Share

บทที่ 140

Author: ไห่ตงชิง
ชายวัยกลางคนรับยามาอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

“นอกจากนี้ จงไปที่ตำหนักบูรพา และบอกให้พระสนมองค์รัชทายาททำตามคำสั่ง”

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดของจ้าวเสวียนจี ก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา

“ทำไม?”

จ้าวเสวียนจีขมวดคิ้วถาม “มีปัญหาเหรอ?”

ชายวัยกลางคนจึงกล่าวว่า “ทหารองค์รักษ์ในตำหนักบูรพาถูกเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เป็นองครักษ์เสื้อแพรรับหน้าที่ดูแลอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น สายที่พวกเราซ่อนเอาไว้ก็ถูกกำจัดไปจนหมด ทำให้การการติดต่อกับพระสนมองค์รัชทายาทจึงเป็นไปได้ยาก”

จ้าวเสวียนจีพูดอย่างโมโหว่า “แล้วทำไมพระสนมองค์รัชทายาทถึงไม่ติดต่อมาหาเจ้า?”

ชายวัยกลางคนยังคงนิ่งเงียบ

ทันใดนั้นจ้าวเสวียนจีก็หัวเราะขึ้นมา

“ฮ่าๆ!”

จ้าวเสวียนจีหัวเราะพลางพูดว่า “เอาล่ะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนั้นมีสายตาที่เฉียบคม มีความทะเยอทะยานแต่ขี้ขลาดพอๆ กับหนู นางเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ ผลคือสิ่งที่คาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว”

“ท่านราชเลขาโปรดระงับโทสะ”

ชายวัยกลางคนพูดเบาๆ “เราจำเป็นต้องกำจัดนางหรือไม่?”

“สมองหมู!”

จ้าวเสวียนจีกล่าวอย่างเย็นชา “หากนางสารภาพทุกอย่างกับองค์รัชทายาท เจ้าคิดว่า เจ้าและคนของเจ้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 141

    ตอนนี้ ถิ่นทุรกันดารที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ เนื่องจากการมาถึงขององครักษ์อวี่หลินและผู้ประสบภัย สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นที่นิยมไปชั่วขณะ นอกจากนี้ การก่อสร้างค่ายของผู้ประสบภัยก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ภายใต้การดูแลของหลี่เฉินอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเสาไม้ 20 ต้นที่สูง 3 ฟุต และยาวเกือบ 10 เมตรนอกค่ายแทบทุกต้นล้วนแขวนศพเอาไว้โดยศพที่อยู่ตรงกลางนั้น คือศพของอดีตผู้ว่าการเมืองหลวง เจียงโจว และทุกคนที่แขวนอยู่บนเสาอีก 19 ต้นที่เหลือ ล้วนเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมโดยตรงในคดีทุจริตของเจียงโจว ซึ่งก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดบางส่วนมาจากกรมครัวเรือน และบางส่วนก็มาจากสำนักงานเมืองหลวง ตราบใดที่พวกเขาปรากฏอยู่ในสมุดบัญชีของเจียงโจว องครักษ์เสื้อแพรก็จะไปรับพวกเขามาโดยตรง แม้แต่เอกสารของกรมยุติธรรม ศาลต้าหลี่และสำนักตรวจการก็ยังถูกข้าม เมื่อพวกเขาถูกจับกุมก็จะถูกพามายังที่นี่ หลังจากพิสูจน์ตัวตนแล้วก็จะส่งกลับบ้านเก่าด้วยดาบ เหล่าผู้ประสบภัยที่ผ่านไปมา หากยังมีเรี่ยวแรงพอ ก็จะหยิบก้อนหินที่พื้นขึ้นมาแล้วปาใส่ศพเหล่านั้น ไม่มีใครกลัว มีแต่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชังเพราะองค์ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 142

    “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือก”ดวงตาดุจเหวลึกของหลี่เฉินจ้องมองสวีฉังชิงอย่างคลุมเคลือ“หากเจ้าต้องการไปประจำในท้องถิ่น ด้วยตำแหน่งขุนนางขั้นที่สามระดับล่างในปัจจุบัน เจ้าสามารถดำรงตำแหน่งเป็นปลัดมณฑลใดก็ได้ และกลายเป็นขุนนางผู้มีอำนาจอย่างแท้จริง ในฐานะขุนนางมณฑล การดำรงชีวิตของประชาชาชน และนโยบายภายในมณฑล ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า”“แต่ถ้าหากเจ้าต้องการอยู่ในเมืองหลวงต่อไป ก่อนอื่นให้ควบคุมกรมครัวเรือนให้ได้เสียก่อน และแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญๆ ข้าจะให้อำนาจแก่เจ้าในการคัดเลือกคนสนิทที่เจ้าไว้ใจได้ เพราะการจะเลื่อนขั้นเป็นเสนาบดี จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักราชเลขา ซึ่งคุณสมบัติและบารมีของเจ้ายังดีไม่พอ เจ้ายังขาดโอกาสในการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ เราจึงทำได้เพียงก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคง”หลี่เฉินยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า “หากลงไปท้องถิ่น เจ้าจะมีอำนาจมากขึ้น ทั้งยังปลอดภัยมากขึ้น และอยู่ห่างจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนักของข้ากับจ้าวเสวียนจี อย่างน้อยเจ้าก็สามารถอยู่อย่างปลอดภัยได้ จนกว่าฝุ่นจะจางไป ในฐานะขุนนางใหญ่มณฑล ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ ก็ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 143

    “เจ้าคิดว่าการบรรเทาภัยพิบัติ ควรมอบให้ใครเป็นผู้รับชอบดี?”หลี่เฉินมองไปที่ซูจิ่นพ่า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเคร่งขรึมและจริงจังซูจิ่นพ่าขมวดคิ้วและพูดว่า “ฝ่าบาททรงสามารถตัดสินพระราชหฤทัยเรื่องนี้ได้ จิ่นพ่าเพียงเป็นสตรี ไม่เข้าใจเรื่องการเมืองมากนัก แต่ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์ถึงไม่ปล่อยมือของหม่อมฉัน?”“เรื่องนี้ ทำให้ข้ากังวลมาก”หลี่เฉินถอนหายใจแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ท้ายที่สุดแล้ว ก็มีคนให้ใช้น้อยเกินไป”ซูจิ่นพ่ากล่าวอย่างโกรธๆ ว่า “หากฝ่าบาทใส่ใจเรื่องในราชการให้มากขึ้น ลดเรื่องไร้สาระลงบ้าง เรื่องเหล่านี้จะยากลำบากตรงไหนกัน?”……ณ ตำหนักเฟิ่งสี่จ้าวชิงหลานมองไปที่องค์ชายแปดที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างนอบน้อมตรงหน้า แล้วพูดว่า “ตอนนี้องค์ชายเก้ากำลังพักผ่อน สภาพจิตใจของเขายังไม่ค่อยดีนัก เจ้าไม่ควรไปรบกวนเขา”องค์ชายแปดตัวสั่นกล่าวเสียงสะอื้นว่า “ได้โปรดเถิดเสด็จแม่ ลูกและองค์ชายเก้าเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน เพียงแต่มารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตเร็ว โชคดีที่น้องชายได้รับพระคุณจากฮองเฮา ซึ่งยอมรับเป็นเสด็จแม่ของเขา เรื่องนี้ถือว่าเป็นพรสำหรับพวกเราสองคนพี่น้อง แต่ตอน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 144

    พระที่นั่งข้างตำหนักเฟิ่งสี่ เป็นที่ประทับขององค์ชายเก้าหลี่อู่ที่นี่หนาวมากแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตำหนักเฟิ่งสี่ที่มีชีวิตชีวาเมื่อเดินเข้าไปในพระที่นั่ง หลี่อิ๋นหู่ก็ปัดเกล็ดหิมะบนไหล่ของเขา จากนั้นก็เห็นหมอหลวงเดินเข้ามาต้อนรับ “หมอหลวงเหอ อาการขององค์ชายเก้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงเหอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วประสานมือกล่าวว่า “ทูลองค์ชายแปด ตอนนี้จิตใจขององค์ชายเก้าได้รับความตกใจเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องใช้เวลาและสภาพแวดล้อมในการพักฟื้นร่างกาย ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ กระหม่อมและคนอื่นๆ ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีได้ จึงทำได้เพียงจ่ายยาสงบจิตไปสองสามเทียบเท่านั้น ลองใช้ดูก่อนแล้วค่อยดูผลลัพธ์อีกที แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ องค์ชายเก้าจะต้องลุกขึ้นด้วยพระองค์เอง”องค์ชายแปดแสดงสีหน้าไม่ยินดียินร้ายใดๆ เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ต้องรบกวนหมอหลวงเหอแล้ว ข้าปฏิบัติตามพระราชดำรัสสั่งของฮองเฮา และมาเยี่ยมน้องชายของข้าครู่หนึ่ง”หมอหลวงเหอโค้งคำนับแล้วก้าวออกไปเพื่อหลีกทางให้ “องค์ชายเก้าเพิ่งรับยาไป องค์ชายแปดเชิญเสด็จเข้าไปเถอะ เพียงแต่ว่าองค์ชายเก้าในตอนนี้สภาพจิตใจไม่ค่อยดีนัก แล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 145

    ท่ามกลางแสงเทียนสลัวในห้องบรรทม ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่จึงสลับระหว่างมืดมิดและแสงสว่างหลี่อู่เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นเพียงใบหน้าซีกหนึ่งของหลี่อิ๋นหู่ที่สะท้อนแสงเทียน เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น จู่ๆ กลับกลายเป็นแปลกหน้าขึ้นมาหลี่อู่รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่าง“เสด็จพี่ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจ”“ไม่มีอะไร”หลี่อิ๋นหู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพูดว่า “ข้าเพียงนึกถึงเรื่องราวบางอย่างในอดีตได้”“เจ้าดูไร้เดียงสามาก ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง เป็นคนขี้อาย มีนิสัยขี้ขลาด ข้อดีเพียงอย่างเดียวก็คือ ซื่อสัตย์และขยันเรียน แต่ในสายตาของข้า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่คุณสมบัติที่คู่ควรกับการเป็นรัชทายาท ดังนั้นเจ้าจึงถูกพวกเขาเลือก”รอยยิ้มของหลี่อิ๋นหู่ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็พูดว่า “ส่วนข้านะเหรอ ข้าพยายามอย่างหนักขนาดนั้น และแสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเอง เพื่อให้พวกเขามองข้าอีกครั้ง ข้าอยากจะบอกพวกเขาว่า ข้าเชื่อฟังพวกเขามากกว่าเจ้า และรู้วิธีเป็นตัวเบี้ยที่ดีกว่าเจ้า แต่ทว่า...”สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่ค่อยๆ ดุร้ายขึ้น “แต่พวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเลย!”ฝ่ามือของเขาค่อยๆ เลื่อนลง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 146

    ตอนที่หลี่เฉินทราบข่าว เขาเพิ่งพาซูจิ่นพ่ากลับมาส่งที่จวนแม่ทัพใหญ่องครักษ์เสื้อแพรในวังหลวงใช้นกพิราบสื่อสารส่งข่าวนี้มาให้เฉินทงอย่างรวดเร็วหลี่เฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินรายงานของเฉินทง“เกิดอะไรขึ้น?”ซูจิ่นพ่าถามเมื่อเห็นสีหน้าของหลี่เฉินเปลี่ยนไปหลี่เฉินยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรนัก เจ้าเข้าไปก่อนเถอะ”ซูจิ่นพ่ามองหลี่เฉินอย่างสงสัย แต่ในเมื่อเขาไม่อยากพูด ซูจิ่นพ่าก็ไม่เซ้าซี้ถาม นางพยักหน้าแล้วยกชายประโปรงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้านเมื่อเห็นซูจิ่นพ่าจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เฉินก็ค่อยๆ จางหายไป และแทนที่ด้วยความเย็นชาที่ไม่อาจคาดเดาได้“เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ในเมืองหลวงเกือบจะทั้งหมดต่างก็รู้เรื่องนี้ เหล่าขุนนางสำนักราชเลขาที่นำโดยจ้าวเสวียนจีก็กำลังเร่งรุดไปที่วังหลวง”เฉินทงรายงานด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “ทั้งเมืองหลวงตกอยู่ในความตื่นตระหนก และตอนนี้ก็มีข่าวลือไปทั่วว่า...ว่า”“ว่าอะไร?”หลี่เฉินแสยะยิ้มอย่างเย็นชา “ว่าข้าสังหารองค์ชายเก้า?”เฉินทงไม่กล้ายอมรับคำกล่าวนี้ แต่ท่าทางของเขาก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 147

    เมื่อเห็นจ้าวเสวียนจีเดินไปทางประตูวัง เหล่าขุนนางที่ถูกหยุดให้อยู่นอกประตูต่างก็จับตามอง และเลือกที่จะเงียบ “ท่านราชเลขาจ้าว”ทหารองค์รักษ์ที่เฝ้าประตูพระราชวังก็กังวลเช่นกันขุนนางคนอื่นๆ เขาสามารถขวางได้ แต่กับจ้าวเสวียนจีนั้นแตกต่างออกไป แม้จะทำตามคำสั่งขององค์รัชทายาท แต่เมื่อทหารองค์รักษ์ผู้นี้เห็นจ้าวเสวียนจีก็ยังรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมาท้ายที่สุดแล้ว จ้าวเสวียนจีก็ควบคุมราชสำนักมานานกว่าสิบปี และบารมีของเขาก็หยั่งรากลึกอยู่ในใจของประชาชน“ทำไม? แม้แต่ข้าก็เข้าไปไม่ได้หรือ?” จ้าวเสวียนจีถามเสียงเรียบทหารองค์รักษ์กัดฟันกล่าวกลับไปว่า “โปรดยกโทษให้แก่ข้าด้วย ท่านราชเลขา ข้าเป็นเพียงทหารตัวน้อยๆ เมื่อองค์รัชทายาททรงมีพระราชดำรัสสั่ง ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้”“สารเลว!”จ้าวเสวียนจีโกรธจัด แล้วตะคอกใส่ว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังหมดสติ และองค์ชายเก้าก็สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันในพระราชวัง แต่เจ้ากลับขวางไม่ให้ข้าเข้าไป นี่หมายความว่ายังไง?”“ถ้าเรื่องสำคัญล่าช้า เจ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่?”ทหารองค์รักษ์หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว แม้จะอยู่ในฤดูหนาว แต่เม็ดเหงื่อก็ไหลซึมออกมาจากหน้าผาก ด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 148

    เสียงตำหนิของหลี่เฉิน ทำให้คืนที่หิมะโปรยปรายยิ่งทวีความหนาวเย็นขึ้นมา เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกเก้อเขินอย่างไรก็ตาม หลี่เฉินมีชื่อเสียงที่เลวร้ายในราชสำนัก จึงไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของหลี่เฉินอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้นทุกคนจึงมองไปที่จ้าวเสวียนจีใบหน้าของจ้าวเสวียนจีสงบนิ่งราวกับน้ำ เขามองไปที่หลี่เฉินแล้วก็พูดว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมบังอาจถามว่า องค์ชายเก้าตายกะทันหันจริงหรือ?”หลี่เฉินกล่าวอย่างสงบว่า “ข้าเพิ่งได้รับข่าว และยังไม่มีเวลาตรวจสอบที่มา แต่ข้าคิดว่าเรื่องเช่นนี้คงไม่มีใครกล้าล้อเล่นแน่”จ้าวเสวียนจีกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าใจว่า “เวลานี้องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้สติ ซ้ำร้ายองค์ชายเก้าก็มาสิ้นพระชนม์ไปอย่างกะทันหัน ผู้คนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก ดังนั้น โปรดเข้าใจความรู้สึกของพวกกระหม่อมด้วย”“ฝ่าบาทโปรดพระเมตตาด้วย!”คนอื่นๆ ต่างก็กำหมัดพูดพร้อมกันหลี่เฉินมองไปที่จ้าวเสวียนจีซึ่งมีสีหน้าสงบ และพูดอย่างใจเย็นว่า “ขุนนางทุกท่านต่างห่วงใยต่อราชวงศ์ น้ำใจนี้ข้ายอมรับแล้ว แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว การจะให้เหล่าขุนนางเข้าไปในวังก็คงจะไม่สะดวกมากนัก นี่เป็นกฎขอ

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status