง เขาก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของหลี่เฉินในการทรยศจ้าวเสวียนจี ดังนั้นเขาจึงเริ่มหาทางออกแล้วดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมยุทธนาการและเป็นมหาอำมาตย์แห่งสำนักราชเลขาในราชสำนักมาหลายปี ต้วนจิ่นเจียงย่อมมีวิธีลับเป็นของตัวเองกรมยุทธนาการเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจมากที่สุด รองจากกรมขุนนางเท่านั้นเขาสามารถควบคุมกรมยุทธนาการมาหลายปีแล้ว แม้กระทั่งตอนนี้ จ้าวเสวียนจีที่คิดจะแทรกแซงกรมยุทธนาการก็ยังไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทางเมืองหรือความสามารถที่แท้จริง ต้วนจิ่นเจียงก็นับอยู่ในระดับสูงสุดดังนั้นหลังจากที่เขาตระหนักว่าตัวเองจะต้องทรยศต่อจ้าวเสวียนจี และรู้ว่า ไม่ว่าตำหนักบูรพาหรือสำนักราชเลขาจะชนะในท้ายที่สุด ตัวเองนั้นไม่มีทางจบลงด้วยดีดังนั้นเขาจึงวางแผนเส้นทางหลบหนี จัดเตรียมทหารเดนตายเข้าสู่เมืองหลวง หากเรื่องราวถึงจุดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เช่นนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดก็คือหนี สำหรับการก่อกบฏนั้น เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ และไม่กล้าที่จะคิดไม่ว่าใต้หล้าจะวุ่นวายเพียงใด มันก็เป็นใต้หล้าของต้าฉิน เป็นข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 244

    ต้วนจิ่นเจียงรับการโจมตีที่ท้อง เขาแหกปากดังลั่นแล้วล้มลงไปที่พื้นแต่ไม่ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด เขาก็กล่าวอย่างตกใจ “จะทำอย่างไรดี?”“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?”หลี่เฉินกล่าวเสียงเย็นชา “มันสายเกินไปแล้วที่จะพูดอะไรตอนนี้ จ้าวเสวียนจีคงจะฉวยโอกาสชุลมุนตัดหัวข้า!”ซูเจิ้นถิงพูดอย่างใจร้อนว่า “ฝ่าบาท รีบเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นชุดธรรมดา กระหม่อมจะส่งฝ่าบาทเสด็จออกจากเมืองหลวงอย่างปลอดภัย”“ออกจากเมืองหลวง? เหตุใดต้องออกจากเมืองหลวง?”หลี่เฉินปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเขาไม่ได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่น และไม่ได้เสี่ยงชีวิตเพียงเพื่ออวดตัวตรงกันข้าม ยิ่งสถานการณ์ตึงเครียด จิตใจของเขาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นหลังจากลูกเตะแห่งความเกลียดชัง หลี่เฉินก็เหมือนได้ระบายความโกรธออกมา และตอนนี้เขาก็สงบลงแล้ว“ข้าออกไปไม่ได้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถออกไปได้ แต่ยังต้องรอพวกเขาอยู่ที่นี่อย่างเปิดเผย”หลี่เฉินเงยหน้ามองซูเจิ้นถิงแล้วกล่าวว่า “แม่ทัพซู ท่านมั่นใจแค่ไหนเรื่องกองทัพ?”ซูเจิ้นถิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวว่า “หากเป็นกองทัพอื่น กระหม่อมมั่นใจห้าส่วน แต่ถ้าเป็นค่ายหนานต้า กระหม่อมมั่นใจมากที่สุดแค่หนึ่งส่ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 245

    ตอนนี้เอง ประตูหลักของจวนแม่ทัพใหญ่ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดขณะเปิดออก ข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งก็เดินออกมา และแยกกันยืนทั้งสองฝั่ง จากนั้นซูผิงเป่ยก็นำกลุ่มองครักษ์ส่วนตัวออกมาจากจวนหลังจากนั้น ซูเจิ้นถิงและคนอื่นๆ ก็เดินออกมา ก่อนจะแยกออกเป็นสองฝั่งซ้ายขวาเพื่อเข้าร่วมการปกป้ององค์รัชทายาทกับซูผิงเป่ย เว้นที่ว่างตรงกลางเอาไว้ จากนั้นหลี่เฉินก็ก้าวเท้าออกมาพร้อมด้วยซูจิ่นพ่า และยืนอยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพใหญ่ หากมองอย่างเป็นกลาง การปรากฏตัวของทหารองครักษ์อวี่หลินค่ายหนานต้า ดูดีกว่าค่ายเป่ยต้าอยู่ไม่น้อยไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแต่ละคนกล้าหาญและมีทักษะมากเพียงใด แต่อย่างน้อยจิตวิญญาณของทหารก็ยังมีอยู่ และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด โดยไม่ตื่นตระหนกในขณะที่เคลื่อนพลเข้ามาพร้อมกัน ทหารนับพันก็ไม่มีความวุ่นวาย ราวกับว่าพวกเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแค่จุดนี้เพียงอย่างเดียว ก็สามารถมองออกได้ว่าผู้นำของค่ายหนานต้าเป็นคนมีความสามารถเมื่อหลี่เฉินยืนนิ่ง ทหารนับพันคนก็ยืนนิ่ง ซึ่งมีผู้นำสองสามคนคอยบัญชา ในบรรดาคนเหล่านั้น มีชายร่างกำยำสูงใหญ่คนหนึ่งที่มีใบหน้าดุร้ายก้าวออกมาเมื่อพิจารณาจา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 246

    เสียงตะโกนถามนี้ ดังกึกก้องราวอสนีบาตร เจือไปด้วยความน่าเกรงขามหลี่เฉินเพียงคนเดียว แม้จะต้องเผชิญหน้ากับทหารชั้นสูงของต้าฉินนับพัน แต่กลับไม่แสดงความขลาดกลัวออกมา พลังอำนาจของเขาไม่ได้ถูกลดทอนแต่อย่างได้การแสดงออกเช่นนี้ ก็สามารถทำให้ผู้คนประหลาดใจบางส่วนในใจของเว่ยตังเซียงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ม้าศึกคู่กายคล้ายจะสัมผัสถึงความไม่มั่นใจของเจ้าของมันได้ มันจึงย่ำกีบอย่างกระสับกระส่าย ส่ายหัวแล้วพ่นจมูกการพ่นจมูกนี้ ได้ทำลายความเงียบสงบในทันที เว่ยตังเซียงเปิดปากพูด “องค์รัชทายาททรงไร้คุณธรรม ตั้งแต่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็สังหารขุนนางไปไม่รู้มากมายเพียงใด ทำให้ผู้คนในราชสำนักจิตใจไม่สงบ คงจะดีไม่น้อยหากสามารถบรรลุความสำเร็จทางการเมืองได้ แต่จวบจนถึงตอนนี้ องค์รัชทายาทก็ยังเสพติดอยู่กับการฆ่าฟัน ไม่เพียงแต่ไม่สร้างคุณูปการให้กับประเทศ แต่ยังก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง เจ้าดูผู้ประสบภัยในใต้หล้าสิว่ามีมากเพียงใด ประชาชนอดอยากลำเข็ญ เจ้าในฐานะองค์รัชทายาทกลับไม่คิดจะช่วยประชาชน แต่กลับปากหวานก้นเปรี้ยวไปวันๆ!”“องค์จักรพรรดิเป็นราชันย์ทรงพระปรีชา เพียงแต่ตอนนี้พระวรกายมังก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 247

    “เรื่องราวในวันนี้ องค์ชายแปดมีความมั่นใจเพียงใด?” จ้าวเสวียนจีถามหลี่อิ๋นหู่ยืนตัวตรง และกลับลงไปนั่งใหม่ เขาพิจารณาอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “ในความคิดของข้า ประมาณหกส่วน”จ้าวเสวียนจียิ้มน้อยๆ “ท่านและข้าเตรียมการมาเป็นอย่างดี อันดับแรกบีบให้ต้วนจิ่นเจียงก่อความวุ่นวายก่อน จากนั้นก็อาศัยชื่อของต้วนจิ่นเจียง ยัดเรื่องก่อกบฏใส่หัวเขา และยังมีทหารค่ายหนานต้าทั้งหมดเข้าร่วม แต่พระองค์มั่นใจเพียงหกส่วน?”หลี่อิ๋นหู่กล่าว “ความยากลำบากอยู่ที่จวนแม่ทัพใหญ่”หลี่อิ๋นหู่กำหมัดพูด “ขวัญกำลังใจของทหารในใต้หล้า สามส่วนอยู่ที่ราชสำนัก สามส่วนอยู่ที่ราชวงศ์ และสามส่วนที่เหลืออยู่ที่ตระกูลซู นี่ไม่ใช่แค่การพูดเฉยๆ” “บารมีของเทพสงครามตอนนั้นยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้เทพสงครามจากไปแล้วเป็นสิบปี แต่ยังไม่ถึงยี่สิบ ดังนั้นเหล่าแม่ทัพที่เคยได้รับการสนับสนุนและปกป้องจากเทพสงคราม ซึ่งบัดนี้ ถูกกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้นขวัญกำลังใจของทหารจึงยังคงมีอยู่ ในบางครั้งก็มีการกระตุ้นให้เกิดความเลื่อมใสซ้ำ ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนน้อยมากก็ตาม” “บวกกับทหารจากทั่วทุกมุมประเทศที่เข้าร่วมกองทัพ ต่างก็ได้รับกฎการฝึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 248

    ธนูลับ!โจมตีองค์รัชทายาท!ประเด็นสำคัญสองคำนี้ ทำให้จ้าวเสวียนจีขมวดคิ้วธนูลับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาเตรียมไว้ในลายลักษณ์อักษรของเขานั้น ก็ไม่ได้เขียนให้ทำเช่นนั้น หรือถ้าหากจะทำ ก็ต้องโจมตีให้ตายในครั้งเดียวดวงตาของจ้าวเสวียนจีมองไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ท่าทางของหลี่อิ๋นหู่นั้นดูสงบมาก ไม่มีข้อพิรุธใดๆ“หาทางขวางคนของค่ายเป่ยต้า”จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงขรึม “ยืดเวลาให้นานที่สุด”หลังจากสายลับจากไปแล้ว จ้าวเสวียนจีก็พูดกับหลี่อิ๋นหู่ว่า “องค์ชายแปด ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ดูเหมือนว่ามีบางคนต้องการกวนน้ำให้ขุ่น ในฐานะราชเลขา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าไม่ออกหน้าพูดก็คงจะ...”หลี่อิ๋นหู่รีบลุกขึ้นยืน “ข้าไม่สามารถรบกวนท่านนาน เช่นนั้นข้าจะกลับตำหนักก่อน”จ้าวเสวียนจีพยักหน้าพูด “องค์ชายแปดโปรดกลบเกลื่อนร่องรอยให้ดี อย่าถูกคนพบเห็น”“เข้าใจแล้ว”หลังจากหลี่อิ๋นหู่กล่าวคำอำลา เขาก็เดินออกจากห้องหนังสือของจ้าวเสวียนจีอย่างไม่เร่งรีบ และเดินไปตามระเบียงทางเดินอย่างเงียบเชียบ และในที่สุดก็ออกจากจวนจ้าวไป ในตรอกเล็กๆ มีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ เขาก้

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status