แชร์

บทที่ 131

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-21 18:00:00
“อ๊าก!!!”

ปีนี้ หวังเถิงฮ่วนก็อายุเกินห้าสิบปีแล้ว ดูเหมือนจะไม่แก่มาก แต่อายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากรในจักรวรรดิต้าฉินก็อยู่ที่ 55 ปี ดังนั้นเขาจึงนับว่าเป็นผู้เฒ่าอย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ แขนขาผุๆ ของเขาจึงไม่สามารถทนต่อลูกเตะของหลี่เฉินที่อายุน้อยกว่าและแข็งแรงกว่าได้

หวังเถิงฮ่วนยกมือกุมท้อง ร่างกายของเขากลิ้งหลุนๆ เหมือนน้ำเต้าร่วงลงพื้น

เครื่องแบบราชการที่สะอาดแต่เดิมนั้น เต็มไปด้วยโคลนและหิมะ ทำให้ดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง

เหตุการณ์นี้ อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน

หลี่เฉินชี้นิ้วไปที่หวังเถิงฮ่วน และตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ตาเฒ่านี่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงมาบอกว่าข้ากำลังท้าทายราชสำนัก?”

“ขุนเขาธาราแห่งนี้ เป็นของสกุลหลี่ไม่ใช่สกุลหวัง ใต้ฟ้าคือแผ่นดินของกษัตริย์ ในสี่ทะเล ทุกคนคือขุนนางของกษัตริย์ ผู้ปกครองใต้หล้านี้คือสกุลข้า หาใช่แซ่หวังอย่างเจ้า!”

“ข้าต้องการปรับปรุงการทำงานของราชการ ในสายตาของเจ้าคือท้าทายราชสำนัก!? เหตุใดจึงมีราชสำนัก? ใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมา? เจ้าอ่านหนังสือมาหลายสิบปี คำสอนสามปฏิบัติห้ามรรคอย่างกษัตริย์คือต้นขุนนางตาม ล้วนอ่านไม่เข้าใจเลยหรือ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 132

    เมื่อองครักษ์อวี่หลินนับพันล้อมรอบผู้คนดุจหมาป่าดุจพยัคฆ์ หวังเถิงฮ่วนจึงตระหนักถึงเรื่องใหญ่ก่อนหน้านี้ ตอนที่ทั้งสองปรึกษาหารือกันในห้องลับ จ้าวเสวียนจีเคยกล่าวไว้ว่า องค์รัชทายาทผู้นี้ไม่ยึดหลักสามัญสำนึกทั่วไป จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับมือในเวลานั้น หวังเถิงฮ่วนไม่เคยเผชิญหน้ากับหลี่เฉินตรงๆ จึงไม่เข้าใจประโยคนั้นอย่างลึกซึ้ง แต่ตอนนี้ วินาที ประโยคดังกล่าวได้ฝังลึกลงในกระดูกของเขาแล้วทั้งยังได้ลิ้มรสประสบการณ์ของหลี่เฉิน ในตอนที่เขากับจ้าวเสวียนจีเกือบจะใช้อำนาจบีบบังคับตำหนักบูรพาได้แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็แค่ข่มขู่ แต่ไม่เคยใช้กำลังทหารจริงๆ แต่ตอนนี้ หน่วยอวี่หลินถูกหลี่เฉินเรียกมาใช้ดาบจอคอตัวเอง รสชาตินี้ยากที่จะรับไหวจริงๆ หวังเถิงฮ่วนหวังทั้งตกใจทั้งโมโห เขาเกร็งหน้า และรู้สึกว่าลมหนาวผสมเกล็ดหิมะนั้นราวกับมีดที่บาดบนใบหน้า แล้วจ้องไปที่หลี่เฉิน เสียงของหวังเถิงฮ่วนเกือบจะเพี้ยนขณะพูด “องค์รัชทายาท! พระองค์เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่กลับทำหันอาวุธใส่ขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก ไม่กลัวหัวใจของผู้คนในใต้หล้าจะหนาวเย็นเลยหรือ!?”ลมหนาวพัดหวีดหวิวเสียงดัง เกล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-21
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 133

    ซูจิ่นพ่าเม้มปากแน่น นางยกมือดึงชายกระโปรงขึ้นมาแล้วเดินไปข้างๆ หลี่เฉินเพียงไม่กี่ก้าว นางก็รู้สึกกดดันอย่างล้นหลามแรงกดดันนี้ไม่เพียงมาจากความหวังอันสิ้นหวังของหวังเถิงฮ่วน และการจ้องมองของเหล่าองครักษ์อวี่หลินนับพันที่อยู่รอบตัว แต่ยังมาจากความน่าเกรงขามของหลี่เฉินที่หนักแน่นมากจนแทบจะกลั่นเป็นแก่นแท้ได้เมื่อคิดว่า ครึ่งชั่วยามที่แล้วนางกับหลี่เฉินกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้ซูจิ่นพ่าเข้าใจคำพูดที่ว่าอยู่กับราชาก็เหมือนอยู่กับเสืออย่างลึกซึ้งแล้ว“ฝ่าบาท”หลังเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ หลี่เฉิน ซูจิ่นพ่าก็กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “หวังเถิงฮ่วนไม่อาจฆ่าได้”หลี่เฉินไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงแค่มองซูจิ่นพ่าอย่างเงียบๆเขารู้ว่าซูจิ่นพ่าจะต้องมีเหตุผลสำหรับสิ่งที่นางพูดซูจิ่นพ่าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้หากฝ่าบาทสังหารหวังเถิงฮ่วน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ฝ่าบาทก็ต้องแบกรับผลที่จะตามมา ลองคิดดูว่า ถ้าจ้าวเสวียนจีรู้ว่าหวังเถิงฮ่วนถูกฝ่าบาทฆ่าตาย เขาจะคิดอย่างไร?”“กระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้ บางทีมันอาจจะทำให้จ้าวเสวียนจีสู้อย่างหมาจนตรอก เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นอำนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-22
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 134

    “มหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ หวังเถิงฮ่วน เบื้องบนดูหมิ่นองค์รัชทายาท เบื้องล่างไม่สนใจประชาชน เป็นที่น่าละอายใจต่อนักปราชญ์ยิ่งนัก ล้มเหลวในการรับใช้ราชสำนัก เมื่อพิจารณาจากความสามารถของเขาแล้ว เป็นการยากที่จะกลายเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยของเขา เขาไม่คู่ควรกับสำนักราชเลขา แต่ระลึกถึงความเป็นผู้อาวุโส และเห็นแก่การทำงานหนักเพื่อประเทศชาติ ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ตาม แต่เพื่อแสดงถึงน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ ข้าในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่องค์จักรพรรดิทรงแต่งตั้ง จึงพระราชทานอภัยโทษและถอดถอนหวังเถิงฮ่วนออกจากตำแหน่งในสำนักราชเลขา และลดตำแหน่งเป็นผู้ว่าการเมืองหลวง”ดวงตาของหลี่เฉินสงบนิ่งและเฉยเมย ขณะกล่าวว่า “ถอดหมวกผ้าแพรบางมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ของหวังเถิงฮ่วนออก และถอดเครื่องแบบสำนักราชเลขาออก ดำเนินการ”เมื่อเห็นว่าหวังเถิงฮ่วนไม่ได้รับโทษประหารชีวิต ซูผิงเป่ยก็ผิดหวังเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาพูดอะไรกับองค์รัชทายาท จึงทำให้องค์รัชทายาทที่ไม่ค่อยประนีประนอมกับใครยอมเปลี่ยนใจ เขาเคยเห็นองค์รัชทายาททรงพิโรธมาก่อน ซึ่งอีกฝ่ายจะไม่หยุดจนกว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-22
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 135

    “ฝ่าบาท! ทุกสิ่งที่กระหม่อมพูดล้วนเป็นความจริง ไม่มีอะไรเป็นเท็จ สมุดบัญชีซ่อนอยู่ในถังข้าวที่บ้านของกระหม่อม ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้!”เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ เจียงโจวที่หวาดกลัวสุดขีดจึงคุกเข่าโขกหัวบนพื้นหิมะอย่างบ้าคลั่งในหิมะเต็มไปด้วยโคลน มีโคลนกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของเจียงโจวจึงเหมือนอาบไปด้วยน้ำโคลนแต่เขากลับไม่สนใจ ทั้งยังตะโกนโหยหวนเสียงแหลมว่า “ได้โปรดเถิด ฝ่าบาท ถึงแม้กระหม่อมจะไม่มีผลงานใหญ่หลวงอะไร แต่ก็ทำงานหนักมาหลายปี เห็นแก่คำสารภาพของกระหม่อม โปรดมอบทางรอดให้กับกระหม่อมด้วย กระหม่อมยินดีสละทรัพย์สมบัติทั้งหมด ขอเพียงฝ่าบาททรงเมตตาไว้ชีวิต!”คำพูดของเขานั้น องครักษ์อวี่หลิน องครักษ์เสื้อแพรและผู้ประสบภัยทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน องครักษ์อวี่หลินกับองครักษ์เสื้อแพรยังดี แต่ละคนแค่มองเจียงโจวด้วยสายตาที่เย็นชา ในฐานะทหารรากหญ้า สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ทุจริตเช่นนี้เจ้าหน้าที่ทุจริตไม่เพียงแต่ปล้นเลือดเนื้อของประชาชนเท่านั้น แต่ยังดื่มเลือดของทหารอีกด้วยส่วนเหล่าผู้ประสบภัยนั้น แต่ละคนต่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-22
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 136

    “พ่อ!แม่! ลูกสอบผ่านการสอบขุนนางแล้วนะ! ลูกได้อันดับที่สามเป็นทั่นฮวา! ลูกมีอนาคตที่ดีแล้วนะ!”“พวกเราไม่ต้องถูกคนอื่นดูถูกอีกต่อไป หรือยืมเงินคนอื่นเพื่อดำรงชีวิต!”“ลูกกลายเป็นทั่นฮวาแล้ว ต่อให้ถูกส่งไปยังท้องถิ่น อย่างน้อยก็ได้เป็นปลัดอำเภอ พวกเรากำลังจะเจริญรุ่งเรืองแล้ว!”ดูเหมือนเจียงโจวเป็นบ้าไปแล้ว เขาหัวเราะเสียงดัง ในดวงตาทอประกายความสับสนและบ้าคลั่งทันใดนั้นเขาก็กอดหวังเถิงฮ่วนที่อยู่ข้างๆ แล้วกระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนว่า “พ่อ ทำไมท่านไม่หัวเราะล่ะ? ท่านไม่มีความสุขเหรอ?”หวังเถิงฮ่วนตกใจกลัวสุดขีด เขาพยายามผลักเจียงโจวแล้วตะโกนว่า “บ้าไปแล้ว คนคนนี้บ้าไปแล้ว รีบดึงคนบ้าคนนี้ออกไปเร็วๆ เข้า!”แต่พละกำลังของเจียงโจวก็แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ไม่ว่าหวังเถิงฮ่วนจะผลักเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อย สีหน้าของเขาดูคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ“พ่อ ลูกไม่ได้บ้า ลูกสอบผ่านแล้วจริงๆ! ท่านไม่มีความสุขเหรอ? เหตุใดท่านถึงไม่มีความสุขล่ะ?”“พ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สอบครั้งนี้ ผู้คุมสอบคือใต้เท้าหวังเถิงฮ่วน เขาเป็นเสนาบดีกรมขุนนาง ได้ยินมาว่าในอนาคตเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งสู่สำนักราชเลขา ลู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-22
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 137

    หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังกับสถานการณ์นี้เลยด้วยซ้ำเขาสามารถฆ่าหวังเถิงฮ่วนโดยไม่สนสิ่งใดได้ แต่ถ้าองค์ชายเก้าโดนทำร้ายที่นี่ นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอนอย่างน้อยที่นี่ตอนนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายเก้าไม่ได้โดยเด็ดขาดในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เมื่อเจียงโจวกระโจนเข้าใส่องค์ชายเก้า จู่ๆ ร่างของเจียงโจวก็แข็งทื่อตรงหน้าอกของเขา มีปลายดาบแทงทะลุหน้าอกออกมาเลือดที่ข้นหนืดไหลลงมาตามปลายดาบ แล้วหยดลงบนปลายจมูกขององค์ชายเก้าที่นั่งอยู่บนพื้น เลือดอุ่นๆ กระตุ้นให้องค์ชายเก้าตัวสั่นเขาจ้องมองใบหน้าอันแข็งทื่อของเจียงโจวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และปลายดาบนั้นก็อยู่ห่างจากหว่างคิ้วของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว เขาส่งเสียงกรีดร้องอันแหลมหูออกมาเป็นครั้งที่สาม ขาทั้งสองข้างอ่อนระทวย และมีของเหลวสีเหลืองใสไหลออกมา ย้อมหิมะสีขาวบนพื้นจนกลายเป็นสีเหลือง จากนั้นองค์ชายเก้าก็กลอกตาขาวแล้วเป็นลมด้วยความตกใจซูผิงเป่ยชักดาบออกมา แล้วเตะร่างของเจียงโจวออกไป จากนั้นก็มองดูองค์ชายเก้าด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นองค์ชายเก้าฉี่รดกางเกง และเป็นลมล้มกับพื้น เขาก็อดส่ายหัวไม่ได้เขาไม่เข้าใจว่าเลยทำไม ท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-23
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 138

    ซูจิ่นพ่าเลิกคิ้วขึ้น และพูดอย่างโมโหว่า “คนหยาบคายหัวรุนแรงอย่างพวกท่านสองจะไปรู้อะไร? จะเข้าใจอะไร?”“ใช่ๆ สิ่งที่เจ้าต้องการข้าไม่เข้าใจหรอก”ซูผิงเป่ยเบะปากแล้วพูดว่า “แต่ข้ารู้ว่าการอยู่ท่ามกลางความโชคดีแต่ไม่ตระหนักถึงมัน มันหมายความว่าอย่างไร วันๆ เอาแต่คิดถึงอิสรภาพในอุดมคติ ความรักที่สวยงาม และสามีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก เจ้าตื่นเสียทีเถอะ สงสัยจะกินอิ่มเกินไปแล้ว”ซูจิ่นพ่ากำลังจะพูด แต่กลับเห็นหลี่เฉินที่อยู่ไม่ไกลตะโกนว่า “จิ่นพ่า ต้มน้ำร้อนให้ข้าหน่อยสิ”ดวงตาเมล็ดซิ่งของซูจิ่นพ่าก็เบิกกว้าง และพูดอย่างโมโหว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ของท่านหรือ?”หลี่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ทำไม หรือเจ้าอยากให้ข้าไปต้มน้ำเอง?”ซูจิ่นพ่าเห็นหลี่เฉินขมวดคิ้ว ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้เพียงกระทืบเท้า และมองพี่ชายอย่างคับข้องใจ“ยังไม่รีบไปอีก!”เมื่อเห็นน้องสาวถูกชี้นิ้วสั่ง ซูผิงเป่ยไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของน้องสาวอีกด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงชักดาบออกมาทักทาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-23
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 139

    คำพูดของหวังเถิงฮ่วน ทำให้หน้าของจ้าวเสวียนจีกระตุกเขาไม่ได้ตอบกลับหวังเถิงฮ่วน แต่ตะโกนใส่สาวใช้ที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งแรก “ออกไปซะ!”เหล่าสาวใช้รีบออกไปทันทีหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว จ้าวเสวียนจีก็มาที่ข้างเตียง เขานั่งลงแล้วพูดว่า “พี่หวัง นามขององค์รัชทายาทจะถูกดูหมิ่นในที่สาธารณะได้อย่างไร? ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าเขาจะใช้มันเป็นข้ออ้าง”หวังเถิงฮ่วนตาค้าง และกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “ใช้เป็นข้ออ้างแล้วอย่างไร? ข้าถูกลดตำแหน่งและหูก็ขาดไปแล้วข้างหนึ่ง หากตอนนี้ยังหดหัวกลัวทุกอย่าง มิต้องรอให้หลี่เฉินตัดหัวข้าก่อนรึ แล้วค่อยต่อต้าน?”ประโยคนี้ ส่วนใหญ่พูดให้ตัวเองฟังใบหน้าของจ้าวเสวียนจีมืดลงและพูดว่า “พี่หวัง ท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระ”หวังเถิงฮ่วนกัดฟันพูดว่า “พี่จ้าว ตอนนี้ข้าหมดสิ้นหนทางแล้ว องค์รัชทายาทกดดันพวกเราทีละก้าวๆ ท่านจะล่าถอยอีกนานแค่ไหน?”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างเย็นชาว่า “ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาท ครั้งนี้ที่เขาไม่ฆ่าท่าน เพราะยังหวั่นเกรงข้าอยู่ จึงไม่กล้าฉีกหน้ากันตรงๆ”หวังเถิงฮ่วนพูดด้วยความโกรธว่า “ครั้งที่แล้วท่านก็พูดแบบนี้ แต่สถานการณ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-23

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 670

    คำถามนี้ทำให้สีหน้าของซูผิงเป่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่ซูเจิ้นถิง ผู้เงียบขรึมมาโดยตลอดก็ขมวดคิ้ว ดวงตาสะท้อนความเคร่งเครียดออกมาหากจะพูดกันตามตรง การบัญชาการศึกตลอดทั้งแผนการของซูผิงเป่ยนั้นถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้ที่เพิ่งได้รับมอบหมายให้คุมศึกขนาดกลางครั้งแรกก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วแต่ในสนามรบ ไม่มีใครไร้ข้อผิดพลาด และซูผิงเป่ยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดของเขาอยู่ที่การรบในทุ่งราบภูเขาฝูหู่ ก่อนศึกใหญ่กับตงอิ๋งเพื่อยุติสงครามให้รวดเร็ว ซูผิงเป่ยเลือกเปิดศึกตัดสินโดยพลการซึ่งส่งผลให้กลยุทธ์ของเราถูกฝ่ายตงอิ๋งจับไต๋ได้ และใช้แผนลวงตอบโต้กลับจนกองทัพกลางที่ซูผิงเป่ยบัญชาการถูกล้อมตี ทำให้กองทัพปีกซ้ายและขวาต้องละทิ้งเป้าหมายเดิมเพื่อหันกลับมาช่วยการถอยทัพเพื่อช่วยเหลือกองทัพกลางเช่นนี้ ทำให้แผนการเดิมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จากการเป็นฝ่ายครอบงำตงอิ๋งกลับกลายเป็นการต้องช่วยชีวิตกองทัพกลางแทนแม้ว่าสุดท้ายสถานการณ์จะพลิกกลับมาได้ แต่กองทัพของเราก็สูญเสียอย่างหนัก ซูผิงเป่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสผลลัพธ์สุดท้ายอาจถือว่าเป็นชัยชนะ แต่หากนำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 669

    หลี่เฉินกล่าวคำประกาศเพียงหนึ่งประโยค แต่กลับดุจดั่งบัญชาสวรรค์ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีผู้หนึ่งที่มีเสียงดังที่สุดขานประกาศออกมาอย่างกึกก้องการขานประกาศนั้นเป็นเพียงพิธีกรรมเบื้องหน้า แต่มีผู้วิ่งเหยาะๆ ไปเรียกซูผิงเป่ย ผู้ที่รออยู่ด้านนอกพระที่นั่งให้เข้ามาตำแหน่งของซูผิงเป่ยยังไม่สูงพอที่จะเข้าร่วมการประชุมเช้ายามปกติ แต่วันนี้มีแผนที่จะพระราชทานรางวัลแก่เขา การที่เขามารออยู่ด้านนอกจึงเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วอย่างไรก็ตาม ซูผิงเป่ยไม่คาดคิดเลยว่า ก่อนจะได้พูดถึงเรื่องรางวัลสำหรับเขา กลับมีเสียงจากภายในกล่าวถึงการลงโทษเขาแทนเสียงจากในพระที่นั่งดังมาก และเขาที่รออยู่ด้านนอกได้ยินชัดเจนทุกคำซูผิงเป่ยก้าวเข้าพระที่นั่งด้วยท่วงท่าองอาจราวมังกรและพยัคฆ์ แสดงให้เห็นถึงบุคลิกของแม่ทัพที่โดดเด่น เขาคุกเข่าลงตรงกลางพระที่นั่ง ประสานหมัดกล่าวว่า "กระหม่อม ซูผิงเป่ย ขอคารวะองค์รัชทายาท ขอองค์รัชทายาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "มีบางประเด็นที่เสนาบดีกรมยุทธนาการต้องการเผชิญหน้ากับเจ้าโดยตรง จงตอบคำถามของเขาให้ละเอียด""พ่ะย่ะค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 668

    แม้แต่ขุนนางหน้าใหม่ในราชสำนักยังรู้ว่าควรรักษาคำพูดไว้บ้าง กล่าวอย่างพอดีเจ็ดในสิบส่วน ทิ้งสามส่วนไว้เผื่อโอกาสต่อไปแต่หลิวถงปี้ผู้เป็นแม่ทัพกลับมีอารมณ์ร้อนแรงดั่งเพลิง ไม่เพียงแต่ด่าซั่งกวนเจาอย่างรุนแรง ยังพูดจาตรงไปตรงมาจนเผยให้เห็นจุดอ่อนของซั่งกวนเจาอย่างชัดเจนคราวนี้ ซั่งกวนเจาทนไม่ไหวเช่นกันใบหน้าของเขาแดงก่ำราวตับหมูและตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ “หลิวถงปี้! เจ้าพูดจาใส่ร้ายเช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าคำพูดที่เลินเล่ออาจนำภัยมาสู่ตัว!”“ภัย?”หลิวถงปี้หัวเราะเยาะ “ข้าเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุสิบหก ตอนอายุสิบเก้าก็ฆ่าทหารฮั่นได้สี่สิบคนด้วยมือเปล่า ในสนามรบล้วนเต็มไปด้วยลมฝนเลือดเนื้อ ข้าผ่านการต่อสู้นับไม่ถ้วนและได้รับตำแหน่งมาด้วยความสามารถของตัวเอง ข้ารู้แค่ว่าคำพูดของคนต้องมีความซื่อสัตย์ จะให้ข้ากลัวภัยจากคำพูด? น่าขำสิ้นดี!”“แต่เจ้าซั่งกวนเจา กลับกล่าวหาซูผิงเป่ยอย่างไร้เหตุผลราวกับว่าเขาเป็นคนทรยศชาติ เจ้าไม่กลัวหรือว่าทหารทั้งหลายที่เห็นต่างจะไปเคาะประตูบ้านเจ้าในยามค่ำคืน และฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้าเสีย?”ถ้าก่อนหน้านี้ยังเป็นการด่าทั่วไป ตอนนี้หลิวถงปี้พูดจาข่มขู่ก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 667

    คำกล่าวของซั่งกวนเจาทำให้บรรยากาศที่เงียบสงบอยู่แล้วในพระที่นั่งไท่เหอกลับกลายเป็นความเงียบที่แทบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจสิ่งเดียวที่สามารถได้ยิน คือเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเหล่าขุนนางไม่มีใครคาดคิดว่า ซั่งกวนเจา ซึ่งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมยุทธนาการด้วยการสนับสนุนของจ้าวเสวียนจี และมักทำตัวเงียบๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จะเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบไม่ไว้หน้าซูผิงเป่ยคือใคร?เขาคือหลานชายของเทพเจ้าแห่งสงคราม และเป็นบุตรชายของซูเจิ้นถิงที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาคือคนสนิทขององค์รัชทายาทหลี่เฉิน และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในชัยชนะครั้งใหญ่ของสงครามนี้ในขณะที่ตำหนักบูรพากำลังวางแผนจะมอบรางวัลให้ซูผิงเป่ยเพื่อยกย่องและผลักดันเขาให้กลายเป็นตัวแทนของตำหนักบูรพาในแวดวงทหารแต่ซั่งกวนเจากลับเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบตรงๆนี่เป็นความบ้า…หรือความมั่นใจอย่างถึงที่สุดกันแน่?สายตาส่วนใหญ่ในที่ประชุมหันไปมองจ้าวเสวียนจีแต่จ้าวเสวียนจีกลับนิ่งเฉย ราวกับกำลังฟังเรื่องที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาซั่งกวนเจากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “สิ่งที่กระหม่อมกล่าวหาแม่ทัพซูผิงเป่ยนั้น มีทั้งพยานบุคคล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 666

    ในเช้าวันที่สดใส หลี่เฉินที่กำลังครุ่นคิดเรื่องพัฒนาปืนไฟ เดินทางไปยังพระที่นั่งไท่เหอ หลังจากเสวยมื้อเช้าแบบง่ายๆวันนี้คือวันประชุมเช้าซึ่งหลี่เฉินมีประเด็นสำคัญหลายเรื่องที่ต้องผ่านมติในที่ประชุม เพื่อออกเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการของราชสำนักหนึ่งในเรื่องสำคัญคือการมอบรางวัลและการเลื่อนตำแหน่งให้กับกองทัพผู้ชนะนอกจากจะเป็นการยกย่องเหล่าทหารที่เสียสละชีวิตเพื่อบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นโอกาสที่หลี่เฉินจะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกองทัพ และขยายอิทธิพลของตำหนักบูรพาในแวดวงการทหารเมื่อแสงแรกของวันพาดผ่านเมฆหมอก สะท้อนแสงอันงดงามบนสะพานทองหน้าพระที่นั่งไท่เหอ เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ทยอยเดินข้ามสะพานทองเข้าสู่ลานหน้าพระที่นั่งบนลานกว้างเหนือขั้นบันไดของพระที่นั่งไท่เหอ ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีคนหนึ่งยืนถือแส้สำหรับประกาศความสงบในมือเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!...เสียงป่าวร้องของขันทีดังขึ้นอย่างหนักแน่น "เข้า…เฝ้า!"ขุนนางฝ่ายบุ๋นนำโดยจ้าวเสวียนจี และฝ่ายบู๊นำโดยซูเจิ้นถิงฝ่ายบุ๋นอยู่ทางซ้าย ฝ่ายบู๊อยู่ทางขวา ขุนนางนับสิบคนที่มีคุณสมบัติเข้าเฝ้าต่างเดินเรียงแถวเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 665

    เมื่อกงฮุยอวี่พูดจบ นางก็หลับตาลงพักผ่อนอีกครั้งโดยไม่สนใจหลี่เฉินแต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ลืมตาขึ้นแอบมองเล็กน้อย และเห็นหลี่เฉินทำหน้าหม่นหมองอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างพึงพอใจ มันเป็นรอยยิ้มที่แม้จะเบาบาง แต่ก็แสดงความลำพองได้ชัดเจน“องค์ชาย!”เสียงของวั่นเจียวเจียวที่ดังขึ้นอย่างจงใจ ทำลายความเงียบบนหลังคา“ถึงเวลาเสวยมื้อเช้าแล้วเพคะ เสร็จแล้วต้องเสด็จไปประชุมเช้าเพคะ”วั่นเจียวเจียวมองกงฮุยอวี่ที่นั่งอยู่ข้างหลี่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ ในใจนางคิดว่า (นางจิ้งจอกนี่ เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ!)(ผู้หญิงที่ไหนจะไม่หลงเสน่ห์องค์ชายกัน!)(หน้าไม่อาย!)“มาแล้ว”หลี่เฉินลุกขึ้น ปัดฝุ่นออกจากชุดแล้วปีนลงจากบันได“จริงสิ”หลี่เฉินที่อยู่กลางบรรไดเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้นพูดกับกงฮุยอวี่ “ส่งข่าวไปบอกเจ้าสำนักของเจ้าให้ไปฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหยินหยางที่ตงอิ๋งเสีย”กงฮุยอวี่ยังคงนิ่งเฉย แต่ในใจรู้สึกว่าหลี่เฉินช่างไร้เดียงสา นางคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้หมุนรอบคำสั่งขององค์รัชทายาทคำขอเช่นนี้ช่างไร้สาระนัก“ไม่เช่นนั้น ราชสำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 664

    กงฮุยอวี่ยิ้มบางๆ ก่อนตอบเรียบๆ “การบรรลุถึงระดับเซียนบนดินนั้น พรสวรรค์สำคัญกว่าความพยายาม และที่สำคัญยิ่งกว่าพรสวรรค์ คือโชคชะตา การฝึกฝนเพียงลำพังไม่อาจพาให้เข้าสู่ระดับนี้ได้ หากสวรรค์ไม่มอบโอกาส หรือหากตนเองไขว่คว้าโอกาสนั้นไว้ไม่ได้ ไม่ว่าจะฝึกหนักเพียงใดก็ไม่มีทางไปถึง และเจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันของสำนักบัวขาว ก็คือผู้ที่บรรลุถึงระดับเซียนบนดิน”“ในระดับนี้ เขาสามารถอยู่ในสภาพที่คมดาบและหอกธรรมดาทำอะไรไม่ได้ ใช้ดอกไม้หรือใบไม้เป็นอาวุธสังหารได้ทุกชนิด เพียงแค่ปล่อยแรงกดดันจากพลังลมปราณออกมาก็สามารถสังหารผู้อื่นได้”คำอธิบายของกงฮุยอวี่ทำให้หลี่เฉินรู้สึกถึงภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่ในทันที เขาชี้ไปที่เหล่าองครักษ์เสื้อแพรที่ยืนคุ้มกันอยู่โดยรอบก่อนถาม “ถ้าหากเจ้าสำนักของเจ้ามาที่นี่ เหล่าองครักษ์เหล่านี้จะสามารถต้านทานเขาได้กี่คน?”กงฮุยอวี่ดูเหมือนจะรู้ว่าหลี่เฉินคิดอะไร นางตอบเสียงเรียบว่า “หากเป็นเพียงนักยุทธ์ธรรมดา ต่อให้มาหลายร้อยก็เป็นเพียงการมอบชีวิต แต่หากเป็นกองทัพที่มีการฝึกอย่างดีและครบเครื่อง ทั้งกำลังพลและอาวุธ เพียงไม่กี่พันก็สามารถทำให้เซียนบนดินต้องจบชีวิตได้”เมื่อไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 663

    เป็นที่พิสูจน์ว่า หากต้องการยั่วโทสะหญิงสาว เพียงแค่เรียกนางด้วยชื่อที่ไม่น่าฟังเท่านั้นก็เพียงพอแม้ว่ากงฮุยอวี่จะเป็นคนเยือกเย็นปานใด แต่นางก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่เซียนที่ลอยอยู่เหนือวิถีแห่งโลกียะ และยิ่งถ้าหากแม้แต่เซียนจริงๆ ได้ยินคำเรียกเช่นนี้จากหลี่เฉิน ก็คงอดที่จะเกิดโทสะไม่ได้เมื่อเห็นแววตาขุ่นเคืองของกงฮุยอวี่ หลี่เฉินหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “ทำไม เจ้าโปรดปรานการนั่งอยู่บนหลังคามากนักหรือ?”กงฮุยอวี่ส่งเสียงฮึเบาๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะหลับตาลงนั่งสมาธิต่อ โดยไม่สนใจหลี่เฉินหลังจากนางหลับตา หลี่เฉินกลับเงียบไปอย่างน่าประหลาดเดิมที กงฮุยอวี่คิดว่าหลี่เฉินคงเบื่อและเดินจากไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา และลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับเห็นหลี่เฉินสั่งให้คนยกบันไดขึ้นมา และเขากำลังปีนบันไดขึ้นมาบนหลังคากงฮุยอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูหลี่เฉินที่กำลังปีนขึ้นมา และเริ่มชั่งใจว่าควรจะลุกออกไปจากที่นี่หรือไม่แต่ก่อนที่นางจะตัดสินใจ หลี่เฉินก็ขึ้นมาถึงบนหลังคาแล้ว“บนนี้ วิวทิวทัศน์ดีไม่น้อยเลยทีเดียว”ตำหนักบูรพาตั้งอยู่ในที่สูงอยู่แล้ว และเมื่อขึ้นมาบนหล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 662

    ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “ท่านอ๋อง ข้ามั่นใจว่าสวีเว่ยต้องมีปัญหาแน่นอน เขาออกจากจวนบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผล และทุกครั้งก็หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย แม้เขาจะมีข้อแก้ตัวเสมอ แต่ข้ากล้าพูดได้ว่ามันต้องเป็นข้อแก้ตัวที่โกหก!”หลี่อิ๋นหู่มองชายชราอย่างไม่พอใจ ก่อนกล่าวว่า “เรื่องที่เขาเลี้ยงดูหญิงงามคนหนึ่ง ข้ารู้ดีอยู่แล้ว ผู้ชายจะมีผู้หญิงคนที่ชอบมันก็ธรรมดา หากเป็นเจ้า เจ้าออกไปหาผู้หญิงเจ้าจะป่าวประกาศให้ใครๆ รู้หรือไม่?”คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ทำให้ชายชราพูดไม่ออก แต่เขายังยืนกรานว่า “โปรดให้เวลาข้าอีกสักนิด ข้าสัญญาว่าจะสืบหาความจริงเกี่ยวกับเขาให้ได้!”“เจ้าสืบเรื่องอ๋องแห่งแคว้นที่สนับสนุนหลงไหวอี้ให้ได้ก่อนเถอะ”หลี่อิ๋นหู่โบกมืออย่างรำคาญ “เอาเถอะ ออกไปซะ วันๆ เอาแต่ทำให้ข้าหนักใจ”ชายชราเปิดปากเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ ถอนหายใจ แล้วออกจากห้องไปคืนนั้น หลี่เฉินถูกปลุกขึ้นจากการนอนอีกครั้งแม้ว่าดวงตาจะล้าจนร้อนผ่าว แต่เขายังรับรายงานลับสุดยอดจากเฉินทงมาพิจารณาเมื่ออ่านรายงานที่สวีเว่ยส่งมา หลี่เฉินถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้งรายงานแบ่งเป็นสองส่วน

DMCA.com Protection Status