Share

บทที่ 130

Penulis: ไห่ตงชิง
คำพูดของหลี่เฉินหยาบคายมาก

แต่ก็เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุด

และผลของมันก็เกิดขึ้นทันที

ในที่สุดหวังเถิงฮ่วนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องการเสียดายทีหลังขององค์รัชทายาท ไม่ใช่การไม่อยากให้องค์ชายเก้าได้รับชื่อเสียง

แต่เป็นการฉวยโอกาสทำเป็นเรื่องใหญ่

ดังนั้นจึงถูกกำหนดไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะไม่มีวันจบลงง่ายๆ

เวลานี้ แม้ว่าหวังเถิงฮ่วนจะดำรงตำแหน่งขุนนางมาหลายทศวรรษ และฝึกฝนทักษะไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้ภูเขาไท่จะถล่มลงมาก็ตาม แต่ในใจกลับปั่นป่วนขึ้นมา

หลี่เฉินคร้านจะมองหวังเถิงฮ่วนด้วยซ้ำ เขาหันไปมองเจียงโจวแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เจียงโจว ข้าจะไม่ชักจูงให้เจ้าสารภาพ แต่วันนี้ข้าจะพูดกับเจ้าให้ชัดเจน แค่โจ๊กพวกนี้ วันนี้เจ้าก็หนีความตายไม่พ้น”

“แต่เจ้ายังมีโอกาสเลือกได้ว่าจะตายอย่างไร ถ้าเจ้าบอกมาตามตรงว่าใครมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ และมีกระบวนการอย่างไร ข้ารับรองว่าเจ้าจะจากไปแบบไม่เจ็บปวด”

พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของหลี่เฉินก็ทวีความเย็นชาขึ้นมา “แต่ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเองอาจจะโชคดีอยู่ งั้นรอจนกว่าจะเจอทัณฑ์เลาะกระดูก ในขณะที่โดนทัณฑ์เลาะกระดูก เจ้าก็สามารถมองเห็นครอบครัวข
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 131

    “อ๊าก!!!”ปีนี้ หวังเถิงฮ่วนก็อายุเกินห้าสิบปีแล้ว ดูเหมือนจะไม่แก่มาก แต่อายุขัยโดยเฉลี่ยของประชากรในจักรวรรดิต้าฉินก็อยู่ที่ 55 ปี ดังนั้นเขาจึงนับว่าเป็นผู้เฒ่าอย่างแท้จริงด้วยเหตุนี้ แขนขาผุๆ ของเขาจึงไม่สามารถทนต่อลูกเตะของหลี่เฉินที่อายุน้อยกว่าและแข็งแรงกว่าได้หวังเถิงฮ่วนยกมือกุมท้อง ร่างกายของเขากลิ้งหลุนๆ เหมือนน้ำเต้าร่วงลงพื้น เครื่องแบบราชการที่สะอาดแต่เดิมนั้น เต็มไปด้วยโคลนและหิมะ ทำให้ดูน่าสังเวชอย่างยิ่งเหตุการณ์นี้ อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนหลี่เฉินชี้นิ้วไปที่หวังเถิงฮ่วน และตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ตาเฒ่านี่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงมาบอกว่าข้ากำลังท้าทายราชสำนัก?”“ขุนเขาธาราแห่งนี้ เป็นของสกุลหลี่ไม่ใช่สกุลหวัง ใต้ฟ้าคือแผ่นดินของกษัตริย์ ในสี่ทะเล ทุกคนคือขุนนางของกษัตริย์ ผู้ปกครองใต้หล้านี้คือสกุลข้า หาใช่แซ่หวังอย่างเจ้า!”“ข้าต้องการปรับปรุงการทำงานของราชการ ในสายตาของเจ้าคือท้าทายราชสำนัก!? เหตุใดจึงมีราชสำนัก? ใครเป็นคนสร้างมันขึ้นมา? เจ้าอ่านหนังสือมาหลายสิบปี คำสอนสามปฏิบัติห้ามรรคอย่างกษัตริย์คือต้นขุนนางตาม ล้วนอ่านไม่เข้าใจเลยหรือ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 132

    เมื่อองครักษ์อวี่หลินนับพันล้อมรอบผู้คนดุจหมาป่าดุจพยัคฆ์ หวังเถิงฮ่วนจึงตระหนักถึงเรื่องใหญ่ก่อนหน้านี้ ตอนที่ทั้งสองปรึกษาหารือกันในห้องลับ จ้าวเสวียนจีเคยกล่าวไว้ว่า องค์รัชทายาทผู้นี้ไม่ยึดหลักสามัญสำนึกทั่วไป จึงเป็นเรื่องยากที่จะรับมือในเวลานั้น หวังเถิงฮ่วนไม่เคยเผชิญหน้ากับหลี่เฉินตรงๆ จึงไม่เข้าใจประโยคนั้นอย่างลึกซึ้ง แต่ตอนนี้ วินาที ประโยคดังกล่าวได้ฝังลึกลงในกระดูกของเขาแล้วทั้งยังได้ลิ้มรสประสบการณ์ของหลี่เฉิน ในตอนที่เขากับจ้าวเสวียนจีเกือบจะใช้อำนาจบีบบังคับตำหนักบูรพาได้แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็แค่ข่มขู่ แต่ไม่เคยใช้กำลังทหารจริงๆ แต่ตอนนี้ หน่วยอวี่หลินถูกหลี่เฉินเรียกมาใช้ดาบจอคอตัวเอง รสชาตินี้ยากที่จะรับไหวจริงๆ หวังเถิงฮ่วนหวังทั้งตกใจทั้งโมโห เขาเกร็งหน้า และรู้สึกว่าลมหนาวผสมเกล็ดหิมะนั้นราวกับมีดที่บาดบนใบหน้า แล้วจ้องไปที่หลี่เฉิน เสียงของหวังเถิงฮ่วนเกือบจะเพี้ยนขณะพูด “องค์รัชทายาท! พระองค์เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่กลับทำหันอาวุธใส่ขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก ไม่กลัวหัวใจของผู้คนในใต้หล้าจะหนาวเย็นเลยหรือ!?”ลมหนาวพัดหวีดหวิวเสียงดัง เกล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 133

    ซูจิ่นพ่าเม้มปากแน่น นางยกมือดึงชายกระโปรงขึ้นมาแล้วเดินไปข้างๆ หลี่เฉินเพียงไม่กี่ก้าว นางก็รู้สึกกดดันอย่างล้นหลามแรงกดดันนี้ไม่เพียงมาจากความหวังอันสิ้นหวังของหวังเถิงฮ่วน และการจ้องมองของเหล่าองครักษ์อวี่หลินนับพันที่อยู่รอบตัว แต่ยังมาจากความน่าเกรงขามของหลี่เฉินที่หนักแน่นมากจนแทบจะกลั่นเป็นแก่นแท้ได้เมื่อคิดว่า ครึ่งชั่วยามที่แล้วนางกับหลี่เฉินกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้ซูจิ่นพ่าเข้าใจคำพูดที่ว่าอยู่กับราชาก็เหมือนอยู่กับเสืออย่างลึกซึ้งแล้ว“ฝ่าบาท”หลังเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ หลี่เฉิน ซูจิ่นพ่าก็กล่าวเสียงนุ่มนวลว่า “หวังเถิงฮ่วนไม่อาจฆ่าได้”หลี่เฉินไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงแค่มองซูจิ่นพ่าอย่างเงียบๆเขารู้ว่าซูจิ่นพ่าจะต้องมีเหตุผลสำหรับสิ่งที่นางพูดซูจิ่นพ่าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้หากฝ่าบาทสังหารหวังเถิงฮ่วน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ฝ่าบาทก็ต้องแบกรับผลที่จะตามมา ลองคิดดูว่า ถ้าจ้าวเสวียนจีรู้ว่าหวังเถิงฮ่วนถูกฝ่าบาทฆ่าตาย เขาจะคิดอย่างไร?”“กระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้ บางทีมันอาจจะทำให้จ้าวเสวียนจีสู้อย่างหมาจนตรอก เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นอำนา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 134

    “มหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ หวังเถิงฮ่วน เบื้องบนดูหมิ่นองค์รัชทายาท เบื้องล่างไม่สนใจประชาชน เป็นที่น่าละอายใจต่อนักปราชญ์ยิ่งนัก ล้มเหลวในการรับใช้ราชสำนัก เมื่อพิจารณาจากความสามารถของเขาแล้ว เป็นการยากที่จะกลายเป็นบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อพิจารณาจากอุปนิสัยของเขา เขาไม่คู่ควรกับสำนักราชเลขา แต่ระลึกถึงความเป็นผู้อาวุโส และเห็นแก่การทำงานหนักเพื่อประเทศชาติ ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จเลยก็ตาม แต่เพื่อแสดงถึงน้ำพระทัยอันยิ่งใหญ่ ข้าในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่องค์จักรพรรดิทรงแต่งตั้ง จึงพระราชทานอภัยโทษและถอดถอนหวังเถิงฮ่วนออกจากตำแหน่งในสำนักราชเลขา และลดตำแหน่งเป็นผู้ว่าการเมืองหลวง”ดวงตาของหลี่เฉินสงบนิ่งและเฉยเมย ขณะกล่าวว่า “ถอดหมวกผ้าแพรบางมหาอำมาตย์พระที่นั่งเจี้ยนจี่ของหวังเถิงฮ่วนออก และถอดเครื่องแบบสำนักราชเลขาออก ดำเนินการ”เมื่อเห็นว่าหวังเถิงฮ่วนไม่ได้รับโทษประหารชีวิต ซูผิงเป่ยก็ผิดหวังเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาพูดอะไรกับองค์รัชทายาท จึงทำให้องค์รัชทายาทที่ไม่ค่อยประนีประนอมกับใครยอมเปลี่ยนใจ เขาเคยเห็นองค์รัชทายาททรงพิโรธมาก่อน ซึ่งอีกฝ่ายจะไม่หยุดจนกว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 135

    “ฝ่าบาท! ทุกสิ่งที่กระหม่อมพูดล้วนเป็นความจริง ไม่มีอะไรเป็นเท็จ สมุดบัญชีซ่อนอยู่ในถังข้าวที่บ้านของกระหม่อม ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้!”เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ เจียงโจวที่หวาดกลัวสุดขีดจึงคุกเข่าโขกหัวบนพื้นหิมะอย่างบ้าคลั่งในหิมะเต็มไปด้วยโคลน มีโคลนกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของเจียงโจวจึงเหมือนอาบไปด้วยน้ำโคลนแต่เขากลับไม่สนใจ ทั้งยังตะโกนโหยหวนเสียงแหลมว่า “ได้โปรดเถิด ฝ่าบาท ถึงแม้กระหม่อมจะไม่มีผลงานใหญ่หลวงอะไร แต่ก็ทำงานหนักมาหลายปี เห็นแก่คำสารภาพของกระหม่อม โปรดมอบทางรอดให้กับกระหม่อมด้วย กระหม่อมยินดีสละทรัพย์สมบัติทั้งหมด ขอเพียงฝ่าบาททรงเมตตาไว้ชีวิต!”คำพูดของเขานั้น องครักษ์อวี่หลิน องครักษ์เสื้อแพรและผู้ประสบภัยทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน องครักษ์อวี่หลินกับองครักษ์เสื้อแพรยังดี แต่ละคนแค่มองเจียงโจวด้วยสายตาที่เย็นชา ในฐานะทหารรากหญ้า สิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุดก็คือเจ้าหน้าที่ทุจริตเช่นนี้เจ้าหน้าที่ทุจริตไม่เพียงแต่ปล้นเลือดเนื้อของประชาชนเท่านั้น แต่ยังดื่มเลือดของทหารอีกด้วยส่วนเหล่าผู้ประสบภัยนั้น แต่ละคนต่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 136

    “พ่อ!แม่! ลูกสอบผ่านการสอบขุนนางแล้วนะ! ลูกได้อันดับที่สามเป็นทั่นฮวา! ลูกมีอนาคตที่ดีแล้วนะ!”“พวกเราไม่ต้องถูกคนอื่นดูถูกอีกต่อไป หรือยืมเงินคนอื่นเพื่อดำรงชีวิต!”“ลูกกลายเป็นทั่นฮวาแล้ว ต่อให้ถูกส่งไปยังท้องถิ่น อย่างน้อยก็ได้เป็นปลัดอำเภอ พวกเรากำลังจะเจริญรุ่งเรืองแล้ว!”ดูเหมือนเจียงโจวเป็นบ้าไปแล้ว เขาหัวเราะเสียงดัง ในดวงตาทอประกายความสับสนและบ้าคลั่งทันใดนั้นเขาก็กอดหวังเถิงฮ่วนที่อยู่ข้างๆ แล้วกระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนว่า “พ่อ ทำไมท่านไม่หัวเราะล่ะ? ท่านไม่มีความสุขเหรอ?”หวังเถิงฮ่วนตกใจกลัวสุดขีด เขาพยายามผลักเจียงโจวแล้วตะโกนว่า “บ้าไปแล้ว คนคนนี้บ้าไปแล้ว รีบดึงคนบ้าคนนี้ออกไปเร็วๆ เข้า!”แต่พละกำลังของเจียงโจวก็แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ ไม่ว่าหวังเถิงฮ่วนจะผลักเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อย สีหน้าของเขาดูคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ“พ่อ ลูกไม่ได้บ้า ลูกสอบผ่านแล้วจริงๆ! ท่านไม่มีความสุขเหรอ? เหตุใดท่านถึงไม่มีความสุขล่ะ?”“พ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สอบครั้งนี้ ผู้คุมสอบคือใต้เท้าหวังเถิงฮ่วน เขาเป็นเสนาบดีกรมขุนนาง ได้ยินมาว่าในอนาคตเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งสู่สำนักราชเลขา ลู

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 137

    หลี่เฉินไม่ได้คาดหวังกับสถานการณ์นี้เลยด้วยซ้ำเขาสามารถฆ่าหวังเถิงฮ่วนโดยไม่สนสิ่งใดได้ แต่ถ้าองค์ชายเก้าโดนทำร้ายที่นี่ นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอนอย่างน้อยที่นี่ตอนนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นกับองค์ชายเก้าไม่ได้โดยเด็ดขาดในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เมื่อเจียงโจวกระโจนเข้าใส่องค์ชายเก้า จู่ๆ ร่างของเจียงโจวก็แข็งทื่อตรงหน้าอกของเขา มีปลายดาบแทงทะลุหน้าอกออกมาเลือดที่ข้นหนืดไหลลงมาตามปลายดาบ แล้วหยดลงบนปลายจมูกขององค์ชายเก้าที่นั่งอยู่บนพื้น เลือดอุ่นๆ กระตุ้นให้องค์ชายเก้าตัวสั่นเขาจ้องมองใบหน้าอันแข็งทื่อของเจียงโจวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และปลายดาบนั้นก็อยู่ห่างจากหว่างคิ้วของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว เขาส่งเสียงกรีดร้องอันแหลมหูออกมาเป็นครั้งที่สาม ขาทั้งสองข้างอ่อนระทวย และมีของเหลวสีเหลืองใสไหลออกมา ย้อมหิมะสีขาวบนพื้นจนกลายเป็นสีเหลือง จากนั้นองค์ชายเก้าก็กลอกตาขาวแล้วเป็นลมด้วยความตกใจซูผิงเป่ยชักดาบออกมา แล้วเตะร่างของเจียงโจวออกไป จากนั้นก็มองดูองค์ชายเก้าด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นองค์ชายเก้าฉี่รดกางเกง และเป็นลมล้มกับพื้น เขาก็อดส่ายหัวไม่ได้เขาไม่เข้าใจว่าเลยทำไม ท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 138

    ซูจิ่นพ่าเลิกคิ้วขึ้น และพูดอย่างโมโหว่า “คนหยาบคายหัวรุนแรงอย่างพวกท่านสองจะไปรู้อะไร? จะเข้าใจอะไร?”“ใช่ๆ สิ่งที่เจ้าต้องการข้าไม่เข้าใจหรอก”ซูผิงเป่ยเบะปากแล้วพูดว่า “แต่ข้ารู้ว่าการอยู่ท่ามกลางความโชคดีแต่ไม่ตระหนักถึงมัน มันหมายความว่าอย่างไร วันๆ เอาแต่คิดถึงอิสรภาพในอุดมคติ ความรักที่สวยงาม และสามีที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามยาก เจ้าตื่นเสียทีเถอะ สงสัยจะกินอิ่มเกินไปแล้ว”ซูจิ่นพ่ากำลังจะพูด แต่กลับเห็นหลี่เฉินที่อยู่ไม่ไกลตะโกนว่า “จิ่นพ่า ต้มน้ำร้อนให้ข้าหน่อยสิ”ดวงตาเมล็ดซิ่งของซูจิ่นพ่าก็เบิกกว้าง และพูดอย่างโมโหว่า “ท่านคิดว่าข้าเป็นสาวใช้ของท่านหรือ?”หลี่เฉินกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ทำไม หรือเจ้าอยากให้ข้าไปต้มน้ำเอง?”ซูจิ่นพ่าเห็นหลี่เฉินขมวดคิ้ว ในใจพลันรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา จึงทำได้เพียงกระทืบเท้า และมองพี่ชายอย่างคับข้องใจ“ยังไม่รีบไปอีก!”เมื่อเห็นน้องสาวถูกชี้นิ้วสั่ง ซูผิงเป่ยไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังรู้สึกยินดีในความโชคร้ายของน้องสาวอีกด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงชักดาบออกมาทักทาย

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status