Share

บทที่ 231

Author: ไห่ตงชิง
last update Last Updated: 2024-09-11 18:58:12
โหวอวี้ซูได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลขึ้นมา

“แม่นางชุ่ยจู ข้านำ<ขุนเขาธารธารา>มาด้วย ก็อยากจะนำไปมอบให้คุณหนูของเจ้าด้วย...”

ชุ่ยจูเอียงคอแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “ท่านก็สามารถให้ข้าได้เหมือนกันนี่”

ความหมายนั้นเรียบง่ายมาก สามารถมอบสิ่งของให้ได้ แต่ไม่สามารถเห็นตัวคนได้

โหวอวี้ซูแทบจะกระอักเลือดออกมา

“สิ่งนี้ล้ำค่ามาก...”

ชุ่ยจูได้ยินดังนั้น ก็ส่งเสียงหึอย่างไม่พอใจและบอกว่า “มีของล้ำค่าอันใดบ้างที่คุณหนูของข้าไม่เคยเห็น ถ้าเจ้าบอกว่าของนั้นล้ำค่ามาก จนไม่กล้ามอบให้ข้า เช่นนั้นก็ช่างเถอะ เจ้าก็นำกลับไปด้วยซะ”

พูดจบ ชุ่ยจูก็กำลังจะปิดประตู

แต่จังหวะที่หันหัวมา ก็เห็นหลี่เฉินเข้าพอดี

ทันใดนั้นชุ่ยจูก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมา

เมื่อครู่นางไม่เห็นหลี่เฉินจริงๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ทักทายหรือแสดงความเคารพ นี่เป็นอาชญากรรมครั้งใหญ่

สาวใช้คนนั้นจ้องหลี่เฉินตาค้าง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ หลี่เฉินจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าอยากพบคุณหนูของเจ้า”

ชุ่ยจูรู้สึกตื่นเต้น นางรีบเปิดประตูให้กว้างขึ้นและวิ่งออกมาจากถนนเส้นเล็กๆ เพื่อมาโค้งคำนับให้หลี่เฉิน แต่หลี่เฉินกลับยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ต้องสุภาพ แค่พาข้าเข้าไ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 232

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้ซูจิ่นพ่าหน้าแดงเล็กน้อย นางกล่าวอย่างโมโหว่า “ฝ่าบาททรงหยิ่งผยองเกินไปแล้ว!”หลี่เฉินหัวเราะเสียงดัง “อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอยู่แล้ว โหวอวี้ซูผู้นั้นเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ไม่สลักสำคัญอันใด ในเมื่อเจ้าไม่สนเขา ไม่รับของขวัญจากเขา เช่นนั้นทำไมต้องไปสร้างปัญหาเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่มีเหตุผลด้วยล่ะ? ในคลังส่วนตัวของข้ามีฉินที่ชื่อลี่ว์ฉี่อยู่ตัวหนึ่ง ข้าจะมอบมันให้เจ้าแทนคำขอโทษดีไหม?”ซูจิ่นพ่าตาเป็นประกายมันเป็นท่าทางของคนตระหนี่เห็นเพชรพลอย หรือคนรักชาเห็นหลงจิ่งที่ดีที่สุดเห็นได้ชัดว่าแรงดึงดูดของลี่ว์ฉี่เหนือกว่า หลายเท่าเพียงแต่ท่าทางนี้ได้หายไปในชั่วพริบตา“ไม่เอาหรอก ข้าจะไม่รับสิ่งตอบแทนโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไร”เมื่อเห็นน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวของซูจิ่นพ่า หลี่เฉินก็พยักหน้า “ตกลง หากเจ้าไม่ต้องการก็ช่างเถอะ”“ซานเป่า”ซานเป่าที่ยืนอยู่ไกลๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาก็รีบวิ่งเข้ามา“บ่าวอยู่”“ลี่ว์ฉี่นั่นจิ่นพ่าไม่ต้องการ แต่สิ่งที่ข้ามอบออกไปแล้วย่อมไม่มีเหตุผลต้องนำกลับคืน ดังนั้นส่งคนไปเผามันซะ” หลี่เฉินพูดเสียงเรียบ

    Last Updated : 2024-09-11
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 233

    ซูจิ่นพ่าเบิกตากว้างนางไม่ใช่คนเดียวที่ตะลึงกับฉากนี้แม้แต่ชุ่ยจูที่รับใช้อยู่ข้างๆ ก็ยังยืนอึ้งเหมือนคนโง่นางเคยเห็นคุณหนูของนางถูกหยอกล้อเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“มองหาความตายหรืออย่างไร?”เสียงที่น่ากลัวดังมาจากด้านข้างของชุ่ยจูนางเห็นซานเป่ากำลังยืนหันหลังให้กับองค์รัชทายาทและซูจิ่นพ่า เขาก้มหน้าลงกระซิบพูดกับชุ่ยจูชุ่ยจูรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยในจวนแม่ทัพใหญ่ นอกจากนายท่านผู้เฒ่าที่น่าเกรงขามเสียจนทำให้ผู้คนตกใจ แม้แต่นายน้อยก็ไม่ดุตัวเองแต่ขันทีเฒ่ามืดมนผู้นี้กลับมาดุนาง...เมื่อหันหลังให้สองท่านนั้น ชุ่ยจูก็พูดอย่างไม่มีความสุขว่า “เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาสั่งสอนข้า!”ซานเป่าแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมโหด “กวางกงแห่งหน่วยบูรพา”ห้าคำนี้ ทำให้ชุ่ยจูตกใจจนหน้าถอดสีถึงแม้ว่านางจะเติบโตมาในจวนแม่ทัพใหญ่ และไม่สนใจโลกภายนอกมากแค่ไหน แต่ชุ่ยจูก็รู้ว่าหน่วยบูรพาเป็นสถานที่ที่น่ากลัวเพียงใด ส่วนกวางกง...แค่ตะโกนบนถนนก็ทำให้เด็กหยุดร้องไห้ได้แล้ว“เจ้า!!!”โดยไม่รู้เลยว่าสาวใช้คนสนิทของตัวเองนั้นใกล้จะร้องไห้เต็มที ซูจิ่นพ่าในตอนนี้รู้สึกอายจนโมโหแทบตาย นางชักมือกลับมาร

    Last Updated : 2024-09-11
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 234

    ซูเจิ้นถิงไม่สนใจความคิดที่อ่อนไหวของซูจิ่นพ่า แต่ส่งสัญญาณทางสายตาให้ซูผิงเป่ยเฝ้าอยู่ที่นี่ จากนั้นก็หันหัวเดินจากไปมองตามแผ่นหลังของซูเจิ้นถิง ซูจิ่นพ่าก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ และกล่าวกับซูผิงเป่ยว่า “ใต้หล้านี้มีบิดาเช่นนี้ได้อย่างไร? ราวกับว่าเขาต้องการจะผลักข้าไปหาผู้อื่น!”ซูผิงเป่ยได้ยินดังนั้น เขาก็กลืนคำพูดที่ว่า ‘เจ้ารีบไปดูแลองค์รัชทายาทได้แล้ว ประเดี๋ยวพี่จะยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูให้เอง’ ลงไป เขาไอค่อกแค่กและกล่าวว่า “ท่านพ่อเพียงหวังดีต่อเจ้า”“หวังดีต่อข้าอย่างไร? การรีบร้อนให้ข้าแต่งงานออกไปก็เพราะหวังดีต่อข้างั้นหรือ? เขาทำเพื่อตระกูลซูต่างหาก!”ซูผิงเป่ยขมวดคิ้วพูด “แล้วเจ้าไม่ใช่คนตระกูลซูหรอกหรือ? ทำเพื่อตระกูลซูก็เหมือนทำเพื่อเจ้า?”“จะเหมือนกันได้อย่างไร?”ซูจิ่นพ่ากล่าวด้วยความโกรธ “สิ่งที่พวกท่านเรียกว่าดี คือมรดกสืบทอดของตระกูล ความรุ่งโรจน์ และอำนาจ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาของข้า!”ซูผิงเป่ยแสดงสีหน้าเคร่งขรึม แม้กระทั่งเจือความดูถูกเล็กน้อย เขากล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าที่ฉลาดก็ควรจะเข้าใจเหตุผลถูกต้องไหม ตั้งแต่เล็กจนโต อาหารการกิน เสื

    Last Updated : 2024-09-11
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 235

    “ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่เฉินซึ่งเป็นตัวต้นเหตุ ซูจิ่นพ่ามองอย่างไรก็รู้สึกไม่รื่นหูรื่นตานางนั่งหน้าฉินด้วยความโมโห สองมือวางบนตัก และหันหน้าหนีจากหลี่เฉินท่าทางแง่งอนของสาวน้อย ทำให้หลี่เฉินหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไรก็ตาม เขาไม่สนใจท่าทางไม่มีความสุขของซูจิ่นพ่า และโบกมือเรียกซูผิงเป่ยที่เฝ้าหน้าประตูอย่างซื่อสัตย์อยู่ไกลๆ ซูผิงเป่ยวิ่งเหยาะๆ ไปตามถนนเส้นเล็ก และใบหน้ามีรอยยิ้มประจบประแจงเสียจนซูจิ่นพ่ายิ่งมองยิ่งโมโห นางรู้สึกว่าพี่ชายตัวเองนั้น แทบจะเหมือนกับขันทีซานเป่าเข้าไปทุกที“ฝ่าบาท พระองค์ไม่บรรทมต่ออีกหน่อยหรือ”เมื่อซูผิงเป่ยมาถึงตรงหน้าหลี่เฉิน ก็ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ไม่นอนแล้วล่ะ”หลี่เฉินบิดเอวอย่างเกียจคร้าน แต่ยังคงนอนอยู่บนเก้าอี้และไม่มีทีท่าว่าจะลุก เขากล่าวว่า “ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดมากมาย ทำให้นอนไม่หลับ แค่งีบสักพักก็พอ มิฉะนั้นน้องสาวของเจ้าจะยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้น”ซูจิ่นพ่ากล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไปสิ จะลากข้ามาเอี่ยวด้วยทำไม เจ้าอยากนอนก็นอน อยากเอนก็เอน ใครจะกล้าว่าอะไรเจ้า”“จิ่นพ่า! เหตุใดถึงกล่าวกับฝ่าบาทเ

    Last Updated : 2024-09-11
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 236

    การแสดงออกของหลี่เฉินค่อยๆ จริงจังขึ้น เขาพยักหน้าให้ซูผิงเป่ยแล้วกล่าวว่า “หากข้าต้องการจะชนะ ก็ย่อมมีคนอยากให้ข้าพ่ายแพ้ ดังนั้นความยากที่แท้จริงของสงครามในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่สนามรบ แต่เป็นคลื่นกระแสน้ำที่มองไม่เห็นในราชสำนัก”“ด้วยสถานะและภูมิหลังของเจ้า คงจะลดทอนความยากลำบากนี้ลงได้บ้าง ”“แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อเจ้าออกเดินทาง แรงกดดันและความยากลำบากจากทุกด้านก็จะถาโถมมาที่เจ้า”“ข้าอยากจะช่วยเจ้า แต่ความจริงก็คือกรมเหล่านั้นในราชสำนัก ส่วนใหญ่ล้วนเชื่อฟังสำนักราชเลขา ดังนั้นข้าจะบอกเจ้าอย่างซื่อสัตย์ ทุกอย่างเจ้าจะต้องพึ่งพาตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ข้ากับบิดาของเจ้าก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้มากนัก”“ตอนนี้เจ้าเหมือนกับเป้าธนูที่ข้าผลักออกไป ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับโจรสลัดตงอิ๋ง แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับทวนเปิดเผย เกาทัณฑ์ลับของราชสำนักอีก”“ดังนั้นเจ้าต้องไม่คิดว่านี่คือโอกาสทองที่ข้ามอบให้เจ้า เพราะถ้าสงครามครั้งนี้ล้มเหลว การสูญเสียของเจ้านั้นเพียงเล็กน้อย แต่ชื่อเสียงทั้งหมดของตระกูลซูก็จะล่มสลาย”คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้สีหน้าของซูผิงเป่ยตึงเครียดแม้ว่าก่อนหน้านี้ซูเจิ้นถิงจะบ

    Last Updated : 2024-09-11
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 237

    “ได้ๆ เจ้าคือซูผิงเป่ย อ๋องโหวแม่ทัพไม่ใช่ว่าเป็นเมล็ดพันธุ์จากสวรรค์หรอกหรือ ยิ่งไม่ต้องพูดว่า เจ้าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุดในบรรดาเมล็ดพันธุ์ทั้งปวง”ซูจิ่นพ่าร้องเหอะ ยกชายกระโปรงขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากลานของตัวเอง นางเดินไปพลางบ่นไปพลางว่า “ข้าพูดแบบหนึ่ง ตัวเจ้าคิดอีกแบบหนึ่ง แล้วจะยังมีประโยชน์อะไรล่ะ? เจ้าต้องมีคนข้างนอกให้กลัวจริงๆ บารมีไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างขึ้นมาได้ โดยอาศัยแค่คำพูด”ตอนนี้เองภายในห้องหนังสือ หลี่เฉินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เจ้าบ้านของซูเจิ้นถิง ส่วนซูเจิ้นถิงก็นั่งอยู่บนเก้าอี้แขก เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านรักถนอมบุตรชายของท่านจริงๆ เพียงแต่ว่าการไม่บอกความจริงกับเขา ไม่ให้เขาได้เตรียมตัวใดๆ จนถึงตอนที่ทุกอย่างวุ่นวายขึ้นมา เขาจะไม่ลำบากหรอกหรือ”ซูเจิ้นถิงยิ้มอย่างขมขื่น “แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดสามารถซ่อนเร้นจากสายพระเนตรของฝ่าบาทได้ เพียงแต่ข้าได้วางแผนจัดการบางอย่างให้กับเขาแล้ว แม้ว่าสำนักราชเลขาจะใช้มือเดียวคลุมฟ้า แต่หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลซูก็มีเส้นสายมากมายเช่นกัน”หลี่เฉินโบกมือแล้วกล่าวว่า “อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว เส้นสายที่ท่านมี หากใช้ออกไปแล้วก็เท่ากับหม

    Last Updated : 2024-09-11
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 238

    การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทำให้หลี่เฉินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็โกรธจัดขึ้นมา“ฆ่าตัวตาย!? มันเป็นการฆ่าตัวตายหรือการฆาตกรรม!?”ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ แก่นแท้ของสถานการณ์ทั้งหมดไม่ใช่จ้าวเสวียนจีหรือแม้แต่หลี่เฉิน แต่เป็นต้วนจิ่นเจียงต้วนจิ่นเจียงสามารถเสี่ยงชีวิตและทรยศจ้าวเสวียนจี ก็เพื่อรักษาชีวิตของต้วนจั่งเหมียน บุตรชายเพียงคนเดียวของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต้วนจั่งเหมียนมีความสำคัญต่อเขามากเพียงใดแต่ตอนนี้ต้วนจั่งเหมียนกลับเสียชีวิตคราวนี้สถานการณ์ที่แต่เดิมชัดเจน กลับกลายเป็นยุ่งอีนุงตุงนังขึ้นมา และการเปลี่ยนแปลงนี้ ได้ทำลายสถานการณ์โดยรวมที่หลี่เฉินจัดเตรียมมาอย่างอุตสาหะเช่นนี้แล้วจะไม่ให้หลี่เฉินโกรธได้อย่างไรเห็นได้ชัดว่าซานเป่าก็รู้ว่าการตายของต้วนจั่งเหมียนนั้นจะก่อให้เกิดความวุ่นวายมากเพียงใด เขาจึงก้มหน้าลง ไม่กล้าเงยหน้ามองสีหน้าหลี่เฉิน “ข่าวนี้เพิ่งออกมาจากเรือนจำ เดิมทีต้วนจั่งเหมียนก็ได้รับการปกป้องจากองครักษ์เสื้อแพรเป็นอย่างดี อาหารการกินก็ดูแลเป็นอย่างดี นอกจากอิสรภาพแล้ว การใช้ชีวิตของเขาก็ดีพอๆ กับตอนที่อยู่ข้างนอก และตลอดเวลาที่ผ่านม

    Last Updated : 2024-09-11
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 239

    “ฝ่าบาท เราต้องไม่ปล่อยให้ต้วนจิ่นเจียงทำเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้” ซูเจิ้นถิงยังคงมีสติ และเข้าใจประเด็นสำคัญในทันที เขารีบเอ่ยปากแนะนำหลี่เฉินไม่พูดอะไร สายตาของเขาจ้องมองไปที่ซานเป่า “จากที่นี่ไปเรือนจำไกลแค่ไหน?”ซานเป่าไม่กล้าหยุดคิด เขาหลุดปากพูดทันทีว่า “ใช้ม้าเร็วก็ประมาณครึ่งเค่อ”“เจ้ารีบไปพาต้วนจิ่นเจียงมาหาข้าที่นี่” หลี่เฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึมซานเป่าโขกหัวให้หลี่เฉินอีกครั้ง จากนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนเพื่อไปจัดการธุระหลี่เฉินหันไปพูดกับซูเจิ้นถิงว่า “ท่านแม่ทัพซู เตรียมห้องที่เงียบสงบให้ข้าจัดการเรื่องราวต่างๆ หน่อย”“มีห้องข้างพร้อมพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อซูเจิ้นถิงกล่าวจบ เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระซิบพูดว่า “ต้วนจิ่นเจียงผู้นั้นดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมยุทธนาการมาหลายปี แต่ต่อมา ก็ถูกเสนอชื่อให้เป็นมหาอำมาตย์ในสำนักราชเลขา อำนาจของเขาในกรมยุทธนาการค่อนหยั่งลึกมาก และส่วนใหญ่ก็เป็นคนของเขา แม้แต่จ้าวเสวียนจีก็ไม่สามารถแทรกแซงเข้าไปได้ ควรจะให้ผิงเป่ยเคลื่อนหน่วยองครักษ์อวี่หลินเข้ามาในเมืองหลวงหรือไม่?”หลี่เฉินหยุดชั่วคราวและโบกมือ “ไม่จำเป็น ต้วนจิ่นเจียงไม่กล้าขนาดน

    Last Updated : 2024-09-11

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 730

    หลี่เฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ ข้าตัดสินใจเองไม่ได้ เสด็จพ่อยังทรงพระชนม์อยู่ ข้าย่อมไม่อาจปลงพระชนม์ได้”สำหรับหลี่เฉิน นี่ถือเป็นคำพูดที่แสดงออกถึงความจริงใจโจวผิงอันยังคงแสดงสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้แปลกใจกับคำปฏิเสธนั้น และตอบกลับทันทีว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ยังมีอีกวิธี”“บีบให้จ้าวเสวียนจีก่อกบฏ”น้ำเสียงของโจวผิงอันเยือกเย็น “ไม่ว่าจะเป็นการที่องค์ชายขึ้นครองบัลลังก์หรือวิธีอื่น เป้าหมายสำคัญที่สุดคือการทำให้จ้าวเสวียนจีไม่มีทางเลือก จนต้องก่อกบฏ เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะถูกประณามจากทั่วหล้า และไม่ว่าองค์ชายจะปลดหรือประหารเขา ก็จะเป็นไปตามครรลองแห่งธรรม”“ขุนนางก่อกบฏ องค์ชายทรงสังหาร นั่นคือความชอบธรรมที่ไม่มีใครปฏิเสธได้”“เช่นนี้ จะช่วยให้ราษฎรสงบปากสงบคำ และยังป้องกันไม่ให้อ๋องแห่งแคว้นทั้งหลายใช้ข้ออ้างว่าราชสำนักสั่นคลอนเพื่อยกทัพมาปราบด้วย”คำพูดนี้กระแทกใจหลี่เฉินโดยตรงทำไมเขาไม่กำจัดจ้าวเสวียนจีตั้งแต่ต้น?เพราะหากใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องในการกำจัดจ้าวเสวียนจี ราชสำนักจะเข้าสู่ภาวะอัมพาตทันทีแผ่นดินจะวุ่นวาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 729

    คำพูดสั้นๆ ของโจวผิงอัน เปรียบได้กับพายุที่ทำแผ่นดินสั่นคลอนแม้แต่หลี่เฉินเองก็ยังต้องขมวดคิ้วคำพูดนี้ หากผู้ใดกล่าวออกไป ย่อมถูกนับเป็นกบฏและต้องโทษประหารชีวิต ไม่เพียงตัวเอง แต่ถึงขั้นล้างโคตรทั้งตระกูลแต่ในพระที่นั่งสีเจิ้งที่เงียบสงัดและเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชวนอึดอัด กลับรู้สึกว่าเหมาะสมอย่างน่าประหลาดโจวผิงอันดูเหมือนไม่ใส่ใจกับความผิดร้ายแรงในคำพูดของตนเอง เขากล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงสงบ “ในตอนนี้ องค์ชายมีทั้งทำเลที่เหมาะสมและผู้คนที่สนับสนุน สิ่งที่ขาดไปคือโอกาสฟ้าประทาน ซึ่งโอกาสนั้นก็คือการที่ฝ่าบาทเสด็จสวรรคต เมื่อถึงตอนนั้น เส้นทางขึ้นครองบัลลังก์ขององค์ชายจะไร้อุปสรรค และเมื่อขึ้นครองราชย์ได้ จักรพรรดิองค์ใหม่ก็จะสามารถใช้โอกาสแห่งการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินกวาดล้างจ้าวเสวียนจีได้อย่างเบ็ดเสร็จ”หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ เพียงคำเดียว “กบฏ”โจวผิงอันโค้งตัวคำนับ “องค์ชายทรงพระปรีชา”“จ้าวเสวียนจีผู้นี้ เปรียบได้กับจอมคนในยุคปัจจุบัน ในประวัติศาสตร์สามก๊ก มีคำกล่าวเกี่ยวกับโจโฉว่า ‘เป็นขุนนางที่มีฝีมือในยุคแห่งความสงบ และจอมคนในยุคแห่งความปั่นป่วน’ จ้าวเสวียนจีก็คือโจโฉแห่งต้าฉิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 728

    คำพูดของหลี่เฉิน หากพูดให้ใครฟังก็คงทำให้คนฟังเปลี่ยนสีหน้าไปทันที แต่โจวผิงอันกลับไม่มีปฏิกิริยาเช่นนั้นเขาเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเขากำลังคิดอย่างจริงจังหลี่เฉินไม่ได้เร่งรัด ปล่อยให้โจวผิงอันใช้เวลาครุ่นคิดโจวผิงอันเป็นคนที่มาพร้อมกับความลึกลับ หน่วยบูรพาที่เก่งกาจยังสืบได้เพียงข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับระหว่างเขาและพี่น้องอีกสองคนเท่านั้น และข้อมูลนี้ก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเองด้วยส่วนเรื่องที่พวกเขามาจากไหน มีเป้าหมายอะไร และเป็นศิษย์ของใคร กลับไม่มีใครรู้ในแผ่นดินต้าฉิน คนที่ทำให้หน่วยบูรพาทำอะไรไม่ได้มีน้อยมาก และพี่น้องตระกูลโจวก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่ความลึกลับนี้ไม่ได้ขัดขวางความร่วมมือระหว่างหลี่เฉินกับโจวผิงอันโจวผิงอันเป็นผู้มีสติปัญญาและกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่เฉินต้องการสำหรับเป้าหมายและแผนการเบื้องหลังของโจวผิงอัน หลี่เฉินไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้ เรื่องในอนาคตก็ไม่มีความหมายหลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน โจวผิงอันจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับหลี่เฉินว่า “ทำได้ แต่ความเสี่ยงสูงมาก”หลี่เฉิน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 727

    “อย่าทำตัวเหมือนผู้ชนะที่ได้ใจในสงครามต่อหน้าข้า บอกมาเถอะว่าท่านต้องการให้ข้าทำอะไร”คำพูดที่แข็งกร้าวของจ้าวชิงหลาน ทำให้รอยยิ้มอันภาคภูมิของหลี่เฉินหุบลง“อย่าทำหน้าบึ้งตึงไปเลย สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านทำนั้นง่ายมาก”เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวชิงหลานหัวเราะเยาะ ไม่เชื่อคำพูดนั้นแม้แต่น้อยหลี่เฉินจึงพูดต่อทันที“สิ่งที่ข้าต้องการ คือท่านไม่ต้องทำอะไรเลย”คำพูดนั้นทำให้สีหน้าของจ้าวชิงหลานหยุดนิ่งนางมองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่แน่ใจ“ชัดเจนหรือยัง? สิ่งที่ข้าต้องการจากท่านคือ…ไม่ต้องทำอะไรเลย”หลี่เฉินกล่าวเสริมอีกครั้งจ้าวชิงหลานมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเข้าใจความหมายของเขา“ท่านต้องการให้ข้าไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับท่านพ่อของข้า ใช่หรือไม่?” จ้าวชิงหลานกัดฟันถามหลี่เฉินเพียงยิ้มโดยไม่ตอบ เพราะเขารู้ดีว่า จ้าวชิงหลานเข้าใจความหมายของเขาแล้ว“สำหรับจ้าวไท่ไหล ข้าจะจัดการเอง ตราบใดที่เขาว่านอนสอนง่าย ก็จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้”พูดจบ หลี่เฉินก็ยืดเส้นยืดสายแล้วเดินออกจากตำหนัก“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวก่อน ช่วงนี้งานยุ่งมาก”จ้าวชิงหลานกัดริมฝีปาก ม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 726

    คำพูดของจ้าวไท่ไหลทำให้จ้าวชิงหลานถึงกับนิ่งอึ้งนางมองดูจ้าวไท่ไหลที่กำลังหมดหนทาง เบื้องหน้านางคือน้องชายที่ไร้ความหวัง จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่นก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าจะโทษใครได้? หากไม่ใช่เพราะเจ้าไม่เอาถ่าน ใช้ชีวิตก่อปัญหาไปวันๆ”“ถ้าเจ้าทำให้เขาเห็นความหวังบ้าง เขาจะทำเช่นนี้หรือ?”“มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย!”จ้าวไท่ไหลที่เต็มไปด้วยความกลัวและความกดดันมาทั้งวัน ทนฟังคำตำหนิของจ้าวชิงหลานไม่ไหว ความโกรธของเขาพุ่งพล่านเขาเอ่ยด้วยความโกรธ “ต่อให้ข้าไร้ค่าเพียงใด ข้าก็ยังเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา! ข้าเป็นสายเลือดตระกูลจ้าว เป็นคนสืบทอดวงศ์ตระกูลของเขา แล้วนี่เขาตอบแทนข้าด้วยการทำเช่นนี้หรือ?”“ที่ผ่านมา ต่อให้เขาตีข้าหรือด่าข้า ข้าก็ยังเคารพและชื่นชมเขาอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เล่า? เขาคิดจะส่งข้าไปให้เหวินอ๋องระบายความโกรธ นี่เขาเสียสติไปแล้ว ท่านพี่มองไม่ออกหรือ?”“ตั้งแต่ตำหนักบูรพาเรืองอำนาจ องค์รัชทายาทแย่งอำนาจไปจากมือเขาแทบทั้งหมด เขาก็กลัวมาตลอด กลัวว่าตัวเองจะหมดสิ้นทุกสิ่ง เขาเคยเสวยสุขกับอำนาจมาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้กลับคลุ้มคลั่งเพื่อปกป้องมัน!”“เขาส่งพี่ไปให้ฮ่องเต้ก่อน แต่แล้วฮ่อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 725

    แม้หลี่เฉินจะไม่ได้รับสั่งใดๆ หรืออธิบายเพิ่มเติม แต่เฉินทงก็รู้ดีว่างานที่องค์รัชทายาททรงมอบหมายให้เขาดูแลด้วยตนเองนั้น จะต้องเป็นเรื่องลับแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับฮองเฮาและจ้าวไท่ไหลเพื่อความปลอดภัย เฉินทงจึงไม่ได้พาจ้าวไท่ไหลเข้าประตูใหญ่ แต่ใช้เส้นทางลับที่พวกขันที นางกำนัล และผู้ดูแลวังใช้เข้าออก โดยอ้อมเข้าประตูด้านข้างของพระราชวังหลวงระหว่างทาง เฉินทงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เพียงนำทางจ้าวไท่ไหลที่เต็มไปด้วยความกังวลเดินไปอย่างเงียบๆส่วนจ้าวไท่ไหลนั้น ใจยังคงสับสนวุ่นวาย ไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องที่บิดาของเขาต้องการฆ่าเขาได้เต็มที่ เขาจึงไม่ได้กล่าวอะไรเช่นกันทั้งสองเดินกันอย่างเงียบงันเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม จนกระทั่งมาถึงหน้าตำหนักเฟิ่งสี่ทหารรักษาการณ์ นางกำนัล และขันทีในตำหนักเฟิ่งสี่ล้วนถูกเปลี่ยนให้เป็นคนของตำหนักบูรพา เฉินทงจึงสามารถพาจ้าวไท่ไหลเข้าไปได้โดยไม่มีอุปสรรคเมื่อเข้ามาในตำหนักเฟิ่งสี่แล้ว จ้าวชิงหลานที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเห็นจ้าวไท่ไหลในชุดปลอมตัวก็ถึงกับประหลาดใจ“ท่านพี่!”เมื่อเห็นจ้าวชิงหลาน จ้าวไท่ไหลก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 724

    เมื่อซูผิงเป่ยได้ยินคำพูดนี้ เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนว่า “กระหม่อม…น้อมรับพระบัญชา”“นี่ไม่ใช่คำสั่งทหาร”หลี่เฉินเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “การตกหลุมรักเป็นเรื่องของเจ้าเอง งานสมรสนี้ข้าจัดหาให้ แต่ความรู้สึกเป็นของเจ้า หากเจ้ารู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ ข้าก็จะไม่บังคับให้เจ้าต้องสมรส”แม้ว่าหลี่เฉินจะได้ประโยชน์จากการสมรส แต่เขายังคงมีจิตวิญญาณอย่างคนสมัยใหม่ จึงให้ความสำคัญกับความรู้สึกส่วนตัวในเรื่องการสมรสเขาคิดในใจว่าหากซูจิ่นพ่าเป็นคนที่หน้าตาน่าเกลียดมาก ต่อให้ผลประโยชน์ทางการเมืองจะมากเพียงใด เขาก็อาจจะยอมสมรสเพื่อผูกมิตรกับซูเจิ้นถิง แต่ซูจิ่นพ่าคงได้เป็นเพียงเครื่องหมายประดับในตำหนักหลังเท่านั้น คงไม่มีทางได้ขึ้นเป็นชายาองค์รัชทายาทเพราะการสมรสคือเรื่องสำคัญตลอดชีวิต เมื่อสมรสแล้ว หากไม่มีเหตุผลอันใหญ่หลวง จะต้องอยู่ร่วมกับคนๆ นั้นไปตลอด หลี่เฉินจึงเปิดโอกาสไว้เล็กน้อยสำหรับซูผิงเป่ยและหลี่เพ่ยเพ่ยถ้าหากไม่ชอบจริงๆ การบังคับสมรสก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่ดูเหมือนว่าซูผิงเป่ยจะเข้าใจความหมายของหลี่เฉินผิดไป เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 723

    เมื่อได้ยินคำถามของหลี่เฉิน หลี่เพ่ยเพ่ยที่พอจะเตรียมใจไว้แล้วก็ยังตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าตอบเบาๆ ว่า “ยังไม่มีเพคะ”การสมรสขององค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่ มักไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะองค์หญิงที่ใช้ชีวิตในวังลึกมาตลอด มีโอกาสได้พบปะชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันน้อยมาก จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครในดวงใจยิ่งไปกว่านั้น ในยุคสมัยนี้ หญิงที่มีอิสระในความคิดเหมือนกับซูจิ่นพ่า เรียกได้ว่าเป็นส่วนน้อยมาก คำตอบของหลี่เพ่ยเพ่ยจึงเป็นสิ่งที่หลี่เฉินคาดไว้อยู่แล้วหลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าก็ถึงวัยแล้ว หากไม่รีบออกเรือน เกรงว่าจะกลายเป็นสาวแก่ นั่นไม่เหมาะสมทั้งในด้านความรู้สึกและเหตุผล เสด็จพี่รองจึงคิดจะหาเจ้าบ่าวให้เจ้า คนที่ข้าหมายตาไว้คือซูผิงเป่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่ซู เขาเพิ่งกลับจากชัยชนะในสนามรบ เจ้าน่าจะเคยได้ยินเรื่องราววีรกรรมของเขามาบ้าง?”หลี่เพ่ยเพ่ยตอบเบาๆ ว่า “เพ่ยเพ่ยเคยได้ยินถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของแม่ทัพซูอยู่บ้างเพคะ”หลี่เฉินยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี แม่ทัพใหญ่ซูมีบุตรเพียงสองคน คือซูผิงเป่ยและซูจิ่นพ่า ซึ่งอีกไม่นานซูจิ่นพ่าก็จะเข้ามาเป็นชายาองค์รัชทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 722

    เมื่อเห็นสวีหยวนต๋าและคนอื่นๆ แสดงท่าทีตอบรับ หลี่เฉินลุกขึ้นกล่าวว่า “เอาเถอะ เรื่องนี้จัดการตามนี้แล้วกัน”จากนั้นเขาก็เอามือไพล่หลังเดินออกจากหลันเยว่เซวียน ก่อนจะเหลือบมองเหล่าหนุ่มน้อยที่ยังคุกเข่าอยู่หน้าประตู ในยามกลางวันเช่นนี้ การให้พวกเขาคุกเข่าอยู่นั้นก็เท่ากับเป็นการลงโทษให้ผู้คนเห็น คนเหล่านั้นต่างก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบสายตาใคร ทั้งยังมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง“คุกเข่าให้ครบสองชั่วยามแล้วค่อยลุก จากนั้นส่งตัวตรงไปยังค่ายทหาร”หลี่เฉินกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเขาเชื่อว่าสวีหยวนต๋าและพวกจะไม่กล้าทำท่าทีตีสองหน้าเพราะหน่วยบูรพาเฝ้าจับตาอยู่ใกล้ๆใครกล้าเล่นตุกติก ไม่ใช่แค่ลูกชายจะถูกส่งไป แม้แต่พ่อก็อาจจะต้องตามไปด้วยเมื่อหลี่เฉินจากไป สวีหยวนต๋าและบรรดาบิดาจึงเดินมายังหน้าลูกชายของตน ก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่พวกเขาด้วยความโกรธสวีหยวนต๋าไม่ฟาดลูกชายตัวเอง เพราะใบหน้าของลูกชายเขาก็เหมือนหัวหมูอยู่แล้วเขาชี้ไปที่ลูกชายตนพร้อมกล่าวด้วยความเจ็บใจว่า “เจ้ามันไร้ความสามารถโดยแท้ วันนี้ถือว่าโชคดีนัก ไม่เช่นนั้น ตระกูลเราคงต้องถูกเจ้าทำให้พินาศหมดสิ้นแน่!”ลูกชายเขาถามด

DMCA.com Protection Status