เมื่อองครักษ์อวี่หลินนับพันล้อมรอบผู้คนดุจหมาป่าดุจพยัคฆ์ หวังเถิงฮ่วนจึงตระหนักถึงเรื่องใหญ่ก่อนหน้านี้ ตอนที่ทั้งสองปรึกษาหารือกันในห้องลับ จ้าวเสวียนจีเคยกล่าวไว้ว่า องค์รัชทายาทผู้นี้ไม่ยึดหลักสามัญสำนึกทั่วไป จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับมือในเวลานั้น หวังเถิงฮ่วนไม่เคยเผชิญหน้ากับหลี่เฉินตรงๆ จึงไม่เข้าใจประโยคนั้นอย่างลึกซึ้ง แต่ตอนนี้ วินาที ประโยคดังกล่าวได้ฝังลึกลงในกระดูกของเขาแล้วทั้งยังได้ลิ้มรสประสบการณ์ของหลี่เฉิน ในตอนที่เขากับจ้าวเสวียนจีเกือบจะใช้อำนาจบีบบังคับตำหนักบูรพาได้แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็แค่ข่มขู่ แต่ไม่เคยใช้กำลังทหารจริงๆ แต่ตอนนี้ หน่วยอวี่หลินถูกหลี่เฉินเรียกมาใช้ดาบจอคอตัวเอง รสชาตินี้ยากที่จะรับไหวจริงๆ หวังเถิงฮ่วนหวังทั้งตกใจทั้งโมโห เขาเกร็งหน้า และรู้สึกว่าลมหนาวผสมเกล็ดหิมะนั้นราวกับมีดที่บาดบนใบหน้า แล้วจ้องไปที่หลี่เฉิน เสียงของหวังเถิงฮ่วนเกือบจะเพี้ยนขณะพูด “องค์รัชทายาท! พระองค์เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่กลับทำหันอาวุธใส่ขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก ไม่กลัวหัวใจของผู้คนในใต้หล้าจะหนาวเย็นเลยหรือ!?”ลมหนาวพัดหวีดหวิวเสียงดัง เกล
ซูจิ่นพ่าเม้มปากแน่น นางยกมือดึงชายกระโปรงขึ้นมาแล้วเดินไปข้างๆ หลี่เฉินเพียงไม่กี่ก้าว นางก็รู้สึกกดดันอย่างล้นหลามแรงกดดันนี้ไม่เพียงมาจากความหวังอันสิ้นหวังของหวังเถิงฮ่วน และการจ้องมองของเหล่าองครักษ์อวี่หลินนับพันที่อยู่รอบตัว แต่ยังมาจากความน่าเกรงขามของหลี่เฉินที่หนักแน่นมากจนแทบจะกลั่นเป็นแก่นแท้ได้เมื่อคิดว่า ครึ่งชั่วยามที่แล้วนางกับหลี่เฉินกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้ซูจิ่นพ่าเข้าใจคำพูดที่ว่าอยู่กับราชาก็เหมือนอยู่กับเสืออย่างลึกซึ้งแล้ว“ฝ่าบาท”หลังเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ หลี่เฉิน ซูจิ่นพ่าก็กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “หวังเถิงฮ่วนไม่อาจฆ่าได้”หลี่เฉินไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงแค่มองซูจิ่นพ่าอย่างเงียบๆเขารู้ว่าซูจิ่นพ่าจะต้องมีเหตุผลสำหรับสิ่งที่นางพูดซูจิ่นพ่าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้หากฝ่าบาทสังหารหวังเถิงฮ่วน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ฝ่าบาทก็ต้องแบกรับผลที่จะตามมา ลองคิดดูว่า ถ้าจ้าวเสวียนจีรู้ว่าหวังเถิงฮ่วนถูกฝ่าบาทฆ่าตาย เขาจะคิดอย่างไร?”“กระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้ บางทีมันอาจจะทำให้จ้าวเสวียนจีสู้อย่างหมาจนตรอก เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นอำนา
“มหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ หวังเถิงฮ่วน เบื้องบนดูหมิ่นองค์รัชทายาท เบื้องล่างไม่สนใจประชาชน เป็นที่น่าละอายใจต่อนักปราชญ์ยิ่งนัก ล้มเหลวในการรับใช้ราชสำนัก เมื่อพิจารณาจากความสามารถของเขาแล้ว เป็นการยากที่จะกลายเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยของเขา เขาไม่คู่ควรกับสำนักราชเลขา แต่ระลึกถึงความเป็นผู้อาวุโส และเห็นแก่การทำงานหนักเพื่อประเทศชาติ ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ตาม แต่เพื่อแสดงถึงน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ ข้าในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่องค์จักรพรรดิทรงแต่งตั้ง จึงพระราชทานอภัยโทษและถอดถอนหวังเถิงฮ่วนออกจากตำแหน่งในสำนักราชเลขา และลดตำแหน่งเป็นผู้ว่าการเมืองหลวง”ดวงตาของหลี่เฉินสงบนิ่งและเฉยเมย ขณะกล่าวว่า “ถอดหมวกผ้าแพรบางมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ของหวังเถิงฮ่วนออก และถอดเครื่องแบบสำนักราชเลขาออก ดำเนินการ”เมื่อเห็นว่าหวังเถิงฮ่วนไม่ได้รับโทษประหารชีวิต ซูผิงเป่ยก็ผิดหวังเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาพูดอะไรกับองค์รัชทายาท จึงทำให้องค์รัชทายาทที่ไม่ค่อยประนีประนอมกับใครยอมเปลี่ยนใจ เขาเคยเห็นองค์รัชทายาททรงพิโรธมาก่อน ซึ่งอีกฝ่ายจะไม่หยุดจนกว่
“ฝ่าบาท! ทุกสิ่งที่กระหม่อมพูดล้วนเป็นความจริง ไม่มีอะไรเป็นเท็จ สมุดบัญชีซ่อนอยู่ในถังข้าวที่บ้านของกระหม่อม ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้!”เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ เจียงโจวที่หวาดกลัวสุดขีดจึงคุกเข่าโขกหัวบนพื้นหิมะอย่างบ้าคลั่งในหิมะเต็มไปด้วยโคลน มีโคลนกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของเจียงโจวจึงเหมือนอาบไปด้วยน้ำโคลนแต่เขากลับไม่สนใจ ทั้งยังตะโกนโหยหวนเสียงแหลมว่า “ได้โปรดเถิด ฝ่าบาท ถึงแม้กระหม่อมจะไม่มีผลงานใหญ่หลวงอะไร แต่ก็ทำงานหนักมาหลายปี เห็นแก่คำสารภาพของกระหม่อม โปรดมอบทางรอดให้กับกระหม่อมด้วย กระหม่อมยินดีสละทรัพย์สมบัติทั้งหมด ขอเพียงฝ่าบาททรงเมตตาไว้ชีวิต!”คำพูดของเขานั้น องครักษ์อวี่หลิน องครักษ์เสื้อแพรและผู้ประสบภัยทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน องครักษ์อวี่หลินกับองครักษ์เสื้อแพรยังดี แต่ละคนแค่มองเจียงโจวด้วยสายตาที่เย็นชา ในฐานะทหารรากหญ้า สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ทุจริตเช่นนี้เจ้าหน้าที่ทุจริตไม่เพียงแต่ปล้นเลือดเนื้อของประชาชนเท่านั้น แต่ยังดื่มเลือดของทหารอีกด้วยส่วนเหล่าผู้ประสบภัยนั้น แต่ละคนต่
“พ่อ!แม่! ลูกสอบผ่านการสอบขุนนางแล้วนะ! ลูกได้อันดับที่สามเป็นทั่นฮวา! ลูกมีอนาคตที่ดีแล้วนะ!”“พวกเราไม่ต้องถูกคนอื่นดูถูกอีกต่อไป หรือยืมเงินคนอื่นเพื่อดำรงชีวิต!”“ลูกกลายเป็นทั่นฮวาแล้ว ต่อให้ถูกส่งไปยังท้องถิ่น อย่างน้อยก็ได้เป็นปลัดอำเภอ พวกเรากำลังจะเจริญรุ่งเรืองแล้ว!”ดูเหมือนเจียงโจวเป็นบ้าไปแล้ว เขาหัวเราะเสียงดัง ในดวงตาทอประกายความสับสนและบ้าคลั่งทันใดนั้นเขาก็กอดหวังเถิงฮ่วนที่อยู่ข้างๆ แล้วกระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนว่า “พ่อ ทำไมท่านไม่หัวเราะล่ะ? ท่านไม่มีความสุขเหรอ?”หวังเถิงฮ่วนตกใจกลัวสุดขีด เขาพยายามผลักเจียงโจวแล้วตะโกนว่า “บ้าไปแล้ว คนคนนี้บ้าไปแล้ว รีบดึงคนบ้าคนนี้ออกไปเร็วๆ เข้า!”แต่พละกำลังของเจียงโจวก็แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ไม่ว่าหวังเถิงฮ่วนจะผลักเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อย สีหน้าของเขาดูคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ“พ่อ ลูกไม่ได้บ้า ลูกสอบผ่านแล้วจริงๆ! ท่านไม่มีความสุขเหรอ? เหตุใดท่านถึงไม่มีความสุขล่ะ?”“พ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สอบครั้งนี้ ผู้คุมสอบคือใต้เท้าหวังเถิงฮ่วน เขาเป็นเสนาบดีกรมขุนนาง ได้ยินมาว่าในอนาคตเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งสู่สำนักราชเลขา ลู
หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังกับสถานการณ์นี้เลยด้วยซ้ำเขาสามารถฆ่าหวังเถิงฮ่วนโดยไม่สนสิ่งใดได้ แต่ถ้าองค์ชายเก้าโดนทำร้ายที่นี่ นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอนอย่างน้อยที่นี่ตอนนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายเก้าไม่ได้โดยเด็ดขาดในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เมื่อเจียงโจวกระโจนเข้าใส่องค์ชายเก้า จู่ๆ ร่างของเจียงโจวก็แข็งทื่อตรงหน้าอกของเขา มีปลายดาบแทงทะลุหน้าอกออกมาเลือดที่ข้นหนืดไหลลงมาตามปลายดาบ แล้วหยดลงบนปลายจมูกขององค์ชายเก้าที่นั่งอยู่บนพื้น เลือดอุ่นๆ กระตุ้นให้องค์ชายเก้าตัวสั่นเขาจ้องมองใบหน้าอันแข็งทื่อของเจียงโจวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และปลายดาบนั้นก็อยู่ห่างจากหว่างคิ้วของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว เขาส่งเสียงกรีดร้องอันแหลมหูออกมาเป็นครั้งที่สาม ขาทั้งสองข้างอ่อนระทวย และมีของเหลวสีเหลืองใสไหลออกมา ย้อมหิมะสีขาวบนพื้นจนกลายเป็นสีเหลือง จากนั้นองค์ชายเก้าก็กลอกตาขาวแล้วเป็นลมด้วยความตกใจซูผิงเป่ยชักดาบออกมา แล้วเตะร่างของเจียงโจวออกไป จากนั้นก็มองดูองค์ชายเก้าด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นองค์ชายเก้าฉี่รดกางเกง และเป็นลมล้มกับพื้น เขาก็อดส่ายหัวไม่ได้เขาไม่เข้าใจว่าเลยทำไม ท
ซูจิ่นพ่าเลิกคิ้วขึ้น และพูดอย่างโมโหว่า “คนหยาบคายหัวรุนแรงอย่างพวกท่านสองจะไปรู้อะไร? จะเข้าใจอะไร?”“ใช่ๆ สิ่งที่เจ้าต้องการข้าไม่เข้าใจหรอก”ซูผิงเป่ยเบะปากแล้วพูดว่า “แต่ข้ารู้ว่าการอยู่ท่ามกลางความโชคดีแต่ไม่ตระหนักถึงมัน มันหมายความว่าอย่างไร วันๆ เอาแต่คิดถึงอิสรภาพในอุดมคติ ความรักที่สวยงาม และสามีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก เจ้าตื่นเสียทีเถอะ สงสัยจะกินอิ่มเกินไปแล้ว”ซูจิ่นพ่ากำลังจะพูด แต่กลับเห็นหลี่เฉินที่อยู่ไม่ไกลตะโกนว่า “จิ่นพ่า ต้มน้ำร้อนให้ข้าหน่อยสิ”ดวงตาเมล็ดซิ่งของซูจิ่นพ่าก็เบิกกว้าง และพูดอย่างโมโหว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ของท่านหรือ?”หลี่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ทำไม หรือเจ้าอยากให้ข้าไปต้มน้ำเอง?”ซูจิ่นพ่าเห็นหลี่เฉินขมวดคิ้ว ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้เพียงกระทืบเท้า และมองพี่ชายอย่างคับข้องใจ“ยังไม่รีบไปอีก!”เมื่อเห็นน้องสาวถูกชี้นิ้วสั่ง ซูผิงเป่ยไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของน้องสาวอีกด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงชักดาบออกมาทักทาย
คำพูดของหวังเถิงฮ่วน ทำให้หน้าของจ้าวเสวียนจีกระตุกเขาไม่ได้ตอบกลับหวังเถิงฮ่วน แต่ตะโกนใส่สาวใช้ที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งแรก “ออกไปซะ!”เหล่าสาวใช้รีบออกไปทันทีหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว จ้าวเสวียนจีก็มาที่ข้างเตียง เขานั่งลงแล้วพูดว่า “พี่หวัง นามขององค์รัชทายาทจะถูกดูหมิ่นในที่สาธารณะได้อย่างไร? ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าเขาจะใช้มันเป็นข้ออ้าง”หวังเถิงฮ่วนตาค้าง และกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “ใช้เป็นข้ออ้างแล้วอย่างไร? ข้าถูกลดตำแหน่งและหูก็ขาดไปแล้วข้างหนึ่ง หากตอนนี้ยังหดหัวกลัวทุกอย่าง มิต้องรอให้หลี่เฉินตัดหัวข้าก่อนรึ แล้วค่อยต่อต้าน?”ประโยคนี้ ส่วนใหญ่พูดให้ตัวเองฟังใบหน้าของจ้าวเสวียนจีมืดลงและพูดว่า “พี่หวัง ท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระ”หวังเถิงฮ่วนกัดฟันพูดว่า “พี่จ้าว ตอนนี้ข้าหมดสิ้นหนทางแล้ว องค์รัชทายาทกดดันพวกเราทีละก้าวๆ ท่านจะล่าถอยอีกนานแค่ไหน?”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างเย็นชาว่า “ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาท ครั้งนี้ที่เขาไม่ฆ่าท่าน เพราะยังหวั่นเกรงข้าอยู่ จึงไม่กล้าฉีกหน้ากันตรงๆ”หวังเถิงฮ่วนพูดด้วยความโกรธว่า “ครั้งที่แล้วท่านก็พูดแบบนี้ แต่สถานการณ