Share

บทที่ 138

Author: ไห่ตงชิง
last update Last Updated: 2024-08-23 18:00:00
ซูจิ่นพ่าเลิกคิ้วขึ้น และพูดอย่างโมโหว่า “คนหยาบคายหัวรุนแรงอย่างพวกท่านสองจะไปรู้อะไร? จะเข้าใจอะไร?”

“ใช่ๆ สิ่งที่เจ้าต้องการข้าไม่เข้าใจหรอก”

ซูผิงเป่ยเบะปากแล้วพูดว่า “แต่ข้ารู้ว่าการอยู่ท่ามกลางความโชคดีแต่ไม่ตระหนักถึงมัน มันหมายความว่าอย่างไร วันๆ เอาแต่คิดถึงอิสรภาพในอุดมคติ ความรักที่สวยงาม และสามีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก เจ้าตื่นเสียทีเถอะ สงสัยจะกินอิ่มเกินไปแล้ว”

ซูจิ่นพ่ากำลังจะพูด แต่กลับเห็นหลี่เฉินที่อยู่ไม่ไกลตะโกนว่า “จิ่นพ่า ต้มน้ำร้อนให้ข้าหน่อยสิ”

ดวงตาเมล็ดซิ่งของซูจิ่นพ่าก็เบิกกว้าง และพูดอย่างโมโหว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ของท่านหรือ?”

หลี่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ทำไม หรือเจ้าอยากให้ข้าไปต้มน้ำเอง?”

ซูจิ่นพ่าเห็นหลี่เฉินขมวดคิ้ว ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้เพียงกระทืบเท้า และมองพี่ชายอย่างคับข้องใจ

“ยังไม่รีบไปอีก!”

เมื่อเห็นน้องสาวถูกชี้นิ้วสั่ง ซูผิงเป่ยไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของน้องสาวอีกด้วย

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงชักดาบออกมาทักทาย
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 139

    คำพูดของหวังเถิงฮ่วน ทำให้หน้าของจ้าวเสวียนจีกระตุกเขาไม่ได้ตอบกลับหวังเถิงฮ่วน แต่ตะโกนใส่สาวใช้ที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งแรก “ออกไปซะ!”เหล่าสาวใช้รีบออกไปทันทีหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว จ้าวเสวียนจีก็มาที่ข้างเตียง เขานั่งลงแล้วพูดว่า “พี่หวัง นามขององค์รัชทายาทจะถูกดูหมิ่นในที่สาธารณะได้อย่างไร? ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าเขาจะใช้มันเป็นข้ออ้าง”หวังเถิงฮ่วนตาค้าง และกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “ใช้เป็นข้ออ้างแล้วอย่างไร? ข้าถูกลดตำแหน่งและหูก็ขาดไปแล้วข้างหนึ่ง หากตอนนี้ยังหดหัวกลัวทุกอย่าง มิต้องรอให้หลี่เฉินตัดหัวข้าก่อนรึ แล้วค่อยต่อต้าน?”ประโยคนี้ ส่วนใหญ่พูดให้ตัวเองฟังใบหน้าของจ้าวเสวียนจีมืดลงและพูดว่า “พี่หวัง ท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระ”หวังเถิงฮ่วนกัดฟันพูดว่า “พี่จ้าว ตอนนี้ข้าหมดสิ้นหนทางแล้ว องค์รัชทายาทกดดันพวกเราทีละก้าวๆ ท่านจะล่าถอยอีกนานแค่ไหน?”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างเย็นชาว่า “ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับองค์รัชทายาท ครั้งนี้ที่เขาไม่ฆ่าท่าน เพราะยังหวั่นเกรงข้าอยู่ จึงไม่กล้าฉีกหน้ากันตรงๆ”หวังเถิงฮ่วนพูดด้วยความโกรธว่า “ครั้งที่แล้วท่านก็พูดแบบนี้ แต่สถานการณ

    Last Updated : 2024-08-23
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 140

    ชายวัยกลางคนรับยามาอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”“นอกจากนี้ จงไปที่ตำหนักบูรพา และบอกให้พระสนมองค์รัชทายาททำตามคำสั่ง”เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของจ้าวเสวียนจี ก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา“ทำไม?”จ้าวเสวียนจีขมวดคิ้วถาม “มีปัญหาเหรอ?”ชายวัยกลางคนจึงกล่าวว่า “ทหารองค์รักษ์ในตำหนักบูรพาถูกเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เป็นองครักษ์เสื้อแพรรับหน้าที่ดูแลอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น สายที่พวกเราซ่อนเอาไว้ก็ถูกกำจัดไปจนหมด ทำให้การการติดต่อกับพระสนมองค์รัชทายาทจึงเป็นไปได้ยาก”จ้าวเสวียนจีพูดอย่างโมโหว่า “แล้วทำไมพระสนมองค์รัชทายาทถึงไม่ติดต่อมาหาเจ้า?”ชายวัยกลางคนยังคงนิ่งเงียบทันใดนั้นจ้าวเสวียนจีก็หัวเราะขึ้นมา“ฮ่าๆ!”จ้าวเสวียนจีหัวเราะพลางพูดว่า “เอาล่ะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนั้นมีสายตาที่เฉียบคม มีความทะเยอทะยานแต่ขี้ขลาดพอๆ กับหนู นางเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ ผลคือสิ่งที่คาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว”“ท่านราชเลขาโปรดระงับโทสะ”ชายวัยกลางคนพูดเบาๆ “เราจำเป็นต้องกำจัดนางหรือไม่?”“สมองหมู!”จ้าวเสวียนจีกล่าวอย่างเย็นชา “หากนางสารภาพทุกอย่างกับองค์รัชทายาท เจ้าคิดว่า เจ้าและคนของเจ้

    Last Updated : 2024-08-23
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 141

    ตอนนี้ ถิ่นทุรกันดารที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ เนื่องจากการมาถึงขององครักษ์อวี่หลินและผู้ประสบภัย สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นที่นิยมไปชั่วขณะ นอกจากนี้ การก่อสร้างค่ายของผู้ประสบภัยก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ภายใต้การดูแลของหลี่เฉินอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเสาไม้ 20 ต้นที่สูง 3 ฟุต และยาวเกือบ 10 เมตรนอกค่ายแทบทุกต้นล้วนแขวนศพเอาไว้โดยศพที่อยู่ตรงกลางนั้น คือศพของอดีตผู้ว่าการเมืองหลวง เจียงโจว และทุกคนที่แขวนอยู่บนเสาอีก 19 ต้นที่เหลือ ล้วนเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมโดยตรงในคดีทุจริตของเจียงโจว ซึ่งก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดบางส่วนมาจากกรมครัวเรือน และบางส่วนก็มาจากสำนักงานเมืองหลวง ตราบใดที่พวกเขาปรากฏอยู่ในสมุดบัญชีของเจียงโจว องครักษ์เสื้อแพรก็จะไปรับพวกเขามาโดยตรง แม้แต่เอกสารของกรมยุติธรรม ศาลต้าหลี่และสำนักตรวจการก็ยังถูกข้าม เมื่อพวกเขาถูกจับกุมก็จะถูกพามายังที่นี่ หลังจากพิสูจน์ตัวตนแล้วก็จะส่งกลับบ้านเก่าด้วยดาบ เหล่าผู้ประสบภัยที่ผ่านไปมา หากยังมีเรี่ยวแรงพอ ก็จะหยิบก้อนหินที่พื้นขึ้นมาแล้วปาใส่ศพเหล่านั้น ไม่มีใครกลัว มีแต่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชังเพราะองค์ร

    Last Updated : 2024-08-24
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 142

    “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือก”ดวงตาดุจเหวลึกของหลี่เฉินจ้องมองสวีฉังชิงอย่างคลุมเคลือ“หากเจ้าต้องการไปประจำในท้องถิ่น ด้วยตำแหน่งขุนนางขั้นที่สามระดับล่างในปัจจุบัน เจ้าสามารถดำรงตำแหน่งเป็นปลัดมณฑลใดก็ได้ และกลายเป็นขุนนางผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ในฐานะขุนนางมณฑล การดำรงชีวิตของประชาชาชน และนโยบายภายในมณฑล ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”“แต่ถ้าหากเจ้าต้องการอยู่ในเมืองหลวงต่อไป ก่อนอื่นให้ควบคุมกรมครัวเรือนให้ได้เสียก่อน และแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญๆ ข้าจะให้อำนาจแก่เจ้าในการคัดเลือกคนสนิทที่เจ้าไว้ใจได้ เพราะการจะเลื่อนขั้นเป็นเสนาบดี จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักราชเลขา ซึ่งคุณสมบัติและบารมีของเจ้ายังดีไม่พอ เจ้ายังขาดโอกาสในการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ เราจึงทำได้เพียงก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคง”หลี่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “หากลงไปท้องถิ่น เจ้าจะมีอำนาจมากขึ้น ทั้งยังปลอดภัยมากขึ้น และอยู่ห่างจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนักของข้ากับจ้าวเสวียนจี อย่างน้อยเจ้าก็สามารถอยู่อย่างปลอดภัยได้ จนกว่าฝุ่นจะจางไป ในฐานะขุนนางใหญ่มณฑล ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ก็ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก

    Last Updated : 2024-08-24
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 143

    “เจ้าคิดว่าการบรรเทาภัยพิบัติ ควรมอบให้ใครเป็นผู้รับชอบดี?”หลี่เฉินมองไปที่ซูจิ่นพ่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเคร่งขรึมและจริงจังซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วและพูดว่า “ฝ่าบาททรงสามารถตัดสินพระราชหฤทัยเรื่องนี้ได้ จิ่นพ่าเพียงเป็นสตรี ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองมากนัก แต่ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ถึงไม่ปล่อยมือของหม่อมฉัน?”“เรื่องนี้ ทำให้ข้ากังวลมาก”หลี่เฉินถอนหายใจแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ก็มีคนให้ใช้น้อยเกินไป”ซูจิ่นพ่ากล่าวอย่างโกรธๆ ว่า “หากฝ่าบาทใส่ใจเรื่องในราชการให้มากขึ้น ลดเรื่องไร้สาระลงบ้าง เรื่องเหล่านี้จะยากลำบากตรงไหนกัน?”……ณ ตำหนักเฟิ่งสี่จ้าวชิงหลานมองไปที่องค์ชายแปดที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างนอบน้อมตรงหน้า แล้วพูดว่า “ตอนนี้องค์ชายเก้ากำลังพักผ่อน สภาพจิตใจของเขายังไม่ค่อยดีนัก เจ้าไม่ควรไปรบกวนเขา”องค์ชายแปดตัวสั่นกล่าวเสียงสะอื้นว่า “ได้โปรดเถิดเสด็จแม่ ลูกและองค์ชายเก้าเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน เพียงแต่มารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตเร็ว โชคดีที่น้องชายได้รับพระคุณจากฮองเฮา ซึ่งยอมรับเป็นเสด็จแม่ของเขา เรื่องนี้ถือว่าเป็นพรสำหรับพวกเราสองคนพี่น้อง แต่ตอน

    Last Updated : 2024-08-24
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 144

    พระที่นั่งข้างตำหนักเฟิ่งสี่ เป็นที่ประทับขององค์ชายเก้าหลี่อู่ที่นี่หนาวมากแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตำหนักเฟิ่งสี่ที่มีชีวิตชีวาเมื่อเดินเข้าไปในพระที่นั่ง หลี่อิ๋นหู่ก็ปัดเกล็ดหิมะบนไหล่ของเขา จากนั้นก็เห็นหมอหลวงเดินเข้ามาต้อนรับ “หมอหลวงเหอ อาการขององค์ชายเก้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงเหอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วประสานมือกล่าวว่า “ทูลองค์ชายแปด ตอนนี้จิตใจขององค์ชายเก้าได้รับความตกใจเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องใช้เวลาและสภาพแวดล้อมในการพักฟื้นร่างกาย ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ กระหม่อมและคนอื่นๆ ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีได้ จึงทำได้เพียงจ่ายยาสงบจิตไปสองสามเทียบเท่านั้น ลองใช้ดูก่อนแล้วค่อยดูผลลัพธ์อีกที แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ องค์ชายเก้าจะต้องลุกขึ้นด้วยพระองค์เอง”องค์ชายแปดแสดงสีหน้าไม่ยินดียินร้ายใดๆ เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ต้องรบกวนหมอหลวงเหอแล้ว ข้าปฏิบัติตามพระราชดำรัสสั่งของฮองเฮา และมาเยี่ยมน้องชายของข้าครู่หนึ่ง”หมอหลวงเหอโค้งคำนับแล้วก้าวออกไปเพื่อหลีกทางให้ “องค์ชายเก้าเพิ่งรับยาไป องค์ชายแปดเชิญเสด็จเข้าไปเถอะ เพียงแต่ว่าองค์ชายเก้าในตอนนี้สภาพจิตใจไม่ค่อยดีนัก แล

    Last Updated : 2024-08-24
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 145

    ท่ามกลางแสงเทียนสลัวในห้องบรรทม ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่จึงสลับระหว่างมืดมิดและแสงสว่างหลี่อู่เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเพียงใบหน้าซีกหนึ่งของหลี่อิ๋นหู่ที่สะท้อนแสงเทียน เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น จู่ๆ กลับกลายเป็นแปลกหน้าขึ้นมาหลี่อู่รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่าง“เสด็จพี่ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจ”“ไม่มีอะไร”หลี่อิ๋นหู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพูดว่า “ข้าเพียงนึกถึงเรื่องราวบางอย่างในอดีตได้”“เจ้าดูไร้เดียงสามาก ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง เป็นคนขี้อาย มีนิสัยขี้ขลาด ข้อดีเพียงอย่างเดียวก็คือ ซื่อสัตย์และขยันเรียน แต่ในสายตาของข้า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่คุณสมบัติที่คู่ควรกับการเป็นรัชทายาท ดังนั้นเจ้าจึงถูกพวกเขาเลือก”รอยยิ้มของหลี่อิ๋นหู่ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็พูดว่า “ส่วนข้านะเหรอ ข้าพยายามอย่างหนักขนาดนั้น และแสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเอง เพื่อให้พวกเขามองข้าอีกครั้ง ข้าอยากจะบอกพวกเขาว่า ข้าเชื่อฟังพวกเขามากกว่าเจ้า และรู้วิธีเป็นตัวเบี้ยที่ดีกว่าเจ้า แต่ทว่า...”สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่ค่อยๆ ดุร้ายขึ้น “แต่พวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเลย!”ฝ่ามือของเขาค่อยๆ เลื่อนลง

    Last Updated : 2024-08-25
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 146

    ตอนที่หลี่เฉินทราบข่าว เขาเพิ่งพาซูจิ่นพ่ากลับมาส่งที่จวนแม่ทัพใหญ่องครักษ์เสื้อแพรในวังหลวงใช้นกพิราบสื่อสารส่งข่าวนี้มาให้เฉินทงอย่างรวดเร็วหลี่เฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินรายงานของเฉินทง“เกิดอะไรขึ้น?”ซูจิ่นพ่าถามเมื่อเห็นสีหน้าของหลี่เฉินเปลี่ยนไปหลี่เฉินยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรนัก เจ้าเข้าไปก่อนเถอะ”ซูจิ่นพ่ามองหลี่เฉินอย่างสงสัย แต่ในเมื่อเขาไม่อยากพูด ซูจิ่นพ่าก็ไม่เซ้าซี้ถาม นางพยักหน้าแล้วยกชายประโปรงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้านเมื่อเห็นซูจิ่นพ่าจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เฉินก็ค่อยๆ จางหายไป และแทนที่ด้วยความเย็นชาที่ไม่อาจคาดเดาได้“เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ในเมืองหลวงเกือบจะทั้งหมดต่างก็รู้เรื่องนี้ เหล่าขุนนางสำนักราชเลขาที่นำโดยจ้าวเสวียนจีก็กำลังเร่งรุดไปที่วังหลวง”เฉินทงรายงานด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “ทั้งเมืองหลวงตกอยู่ในความตื่นตระหนก และตอนนี้ก็มีข่าวลือไปทั่วว่า...ว่า”“ว่าอะไร?”หลี่เฉินแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ว่าข้าสังหารองค์ชายเก้า?”เฉินทงไม่กล้ายอมรับคำกล่าวนี้ แต่ท่าทางของเขาก

    Last Updated : 2024-08-25

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 670

    คำถามนี้ทำให้สีหน้าของซูผิงเป่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่ซูเจิ้นถิง ผู้เงียบขรึมมาโดยตลอดก็ขมวดคิ้ว ดวงตาสะท้อนความเคร่งเครียดออกมาหากจะพูดกันตามตรง การบัญชาการศึกตลอดทั้งแผนการของซูผิงเป่ยนั้นถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้ที่เพิ่งได้รับมอบหมายให้คุมศึกขนาดกลางครั้งแรกก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วแต่ในสนามรบ ไม่มีใครไร้ข้อผิดพลาด และซูผิงเป่ยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดของเขาอยู่ที่การรบในทุ่งราบภูเขาฝูหู่ ก่อนศึกใหญ่กับตงอิ๋งเพื่อยุติสงครามให้รวดเร็ว ซูผิงเป่ยเลือกเปิดศึกตัดสินโดยพลการซึ่งส่งผลให้กลยุทธ์ของเราถูกฝ่ายตงอิ๋งจับไต๋ได้ และใช้แผนลวงตอบโต้กลับจนกองทัพกลางที่ซูผิงเป่ยบัญชาการถูกล้อมตี ทำให้กองทัพปีกซ้ายและขวาต้องละทิ้งเป้าหมายเดิมเพื่อหันกลับมาช่วยการถอยทัพเพื่อช่วยเหลือกองทัพกลางเช่นนี้ ทำให้แผนการเดิมล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จากการเป็นฝ่ายครอบงำตงอิ๋งกลับกลายเป็นการต้องช่วยชีวิตกองทัพกลางแทนแม้ว่าสุดท้ายสถานการณ์จะพลิกกลับมาได้ แต่กองทัพของเราก็สูญเสียอย่างหนัก ซูผิงเป่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสผลลัพธ์สุดท้ายอาจถือว่าเป็นชัยชนะ แต่หากนำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 669

    หลี่เฉินกล่าวคำประกาศเพียงหนึ่งประโยค แต่กลับดุจดั่งบัญชาสวรรค์ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีผู้หนึ่งที่มีเสียงดังที่สุดขานประกาศออกมาอย่างกึกก้องการขานประกาศนั้นเป็นเพียงพิธีกรรมเบื้องหน้า แต่มีผู้วิ่งเหยาะๆ ไปเรียกซูผิงเป่ย ผู้ที่รออยู่ด้านนอกพระที่นั่งให้เข้ามาตำแหน่งของซูผิงเป่ยยังไม่สูงพอที่จะเข้าร่วมการประชุมเช้ายามปกติ แต่วันนี้มีแผนที่จะพระราชทานรางวัลแก่เขา การที่เขามารออยู่ด้านนอกจึงเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วอย่างไรก็ตาม ซูผิงเป่ยไม่คาดคิดเลยว่า ก่อนจะได้พูดถึงเรื่องรางวัลสำหรับเขา กลับมีเสียงจากภายในกล่าวถึงการลงโทษเขาแทนเสียงจากในพระที่นั่งดังมาก และเขาที่รออยู่ด้านนอกได้ยินชัดเจนทุกคำซูผิงเป่ยก้าวเข้าพระที่นั่งด้วยท่วงท่าองอาจราวมังกรและพยัคฆ์ แสดงให้เห็นถึงบุคลิกของแม่ทัพที่โดดเด่น เขาคุกเข่าลงตรงกลางพระที่นั่ง ประสานหมัดกล่าวว่า "กระหม่อม ซูผิงเป่ย ขอคารวะองค์รัชทายาท ขอองค์รัชทายาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "มีบางประเด็นที่เสนาบดีกรมยุทธนาการต้องการเผชิญหน้ากับเจ้าโดยตรง จงตอบคำถามของเขาให้ละเอียด""พ่ะย่ะค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 668

    แม้แต่ขุนนางหน้าใหม่ในราชสำนักยังรู้ว่าควรรักษาคำพูดไว้บ้าง กล่าวอย่างพอดีเจ็ดในสิบส่วน ทิ้งสามส่วนไว้เผื่อโอกาสต่อไปแต่หลิวถงปี้ผู้เป็นแม่ทัพกลับมีอารมณ์ร้อนแรงดั่งเพลิง ไม่เพียงแต่ด่าซั่งกวนเจาอย่างรุนแรง ยังพูดจาตรงไปตรงมาจนเผยให้เห็นจุดอ่อนของซั่งกวนเจาอย่างชัดเจนคราวนี้ ซั่งกวนเจาทนไม่ไหวเช่นกันใบหน้าของเขาแดงก่ำราวตับหมูและตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ “หลิวถงปี้! เจ้าพูดจาใส่ร้ายเช่นนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าคำพูดที่เลินเล่ออาจนำภัยมาสู่ตัว!”“ภัย?”หลิวถงปี้หัวเราะเยาะ “ข้าเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุสิบหก ตอนอายุสิบเก้าก็ฆ่าทหารฮั่นได้สี่สิบคนด้วยมือเปล่า ในสนามรบล้วนเต็มไปด้วยลมฝนเลือดเนื้อ ข้าผ่านการต่อสู้นับไม่ถ้วนและได้รับตำแหน่งมาด้วยความสามารถของตัวเอง ข้ารู้แค่ว่าคำพูดของคนต้องมีความซื่อสัตย์ จะให้ข้ากลัวภัยจากคำพูด? น่าขำสิ้นดี!”“แต่เจ้าซั่งกวนเจา กลับกล่าวหาซูผิงเป่ยอย่างไร้เหตุผลราวกับว่าเขาเป็นคนทรยศชาติ เจ้าไม่กลัวหรือว่าทหารทั้งหลายที่เห็นต่างจะไปเคาะประตูบ้านเจ้าในยามค่ำคืน และฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้าเสีย?”ถ้าก่อนหน้านี้ยังเป็นการด่าทั่วไป ตอนนี้หลิวถงปี้พูดจาข่มขู่ก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 667

    คำกล่าวของซั่งกวนเจาทำให้บรรยากาศที่เงียบสงบอยู่แล้วในพระที่นั่งไท่เหอกลับกลายเป็นความเงียบที่แทบไม่มีแม้แต่เสียงหายใจสิ่งเดียวที่สามารถได้ยิน คือเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเหล่าขุนนางไม่มีใครคาดคิดว่า ซั่งกวนเจา ซึ่งขึ้นเป็นเสนาบดีกรมยุทธนาการด้วยการสนับสนุนของจ้าวเสวียนจี และมักทำตัวเงียบๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง จะเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบไม่ไว้หน้าซูผิงเป่ยคือใคร?เขาคือหลานชายของเทพเจ้าแห่งสงคราม และเป็นบุตรชายของซูเจิ้นถิงที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เขาคือคนสนิทขององค์รัชทายาทหลี่เฉิน และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในชัยชนะครั้งใหญ่ของสงครามนี้ในขณะที่ตำหนักบูรพากำลังวางแผนจะมอบรางวัลให้ซูผิงเป่ยเพื่อยกย่องและผลักดันเขาให้กลายเป็นตัวแทนของตำหนักบูรพาในแวดวงทหารแต่ซั่งกวนเจากลับเปิดฉากโจมตีใส่ซูผิงเป่ยแบบตรงๆนี่เป็นความบ้า…หรือความมั่นใจอย่างถึงที่สุดกันแน่?สายตาส่วนใหญ่ในที่ประชุมหันไปมองจ้าวเสวียนจีแต่จ้าวเสวียนจีกลับนิ่งเฉย ราวกับกำลังฟังเรื่องที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาซั่งกวนเจากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “สิ่งที่กระหม่อมกล่าวหาแม่ทัพซูผิงเป่ยนั้น มีทั้งพยานบุคคล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 666

    ในเช้าวันที่สดใส หลี่เฉินที่กำลังครุ่นคิดเรื่องพัฒนาปืนไฟ เดินทางไปยังพระที่นั่งไท่เหอ หลังจากเสวยมื้อเช้าแบบง่ายๆวันนี้คือวันประชุมเช้าซึ่งหลี่เฉินมีประเด็นสำคัญหลายเรื่องที่ต้องผ่านมติในที่ประชุม เพื่อออกเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการของราชสำนักหนึ่งในเรื่องสำคัญคือการมอบรางวัลและการเลื่อนตำแหน่งให้กับกองทัพผู้ชนะนอกจากจะเป็นการยกย่องเหล่าทหารที่เสียสละชีวิตเพื่อบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นโอกาสที่หลี่เฉินจะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกองทัพ และขยายอิทธิพลของตำหนักบูรพาในแวดวงการทหารเมื่อแสงแรกของวันพาดผ่านเมฆหมอก สะท้อนแสงอันงดงามบนสะพานทองหน้าพระที่นั่งไท่เหอ เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ทยอยเดินข้ามสะพานทองเข้าสู่ลานหน้าพระที่นั่งบนลานกว้างเหนือขั้นบันไดของพระที่นั่งไท่เหอ ที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ขันทีคนหนึ่งยืนถือแส้สำหรับประกาศความสงบในมือเพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!...เสียงป่าวร้องของขันทีดังขึ้นอย่างหนักแน่น "เข้า…เฝ้า!"ขุนนางฝ่ายบุ๋นนำโดยจ้าวเสวียนจี และฝ่ายบู๊นำโดยซูเจิ้นถิงฝ่ายบุ๋นอยู่ทางซ้าย ฝ่ายบู๊อยู่ทางขวา ขุนนางนับสิบคนที่มีคุณสมบัติเข้าเฝ้าต่างเดินเรียงแถวเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 665

    เมื่อกงฮุยอวี่พูดจบ นางก็หลับตาลงพักผ่อนอีกครั้งโดยไม่สนใจหลี่เฉินแต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ลืมตาขึ้นแอบมองเล็กน้อย และเห็นหลี่เฉินทำหน้าหม่นหมองอย่างหนักหน่วง ริมฝีปากของนางเผยรอยยิ้มเล็กๆ อย่างพึงพอใจ มันเป็นรอยยิ้มที่แม้จะเบาบาง แต่ก็แสดงความลำพองได้ชัดเจน“องค์ชาย!”เสียงของวั่นเจียวเจียวที่ดังขึ้นอย่างจงใจ ทำลายความเงียบบนหลังคา“ถึงเวลาเสวยมื้อเช้าแล้วเพคะ เสร็จแล้วต้องเสด็จไปประชุมเช้าเพคะ”วั่นเจียวเจียวมองกงฮุยอวี่ที่นั่งอยู่ข้างหลี่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ ในใจนางคิดว่า (นางจิ้งจอกนี่ เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ!)(ผู้หญิงที่ไหนจะไม่หลงเสน่ห์องค์ชายกัน!)(หน้าไม่อาย!)“มาแล้ว”หลี่เฉินลุกขึ้น ปัดฝุ่นออกจากชุดแล้วปีนลงจากบันได“จริงสิ”หลี่เฉินที่อยู่กลางบรรไดเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้นพูดกับกงฮุยอวี่ “ส่งข่าวไปบอกเจ้าสำนักของเจ้าให้ไปฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหยินหยางที่ตงอิ๋งเสีย”กงฮุยอวี่ยังคงนิ่งเฉย แต่ในใจรู้สึกว่าหลี่เฉินช่างไร้เดียงสา นางคิดว่าเขาคงไม่เข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้หมุนรอบคำสั่งขององค์รัชทายาทคำขอเช่นนี้ช่างไร้สาระนัก“ไม่เช่นนั้น ราชสำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 664

    กงฮุยอวี่ยิ้มบางๆ ก่อนตอบเรียบๆ “การบรรลุถึงระดับเซียนบนดินนั้น พรสวรรค์สำคัญกว่าความพยายาม และที่สำคัญยิ่งกว่าพรสวรรค์ คือโชคชะตา การฝึกฝนเพียงลำพังไม่อาจพาให้เข้าสู่ระดับนี้ได้ หากสวรรค์ไม่มอบโอกาส หรือหากตนเองไขว่คว้าโอกาสนั้นไว้ไม่ได้ ไม่ว่าจะฝึกหนักเพียงใดก็ไม่มีทางไปถึง และเจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันของสำนักบัวขาว ก็คือผู้ที่บรรลุถึงระดับเซียนบนดิน”“ในระดับนี้ เขาสามารถอยู่ในสภาพที่คมดาบและหอกธรรมดาทำอะไรไม่ได้ ใช้ดอกไม้หรือใบไม้เป็นอาวุธสังหารได้ทุกชนิด เพียงแค่ปล่อยแรงกดดันจากพลังลมปราณออกมาก็สามารถสังหารผู้อื่นได้”คำอธิบายของกงฮุยอวี่ทำให้หลี่เฉินรู้สึกถึงภัยอันตรายที่ยิ่งใหญ่ในทันที เขาชี้ไปที่เหล่าองครักษ์เสื้อแพรที่ยืนคุ้มกันอยู่โดยรอบก่อนถาม “ถ้าหากเจ้าสำนักของเจ้ามาที่นี่ เหล่าองครักษ์เหล่านี้จะสามารถต้านทานเขาได้กี่คน?”กงฮุยอวี่ดูเหมือนจะรู้ว่าหลี่เฉินคิดอะไร นางตอบเสียงเรียบว่า “หากเป็นเพียงนักยุทธ์ธรรมดา ต่อให้มาหลายร้อยก็เป็นเพียงการมอบชีวิต แต่หากเป็นกองทัพที่มีการฝึกอย่างดีและครบเครื่อง ทั้งกำลังพลและอาวุธ เพียงไม่กี่พันก็สามารถทำให้เซียนบนดินต้องจบชีวิตได้”เมื่อไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 663

    เป็นที่พิสูจน์ว่า หากต้องการยั่วโทสะหญิงสาว เพียงแค่เรียกนางด้วยชื่อที่ไม่น่าฟังเท่านั้นก็เพียงพอแม้ว่ากงฮุยอวี่จะเป็นคนเยือกเย็นปานใด แต่นางก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่เซียนที่ลอยอยู่เหนือวิถีแห่งโลกียะ และยิ่งถ้าหากแม้แต่เซียนจริงๆ ได้ยินคำเรียกเช่นนี้จากหลี่เฉิน ก็คงอดที่จะเกิดโทสะไม่ได้เมื่อเห็นแววตาขุ่นเคืองของกงฮุยอวี่ หลี่เฉินหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยว่า “ทำไม เจ้าโปรดปรานการนั่งอยู่บนหลังคามากนักหรือ?”กงฮุยอวี่ส่งเสียงฮึเบาๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะหลับตาลงนั่งสมาธิต่อ โดยไม่สนใจหลี่เฉินหลังจากนางหลับตา หลี่เฉินกลับเงียบไปอย่างน่าประหลาดเดิมที กงฮุยอวี่คิดว่าหลี่เฉินคงเบื่อและเดินจากไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา และลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับเห็นหลี่เฉินสั่งให้คนยกบันไดขึ้นมา และเขากำลังปีนบันไดขึ้นมาบนหลังคากงฮุยอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูหลี่เฉินที่กำลังปีนขึ้นมา และเริ่มชั่งใจว่าควรจะลุกออกไปจากที่นี่หรือไม่แต่ก่อนที่นางจะตัดสินใจ หลี่เฉินก็ขึ้นมาถึงบนหลังคาแล้ว“บนนี้ วิวทิวทัศน์ดีไม่น้อยเลยทีเดียว”ตำหนักบูรพาตั้งอยู่ในที่สูงอยู่แล้ว และเมื่อขึ้นมาบนหล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 662

    ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “ท่านอ๋อง ข้ามั่นใจว่าสวีเว่ยต้องมีปัญหาแน่นอน เขาออกจากจวนบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผล และทุกครั้งก็หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย แม้เขาจะมีข้อแก้ตัวเสมอ แต่ข้ากล้าพูดได้ว่ามันต้องเป็นข้อแก้ตัวที่โกหก!”หลี่อิ๋นหู่มองชายชราอย่างไม่พอใจ ก่อนกล่าวว่า “เรื่องที่เขาเลี้ยงดูหญิงงามคนหนึ่ง ข้ารู้ดีอยู่แล้ว ผู้ชายจะมีผู้หญิงคนที่ชอบมันก็ธรรมดา หากเป็นเจ้า เจ้าออกไปหาผู้หญิงเจ้าจะป่าวประกาศให้ใครๆ รู้หรือไม่?”คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ทำให้ชายชราพูดไม่ออก แต่เขายังยืนกรานว่า “โปรดให้เวลาข้าอีกสักนิด ข้าสัญญาว่าจะสืบหาความจริงเกี่ยวกับเขาให้ได้!”“เจ้าสืบเรื่องอ๋องแห่งแคว้นที่สนับสนุนหลงไหวอี้ให้ได้ก่อนเถอะ”หลี่อิ๋นหู่โบกมืออย่างรำคาญ “เอาเถอะ ออกไปซะ วันๆ เอาแต่ทำให้ข้าหนักใจ”ชายชราเปิดปากเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ ถอนหายใจ แล้วออกจากห้องไปคืนนั้น หลี่เฉินถูกปลุกขึ้นจากการนอนอีกครั้งแม้ว่าดวงตาจะล้าจนร้อนผ่าว แต่เขายังรับรายงานลับสุดยอดจากเฉินทงมาพิจารณาเมื่ออ่านรายงานที่สวีเว่ยส่งมา หลี่เฉินถึงกับหายง่วงเป็นปลิดทิ้งรายงานแบ่งเป็นสองส่วน

DMCA.com Protection Status